วันเบาๆ ของมือเก๋าจากต่างโลก 0109
บทที่ 35 เหตุผลที่มุ่งหน้าลงใต้ (2)
* * *
ไม่ต้องสงสัยเลยว่า ลูกหลานดวงดาวที่อยู่ในโรงแรมคือนักบุญหญิง
“เธอเอาแต่อยู่เฉยๆ บนชั้นสองของโรงแรมระหว่างเหตุการณ์ผีอาละวาด?”
“น่าจะใช่”
“หืม…”
ซอจีอาจ้องมาทางฉันที่ครุ่นคิด ดวงตาดุๆ กลายเป็นกลมกลึงชั่วขณะ
“…เจ้าเคยบอกว่า ได้พบกับนักบุญหญิงระหว่างทางขึ้นเหนือใช่ไหม”
“ทำไมถึงเพิ่งนึกออก”
“ก็ตอนนั้นข้าค่อนข้างเมา”
ดูเหมือนอาการเมาจะทำให้ความทรงจำพร่ามัว
ซอจีอาพูดติดขัดขณะฝืนนึก
“ถ้าอย่างนั้น ลูกหลานดวงดาวคนนั้น…”
“ต้องเป็นนักพยากรณ์แน่… ตอนนั้นจินซอยอนก็ได้ฟังเหมือนกันนี่ เธอก็ลืมด้วยหรือไง?”
“จินซอยอนไม่ได้พูดอะไรกับข้า บางทีเธออาจจะจำไม่ได้”
จินซอยอนกับซอจีอาไม่ได้สนทนากันข้างนอกบ่อยนัก
แม้จินซอยอนจะมองว่าเอลฟ์ตนนี้ค่อนข้างพิเศษ แต่ซอจีอายังคงระแวงจินซอยอน
ซอจีอาเพิ่งฉุกคิดได้ว่า บุคคลที่หมกตัวอยู่ในโรงแรมไม่ใช่ใครนอกจากนักบุญหญิงเจ้าของโฉมนักพยากรณ์ ที่ฉันได้พบระหว่างทางไปยังทิศเหนือ
“…ไม่อยากเชื่อว่าโฉมผู้ปกครองจะมารวมตัวกันในที่เดียว”
“มันมีปัญหายังไง?”
“…มันแปลก”
ลิลี่ที่ยืนจ้องน้ำเดือดในกาด้วยสายตาอยากรู้อยากเห็น พูดเสียงแผ่ว
“สี่จากสิบสองผู้ปกครองอยู่ที่นี่”
ฉันคือนักล่า ลิลี่คือผู้นำทาง ซอจีอาคือนักพเนจร และนักบุญหญิงคือนักพยากรณ์
ซอจีอาและลิลี่ครุ่นคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างจริงจัง แต่ฉันกลับไม่เห็นว่าจะเป็นประเด็น
“ทำไมที่รักถึงเฉยเมยนัก?”
“หือ?”
“ไม่คิดว่ามันผิดปกติบ้างหรือ?”
“ก็แค่บังเอิญล่ะมั้ง”
“ไม่สมเหตุสมผลเลย”
“พวกเธอคิดว่าฉันเคยเจอเหตุการณ์ที่ไม่สมเหตุสมผลมาแล้วกี่ครั้งล่ะ”
ซอจีอาชะงักเล็กน้อย จากนั้นก็ยิ้ม
“นั่นสินะ”
พูดจบ ซอจีอาลุกขึ้นและสวมแจ็กเกต
“เธอจะไปไหน”
“ที่รักต้องการข้อมูลของทางใต้ไม่ใช่หรือ ข้าจะไปที่สำนักงานสมาคม… เจ้าเด็กนั่นยังเป็นรองประธานอยู่ไหมนะ”
“เด็ก?”
“เด็กหน้าตาดีที่ฮาวนด์แก่ๆ เอามาแขวนไว้ในตำแหน่งรองประธาน อันที่จริงก็ค่อนข้างโตแล้ว แต่เพื่อนส่วนใหญ่ยังเด็ก ข้าก็เลยเรียกว่าเจ้าเด็กนั่น”
เด็กสมัยนี้ แค่อายุยี่สิบกว่าๆ ก็มาทำงานสกปรกกันแล้วหรือ?
