ตอนที่ 3-15 ความอำมหิต
ภายในเทือกเขาอสูรเวท ใกล้ๆ กับน้ำพุลินลี่ย์พันแผลตนเองขณะที่เขาเริ่มดูดซับธาตุดินบริสุทธิ์มารักษาบาดแผลของเขา แม่พระธรณีผู้เปี่ยมเมตตายังมีมีเมตตาและปราศจากความเห็นแก่ตัวเสมอมา พอยืนอยู่บนพื้นดิน ลินลี่ย์รู้สึกว่าบาดแผลของเขาค่อยๆทุเลาทำให้ใจของเขาสงบสุข
ตอนนี้ลินลี่ย์เปลี่ยนกระเป๋าสะพายหลังแล้ว กระเป๋าของตัวเขาเอง ว่ากันในเรื่องคุณภาพทั้งหนัง และการตัดเย็บคุณภาพทั้งสองนั้นด้อยกว่าของนักฆ่ามากนัก ยิ่งกว่านั้น กระเป๋าของนักฆ่ามีส่วนภายในที่ถูกออกแบบอย่างพิถีพิถัน ทันทีที่ปิดล็อคก็กระชับแน่น สิ่งของทั้งหมดข้างในกระเป๋าจะถูกยึดแน่น และกระเป๋าเองก็ไม่ได้ขยับแม้แต่น้อย นอกจากนี้มีดดำของนักฆ่านั้นก็ยังแหลมคมมากอีกด้วยและลินลี่ย์พบว่าใช้ค่อนข้างง่ายทีเดียว
“วืดดด!”
ลินลี่ย์เคลื่อนตัววูบเดียวก็หายลับเข้าไปในป่าเขาทันที เขาไม่ให้ความสนใจอสูรเวทระดับหนึ่งหรือระดับสอง อสูรที่เห็นโดยทั่วไปแทบทั้งหมดเป็นระดับสามและสี่ แต่ถ้าเขาเข้าไปพบกับอสูรเวทระดับห้าลินลี่ย์มีความมั่นใจว่าอย่างน้อยก็สามารถต่อสู้กับพวกมันได้เป็นอย่างดี
ขณะที่เขาล่วงลึกเข้าไปในเทือกเขาอสูรเวท ลินลี่ย์เผชิญกับการต่อสู้โชกเลือด โหดร้ายครั้งแล้วครั้งเล่า เขามีประสบการณ์ถูกลอบทำร้ายและลอบฆ่าอยู่หลายครา หลังจากการต่อสู้เหล่านี้ บาดแผลและแผลเป็นบนร่างกายของลินลี่ย์มีเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ขณะที่พลังจิตของลินลี่ย์เริ่มหนักแน่นขึ้น
การต่อสู้เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายเหล่านี้ทำให้จิตใจของลินลี่ย์แกร่งยิ่งขึ้น และการกระทำของเขายิ่งไร้ความปราณี
พริบตาเดียว ผ่านไปหนึ่งเดือนนับแต่ลินลี่ย์เข้ามาในเทือกเขาอสูรเวท
……..
หนึ่งเดือนต่อมา บนยอดต้นไม้ใหญ่ถัดจากน้ำพุภูเขา
มีแผลเป็นยาวบนหน้าอกด้านซ้ายของเขา หลังของลินลี่ย์โก่งขึ้นและเขาซ่อนตัวอยู่บนต้นไม้เหมือนกับเสือดำที่นอนซุ่มตัวอยู่
ขณะนี้ ลินลี่ย์ซ่อนตัวอยู่ในท่ามกลางใบไม้หนาแน่นจ้องมองลงไปที่พื้นด้านล่าง ระยะหลายสิบฟุตห่างจากต้นไม้ที่ลินลี่ย์ซ่อนตัวมีลำธารเล็ก และมีหมูศึกกระหายเลือดที่แข็งแกร่งกำลังกินน้ำในลำธารอยู่ เขาเดียวสีแดงงอกอยู่เหนือจมูกของหมูศึก ร่างที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อปูดโปนราวกับปุ่มรากของต้นไม้
หมูศึกกระหายเลือด อสูรเวทระดับห้า สายธาตุไฟ!
