ตอนที่แล้วยอดอาจารย์มหาเมตตา ตอนที่ 55 โกรธเกรี้ยวอีกครา
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปยอดอาจารย์มหาเมตตา ตอนที่ 57 ฐานการบ่มเพาะ*****ปี!

ยอดอาจารย์มหาเมตตา ตอนที่ 56 สิ้นสุดระยะฟื้นตัวการถ่ายทอดฐานการบ่มเพาะ


ยอดอาจารย์มหาเมตตา ตอนที่ 56 สิ้นสุดระยะฟื้นตัวการถ่ายทอดฐานการบ่มเพาะ

[ ท่านต้องการที่จะเรียนรู้หรือไม่ ]

“ต้องการ…”

ทันใดนั้นคัมภีร์ก็ปรากฏภายในใจของเย่ชิว ทำให้เขาเข้าใจได้อย่างรวดเร็วและพยายามค้นหาความลึกซึ้งของสะบั้นอสุรา

ในทางกลับกัน หลินชิงจู้ยังคงมีความสุขที่ตนได้เรียนรู้เคล็ดวิชากระบี่อันทรงพลัง นางฝึกฝนไม่หยุดหย่อนและมีความสุขเป็นอย่างมาก

แม้ว่านางจะไม่ได้โจมตีออกมาทรงอำนาจเหมือนกับที่เย่ชิวใช้สะบั้นปฐพีก็ตาม ทว่านางก็ยังสามารถเอาชนะคู่ต่อสู้ในขอบเขตที่สูงกว่านางได้อย่างง่ายดายด้วยความแข็งแกร่งในปัจจุบันของนาง

“ท่านอาจารย์ ข้าชอบวิชากระบี่นี้เหลือเกิน! ข้าจะหมั่นฝึกฝนและไม่ทำให้ท่านผิดหวังอย่างแน่นอน” หลินชิงจู้กล่าวด้วยท่าทีที่สง่างาม ทว่าเย่ชิวกลับกล่าวว่า “ศิษย์เอ๋อ แม้ว่าเคล็ดวิชากระบี่นี้จะทรงนำอาจ ทว่าก็ไม่ได้แข็งแกร่งที่สุด”

หลินชิงจู “”

หมายความว่าอย่างไรกัน เป็นไปได้ไหมว่าอาจารย์ของนางมีวิชากระบี่ที่แข็งแกร่งกว่าที่นี้ที่จะมอบให้นาง

ดวงตาของหลินชิงจู้เป็นประกายขณะที่นางมองไปยังเย่ชิวด้วยความความหวัง

เขาพูดช้าๆ “การประลองยุทธกำลังใกล้เข้ามา เจ้าเป็นตัวแทนของขุนเขาเมฆาม่วงของเราในครั้งนี้ ศิษย์น้องหญิงของเจ้าเพิ่งเข้าสู่สำนักและระดับการฝึกฝนของนางยังไม่ได้ล้ำลึกมากนัก นางกำลังจะลืมตาดูโลกในเวลานี้”

“เกียรติยศและความอัปยศอดสูของขุนเขาเมฆาม่วงล้วนขึ้นอยู่กับเจ้าเพียงผู้เดียวเท่านั้น หลังจากพิจารณาแล้ว ข้าได้เตรียมที่จะสอนท่าไพ่ตายให้กับเจ้าอีกอย่างเพื่อความปลอดภัยของเจ้า”

หลินชิงจู้รู้สึกประทับใจเหลือเกิน นางไม่คิดว่าอาจารย์ของนางจะให้ความสนใจนางมากขนาดนี้ นางกล่าวทันทีว่า “อย่ากังวลเลยท่านอาจารย์! ข้าจะไม่ทำให้ท่านผิดหวัง ขุนเขาเมฆาม่วงของเราจะไม่แพ้ขุนเขากระบี่เร้นลับอย่างแน่นอน”

แววตาของนางเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น หลินชิงจู้เดินไปข้างหน้าเย่ชิวและทันใดนั้นมือขวาของเขาก็ได้กดบนหัวของนาง

ฉับพลัน คัมภีร์ลึกลับก็ได้หลอมรวมเข้าไปในจิตใจของนาง เมื่อนางฝึกฝนตามคัมภีร์นางก็ตกตะลึงทันที

“นี่มัน…”

“เคล็ดวิชากระบี่ระดับสวรรค์สะบั้นอสุรา!”