ไม่สิ วัยนั้นกำลังเหมาะที่จะทำงานสกปรกต่างหาก
“พวกฮาวนด์เด็กมักขี้เกียจ ถ้าไม่โดนทุบตีก็จะไม่ออกไปทำงาน ต้องคอยกระตุ้นอยู่ตลอด”
โดยไม่ต้องออกคำสั่ง ซอจีอาตัดสินใจกลับไปหาข้อมูลที่โลกด้วยตัวเอง
ฉันเพียงพยักหน้าเพราะไม่มีเหตุผลให้ต้องห้าม
ซอจีอาเดินไปที่ประตูและพูด
“เมื่อพระอาทิตย์ดวงแรกลับขอบฟ้าและพระอาทิตย์ดวงที่สองกำลังข้ามเส้น ไปทางตะวันตกของหมู่บ้าน ได้ยินว่าจากตรงนั้น เธอจะมองไปทางทิศใต้จนกว่าพระอาทิตย์ทั้งสองจะลับขอบฟ้า”
ซอจีอาเดินออกไปพร้อมกับประตูไม้ที่ปิดกลับมา เสียงบานพับเสียดสีดังแผ่วเบา
ชาโซฮีที่กำลังเคี้ยวเบอร์ริโต้จากช่องแช่แข็ง มองสลับไปมาก่อนจะพูดในสภาพแก้มตุ่ย
“เหมือนฝันไปเลย”
“อะไร?”
“นายเหมือนกับพระเอกในเกม RPG แฟนตาซีที่เดินทางไปกับปาร์ตี้นักผจญภัย โดยเฉพาะฉากที่เอลฟ์กับแวมไพร์ถกเถียงเกี่ยวกับการผจญภัย มองยังไงก็เป็นพล็อตเรื่องแบบโบราณ”
“เธอก็เป็นหนึ่งในสมาชิกปาร์ตี้เหมือนกัน งานบริหารคือตำแหน่งที่ขาดไม่ได้”
“หืม…”
ชาโซฮีครุ่นคิดสักพัก คล้ายกับกำลังไตร่ตรองถึงสิ่งที่เธอสามารถทำได้
“ฉันมีไอเดียแล้ว แต่จะไว้บอกเธอทีหลัง ตอนนี้ขอจัดระเบียบความคิดก่อน”
พนักงานไม่จำเป็นต้องหางานด้วยตัวเอง
ฉันกำลังมีความสุขกับการได้สวมเสื้อผ้าสะอาด และใช้ชีวิตอยู่ในบ้านที่สะอาดสะอ้านหลังจากห่างเหินไปนาน
ในช่วงบ่าย ฉันกับลิลี่ออกไปดูแลแปลงพืช สมุนไพรที่โตเลยวัยจะถูกตัดแต่งและนำเมล็ดมาปลูกต่อ
ลิลี่ตั้งใจทำเรื่องพวกนี้มาก ถึงจะอ้างว่าจำใจทำเพื่อฉัน แต่ดูยังไงเธอก็ชอบมันจริงๆ
วันนี้เราตัดสินใจปิดรับงานกิลด์ ชาโซฮีจึงมีเวลาว่างมาช่วยพวกเราทำงาน
“ทำไมต้องเป็นฉัน! ฉันไม่ถนัดเรื่องแบบนี้! ถ้าต้นอ่อนตายอย่ามาโทษก็แล้วกัน!”
“ไปขุดดินมาให้หน่อย พลั่วอยู่ตรงนั้น”
“นายเป็นบอสที่ใจร้ายมาก!”