“หมูศึกกระหายเลือดตัวนี้ทนทานและหนังหนา ความสามารถในการป้องกันของมันแข็งแกร่งมาก มีความเป็นไปได้ว่าวิชาหอกดินคงไม่อาจแทงทะลุผิวของมันได้
ลินลี่ย์เข้าใจได้ทันทีและเริ่มกำหนดแผน ทันใดนั้นปากของเขาเริ่มขยับโดยไม่มีเสียงเล็ดลอดขณะที่เขาเริ่มการร่ายเวท เวทธาตุลมเริ่มหมุนวนรอบตัวเขาช้าๆ ก่อรูปเป็นแหลนสีน้ำเงิน โปร่งใสข้างหน้าเขา หัวแหลนโปร่งใส่มีลมพัดหมุนแรงอยู่รอบๆ
เวทลมระดับห้า – หวีดสายลม
“วืดดด”
เสียงแหวกอากาศดังขึ้นขณะที่แหลนหวีดสายลมพุ่งลงไปด้วยความเร็วที่น่ากลัว ขณะเวลาเดียวกัน ลินลี่ย์กระโดดลงจากยอดไม้ พุ่งลงมาด้วยความเร็วพอๆกับแหลนสายลม
ขณะที่ได้ยินเสียง หมูศึกกระหายเลือดหยุดดื่มน้ำและจ้องขึ้นไป แต่แหลนสายลมนั้นรวดเร็วเกินไป ในพริบตา ก็เคลื่อนมาอยู่ห่างจากหมูศึกเพียงไม่กี่เมตร ความเร็วของแหลนนั้นรวดเร็วจนน่ากลัว และปลายแหลนปกคลุมด้วยลมหมุนรุนแรง
“กรรรร” หมูศึกกระหายเลือดคำรามด้วยความโกรธ และใช้เขาเหนือจมูกของมันโจมตีแหลนสายลมอย่างดุดัน
“กึ้ง!”
แหลนที่สร้างจากเวทหวีดลมกระแทกเข้ากับเขาของหมูศึกกระหายเลือด แหลนหวีดลมถูกกระแทกกระเด็นทันที แต่ขณะเดียวกัน หลังจากรับการโจมตีจากเวทระดับห้า หมูศึกทรุดเข่าลงจากแรงปะทะอย่างช่วยไม่ได้ รอยแผลสดปรากฏบนหน้าผากของมันด้วยเช่นกัน
“ควั่บ!”
ก่อนที่หมูศึกจะมีโอกาสตอบโต้ ลินลี่ย์ไล่ตามแหลนหวีดลมมาด้านหลังก็ใช้มีดดำที่เพิ่งได้มาฟันลงกลางหัวของหมูศึกสุดแรงเท่าที่เขามี มีดแทงเข้าที่กะโหลกของหมูศึก และขณะที่ทำลินลี่ย์ก็หลบหลีกทันที
“กรรรร!”
