ยอดอาจารย์มหาเมตตา ตอนที่ 57 ฐานการบ่มเพาะ*****ปี!
ยอดอาจารย์มหาเมตตา ตอนที่ 57 ฐานการบ่มเพาะ*****ปี!
ด้วยฐานการบ่มเพาะขอบเขตปรมาจารย์ยุทธขั้นกลางในปัจจุบันของเย่ชิว ฐานการบ่มเพาะนับพันปีนี้เป็นเหมือนลำธารเล็ก ๆ ในทะเลอันกว้างใหญ่ มันค่อย ๆ ไหลเข้าสู่ร่างกายของหลินชิงจู้ ลำธารเล็ก ๆ นี้อาจไม่มีความสำคัญสำหรับเย่ชิวแม้แต่น้อย อย่างไรก็ตาม มันสร้างความตกตะลึงให้กับนางเป็นอย่างมาก
ใบหน้าของหลินชิงจู้ซีดเซียวและร่างกายของนางเริ่มสั่นเทา เหงื่อเย็นเยียบได้ไหลลงมาที่หน้าผากของนางอย่างต่อเนื่อง
“อืม…” ด้วยเสียงร้องเบา ๆ หลินชิงจูก็เริ่มออกแรงและดูดซับพลังวิญญาณนี้ด้วยพลังทั้งหมดของนาง
ในชั่วพริบตา ระดับการบ่มเพาะของนางก็เริ่มทะยานขึ้น
ขอบเขตสวรรค์ขั้นที่ 2 ขั้นสมบูรณ์
ขอบเขตสวรรค์ขั้นที่ 3
ขอบเขตสวรรค์ขั้นที่ 4
ขอบเขตสวรรค์ขั้นที่ 5
ขอบเขตสวรรค์ขั้นที่ 6
ขอบเขตสวรรค์ขั้นที่ 7
ขอบเขตสวรรค์ขั้นที่ 8
“นี่…”
หลินชิงจู้ตกตะลึงกับความก้าวหน้าของนางเองที่ทะลวงสู่ขอบเขตสวรรค์ขั้นที่ 8 ในคราวเดียว
ตามความเร็วในการบ่มเพาะของนาง นางคงต้องใช้เวลาสามปีหรือนานกว่านั้นในการมาถึงขอบเขตย่อยนี้
ไม่ใช่เรื่องเป็นไปไม่ได้เลยที่นางสามารถทะลวงสู่ขอบเขตนี้ภายในสามปี เนื่องจากพรสวรรค์ในปัจจุบันและความช่วยเหลือจากกระดูกศักดิ์สิทธิ์ของนาง
อย่างไรก็ตาม ด้วยฐานการบ่มเพาะของเย่ชิวทำให้นางสามารถย่นระยะเวลาสามปีได้ในทันที
“ไม่! มันยังไม่จบ…”
หลังจากมาถึงขั้นที่ 8 นางก็ยังไม่หยุดหย่อน เนื่องจากยังมีพลังวิญญาณที่กำลังหายไปจำนวนมากภายในร่างกายของนาง
หลินชิงจู้ไม่กล้าคิดมาก นางได้ใช้กระดูกเหมันต์เร้นลับเพื่อดูดซับมันเพิ่มทันที นางจะพยายามไม่สูญเสียฐานการบ่มเพาะนี้ให้ได้มากที่สุด
ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปเท่าใด ในที่สุดระดับการบ่มเพาะของนางก็เข้าสู่ขอบเขตสวรรค์ขั้นที่ 9 นางอยู่ห่างกับขอบเขตอนันตะมรรคาไม่ไกลแล้ว
ทว่านี่เป็นขีดจำกัดแล้ว!
ตอนนี้ นางเพียงแค่ต้องเข้าใจความลึกซึ้งของกฎเพื่อที่จะบรรลุขอบเขตอนันตะมรรคาโดยตรง
ทว่าน่าเสียดายที่นางไม่มีโอกาสเหมือนกับหลิวชิงเฟิงผู้ที่ได้รับการตรัสจากฟ้าดิน
ดังนั้นคงเป็นเรื่องยากมากที่นางจะทะลวงผ่านได้ในระยะเวลาอันสั้นนี้ อย่างไรก็ตาม นางพึงพอใจกับผลลัพธ์นี้มากแล้ว!