อย่างน้อยก็มาช่วยกันหน่อย เจ้านายกำลังเสียเหงื่อ ลูกน้องจะนอนกลิ้งบนโซฟาได้ยังไงกัน เสียมารยาทนะ
“เจ้าไม่ชอบสังคมหมู่คณะ… แต่กลับตั้งกิลด์”
ด้วยทักษะภาษาเกาหลีที่เพิ่มขึ้น ลิลี่เข้าใจเกาหลีได้เกือบทั้งหมดแล้ว แต่ยังพูดติดขัดเล็กน้อย
ที่ลิลี่พูดมาก็ไม่ผิด ฉันไม่ชอบสังคมหมู่คณะ จึงไม่อยากทำงานบริษัท
“ก็ไม่ได้เกลียดมนุษย์ทุกคนสักหน่อย”
“นั่นสินะ ประเด็นสำคัญอยู่ที่ทำงานกับใครต่างหาก”
ลิลี่พูดจาคมคาย ไม่เข้ากับอายุเลยสักนิด
* * *
หมู่บ้านไร้สังกัด มาเซโต
นั่นคือชื่อปลอมในต่างโลกของเบสแคมป์
OWIC เลือกวิธีกลบเกลื่อนมากกว่าหลบซ่อน เพราะทราบดีว่าไม่มีทางเล็ดลอดสายตาชาวต่างโลกไปได้
ด้านล่างประตูมิติยักษ์ถูกขุดลึกลงใต้ดิน ส่วนครึ่งบนถูกคลุมด้วยภูเขาหินเทียม
แน่นอนว่าไม่ได้ถูกตกแต่งอย่างสมบูรณ์แบบ แต่ความไม่ธรรมชาติแค่นิดๆ หน่อยๆ ไม่ใช่ปัญหา ยังสามารถตบตาชาวต่างโลกได้เกือบทุกคน และถ้ามีเหตุร้ายแรง เอเจนต์แบล็กจะถูกส่งมารับมือ
วิธีนี้ประสบความสำเร็จด้วยดีมาตลอด อาจไม่มีสิ่งใดรับประกันได้ว่า OWIC ปกปิดความลับของโลกได้มิดชิด แต่อย่างน้อยประชาชนในเบสแคมป์ก็ไม่รู้เรื่องนี้ ส่งผลให้ชาวบ้านทุกคนสบายใจและดำรงชีวิตไปตามปกติ
ยุนมินจี พนักงานหน้าเคาน์เตอร์และเจ้าของโรงแรมที่โด่งดังที่สุดในหมู่บ้าน เผยสีหน้าประหลาดใจเล็กน้อยเมื่อเห็นแขกพิเศษยืนอยู่ตรงหน้า
ในโรงแรมยังมีแขกอีกหลายคน เพราะตอนนี้คือช่วงไพรม์ไทม์สำหรับขายเหล้าให้กับฮาวนด์ที่กำลังเลิกงาน
แม้ขวดเหล้าและแก้วจะถูกเสิร์ฟไม่หยุด แต่บรรยากาศค่อนข้างเงียบ มีเพียงเสียงสนทนาแผ่วเบา ยังกับร้านกาแฟในเช้าของวันทำงาน
ทั้งหมดเป็นเพราะสตรีชาวต่างโลกผมสีแดงที่กำลังยืนหน้าเคาน์เตอร์
“เอ่อ…”
ยุนมินจีพูดภาษากลางของต่างโลกไม่เป็น ลืมเรื่องการสนทนาไปได้เลย
แต่นั่นก็ไม่ได้เป็นปัญหา เพราะชาวต่างโลกจะไม่สงสัยหมู่บ้านนิรนามเพียงเพราะชาวบ้านพูดภาษากลางไม่ได้
และเหนือสิ่งอื่นใด อีกฝ่ายไม่ใช่เป้าหมายที่ ‘พูดได้’
นักบวชลูกหลานดวงดาวที่สวมตาข่ายคลุมหน้าและคาบมีดไว้ในปาก
เจ้าหน้าที่ OWIC ที่แฝงตัวมาในคราบพนักงานโรงแรม รับหน้าที่โต้ตอบกับเธอแทน
“ถ้าอยากจะพักอีกหนึ่งคืน คุณต้องจ่ายค่าที่พัก”
