SN-ตอนที่ 40 บอสลับ (3)
โชคดีที่ อัลดิช ปล่อยให้ช่องยูนิตของเขาว่าง 2 ช่อง เพื่อที่เขาจะสามารถตอบสนองกับปัญหาเช่นนี้ได้
ดังนั้น อัลดิช จึงได้ร่าย [สร้างอันเดด] ขึ้นมาทันที และ สร้าง แกสต์ ตัวที่ 2 และ ทำให้ แกสต์ลอยไปที่ด้านพวกปูและปล่อย [อาณาเขตวิญญาณ] ออกมา โดย คลื่นพลังไฟของ แฟลร์กานได้พุ่งออกไป และ กระสุนไฟต่อเนื่องก็ได้โจมตีเข้าใส่กำแพงควัน
“หึ่ม! ข้าคิดไว้อยู่แล้วว่าเจ้าจะต้งทำอย่างนั้น!” จู่ ๆ แฟลร์กานก็เปลี่ยนเส้นทางการโจมตีไปที่ยูนิตอื่น ๆ ของอัลดิช โดยเฉพาะ หัวหน้าเผ่าโทรลล์
หัวหน้าเผ่าโทรลล์ได้คำรามออกมาในขณะที่มันเผชิญหน้ากับการโจมตี โดยเนื้อที่เน่าสีเทาของมันได้ลุกไหม้และหลุดออกจากกันอย่างรวดเร็ว ส่วน วาเลร่า และ ไดนาไมท์เกิร์ล กำลังยุ่งอยู่กับการปกป้องพวกปูในขณะนี้ ดังนั้นจึงไม่มีใครปลีกตัวไปช่วยหัวหน้าเผ่าโทรลล์ได้
ในอัตรานี้ หัวหน้าเผ่าโทรลล์อาจจะตายได้หลังจากผ่านไปไม่กี่วินาที เพราะเขาได้รับความเสียหายจากธาตุไฟที่เดิมเป็นจุดอ่อนอยู่แล้ว และ ตอนนี้เขายังกลายเป็นอันเดดอีก ยิ่งทำให้เขาได้รับความเสียหายธาตุไฟมากยิ่งขึ้น
“เคะ (ถอยไปให้ห่างจากเขาซะ!)” กีสต์ ได้พุ่งไปข้างหน้าและปล่อยหมัดที่ทรงพลังใส่โล่พลังป้องกันของ แฟลร์กาน สิ่งนี้ทำให้มันล่าถอยออกไป
“อึก! บัดซบ ข้าจำได้ว่าข้าเผาเจ้าไปแล้ว แต่ดูเหมือนว่าเจ้าจะมีเวทย์มนตร์รักษาที่ข้าไม่เคยเห็นมาก่อน! ก็ได้ในเมื่อเจ้ารนหาที่ตาย ข้าก็จะสงเคราะห์ให้!” ปากของ แฟลร์กาน ได้ขยับ ขณะที่เขาแกว่งตะเกียงไปมาอย่างโกรธเคืองและชี้ไปที่กีสต์
ทว่าหลังจากที่ แฟลร์กาน ยกตะเกียงไปที่ กีสต์ มันกลับไม่ได้โจมตีไปที่อีกฝ่าย กลับกัน มันได้เล็งไปที่ หัวหน้าเผ่าโทรลล์แทน ทว่า เป็น กีสต์ อีกครั้ง ที่ตอบสนอง โดยการโยนหัวหน้าเผ่าโทรลล์หลับไป
“การประสานงานกันเช่นนี้! เป็นเจ้าสินะ! ดูเหมือนว่าข้าจะต้องตัดศีรษะผู้นำทัพก่อนเป็นคนแรก!” แฟลร์กาน จ้องมองไปที่ อัลดิช และ สูดลมหายใจเข้าลึก ก่อนที่จะร่าย [Homing Will-O-Wisp] ที่เป็นการสร้างลูกแก้วไฟนับ 10 โจมตีใส่เป้าหมาย
เมื่อลูกแก้วไฟไปถึงเป้าหมายพวกมันก็จะระเบิดและสร้างความเสียหายจำนวนมาก