หลังจากมอบฐานการบ่มเพาะแล้วเย่ชิวก็ค่อย ๆ ถอนฝ่ามือออกช้า ๆ
“ฟู่ว… โชคดียิ่ง! ฐานการบ่มเพาะพันปีนี้ฟังดูน่าสะพรึงกลัวไม่น้อย ทว่าก็ยังไม่ได้ส่งผลมากมายต่อข้า”
เย่ชิวถอนหายใจด้วยความโล่งอก เขาคิดว่าการบ่มเพาะพันปีคงไม่น้อย ทว่าเขาเพิ่งตระหนักได้หลังจากมอบให้หลินชิงจู้ว่านี่เป็นส่วนเล็ก ๆ ของภูเขาน้ำแข็งในการบ่มเพาะของเขา มันไม่ได้ส่งผลกระทบต่อรากฐานของเขาเลยแม้แต่น้อย
แน่นอนว่านี่อาจเป็นเพราะระบบ
“ทำให้รากฐานและหัวใจเต๋าของเจ้ามั่นคงทันที! อย่าทำตัวบุ่มบ่าม ข้าเพิ่งเสร็จสิ้นการมอบฐานการบ่มเพาะ ข้าต้องการเวลาสงบสติอารมณ์เพื่อไม่ให้สภาพจิตใจของข้าย่ำแย่” เย่ชิวสั่งครั้งสุดท้ายก่อนที่จะค่อย ๆ ยืนขึ้นและเดินไปด้านข้าง
“ท่านอาจารย์…” จ้าวว่านเอ๋อที่อยู่ไม่ไกลได้เดินมาหาอย่างระมัดระวัง นางมองไปยัง หลินชิงจู้ที่นั่งกับพื้นและถามว่า “ศิษย์พี่หญิงเป็นอะไรไปหรือ”
“เจ้ามาถึงพอดี ข้ายังมีบางอย่างที่ต้องจัดการ เจ้าช่วยปกป้องศิษย์พี่หญิงของเจ้าด้วย ใช่แล้ว หลังจากศิษย์พี่หญิงของเจ้าตื่นขึ้นแล้ว ให้จัดตารางการบ่มเพาะพลังของเจ้าเอง ข้าจะไปปิดด่านสักสองสามวัน”
“เช่นนั้นท่านอาจารย์ไปเถิด ข้าจะคอยเฝ้าตรงนี้เอง” จ้าวว่านเอ๋อพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง เย่ชิวจึงหันหลังกลับและจากไป
หลังจากดูเย่ชิวจากไป จ้าวว่านเอ๋อก็นั่งลงข้างหลินชิงจู้อย่างเชื่อฟัง นางเม้มริมฝีปากขณะมองดูใบหน้าที่สวยใสไร้ที่ติของนาง
“ศิษย์พี่หญิงช่างงดงามยิ่งนัก หากข้าเป็นผู้ชาย ใบหน้าเรียวงามที่ใสราวกับคริสตัลนี้ต่างทำให้ผู้ที่เห็นต้องการจูบมันไม่น้อย”
จ้าวว่านเอ๋อสะบัดผมของนางและยิ้มอย่างชั่วร้าย ทว่านี่ทำให้มุมปากของหลินชิงจู้กระตุก
สตรีชั่วร้ายคนนี้ หากข้าไม่ยุ่งอยู่กับการทำให้รากฐานมั่นคง ข้าอยากจะเตะก้นนางเสียจริง ข้าถือว่าเจ้าเป็นศิษย์น้องของข้า ทว่าเจ้ากลับมีเจตนาชั่วร้ายต่อข้า
ในขณะนี้ เย่ชิวได้กลับไปยังห้องของเขา
“ระบบ…”
[ ติ๊ง… ]
[ ท่านมอบฐานการบ่มเพาะหนึ่งพันปีแก่ลูกศิษย์ของท่าน ได้กระตุ้นระบบตอบแทนหมื่นเท่า ]
[ ท่านต้องการเปิดใช้งานระบบตอบแทนหมื่นเท่าหรือไม่ ]
“เปิดใช้งาน”
เย่ชิวเผยรอยยิ้มที่ชั่วร้าย ในที่สุดเขาก็ทำสำเร็จ
[ ขอแสดงความยินดี ท่านกระตุ้นการตอบแทน 100 เท่า ท่านได้รับ ฐานการบ่มเพาะหนึ่งแสนปี