ลูกหลานดวงดาวหันหน้าไปมองเจ้าหน้าที่
เป็นภาพที่น่าขนลุกไม่น้อย เมื่อภายในดวงตาอันไร้อารมณ์สามารถขยับได้เอง
ลูกหลานดวงดาวล้วงกระเป๋าเงินใบเล็กออกจากสัมภาระ
หลังจากคลายปมเชือก เธอจ้องเข้าไปสักพัก
ทั้งยุนมินจีและเจ้าหน้าที่ต่างทราบดีว่า กระเป๋าใบนั้นว่างเปล่า
“ถ้าไม่มีเงิน พวกเราก็ไม่รู้จะช่วยอย่างไร ที่นี่ไม่มีคอกม้า”
ลูกหลานดวงดาวจ้องเจ้าหน้าที่สักพัก ก่อนจะปลดสร้อยคอและบรรจงวางบนเคาน์เตอร์
“…”
เจ้าหน้าที่ทราบดีว่านี่คือวัตถุศักดิ์สิทธิ์ของศาสนจักรเทวราชา แบบเดียวกับที่คณะจาริกแสวงบุญเคยมอบให้
และสัญลักษณ์ในทำนองเดียวกัน มีอิทธิฤทธิ์ปกป้องชาวบ้านจากการโจมตีของผี
ลำพังคุณสมบัติข้างต้นก็มีมูลค่าไม่ธรรมดาแล้ว แต่ในความเป็นจริง สร้อยคอของเธอมีคุณภาพสูงกว่าวัตถุที่ผ่านมาทั้งหมด
เจ้าหน้าที่รีบเก็บสายตาตกตะลึง ตามด้วยกล่าวเสียงเรียบ
“เกรงว่าคงยังไม่พอ”
ลูกหลานดวงดาวได้ยินเช่นนั้นก็ครุ่นคิดสักพัก ก่อนจะหยิบหนังสือเล่มเล็กขนาดเท่าฝ่ามือออกจากเสื้อคลุมนักบวช
ทันทีที่เจ้าหน้าที่เห็นมันถูกวางบนโต๊ะ ดวงตาพลันเปล่งปลั่ง
สำรวจอย่างระมัดระวังสักพัก เขาทราบทันทีว่านี่คือพระคัมภีร์ที่คัดลอกด้วยมือ
พระคัมภีร์เก้าเทวราชา เนื้อหาถูกเขียนในภาษาที่ OWIC อ่านออก
เป็นสิ่งที่มีมูลค่าสูงมาก
‘ไม่ใช่เล่นๆ แล้ว’
วัตถุชิ้นนี้จะส่งผลอย่างมากต่อการเลื่อนขั้น
เจ้าหน้าที่พยายามเก็บซ่อนสีหน้าตื่นเต้น ประเด็นสำคัญในตอนนี้คือการปอกลอกชาวต่างโลกตรงหน้า
“คุณสามารถเข้าพักได้หนึ่งคืน…”
ทันใดนั้น ประตูทางเข้าโรงแรมถูกเปิดออก ใครบางคนมองเข้ามาและไม่ละสายตาไปไหน
แขกในร้านต่างหันไปมองประตูโดยไม่คิดอะไร เพราะบางทีอาจเป็นเพื่อนหรือญาติพี่น้องของตน
แต่หลังจากนั้น ไม่มีใครละสายตาไปไหน
คังซอนฮูเดินเข้ามา
“ฉันทนฟังต่อไม่ได้”
เจ้าหน้าที่มิอาจเก็บซ่อนสีหน้าแตกตื่น
“เอ่อ…”
“ค่าพักโรงแรมหนึ่งคืนเท่าไร”
ลูกหลานดวงดาวค่อยๆ หันกลับมามองด้านหลัง
และใช้ดวงตากลมโตจ้องคังซอนฮู
ไม่ใช่สิ่งที่คังซอนฮูคาดหวัง เพราะเกรงว่าอีกฝ่ายจะตกใจจนเผลอทำมีดหลุดจากปาก
โชคดีที่นักบุญหญิงยังเยือกเย็น
แต่ถึงอย่างนั้น คังซอนฮูมองเห็นความประหลาดใจ ความยินดี และอารมณ์ซับซ้อนที่เจืออยู่ในดวงตา