นี่เป็นคาถาระดับ 1 ที่ทรงพลังที่สุดของ [Homing Will-O-Wisp] และ มันสามารถรับประกันว่าจะสามารถสังหารตัวละครผู้เล่นเลเวช 10 ได้เลยแม้ว่ามันจะใช้ลูกแก้วเพียงแค่ 2-3 ลูกก็ตาม
อีกทั้งยังเป็นเรื่องยากมากที่จะหลบ ในกรณีที่เลวร้ายที่สุด เนโครแมนเซอร์อาจจะต้องเสียสละยูนิตทั้ง 10 เพื่อให้รอดจากการโจมตีนี้
“ฉันเตรียมพร้อมสำหรับการโจมตีนี้เอาไว้อยู่แล้ว” อัลดิชได้กระแทก [Grave Reaper Bracers] เข้าด้วยกัน ประกายวิญญาณสีเขียวได้พุ่งออกมาจากแรงกระแทกและจากนั้นวิญญาณพยาบาททั้ง 13 ดวง ก็โผล่ออกมา
พวกมันเป็นหัวกระโหลกสีเขียวที่เรืองแสงและปกคลุมไปด้วยรัศมีพลังสีดำที่ริบหรี่ โดยพวกมันได้พุ่งไปข้างหน้าและส่งเสียงร้องครวญครางที่ทรมานออกมาอย่างต่อเนื่อง
วิญญาณพยาบาททั้ง 10 ได้เข้าปะทะกับ ลูกแก้วไฟ 10 ลูก และ ระเบิดออก สิ่งนี้ทำให้การโจมตีของ แฟลร์กาน ได้เป็นกลางทันที จากนั้น วิญญาณพยาบาท 3 ดวง ก็พุ่งเข้าใส่บาเรียของแฟลร์กานจนทำให้พลังป้องกันลดลงไปเหลือ 60%
“อะไรกัน?” แฟลร์กาน บ่นพึมพัมออกมา
“ดูเหมือนว่าฉันจะเสียเวลาในสถานที่แห่งนี้นานเกินไปแล้ว” อัลดิช รู้สึกได้ถึงความโกรธที่เดือดปุด ๆ จากข้างใต้เขา เขาสัมผัสมันได้ถึงสายสัมพันธ์ระหว่างเขากับวาเลร่า
“เจ้าคิดว่าตนเองชนะแล้วงั้นหรือไม่? สิ่งที่ข้าต้องทำก็มีเพียงแค่การเอาชนะปูพวกนั้นและ…” แฟลร์กาน หันไปมองพวกปู แต่กลับพบโล่กากบาทขนาดใหญ่ขว้างเข้ามาที่โล่พลังของเขา มันได้กระแทกเข้าใส่เขาจนกระเด็นไปติดกำแพงทันที
“เจ้า!” กล้าดียังไงที่จะลอบโจมตีนายท่านของข้า!” วาเลร่า ได้คำรามออกมาขณะที่เธอพุ่งเข้าใส่ โดยเธอได้เปลี่ยนจากฝ่ายป้องกันเป็นสายโจมตีอย่างเบอร์เซอร์เกอร์
“[กลิ่นอายพลังงานเชิงลบ]” อัลดิช พยักหน้าให้กับ วาเลร่า ขณะที่เขาทำให้เธอได้รับบัพเสริมจากพลังงานด้านลบ สิ่งนี้ทำให้ ความแข็งแกร่ง ความทนทาน และ ความเร็วของเธอเพิ่มมากยิ่งขึ้น
จากนั้นเธอก็พุ่งไปข้างหน้าราวกับหมาป่าผู้หิวกระหายทันที และ หลังจากนั้นเธอก็ระเบิดชุดกำปั้นใส่โล่พลังของแฟลร์กานอย่างต่อเนื่อง
“โอรา! โอรา! โอรา!” วาเลร่า ได้กระหน่ำหมัดชุดครั้งแล้วครั้งเล่า โดยกำปั้นของเธอแต่ละครั้งได้ส่งเสียงดังออกมาราวกับเสียงปืนใหญ่
ในช่วงเวลานี้ แฟลร์กาน ได้ยิง [Flamethrower] ใส่ วาเลร่า “ตาย! เหตุใดพวกเจ้าถึงไม่ตายไปกันสักที เจ้าพวกเดรัจฉาน!”