“แสนปี!!! ดี ดี ไม่เลว ไม่เลว…”
เย่ชิวรู้สึกขบขันในทันที เขาสามารถตักตวงผลประโยชน์ได้มากมาย เหมือนว่าเขาจะไม่ได้เลี้ยงดูศิษย์ไปอย่างไรความหมาย
ไม่กี่วันที่ผ่านมา ระดับการบ่มเพาะของเขาได้ทะลวงไปถึงขอบเขตปรมาจารย์ยุทธขั้นกลางแล้ว อย่างน้อยเขาควรจะสามารถทะลวงไปสู่ขอบเขตปรมาจารย์ยุทธขั้นสมบูรณ์ด้วยฐานการบ่มเพาะแสนปีใช่หรือไม่
เย่ชิวไม่กล้าคิดเกี่ยวกับการบุกทะลวงสู่ขอบเขตยอดยุทธในขณะนี้ เพราะสภาพจิตใจของเขายังไม่ถึงขั้นนั้น หากเขาก้าวหน้าเร็วเกินไป มันจะเกิดปัญหากับรากฐานของเขาอย่างแน่นอน
“มาเลย ข้าสบายดี! จงบดขยี้ข้าจนสาแก่ใจเจ้าเสีย” เย่ชิวยิ้มอย่างชั่วร้ายและนั่งขัดสมาธิอยู่บนเตียง เขาเตรียมพร้อมที่จะรับพลังอันไร้ที่สิ้นสุดแล้ว
ทันใดนั้นเอง พลังจำนวนมากจากระบบก็พุ่งเข้าสู่ร่างกายของเย่ชิวรากับสัตว์อสูรที่ดุร้ายก็ว่าได้
“มารดามันเถอะ!”
แม้ว่าเขาจะเตรียมใจไว้แล้ว ทว่าผลกระทบอย่างกะทันหันนี้ทำให้เย่ชิวต้องกรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด
ฐานการบ่มเพาะแสนปีนี้ไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย ในชั่วพริบตา มันได้เติมเต็มเส้นลมปราณทั้งหมดในร่างกายของเย่ชิว ทำให้เส้นเลือดของเขาขยายตัว ผิวหนังของเขารู้สึกร้อนผ่าวราวกับว่ามีมดนับพันตัวกำลังคลืบคลานอยู่ในร่างกายของเขา
“สะกด…”
ร่างกายของเย่ชิวเปล่งแสงสีทองออกมา มันคืออักขระของกระดูกมังกรที่แท้จริง พลังนี้ค่อย ๆ ถูกสะกดด้วยความช่วยเหลือของแสงสีทองอันทรงพลังนี้ และทำให้เย่ชิวเริ่มดูดซับพลังอย่างบ้าคลั่ง
ในอีกไม่กี่วันต่อมา เย่ชิวได้อาศัยอยู่ในห้องของเขาเพื่อซึมซับฐานการบ่มเพาะ
ในที่สุดก็ถึงวันที่สาม…
“เฮ้อ…” เขาถอนหายใจยาวด้วยความโล่งอก แสงสีทองได้สว่างวาบและกลิ่นอายที่น่าสะพรึงกลัวก็ได้แผ่ออกมาจากห้องของเขา
กลิ่นอายนี้เป็นกลิ่นอายของขอบเขตปรมาจารย์ยุทธขั้นสมบูรณ์ เขาอยู่ห่างจากการเข้าสู่ขอบเขตยอดยุทธในตำนานเพียงไม่กี่ก้าว เมื่อสภาพจิตใจของเย่ชิวดีขึ้น เขาจะสามารถแตะคอขวดของเขาได้และระดับการบ่มเพาะของเขาจะไล่ตามเมิ่งเทียนเจิ้ง
เขาต้องใช้เวลาทำความเข้าใจเต๋าและสร้างบุปผาเต๋าดอกที่สองนานกว่าเดิม เพื่อที่จะเป็นเส้นทางสำหรับก้าวไปในขอบเขตยอดยุทธ