“สบายดีไหม”
คังซอนฮูทักทายเป็นภาษากลางของต่างโลก
ทั้งยุนมินจีและเจ้าหน้าที่ และอาจรวมถึงแขกทุกคนในโรงแรมต่างเผยอากัปกิริยาตกตะลึง
ทุกคนทราบดีว่าคังซอนฮูพูดต่างโลกได้ แต่ไม่คิดว่าจะเชี่ยวชาญขนาดนี้
ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ยิ่งประหลาดใจเมื่อเห็นลูกหลานดวงดาวพยักหน้ารับ
เพราะนั่นจะหมายความว่า ทั้งสองรู้จักกัน
คังซอนฮูจ้องนักบุญหญิงสักพัก เดินมาใกล้เคาน์เตอร์ ทักทายยุนมินจีและจ้องหน้าเจ้าหน้าที่
“ทำไมต้องใช้สมบัติต่างโลกถึงสองชิ้นเพื่อเข้าพักแค่หนึ่งคืน? ระหว่างที่ฉันไม่อยู่ ค่าโรงแรมแพงขึ้นขนาดนั้นเชียว?”
เมื่อคังซอนฮูชำเลืองไปทางยุนมินจี เธอยักไหล่กว้าง
“ฉันไม่เข้าใจสิ่งที่พวกเขาพูด และบางที เหยื่อรายต่อไปอาจเป็นฉัน”
เจ้าหน้าที่มองสลับคนทั้งสองด้วยสีหน้าละอายใจ คำพูดยุนมินจีคือความจริงที่มิอาจปฏิเสธ หลังจากได้รับสมบัติสองชิ้น เจ้าหน้าที่คิดจะชดเชยด้วยค่าโรงแรมที่แพงกว่าปกติเล็กน้อยและนำสมบัติกลับไป
“ตามฉันมา”
เจ้าหน้าที่เดินตามคังซอนฮูโดยไม่ไต่ถาม
ไม่อยากเชื่อว่านี่คือเจ้าหน้าที่ของ OWIC ซึ่งมักทำตัวกร่างกับคนทั่วไป
วิ้ว~
ใครบางคนผิวปากกับพฤติกรรมของคังซอนฮู
นักบุญหญิงและเจ้าหน้าที่เดินตามหลังคังซอนฮูไม่ห่าง ชายหนุ่มพาทั้งสองไปยังฟาร์มหลังโรงแรม
เจ้าหน้าที่ลนลานจนรีบหาข้ออ้างให้การกระทำของตัวเอง
“ทางเรามีนโยบายขูดรีดชาวต่างโลก”
“ทำไมล่ะ”
“เป็นหนึ่งในหลายวิธีที่จะบีบให้พวกเขาออกจากหมู่บ้าน”
คังซอนฮูมองหน้าอีกฝ่ายสักพัก ก่อนจะก้มมองสร้อยคอและหนังสือเก่าของนักบุญหญิงในมือ
“ตามปกติแล้ว พวกนายจะทำก็ไม่เกี่ยวกับฉัน ขอแค่ไม่ล่วงเกินขอบเขตของกันและกัน… แต่สำหรับครั้งนี้ ฉันอยากรู้จริงๆ ว่านายทำไปเพราะนโยบายของบริษัทแน่หรือ”
สายตาคังซอนฮูยังคงสงบนิ่ง แต่เจ้าหน้าที่ได้รับข้อมูลมาแล้วว่า ห้ามประเมินอารมณ์คังซอนฮูจากสายตาเด็ดขาด
เขาจึงยอมรับความผิดของตัวเองแต่โดยดี
“ผมแค่อยากสร้างผลงานเพื่อเลื่อนขั้น… ขอโทษครับ”
คังซอนฮูไม่ถือสาคำสารภาพอย่างเถรตรง เพียงพยักหน้ารับ
“ฉันขอของพวกนี้ก็แล้วกัน เพราะคืนนี้ลูกหลานดวงดาวจะไม่นอนที่โรงแรม”
“ล…แล้ว…?”