พอแทงถูกในจุดสำคัญ หมูศึกกระหายเลือดคำรามอย่างคลุ้มคลั่ง เปลวไฟเริ่มลุกโชนขึ้นจากร่างของมัน และมันเริ่มพุ่งไปข้างหน้าอย่างไม่คิดชีวิต แต่หลังจากพุ่งไปได้ไม่กี่สิบเมตร มันก็ล้มลง ขาทั้งสี่กระตุกไม่กี่ครั้งก่อนหยุดนิ่งลง และไฟทั้งหมดบนร่างมันก็เริ่มมอดลงเช่นกัน
“ในบรรดาอสูรเวทระดับห้าหมูศึกกระหายเลือดคล้ายกับกระทิงเหล็กดูดเลือดมากในเรื่องมีสติปัญญาต่ำ” ลินลี่ย์เดินไปที่หมูศึกและถอนมีดของเขาและเอาแก่นเวทออกมาจากซากของหมูศึก
นึกย้อนกลับไปถึงชีวิตที่ผ่านมาในเทือกเขาอสูรเวท ลินลี่ย์อดไม่ได้ที่จะยอมรับกับตัวเองว่า แม้ เขาจะยังคงเป็นจอมเวทระดับห้าและนักสู้ระดับสี่ ทักษะการต่อสู้นั่นก็ได้เพิ่มขึ้นอย่างมากมาย ถ้าเทียบกับตอนแรกที่เขาเพิ่งเข้ามาในภูเขา
หลังจากดิ้นรนในความเป็นความตายหลายครั้ง ร่างของเขาเต็มไปด้วยแผลเป็นซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของการเรียนรู้บทเรียนเจ็บปวดในเดือนนี้
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง.....
ที่หน้าอกเขา มีบาดแผลที่น่ากลัวมาก ตอนนั้นเขาอยู่ใกล้ปากประตูแห่งความตายจริงๆ ในที่สุดก็เป็นหนูเงาน้อยที่ช่วยชีวิตเขาไว้ได้อีกครั้ง
บาดแผลครั้งนี้ไม่ได้เกิดจากอสูรเวท แต่เป็นฝีมือของเด็กสาวที่น่ารักมากคนหนึ่ง
“ตอนนั้น ข้าเชื่อใจนางจริงๆ ข้าเชื่อจริงๆ ว่าสหายของนางถูกฆ่าตายหมด และว่านางเหลือตัวคนเดียวบาดเจ็บและเดียวดาย” พอคิดย้อนเหตุการณ์เมื่อสองสัปดาห์ก่อน ลินลี่ย์รู้สึกถึงความหวาดหวั่นได้ทิ่มแทงเขาอีกครั้ง เด็กผู้หญิงคนนั้น ดูเหมือนใจดีและบริสุทธิ์มาก
เมื่อลินลี่ย์พบนาง บุรุษอีกสามคนและสตรีอีกคนหนึ่งล้วนตายหมด เหลือแต่นางผู้เดียวเต็มไปด้วยความหวาดหวั่นขวัญผวา
ลินลี่ย์ทำได้แต่ปลอบใจนาง ช่วยเหลือและดูแลนาง เด็กผู้หญิงนั้นดูเหมือนได้รับความทุกข์ทรมานใจอย่างใหญ่หลวง ทุกคืน นางจะขอให้ลินลี่ย์กอดนางต้องอยู่ในอ้อมกอดของลินลี่ย์เท่านั้นนางถึงจะหลับได้ ลินลี่ย์รู้สึกปลื้มใจ สามวันผ่านไปในทำนองนี้ คืนที่สี่นางหลับอยู่ในอ้อมอกของลินลี่ย์อย่างสงบอีกครั้งหนึ่ง
แต่ทันใดนั้น เด็กสาวผู้น่ารักชักมีดออกมาแทงเข้าที่อกของลินลี่ย์ขณะที่ลินลี่ย์คลายการป้องกันตัว