แน่นอนว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะใช้ทางลัด! อย่างไรก็ตาม เขาต้องการความช่วยเหลือจากสมบัติธรรมชาติบางอย่าง ตัวอย่างเช่น เม็ดยายาระดับเซียน สมุนไพรเซียน เม็ดยาอายุวัฒนะและอื่น ๆ
อย่างไรก็ตาม เย่ชิวยังไม่มีสมบัติเช่นนี้ ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงหยุดที่คอขวดของขอบเขตยอดยุทธไว้ชั่วคราวเท่านั้น
แม้ว่ามันจะน่าเสียดาย ทว่าเย่ชิวก็พึงพอใจมากแล้วที่เขาสามารถบรรลุขอบเขตปรมาจารย์ยุทธขั้นสมบูรณ์ได้ในระยะเวลาอันสั้นเท่านี้
เย่ชิวลืมตาขึ้น ดวงตาของเขาดูลึกล้ำอย่างหาที่เปรียบมิได้ กลิ่นอายเซียนของเขายิ่งชัดเจนยิ่งขึ้น ดูน่าหลงไหลเป็นอย่างมาก เสน่ห์และรูปลักษณ์ของเขามาถึงขั้นสมบูรณ์แบบก็ว่าได้
ในที่สุดเขาก็ได้รับการยอมรับจากระบบ
“อ่า… สบายตัวยิ่งนัก”
หลังจากปิดด่านอยู่สองสามวัน เย่ชิวก็ยืดหลังทำให้กระดูกส่งเสียงประหลาดออกมา เขาผลักเปิดประตูออกไป ทิวทัศน์ข้างนอกนั้นยังคงสวยงามไม่แปรเปลี่ยน
ห้องฝึกซ้อมบนภูเขาทางเหนือค่อย ๆ เป็นรูปเป็นร่างขึ้นไม่น้อย เซียวอี้ได้ควบคุมการก่อสน้างในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา กำลังสร้างห้องฝึกซ้อมให้เย่ชิวอย่างรวดเร็ว
ตระกูลเซียวก็เต็มใจที่จะใช้เงินเป็นจำนวนมากเช่นกัน พวกเขาไม่สนใจว่ามันจะเป็นจำนวนเงินเท่าไหร่ พวกเขาจะทำให้ดีที่สุดเพื่อให้เย่ชิวพึงพอใจ
เย่ชิวรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่เขามีตระกูลเซียวภายใต้การคุ้มครองของเขา
ในอดีต เย่ชิวไม่กล้าพูดว่าจะมีตระกูลใดที่เขาจะต้องปกป้อง ทว่าตอนนี้เขามีความแข็งแกร่งเพียงพอ
เป็นเพียงเรื่องของเวลาเท่านั้นก่อนที่เขาจะทะลวงไปสู่ขอบเขตยอดยุทธ นี่ไม่ได้เป็นปัญหาในการปกป้องตระกูลเซียวขนาดเล็กเช่นนี้เลยแม้แต่น้อย
ท้ายที่สุดแล้ว มีผลประโยชน์มากมายที่เขาจะได้รับ
ปรมาจารย์ขุนเขาคนอื่น ๆ มีตระกูลนับไม่ถ้วนภายใต้การคุ้มครองของพวกเขา เหล่าลูกศิษย์ส่วนใหญ่ของพวกเขามาจากหลากหลายตระกูลและต่างมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกัน
ดังนั้นพวกเขาจึงไม่เคยขาดแคลนเงินหรือทรัพยากร
ในทางกลับกัน ขุนเขาเมฆาม่วงกำลังตกอยู่ในภาวะคับขัน ทั้งยากจนและขุนเขาก็ว่างเปล่า
เย่ชิวต้องมีปฏิสัมพันธ์กับตระกูลมนุษย์เพื่ออนาคตของขุนเขาเมฆาม่วง และตระกูลเซียวนี้จะเป็นบททดสอบแรกของเขา