“เธอจะมานอนที่สำนักงานของฉัน ถ้าต้องส่งรายงานก็เขียนไปตามนั้น”
เจ้าหน้าที่เผยสีหน้าซับซ้อนสักพัก จนกระทั่งมั่นใจว่าไม่มีปัญหา
“ตกลงครับ ผมจะรายงานว่าคุณซอนฮูรับหน้าที่ดูแลชาวต่างโลกในคราวนี้”
เจ้าหน้าที่จากไปอย่างเงียบๆ หลังจากทิ้งท้าย
ขณะมองแผ่นหลังอีกฝ่าย คังซอนฮูพูด
“ไปกันเถอะ”
นักบุญหญิงมองตามแผ่นหลังของชายหนุ่ม
ท่าทีอีกฝ่ายดูราวกับว่า เขาไม่สนใจว่าเธอจะตามไปหรือไม่
เหมือนกับที่เธอเคยเห็นเมื่อหลายเดือนก่อน
* * *
ชาวโซฮีไม่กล้าออกจากครัว
ถึงจะแสร้งทำตัวปกติ แต่ดูเหมือนเธอจะกลัวสตรีที่แต่งกายในชุดนักบวชในห้องเล่น
สองมือประสานกันด้านหน้า ในปากคาบมีด
คังซอนฮูเมินเฉยความรู้สึกชาโซฮี เพียงนั่งลงข้างนักบุญหญิงพร้อมกับแก้วชาเขียว
“ทำไมถึงไปไหนมาไหนคนเดียว ก่อนหน้านี้เกิดอะไรขึ้น?”
นักบุญหญิงนั่งในท่าประสานมือ สายตาเอาแต่จ้องวัตถุศักดิ์สิทธิ์บนโต๊ะ
เป็นอีกครั้งที่ลิลี่หวาดกลัวมีดปีศาจหลังจากไม่ได้เห็นมานาน
“…”
ชายหนุ่มหยิบปากกาและยื่นให้ แต่นักบุญหญิงเอาแต่นั่งมองโดยไม่ตอบสนอง
คังซอนฮูนั่งดื่มชาเขียวเงียบๆ สักพัก สมองกำลังประมวลผลเร็วกว่าปกติ
ในเมื่อการสนทนาไม่มีประโยชน์ เขาจึงเลิกทำในสิ่งที่เสียแรงเปล่า
“มีแผนจะลงใต้ใช่ไหม”
นักบุญหญิงหันมาจ้องหน้าคังซอนฮูเป็นครั้งแรก จ้องเข้าไปในตาสักพักก่อนจะพยักหน้า
“ไปด้วยกันเถอะ ถึงจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเธอ แต่ก็ดีกว่าไปคนเดียวแน่นอน”
ราวกับนักบุญหญิงคาดหวังคำชักชวน เธอสัมผัสได้ว่าความสุขในใจกำลังเอ่อล้น
นักบุญหญิงมองหน้าคังซอนฮูเป็นเวลานานก่อนจะผงกหัว
ชายหนุ่มยิ้มตอบ
เธอมองค้างสักพัก จึงค่อยมองออกไปนอกหน้าต่าง — หน้าต่างทิศใต้
นักบุญหญิง วีว่าซิสซิโม่ครุ่นคิด
หากเพื่อนร่วมทางคนสุดท้ายของเธอคือชายคนนี้ จุดจบของตนคงไม่เลวร้ายนัก
* * *
หนึ่งวันก่อนที่จะถูกลงโทษทางวินัย นักบุญหญิงกลับมายังวิหารหลังจากหนีออกไปโดยไม่ได้รับอนุญาต
ตู้หนังสือที่ถูกวิหารเทวราชาผนึกไว้ เกิดไฟลุกจนมอดไหม้หายไป
เป็นสัญญาณบ่งบอกว่า ปีศาจที่ถูกผนึกอยู่ทางใต้ ‘มังกรผู้ปลิดชีพตัวเองเพื่อติดตามบิดา’ กำลังลืมตาตื่น
ค่ำคืนนั้น นักบุญหญิงหนีออกจากวิหารเทวราชา
ข่าวคราวการหายตัวไปของเธอทำเอาศาสนจักรโกลาหลอีกครั้ง พวกเขาค้นหาในทุกอาคาร ห้องใต้ดิน และใต้เกาะท้องฟ้าอย่างละเอียด แต่ก็ไม่มีใครพบนักบุญหญิง
ทุกคนจึงเดาว่านักบุญหญิงกำลังเดินทางลงใต้
เหล่านักบวชต่างโทษว่าเป็นความผิดนักบุญหญิง ที่ทำให้พวกตนต้องมารวมตัวกันในคืนดังกล่าว
“คิดยังไงถึงลงใต้? ทำตามอำเภอใจตัวเองจริงๆ!”