และจากนั้น บีบีที่โกรธจัด ได้ขยายร่างเป็นสองเท่าอย่างน่าประหลาดทันที ขากรรไกรขนาดใหญ่ของมันกัดเข้าที่หัวของเด็กสาวสังหารนางในทันที หลังจากนั้น บีบีกลับคืนร่างสู่ขนาดปกติของมัน
แต่ลินลี่ย์ไม่ได้ห้ามเลือดที่ไหลจากบาดแผลลึกที่หน้าอกของเขา ในที่สุด หนูเงาบีบีใช้เวทพิเศษสายมืดปิดแผลให้เขา
“นึกย้อนไปตอนนั้น ข้าควรจะฟังคำแนะนำของปู่เดลิน ช่างอ่อนด้อยประสบการณ์เสียจริง” ลินลี่ย์คิดในใจและทอดถอนใจ เดิมที เดลิน โคเวิร์ทได้เตือนเขาหลายครั้งเกี่ยวกับเด็กสาวคนนั้น ในที่สุด พอเห็นว่า ลินลี่ย์ยืนกรานช่วยเหลือเด็กสาวตัวเล็กที่ช่วยตัวเองไม่ได้ จึงไม่มีอะไรที่เดลิน โคเวิร์ทจะทำได้ แต่เขาก็ยังคงพยายามคัดค้าน ถึงแม้ลินลี่ย์จะช่วยนาง แต่ต้องห้ามไม่ให้นางเข้ามาใกล้เขา
แต่ในเวลานั้น เด็กสาวหวาดกลัวมาก และไม่สามารถล้มตัวลงนอนได้โดยปราศจากอ้อมกอดของลินลี่ย์ ในที่สุด เพื่อที่จะปลอบนาง ลินลี่ย์กอดนางไว้ในอ้อมกอดและทั้งคู่ก็หลับไหล
“ข้าคาดไม่ถึงจริงๆว่าฝีมือการแสดงของนางจะดีมากขนาดนั้น ข้าปฏิบัติต่อนางเป็นอย่างดี แต่นางกลับไร้ความปราณีต่อข้า” ลินลี่ย์ลอบถอนหายใจอีกครั้ง เมื่อเด็กผู้หญิงคนนั้นแทงอกเขา เขาเห็นแววอำมหิตในดวงตานาง และหัวใจเขาเริ่มเย็นชาขึ้น
อะไรเป็นเหตุให้เด็กผู้หญิงนี้ไร้น้ำใจและไร้เมตตาถึงเพียงนี้?
การที่ช่วยเหลือนางตลอดสามวัน นางไม่รู้สึกอะไรเลยแม้แต่น้อยเชียวหรือ?
“โชคดีจริงๆ ต้องขอบคุณปู่เดลินที่เตือนข้าซ้ำแล้วซ้ำเล่า ไม่ให้ข้าเปิดเผยความสามารถที่แท้จริงของบีบีให้นางรู้” ลินลี่ย์อดไม่ได้ที่จะยอมรับว่าชีวิตของเขาได้รับการปกป้องไว้ต้องขอบคุณเดลิน โคเวิร์ท และบีบี
“ลินลี่ย์, เจ้ากำลังคิดเรื่องอะไร? เจ้ายังคิดเรื่องเด็กผู้หญิงคนนั้นอีกหรือ?” เดลิน โคเวิร์ทปรากฏตัวข้างลินลี่ย์
พอเห็นสีหน้าของลินลี่ย์ เดลินโคเวิร์ทก็สามารถคาดเดาได้ถึงสิ่งที่เขากำลังนึกคิด การแทงของเด็กสาวครั้งนั้นสร้างบาดแผลลึกให้กับลินลี่ย์ ไม่ใช่แค่ บาดแผลเนื้อแต่ในหัวใจของเขาเช่นกัน ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา ลินลี่ย์ไม่เชื่อคนอื่นง่ายๆอีกเลย
ตั้งแต่เริ่มต้น เดลินโคเวิร์ทรู้สึกว่าเด็กผู้หญิงคนนั้นมีปัญหาบางอย่าง เป็นไปได้อย่างไรที่ใครสักคนที่มีความกล้าในการเข้าเทือกเขาอสูรเวทจะอยู่ในภาวะมึนงงสับสนไร้สติโดยสิ้นเชิงจากการเห็นภาพการตาย?