“ใช่! นั่นแหล่ะ เผาข้ามาให้มากกว่านี้! ทำให้ข้ามีเหตุผลที่จะบดขยี้เจ้ามากยิ่งขึ้น!” วาเลร่า ได้กระหน่ำกำปั้นของเธอลงบนโล่พลังของ [Flamethrower] จนทำให้เขาจมลงไปในปล่องภูเขาไฟ
แน่นอนว่า วาเลร่า ได้รับความเสียหายธาตุไฟ 2 เท่า ตามหลักแล้ว การโจมตีของ [Flamethrower] ย่อมทำให้เธอสามารถบาดเจ็บสาหัส แต่ในฐานะเบอร์เซอร์เกอร์ เธอมีพาสซีฟที่เรียกว่า [Berserker's Rage] ที่จะช่วยลดความเสียหายที่ได้รับลงอย่างมาก 50% และกับการที่เธอจะได้รับความเสียหายเท่าเดิมเมื่อเวลาผ่านไป
อย่างไรก็ตาม ความเสียหายที่เธอได้รับนั้นไม่ทำให้เธอถึงแก่ชีวิต ดังนั้น วาเลร่า จึงสามารถทนรับ [Flamethrower] ได้นานอย่างน่าประหลาดใจ
“กึก! ถอยไปให้พ้น!” แฟลร์กาน ไม่ได้ใช้ไฟโจมตี แต่เป็นคาถาไมน์อีสเตอร์ในรูปแบบ [Force Blast] โดยนิ้วที่แข็งกระด้างของเขาได้เปล่งแสงสีเงินออกมาก่อนที่พลังจิตจะผลักวาเลร่าให้ถอยไปไกลหลาย 10 เมตร
สิ่งนี้ทำให้ วาเลร่า ได้ทรุดตัวลง และ หอบหายใจออกมาอย่างรุนแรง ลมหายใจที่หนักหน่วงของเธอได้ปล่อยผ่านออกมาจากช่องว่างของหมวกและช่องว่างของชุดเกราะส่วนอื่น ๆ บนร่างกาย
เมื่อ วาเลร่า ได้รับความเสียหายอย่างต่อเนื่อง และ เผชิญหน้ากับการโจมตีก่อนหน้านี้ มันก็ทำให้พลังชีวิตของเธอเหลือเพียง 5% หรือต่ำกว่านั้น
แต่ทว่าเธอก็ได้บรรลุหน้าที่ของเธอแล้ว
“เคะ!” อีกด้านนึง กีสต์ ได้เข้ามาช่วยเหลือ โดยมันได้แลบลิ้นออกมาและพันรอบเอวของ วาเลร่า ก่อนที่จะโยนเธอไปยังที่ปลอดภัยที่แกสต์อยู่
ตอนนี้ วาเลร่า ได้ซื้อเวลาให้พวกปูฟื้นฟู [กระสุนน้ำ] ของพวกมันแล้ว ดังนั้น ปูทั้ง 2 จึงเล็งก้ามของมันไปที่ แฟลร์กานอีกครั้ง
“หึ่ม เจ้าคิดว่าข้าไม่รู้หรือว่าเจ้ากำลังวางแผนอะไรอยู่? ใช้การเสียสละของอัศวินนั่น และ ใช้การโจมตีธาตุน้ำใส่ข้า ตอนนี้ข้าจะตอบโต้เจ้าด้วย ระเบิดเผาไหม้ซะ!” แฟลร์กาน ได้ส่งเสียงร้องออกมา ดวงตาทั้ง 3 ของมันได้หรี่ลงทันที
[ระเบิดเผาไหม้] เป็นการสร้างระเบิดในอากาศ และ เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม มันจะกระจายการโจมตีจำนวนมากออกมา และ ทำให้ [กระสุนน้ำ] ของพวกปูนั้นไร้ผล
เมื่อพวกปูใช้กระสุนน้ำโจมตี ขณะที่ลำแสงเกลียวพุ่งไปข้างหน้า แฟลร์กาน ก็ยกตะเกียงสูงขึ้น และ เตรียมคาถา [ระเบิดเผาไหม้] ของเขา
แต่ทว่า ตะขาบยักษ์ และ โครงกระดูกโจร ก็ได้โผล่ออกมาในเวลานี้ โดย ตะขาบยักษ์ได้ซ่อนตัวอยู่ใต้ดิน และ โครงกระดูกโจรก็อำพรางตัวตลอดเวลา
“อะไร!?” ขณะที่ แฟลร์กาน กำลังร่าย [ระเบิดเผาไหม้] ยังไม่ทันเสร็จ สายตาของมันก็ต้องผละไปที่ทั้ง 2 คนตัวก่อน
แน่นอนว่า แฟลร์กาน ได้จัดการกับ โครงกระดูกโจร และ ตะขาบยักษ์ที่ปรากฏตัวขึ้นมาอย่างกระทันหันจนทำให้พวกมันถูกทำลาย แต่การเสียสละของพวกมันทำให้ กระสุนน้ำ ของพวกปู ถูกยิงเข้าใส่โล่ของ แฟลร์กาน
ทันใดนั้น โล่ของ แฟลร์กาน ก็สั่นไหวก่อนที่จะจางหายไป โดยการโจมตีที่บ้าดีเดือดของ วาเลร่า ทำให้ พลังของโล่จาก 60% ลดลงเหลือ 20% และ ตอนนี้ หลังจากโดนกระสุนน้ำเข้าไปมันก็เหลือ 0% แล้ว
“พวกเจ้ากล้าพังโล่พลังของข้างั้นหรือไม่!!!” แฟลร์กาน ได้กรีดร้องออกมาและลอยขึ้นไปในอากาศ จากนั้นเปลวไฟก็เริ่มหมุนวนรอบตัวของเขา “พวกเจ้าบังคับให้ข้าต้องใช้พลังที่แท้จริงเองนะ!”