หนึ่งในนักบวชเลิกเรียกนักบุญหญิงด้วยสรรพนามสุภาพ
นักบวชคนอื่นกล่าวด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
“ไม่ใช่ว่าท่านทำไปเพราะคิดว่าเป็นหน้าที่หรอกหรือ”
“หน้าที่?”
“นักบุญหญิงรุ่นปัจจุบันคือข้อบกพร่อง ท่านมิอาจชำระล้างได้แม้กระทั่งปีศาจในปากตัวเอง”
นักบุญหญิงคือสมบัติของศาสนจักรเทวราชา ที่มีไว้เพื่อชำระล้างปีศาจ
แต่นักบุญหญิงรุ่นปัจจุบันกลับมิอาจชำระล้างปีศาจ
เธอได้รับตำแหน่งนักบุญหญิงเพียงเพราะสืบทอดโฉมนักพยากรณ์
“ที่เธอทำตามอำเภอใจ เพราะคิดว่านั่นคือหน้าที่ของตัวเอง?”
“อย่างเธอจะไปทำอะไรได้!”
นักบวชที่เปิดประเด็น พูดด้วยน้ำเสียงฉุนเฉียว
“ปีศาจทางใต้เกิดจากวิญญาณนิรันดร์ชน ถ้าไม่มีพลังของนิรันดร์ชน อย่าว่าแต่ชำระล้างเลย แค่จะกำราบก็ยังทำไม่ได้!”
“หืม…”
“แต่การที่ท่านนำโคล์บ’ รานเดอจูติดตัวไปด้วยถือเป็นเรื่องดี อย่างน้อยก็ช่วยพาอันตรายออกไปไกลๆ วิหาร”
“ทำแบบนั้นแล้วจะได้ประโยชน์อะไร? ถ้าคนทั่วไปรู้ว่าศาสนจักรเทวราชามิอาจชำระล้างอสูร อำนาจของพวกเราจะลดลงเรื่อยๆ”
“ต้องดับไฟกองใหญ่ให้ได้ก่อน จากนั้นค่อยคิดเรื่องอื่น”
ใครบางคนกำลังยืนฟังบทสนทนาอยู่ด้านนอกประตู
รีเบคก้า อัศวินผู้พิทักษ์ของนักบุญหญิง
รีเบคก้าทราบแล้วว่า บุคคลที่เธอควรปกป้องหายไปไหน
เธอควบม้าออกจากคอกและมุ่งหน้าลงใต้
เพื่อรักษาชะตากรรมที่ตนได้รับหลังจากสาบานเป็นอัศวินผู้พิทักษ์
______________________
ตอนฟรีลงทุกวันอังคาร พุธ เสาร์ และอาทิตย์ (2/4)
ติดตามผลงานของผู้แปล และนิยายทุกตอนได้ที่เพจเฟสบุค:
https://www.facebook.com/bjknovel/
หรือพิมพ์ค้นหา: bjknovel