หลินชิงจู้สูดลมหายใจด้วยความเย็นเยือกทันที ชื่อนี้ฟังดูทรงอำนาจยิ่งนัก

ยิ่งนางครุ่นคิดมันก็ยิ่งน่าประหลาดใจ

เคล็ดวิชากระบี่นี้ทรงพลังอย่างไม่เคยมีมาก่อน แข็งแกร่งกว่าเคล็ดวิชากระบี่ใด ๆ ที่นางเคยเรียนรู้มาก่อนจากเย่ชิว นอกจากนี้ พลังของเคล็ดวิชากระบี่นี้จะน่าสะพรึงกลัวยิ่งขึ้นด้วยการเกื้อหนุนของเคล็ดวิชาเหมันต์ภูตผีนพเก้า

ไม่ต้องพูดถึงคู่ต่อสู้ที่มีขอบเขตสูงกว่านางเลยด้วยซ้ำ แม้ว่านางจะท้าทายคู่ต่อสู้ที่มีขอบเขตสูงกว่านาง 5 ขอตเขตย่อย นางก็สามารถรับมือได้อย่างง่ายดาย

“ขอบคุณสำหรับคำชี้แนะเจ้าค่าท่านอาจารย์” หลินชิงจู้รู้สึกประทับใจอย่างหาที่เปรียบมิได้ นางคุกเข่าลงโค้งคำนับในทันที ไม่รู้ว่าจะแสดงความรู้สึกออกมาอย่างไร

บางทีในโลกนี้ อาจมีเพียงอาจารย์ของนางเท่านั้นที่ยินดีสั่งสอนนางทุกอย่างและไม่เคยปิดบังอะไร

สำหรับนาง อาจารย์ยังมอบเคล็ดวิชาลับของเขาให้นางได้ใช้อีกด้วย

เย่ชิวพยักหน้าและกล่าวอย่างเฉยเมยว่า “ศิษย์เอ๋ย เคล็ดวิชากระบี่นี้เป็นเคล็ดวิชาลับระดับสวรรค์ มันลึกซึ้งอย่างหาที่เปรียบมิได้ อย่างไรก็ตาม เจ้าต้องเรียนรู้ในระดับเริ่มต้นเท่านั้น มันก็น่าจะเพียงพอที่จะจัดการกับการประลองยุทธครั้งนี้แล้ว”

เย่ชิวกำลังจะเดินกลับไปหลังจากนั้น

[ ติ๊ง… ]

[ ขอแสดงความยินดีกับโฮสต์ ระยะเวลาฟื้นตัวของการมอบฐานการบ่มเพาะได้ผ่านไปแล้ว ท่านสามารถถ่ายทอดฐานการบ่มเพาะของท่านอีกครั้งและกระตุ้นระบบตอบแทนหมื่นเท่าได้ ]

“อืม” เขาถอยเท้าที่ก้าวไปแล้ว

เย่ชิวมองกลับไปยังศิษย์คนโตของเขาและยิ้มอย่างชั่วร้าย ดูเหมือนว่าจะต้องไหลตามน้ำอีกครั้ง

ขีดจำกัดสูงสุดของการถ่ายทอดฐานการบ่มเพาะเพิ่มขึ้นเป็นหนึ่งพันปี

เย่ชิวเคยมอบให้กับหลินชิงจู่มาก่อนแล้ว เขาต้องการที่จะมอบให้กับจ้าวว่านเอ๋อ ในครั้งนี้ อย่างไรก็ตาม จ้าวว่านเอ๋อมีปราณไว้บ่มเพาะมากมายจากกระดูกสมบัติ ซึ่งเปรียบเสมือนน้ำพุที่ไม่มีที่สิ้นสุดให้นางได้ดูดซับอย่างต่อเนื่อง จนนางไม่สามารถใช้มันได้ทั้งหมดในตอนนี้