โชคไม่ดี ลินลี่ย์ยังคงเชื่อการแสดงของเด็กสาวคนนั้นและรู้สึกสงสารเด็กสาวคนนั้นจากใจจริง
“ลินลี่ย์! การแสดงของเด็กผู้หญิงคนนั้นไม่มีอะไร ในสมัยที่ข้าอยู่ในจักรวรรดิพูเอนท์ ข้าเคยเห็นแผนการของประเทศศัตรูมามาก แผนเกี่ยวกับการตบตามาเป็นสิบๆ ปี และคำโกหกซึ่งจับผิดไม่ได้โดยสิ้นเชิง ทักษะการแสดงของพวกเขาเกินกว่าที่เจ้าจะเข้าใจ” เดลิน โคเวิร์ทยิ้มเล็กน้อย ขณะที่เขาพูด “จำไว้ อย่าคลายการป้องกันตัวง่ายๆ เมื่อเจอกับคนแปลกหน้า”
ลินลี่ย์พยักหน้าเล็กน้อย
“จี๊ด, จี๊ด!” หนูเงาน้อยบีบีเริ่มร้องเรียกอยู่ข้างๆ ลินลี่ย์
ลินลี่ย์เงยหน้า
ตอนนี้ หนูเงาน้อยกระโดดเหยงๆอยู่บนซากของหมูศึก
“เจ้านาย, เมื่อไหร่เราจะเข้าไปในใจกลางพื้นที่เทือกเขาอสูรเวทเล่า?” บีบีพูดกับลินลี่ย์ทางจิตด้วยน้ำเสียงที่ไม่สบายใจ“พื้นที่ในปัจจุบันนี้ สิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งที่สุดที่เราหาพบได้ก็เป็นอสูรเวทระดับหก พวกมันไม่มีอะไรท้าทายมาก ข้าต้องการท้าทายอสูรเวทระดับเจ็ด เจ้านาย! ข้าต้องการท้าทายอสูรเวทระดับเจ็ด
ลินลี่ย์ชำเลืองมองหนูเงาน้อย “แค่นั้นก็พอแล้ว อย่าห้าวนัก เจ้ากำลังคุยโวว่าอสูรเวทระดับหกนั้นง่ายเกินไปหรือ? จำเหยี่ยวลมฟ้าเมื่อวันก่อนได้ไหม? เจ้าทำอะไรมันได้บ้าง?”
“นั่นไม่ใช่ความผิดของข้า!” บีบีใช้อุ้งเท้าน้อยๆ ลูบศีรษะของมัน ขณะที่มันพูดอย่างไม่สบายใจ “เจ้านาย, ดูตัวท่านเองเสียก่อน เหยี่ยวลมฟ้าเอาแต่อยู่ในท้องฟ้าและไม่ยอมลงมา มันใช้แต่เวทมีดสายลมยิงใส่เรา ขณะที่มีดสายลมเหล่านั้นไม่ทำให้มันเปลืองพลังเวทแม้แต่น้อย ข้าไม่อาจปล่อยให้มันโจมตีข้าไปเรื่อยๆไม่ใช่หรือ?”
ลินลี่ย์หัวเราะ
ผ่านช่วงเดือนเหล่านั้น ลินลี่ย์คุ้นเคยกับทักษะของหนูเงามาก ในเรื่องของความเร็ว บีบีมีระดับความเร็วที่น่ากลัวจริงๆ แต่เพราะมันมีรูปร่างเล็ก และใช้แค่เล็บกับฟันเป็นอาวุธโจมตีถึงแม้ว่าบีบีจะสามารถต่อสู้กับอสูรเวทระดับหกได้ แต่ก็เป็นไปได้มากว่าจะต่อสู้กับอสูรเวทระดับเจ็ดได้อย่างลำบาก
ทันใดนั้นลินลี่ย์ขมวดคิ้วทันที เขาหันหน้าไปอย่างระมัดระวัง และเห็นรูปร่างมนุษย์เลือนลาง ปรากฏอยู่ภายในป่า