อัลดิช สั่นศีรษะ “เดิมแกน่าจะใช้พลังนี้ตั้งแต่ต้นไม่งั้นพวกเราก็คงไม่อาจทำสำเร็จ”
“เจ้าหมายความว่ายังไง!?” แฟลร์กาน กล่าวออกมา “อัศวินผู้พิทักษ์เจ้าตอนนี้ล้มลงไปแล้ว และ เหล่าสมุนของเจ้าก็ถูกข้าเผาจนไหม้เกรียมไปจนหมด ส่วนพวกปู กระสุนน้ำของพวกมันก็ไม่มีทางทำอะไรข้าได้แล้ว”
“เห้อ ฉันล่ะเบื่อกับการอดทนรอจริงๆ” ในขณะนี้ ไดนาไมท์เกิร์ลได้กล่าวพูดออกมาขณะที่เธอก้าวออกมาจากอาณาเขตวิญญาณ จากนั้นร่างกายของเธอก็เริ่มเปล่งแสงทันที จนหัวใจของเธอได้เต้นอย่างรวดเร็ว
“สาวน้อยจอมอวดดี เจ้าก็แค่อันเดด เจ้าไม่คู่ควรที่จะเผชิญหน้ากับเปลวไฟของข้า!” แฟลร์กาน โบกตะเกียงไปที่ ไดนาไมท์เกิร์ล โดย เขาได้ใช้ [Flame Lance] ที่เป็นหอกเพลิงพุ่งโจมตีออกไป
แต่ ไดนาไมท์เกิร์ล ได้สะบัดผมของเธอขณะที่เปลวไฟนั่นได้กระทบเข้ากับร่างกายของเธออย่างรุนแรง ทว่า เธอกลับไม่เป็นอะไรเลยแม้แต่น้อย สิ่งนี้ทำให้ แฟลร์กานที่ยิ้มออกมาก่อนหน้านี้ได้กลายเป็นหน้าบึ้งตึงทันที
และในเวลานี้ ไดนาไมท์เกิร์ล ก็แสดงความโกรธออกมาอย่างแท้จริง “มีแค่นี้? ไอ้ตัวประหลาด แกคงคิดว่าแกเป็นคนเดียวที่สามารถพ่นไฟหรือสร้างระเบิดได้งั้นหรือไม่!? อย่าได้มาเลียนแบบความสามารถของฉันหน่อยเลย!”
“การต้านทานธาตุไฟสมบูรณ์!? เป็นไปได้ยังไง ในฐานะอันเดด เจ้าทำได้ยังไง!?” แฟลร์กานกล่าวออกมาอย่างตกตะลึง
แต่ ไดนาไมท์เกิร์ล ได้กระโดดขึ้นไปในอากาศและปล่อยระเบิดขนาดจิ๋ว 2 ลูกที่เท้าของเธอ ก่อนที่เธอจะพุ่งเข้าไปประชิดตัวของ แฟลร์กานและตรึงเขาไว้กับกำแพงด้วยแขนของเธอ
“เช่นนั้นข้าจะระเบิดสมองของเจ้าแทน!” เอ็นปากของ แฟลร์กานได้ยื่นออกมาข้างหน้าและเปิดออก จากนั้นมันก็เผยให้เห็น สิ่งที่เลื้อยฉวัดเฉวียนเหมือนกับจงอยปาก
แต่ก่อนที่มันจะพุ่งออกไป ไดนาไมท์เกิร์ล ก็ได้ตะโกนขึ้น “บังเกอร์บัสเตอร์!”
ในชั่วพริบตาต่อมา ถ้ำทั้งหมดก็ส่องสว่างไปด้วยแสงสีขาวที่เจิดจ้า จากนั้นเสียงระเบิดขนาดใหญ่ก็ทำให้ แก้วหูของ อัลดิช นั้นแตก และ ทำให้ทั่วทั้งสนามรบแห่งนี้สั่นสะเทือนอย่างรุนแรงทันที