นางไม่ได้ขาดการฝึกฝนเลยแม้แต่น้อย ทว่าสิ่งที่นางขาดคือเวลา

ทว่านี่แตกต่างออกไปสำหรับหลินชิงจู้ นางไม่มีสมบัติเสริมใด ๆ อีกต่อไปและอาศัยเพียงพรสวรรค์ของนางในการฝึกฝน

หลังจากคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้เย่ชิวจึงตัดสินใจมอบให้ศิษย์คนโตของเขา

ฮิฮิ…

หัวใจของหลินชิงจู้สั่นสะท้านเมื่อเห็นรอยยิ้มจ้องมองของเย่ชิว ใบหน้าของนางเปลี่ยนเป็นสีแดงราวกับมะเขือเทศที่กำลังสุกงอมก็ว่าได้

นางคิดในใจว่า  ท่านอาจารย์เป็นอะไรไปหรือ

เย่ชิวสงบลงและกล่าวอย่างจริงจังว่า “ศิษย์เอ๋ย ข้าได้พิจารณาอย่างรอบคอบอีกครั้งแล้ว เนื่องจากยอดฝีมือมากมายในการประลองยุทธครั้งนี้”

“แม้ว่าระดับการบ่มเพาะของเจ้าในปัจจุบันจะบรรลุขอบเขตสวรรค์ขั้นที่ 2 แล้ว ก็ตาม ทว่าเจ้าก็ได้เข้าสู่สำนักช้ากว่าคนอื่นมากนัก เมื่อเทียบกับศิษย์ของขุนเขาอื่น ๆ เจ้ามีเวลาน้อยเกินไป

“เพราะฉะนั้น ข้าจึงตัดสินใจถ่ายทอดฐานการบ่มเพาะเพาะพันปีแก่เจ้า”

หลินชิงจู้ตกใจและสูดอากาศเย็นเข้าไปอีกครา

“นี่… ฐานการบ่มเพาะพันปี” นางคำนวนอยู่ในใจ ฐานการบ่มเพาะพันปีนี้เทียบเท่ากับกี่ขอบเขต

ทว่านางตกใจตกใจ

“ท่านอาจารย์ ข้า… ข้าได้ยินไม่ผิดใช่หรือไม่ ท่านต้องการมอบฐานการบ่มเพาะพันปีให้แก่ข้าหรือ”

เมื่อเห็นเย่ชิวพยักหน้าหลินชิงจู้ก็รีบส่ายหัวและกล่าวว่า “ท่านอาจารย์ ไม่จำเป็นเลย! ระดับการบ่มเพาะในปัจจุบันของข้าเพียงพอแล้ว ท่านต้องไม่สูญเสียฐานการบ่มเพาะของท่านกับข้าอีกต่อไปแล้ว”

นางไม่ใช่มือใหม่ที่เพิ่งเข้ามาในสำนักอีกต่อไป นางจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าฐานการบ่มเพาะไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะได้รับมา

แม้ว่านางจะต้องการฐานการบ่มเพาะนี้จริง ๆ ทว่านี่ก็หมายความว่าอาจารย์ที่นางเคารพนับถือที่สุดจะต้องสูญเสียฐานการบ่มเพาะนับพันปี

นางจะยอมรับเรื่องนี้ได้อย่างไร อาจารย์ของนางดูแลนางเหมือนครอบครัว เขาคือผู้ที่ปฏิบัติต่อนางอย่างดีที่สุดรองจากบุพการีของนาง นางจะปล่อยให้อาจารย์ของนางต้องอ่อนแออีกครั้งเพราะนางได้อย่างไร

หัวใจของเย่ชิวเต้นแรงขึ้นเมื่อเขาเห็นการต่อต้านของนาง

ลูกศิษย์คนนี้กตัญญูยิ่งนัก แม้จะเผชิญกับสิ่งล่อใจเช่นนี้ นางก็ยังนึกถึงอาจารย์ของตนได้และไม่ได้หวั่นไหวแม้แต่น้อย

อย่างไรก็ตาม การต่อต้านเช่นนี้จะได้ผลกับเย่ชิวหรือไม่

ข้าจะไม่ยอมเสียโอกาสที่จะเหมาะเจาะเช่นนี้ สิ่งนี้จะต้องไม่เกิดขึ้น

เขากล่าวอย่างจริงจังว่า “ไม่ต้องกังวล ข้ารู้ว่าข้ากำลังทำอะไรอยู่ ฐานการบ่มเพาะพันปีนี้ไม่มีประโยชน์อะไรสำหรับข้า มันไม่คุ้มค่าที่จะกล่าวถึงแม้แต่น้อย ตราบใดที่พวกเจ้าปลอดภัย สิ่งที่ข้าทำลงไปจะคุ้มค่าแล้ว”

หลังจากได้ยินคำพูดของเย่ชิว ดวงตาของหลินชิงจู้ก็เต็มไปด้วยน้ำตา นางประทับใจมาก ปรากฎว่าความปลอดภัยของพวกนางมีความสำคัญต่ออาจารย์มากมาย เขายอมเสียสละฐานการบ่มเพาะของเขาให้กับนาง

นางไม่เสียใจเลยในชีวิตของนางพบอาจารย์เช่นนี้

หลินชิงจู้ร้องไห้อย่างเงียบ ๆ “ท่านอาจารย์…”

นางไม่รู้จะพูดอะไรไปครู่หนึ่ง ร่างกายของนางสั่นเทาขณะที่น้ำตาไหลอาบลงมาบนใบหน้าของนาง ช่างบีบรัดหัวใจเกินไป

เย่ชิวส่ายหัวและปลอบโยน “เอาล่ะ! ศิษย์เอ๋ย เจ้ารีบลุกขึ้นได้แล้ว หากเจ้าต้องการตอบแทนข้าจริง ๆ ก็จงได้ลำดับที่ดีจากการประลองยุทธเพื่อขุนเขาเมฆาม่วง ของเรา อย่างไรก็ตาม อย่าฝืนตนเองมากเกินไป ข้าไม่ได้มีข้อกำหนดให้เจ้า จงทำตามที่เจ้าต้องการและพยายามให้ดีที่สุดก็เพียงพอแล้ว”

เขาไม่สามารถแม้แต่จะทนเห็นตนเองพูดคำเหล่านั้นออกมาได้ด้วยซ้ำ ทว่าเขาจำเป็นต้องโกหกนาง อย่างไรก็ตาม เพื่อให้ได้รับผลตอบแทนมากขึ้น เขายังคงอดทนและเสแสรงต่อไป

ราวกับสั่งสอนลูกกตัญญูก็ว่าได้

“เอาล่ะ นั่งลงให้เรียบร้อย วันนี้ข้าจะมอบฐานการบ่มเพาะพันปีแก่เจ้า ไม่ว่าเจ้าสามารถดูดซับได้มากน้อยเพียงใดและขอบเขตใดที่เจ้าสามารถทะลวงได้นั้นล้วนขึ้นอยู่กับโชคชะตาของเจ้า”

เพื่อป้องกันไม่ให้มีอะไรเกิดขึ้นอีก เย่ชิวไม่ได้มอบโอกาสให้หลินชิงจู้การขัดขืนและบอกให้นางนั่งลงทันที จากนั้นเขาก็เดินไปข้างหลังนางแล้วค่อย ๆ ยื่นมือไปทาบที่แผ่นหลังของนาง

ในพริบตาเดียว พลังอันไร้ที่สิ้นสุดก็พุ่งเข้าสู่ร่างกายของหลินชิงจู้ราวกับเขื่อนแตกก็ว่าได้

สีหน้าของหลินชิงจู้บ่งบอกความรู้สึกเจ็บปวด เหงื่อยังคงไหลลงมาที่หน้าผากของนางในขณะที่นางดูดซับฐานการบ่มเพาะของเย่ชิว

นางมีประสบการณ์อยู่บ้าง เนื่องจากนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่นางได้รับฐานการบ่มเพาะและล่วงรู้วิธีที่จะดูดซับพลังนี้และไม่ปล่อยให้มันรั่วไหลออกไป

5 2 โหวต
Article Rating
1 Comment
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด