ตอนที่แล้วตอนที่ 65 สถานการณ์วิกฤติ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 67 ขอคิดก่อนว่าอะไรกำลังสั่น

ตอนที่ 66 ไม่ใช่ลอบทำร้าย


เฟิงชิชา, หยานโพ่จุนและเสวี่ยทันหลางปล่อยให้กลุ่มของเขาลุยฆ่าปีศาจระดับต่ำไปหลายร้อย เหมือนฝูงพยัคฆ์เข้าทำลายฝูงแกะ ไม่นานนักพวกเขาก็กลับมา

เมื่อเจ้าสำนักโล่วฮัวเห็นว่าเย่ว์หยางยังไม่นำกลุ่มของตนลุยไปข้างหน้า นางมองลึกลงไปในความคิดของเขา

เนื่องจากนางปรารถนาจะค้นพบศัตรูที่ซ่อนตัว

อย่างไรก็ตาม นางยังไม่ได้แจ้งให้เฟิงชิชาและคนอื่นๆ ทราบว่ามีศัตรูที่แข็งแกร่งจับตาดูพวกเขาในความมืดอย่างลับๆ รอโอกาสลอบโจมตี นี่ก็ยังเป็นการทดสอบชนิดหนึ่ง

ในสนามต่อสู้ที่โหดร้าย คนไม่ใช่อาศัยแต่เพียงความกล้าหาญและความแข็งแกร่งเท่านั้น แต่ยังคงต้องมีจิตใจที่กระจ่างและความรู้สึกที่ชัดเจน ในหอทงเทียนไม่เคยขาดแคลนการต่อสู้และอันตรายเลย คนที่มีทักษะต่อสู้ที่แข็งแกร่งที่สุด อาจไม่จำเป็นต้องรอดชีวิตอยู่ได้นานที่สุด ผู้ที่ต้องการเป็นนักสู้ระดับสูง พวกเขาต้องมีชีวิตให้นานและมีประสบการณในการลำบากมากกว่าคนอื่น มนุษยชาติไม่เคยขาดแคลนอัจฉริยะ และอัจฉริยะนับไม่ถ้วนถือกำเนิดในทวีปมังกรทะยาน แต่ส่วนใหญ่จะเป็นเหมือนอุกกาบาต พวกเขาแค่รุ่งโรจน์ขึ้นมาช่วงเวลาเดียวก่อนจะหายไปตลอดกาล

เจ้าสำนักโล่วฮัวไม่อาจปฏิเสธความจริงที่ว่า เฟิงชิชา, หยานโพ่จุนและเสวี่ยทันหลางเป็นอัจฉริยะในอัจฉริยะ แม้ในบรรดาอัจฉริยะอื่น พวกเขาก็ได้รับความนับถือว่าเป็นผู้นำที่หาได้ยากอย่างยิ่ง

อย่างไรก็ตาม จากก้นบึ้งหัวใจของนาง เจ้าสำนักโล่วฮัวคาดหวังจากโจรน้อยเย่ว์หยางที่ไม่รู้จักนี้ไว้มากเขาเป็นยอดฝีมือรุ่นเยาว์ที่นางมองไม่ออก

“พวกเจ้าได้รับเกียรติยศแล้ว กลับไปหอทงเทียนเดี๋ยวนี้ เฟิงชิชา, หยานโพ่จุนและเสวี่ยทันหลาง พวกเจ้ารั้งอยู่ก่อน” เจ้าสำนักโล่วฮัวโบกมือสั่งให้องครักษ์เกราะทองกลับไปหอทงเทียนทางประตูเทเลพอร์ต ยังไม่ทันได้เตือนเฟิงชิชาและคนอื่นอีก 2 คน นางหันไปทางเย่ว์หยางและถามเสียงนุ่มนวลว่า “มีศัตรู 100,000 หรือมากกว่า พวกมันยังไม่เริ่มโจมตีรุนแรง เจ้าคิดว่าเรื่องนั้นมีเหตุผลอะไร?”

“…..” เฟิงชิชาและอีกสองคนถึงกับตะลึงเมื่อพวกเขาได้ยินเจ้าสำนักโล่วฮัวถามคำถามเย่ว์หยางในสายตาพวกเขา เจ้าสำนักโล่วฮัวเป็นคนฉลาดที่สุดในบรรดานักสู้ที่เป็นมนุษย์ ทำไมนางถึงถามคำถามนี้กับคุณชายสามผู้ไม่มีอะไรดีของตระกูลเย่ว์ผู้นี้?

เป็นไปได้ว่าเจ้าคนที่ไม่มีอะไรดีผู้นี้ ไม่ได้เป็นคนไร้ประโยชน์อย่างที่คนอื่นพูด แต่เป็นสหายที่ฉลาดมากงั้นหรือ?

ทำไมเจ้าสำนักโล่วฮัวถึงให้โอกาสเขา แม้ว่ามันจะไม่เกี่ยวข้องกับเขา?

ในยามนั้น ความรู้สึกหงุดหงิดเกิดขึ้นในใจของหยานโพ่จุนและอีกสองคน เจ้าสำนักโล่วฮัวเป็นนักสู้ที่โดดเด่น ปกติแล้วจะไม่ให้ความสนใจใดๆ ในคนอื่น แล้วในตอนนี้ นางไม่ได้มองพวกเขาแตกต่างแต่อย่างใดเลย กลับไปให้ความสำคัญเจ้าคนที่ไม่มีอะไรดีเกินกว่าเขา แม้ว่าพวกเขายังอยู่ต่อหน้าปีศาจเป็นร้อยเป็นพัน นางก็ยังยืนยันกระตุ้นให้เย่ว์หยางสะท้อนความคิดเห็นถึงสถานการณ์…

ความรู้สึกพวกเขาเริ่มหมุนอย่างเร็ว ถ้าเป็นพวกเขาแล้ว พวกเขาจะตอบอย่างไร?

กับสถานการณ์ที่ปรากฏข้างหน้าพวกเขานี้ ทำไมศัตรูถึงได้ทำแบบนี้

แม้ว่าเจ้าสำนักโล่วฮัวไม่ได้ถามพวกเขา เสวี่ยทันหลางและคนอื่นๆ ปฏิเสธที่จะยอมรับว่าพวกเขาระดับต่ำกว่าเย่ว์หยาง และเริ่มไตร่ตรองคำถามให้มากด้วยหวังว่าจะได้คำตอบที่ดีกว่าของเย่ว์หยาง

ปีศาจระดับต่ำเป็นร้อยเป็นพันยังไม่น่ากลัวพอหรอก ถ้าความแข็งแกร่งของศัตรูเหนือกว่าเราเกินไป ท่านคงไม่ยอมให้เราเข้าแดนปีศาจไปตอบโต้แน่” แม้ว่าเสวี่ยทันหลางและคนอื่นๆ ไม่ต้องการยอมรับ แต่พวกเขาก็รู้สึกว่าเย่ว์หยางพูดได้สมเหตุผล พอคิดดูดีๆ แล้ว ถ้ามีศัตรูที่มีพลังมากจนคาดไม่ได้ รออยู่เบื้องหลังประตูเทเลพอร์ต ทำไมเจ้าสำนักโล่วฮัวจึงพาทุกคนเข้าไปตาย? ความจริงก็คือว่า นางกล้านำพวกเขาเข้าไป ก็ชี้ให้เห็นแล้วว่านางสามารถพาพวกเขาออกมาได้ เมื่อพวกเขาหันกลับไปมองเย่ว์หยาง สีหน้าพวกเขาก็เปลี่ยนไป แทนที่จะรังเกียจและโกรธที่พวกเขาปฏิบัติต่อเขาก่อนหน้านั้น ตอนนี้พวกเขาอัศจรรย์ใจ เจ้าคนผู้ไม่มีอะไรดีผู้นี้ ไม่ได้เลวอย่างที่เล่าลือ ไม่ใช่แต่เพียงแค่นั้น เขายังโดดเด่นมากเสียด้วย อย่างน้อยที่สุด เขาก็ยังสงบสติคิดอย่างใจเย็นทั้งที่ยังเผชิญหน้ากับปีศาจนับร้อยนับพัน นี่ไม่ใช่เรื่องที่คนกระจอกไม่มีอะไรดีจะทำได้

“อืม..อย่างนั้น เจ้าคิดว่าเพราะอะไรพวกมันถึงไม่เร่งเข้าโจมตีเราเสียเดี๋ยวนี้เล่า?” เจ้าสำนักโล่วฮัวยังคงถามต่อไป มีการคาดการณ์คำตอบของเย่ว์หยางไว้ก่อนหน้านี้แล้ว”

ข้าเดาว่าคงมีผู้มีไหวพริบฉลาดมากคอยชักใยอยู่ในเบื้องหลังหมู่ปีศาจแน่นอน หลังจากเปิดประตูเทเลพอร์ต เขาไม่ได้รีบบุกทันที แต่ปกปิดตัวเองคอยสังเกตสถานการณ์แทน ถ้าเราไม่บุกโต้ตอบ อย่างนั้นบางทีเขาคงจะเคลื่อนไหวอย่างอื่นแบบลับๆ การโต้ตอบของเรา ทำให้เขาสงสัยว่าเราเตรียมพร้อมซุ่มโจมตี ดังนั้นเขาจึงไม่กล้าบุกสุ่มสี่สุ่มห้าโดยไม่รู้จักคิด ตราบใดที่เราเผยให้เห็นความอ่อนแอแม้เพียงนิด ข้าเชื่อว่าเขาจะซุ่มโจมตีเราทันที ข้าเกรงว่านักสู้ฝ่ายปีศาจที่ฉลาดที่อยู่เบื้องหลังนี้คงเป็นจ้าวปีศาจตนหนึ่ง”

“จ้าวปีศาจเหรอ?” เย่คง, เจ้าอ้วนไห่และคนอื่นๆ เริ่มสั่นด้วยความกลัว จ้าวปีศาจจะอยู่ที่ระดับใดกันแน่? ใครก็ตามที่เป็นผู้แก่กล้าระดับ 6 หรือต่ำกว่าอาจถูกจ้าวปีศาจฆ่าได้ทันที ถ้าดูจากความแข็งแกร่งของพวกเขาในตอนนี้ บางทีคงไม่พอติดซอกฟันของราชาปีศาจด้วยซ้ำ

“ไม่ใช่เจ้าปีศาจหรอก” เจ้าสำนักโล่วฮัวโบกมือ “เขาเป็นขุนนางประจำนรก ชื่อหมอหยุน เขาเป็นมนุษย์คนหนึ่งที่กลายเป็นนักสู้ฝ่ายปีศาจเมื่อพันปีมาแล้ว เขามีไหวพริบมากและมีความชำนาญในการจับจุดอ่อนของผู้คนได้ ตัวอย่างเช่น ความผิดพลาดของยิ่มชื่อหมิงบางทีอาจเป็นเพราะถูกเจ้าคนนี้ล่อลวง ผู้ที่เชื่อเขามักจะคอยหาคนอ่อนแอผู้กระหายความแข็งแกร่งจากหอทงเทียนระดับล่าง หรือควบคุมเมืองในทวีปมังกรทะยาน เขาใช้พลังเป็นเครื่องหลอกล่อผู้คนทีละขั้นๆ จนกระทั่งพวกเขาหลงกระทำผิด เฉินถู่และคนอื่นๆ บางทีก็คงเป็นเป้าหมายที่ถูกซื้อโดยยิ่มชื่อหมิงในนามของขุนนางนรกหมอหยุนก็ได้”

“ทำไมยิ่มชื่อหมิงต้องลักพาตัวเย่ว์ปิงด้วย?” สำนึกแว่บหนึ่งเกิดขึ้นในใจเย่ว์หยาง เป็นไปได้ว่านี่คือสิ่งที่ปล่อยมาโดยขุนนางนรก หมอหยุนงั้นหรือ?

“อสูรสายพฤกษามีพิษที่เป็นอันตรายต่อปีศาจนรกทั้งหมด ยิ่มชื่อหมิงต้องการทำร้ายน้องสาวของเจ้าเพื่อป้องกันนักสู้ฝ่ายมนุษย์ที่ใช้อสูรสายพฤกษาไม่ให้ก้าวหน้า สำหรับมนุษย์นักรบ น้องสาวของเจ้ามีอสูรสายพฤกษา ไม่ใช่เรื่องสำคัญเท่าใดนัก แต่สำหรับปีศาจ อสูรพฤกษาของนางคือสิ่งที่น่ากลัวมาก ข้าสงสัยว่ากลุ่มของเฉินถู่คงได้รับคำสั่งของยิ่มชื่อหมิงให้มายับยั้งนาง” เจ้าสำนักโล่วฮัวเปิดเผยความลับนี้เล็กน้อย

ถ้าเป็นคนอื่นได้ยินเรื่องนี้ พวกเขาคงไม่มีท่าทีอะไร ที่สำคัญคือ พวกเขาไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญอสูรสายพฤกษาและไม่เคยคิดจะใช้พวกมัน

เย่ว์หยางกลับตรงกันข้าม เขาตกใจจนหัวใจเต้นรัว

ไม่ต้องสงสัยเลยว่า เซียนดอกหนามเมื่อ 3,000 ปีก่อน สามารถสังหารกองทัพปีศาจและแม่ทัพปีศาจทั้ง 3 โดยช่วยอะไรไม่ได้ กลับกลายเป็นว่าไม่ใช่แต่เพียงนางพญาดอกหนามมงกุฎทองเท่านั้นที่น่ากลัวแต่นางยังมีพิษทำลายปีศาจนรกได้ ความจริงที่ว่ามนุษย์อ่อนแอและคงถูกปีศาจยับยั้งไว้ น่าเกี่ยวข้องกับความจริงที่ว่ามนุษย์ได้ละทิ้งการใช้งานอสูรสายพฤกษาไปแล้ว

จะไปสู้กับปีศาจโดยปราศจากดาวข่มพวกมัน ก็จะยากที่จะเอาชนะได้อย่างไม่ต้องสงสัยถ้าเขาสร้างนางพญาดอกหนามมงกุฎทองสำเร็จ เขาคงไม่สามารถกำจัดกองทัพปีศาจในคราวเดียวเหมือนที่นางพญาดอกหนามทำได้ใช่ไหม?”เจ้าคิดว่าเราควรจะทำอย่างไรต่อไป?

“เจ้าสำนักโล่วฮัวถามเย่ว์หยาง

ทุกคนรู้ว่าเจ้าสำนักโล่วฮัวคงคิดแผนไว้ในใจนางแล้ว เหตุผลเดียวที่นางถามเย่ว์หยางก็คือให้โอกาสเขาเป็นอิสระโดยใช้ปัญญาของตัวเอง

หยานโพ่จุนและคนอื่นอิจฉาแทบตาย พวกเขาปรารถนาจริงๆ ว่าพวกเขาจะแย่งเอาความลำเอียงของเจ้าสำนักโล่วฮัวมาเก็บไว้กับเขา

เย่คงและเจ้าอ้วนไห่ไม่สามารถระงับอารมณ์ตนเองได้ต่อไป ร่างกายของพวกเขาเริ่มสั่นและจ้องมองตาเย่ว์หยาง คาดหวังอย่างเต็มหัวใจ

“เราอยู่ตรงนี้ต่อไป หมอหยุนจะสงสัยเพิ่มมากขึ้น จะดีที่สุดถ้าเราเริ่มตีโต้กลับและท้าทายเขาก่อน มิฉะนั้น เขาคงจะดึงบางอย่างลับหลังเราแน่นอน ข้าไม่รู้ว่าเขาจะทำอะไรได้ แต่คงไม่ใช่เรื่องดีแน่นอน” ความรู้สึกได้ถึงวิกฤติ เย่ว์หยางเริ่มรับรู้ได้แรงกล้ายิ่งขึ้น เขาคาดว่า คนที่ชื่อหมอหยุนนี้จะเล่นอุบายกับพวกเขาในความมืด

“พูดได้ดี ข้อสังเกตเจ้าตรงจุดดี เขากำลังบูชายัญ ปีศาจชั้นต่ำเหล่านี้ไม่ได้ถูกนำมาใช้โจมตีพวกเราเลย แต่ถูกใช้เป็นเครื่องบูชายัญ และด้วยการบูชายัญขนาดใหญ่อย่างนั้น เขาสามารถใช้อุบายได้อีกมาก มันแน่อยู่แล้วเนื่องจากความจริงที่ว่าพวกเจ้าทุกคนเป็นยอดฝีมือที่โดดเด่นที่ข้าเจาะจง พวกเจ้าตั้งตัดสินใจเดี๋ยวนี้ ถ้าพวกเจ้าอยากจากไปอย่างปลอดภัย อย่างนั้นก็ตรงเข้าไปที่ประตูเทเลพอร์ตได้เลย ถ้าพวกเจ้ายินดีจะอยู่ท้าประลองด้วยตัวเอง อย่างนั้นจงไปท้าประลองกับขุนพลปีศาจ หลังจากฆ่าศัตรู เจ้าสามารถใช้ม้วนเทเลพอร์ตกลับไปที่สมาคมนักรบได้ สำหรับขุนนางนรกหมอหยุน ข้าจะเอาชนะมันให้ได้ด้วยตัวเอง” เจ้าสำนักโล่วฮัวยิ้มอย่างเด็ดเดี่ยว

ขุนนางนรกวางอุบายพวกเขา เขาออกคำสั่งให้ปีศาจชั้นต่ำนับร้อยนับพันบุกโจมตียอดฝีมือชาวโลกที่นางส่งลงมาที่นี่ต่อเนื่อง

แต่นางจะทำตามความปรารถนาเขาได้จริงๆ หรือ?

บูชายัญปีศาจนับร้อยนับพันหรือ? นางวางแผนจัดการกับเรื่องนี้มานานแล้ว แค่นี้จะนับเป็นอย่างไรได้

เจ้าสำนักโล่วฮัวมองดูฝูงปีศาจระดับต่ำด้านนอกล้มลงกับพื้นร่ำร้องอย่างทุกข์ทรมาน ร่างของพวกมันระเบิด ในที่สุดกองซากศพก็ทับถมเป็นภูเขา ลำธารเลือดไหลนองเต็มพื้นที่ ท่าทีเยาะเย้ยของนางก็ยิ่งเด่นชัด

แผนการบูชายัญขนาดใหญ่นี้ เป็นแผนของหมอหยุน มันไม่มีผลต่อนางเลย

แค่เรื่องที่ทำให้นางกังวลก็คือไม่ว่า เฟิงชิชา, หยานโพ่จุนและเสวี่ยทันหลางจะเอาชนะขุนพลปีศาจและกลับไปพื้นที่หอทงเทียนได้นางชำเลืองมองเย่ว์หยาง แม้ว่าเขาจะดูอ่อนแอภายนอก นอกจากแบกน้องสาวที่หมดสติไว้บนหลัง เย่ว์หยางยังคงพาผองมิตรสหายเข้ามาในพื้นที่น่าอนาถ และในใจนาง คนที่นางเชื่อถือที่สุดกลับเป็นเย่ว์หยาง นางไม่สามารถอธิบายความเชื่อนี้ได้ไม่สามารถอธิบายความเชื่อนี้ได้ แต่นางรู้สึกแปลก

“ใครกล้าสู้กับข้า หยานโพ่จุน?” หยานโพ่จุนผู้กล้าหาญเกินตัวส่งเสียงท้าทายขุนพลปีศาจฝ่ายตรงข้ามให้มาสู้กับเขา

“พวกเจ้าใช้เวลาสู้ไปเถอะ ข้าชักหิวแล้ว ข้าจะขอกลับไปกินอาหารค่ำก่อนนะ” เขายืนและเตรียมตัวจะแยกกลับไป

เจ้าบัดซบที่ไร้ยางอายนั่นกำลังจะหนี นี่ไม่ใช่แค่ทำให้เสวี่ยทันหลางและคนอื่นๆ ขายหน้าเท่านั้น แม้แต่ปีศาจที่พวกเขาเผชิญหน้าก็ยังทนดูไม่ได้

ขุนพลปีศาจเหินบินเข้ามาพร้อมกับดาบรูปพระจันทร์เสี้ยวคู่หนึ่ง เขาโยนของบางอย่างขึ้นไปในอากาศ มันตกลงในพื้นที่ระหว่างเจ้าอ้วนไห่กับเย่คง มันฉายลำแสงดำขึ้นไปในอากาศ เมื่อเย่ว์หยางเห็นสำแสงนี้ก็คือประตูมิติอย่างหนึ่ง เขาแอบด่าเจ้าอ้วนไห่และเจ้าพวกโง่เง่าอื่นอยู่ในใจ พวกเขาวิ่งมาถึงแดนปีศาจนี้แค่เพียงเพื่อถูกฆ่า จากนั้นเย่ว์หยางมองกลับไปที่เจ้าสำนักโล่วฮัว เห็นเพียงว่านางมีสีหน้าเหมือนกับจะยิ้ม แต่ก็ไม่ใช่ เขากัดฟันวิ่งตรงไปที่ลำแสงดำอย่างเร็วเพื่อช่วยเจ้าอ้วนไห่และคนอื่นๆ

ในทันใดนั้น เขาถูกส่งไปในพื้นที่สีเลือด

โดยรอบพื้นที่นั้นไม่ใหญ่ ขนาดราวๆ สนามฟุตบอล

“ยินดีต้อนรับสู่สนามรบที่ๆ ปีศาจและมนุษย์จะสู้พิสูจน์เป็นตายกัน สนามต่อสู้ของข้าจะบันทึกชื่อเจ้าไว้เป็นรายที่ 1365 มนุษย์นักรบที่ถูกข้าตัดหัว” ขุนพลปีศาจผู้พกพาดาบคู่โค้งหัวเราะ

ภายใต้เท้าเขา เย่คง, เจ้าอ้วนไห่, และพี่น้องสกุลหลี่ตกลงไปในบ่อเลือด

ยังดีที่พวกเขายังไม่ตาย พวกเขาหมดสติไปจากการได้รับบาดแผลรุนแรง

เย่ว์หยางร้องออกมา “ไม่มีทาง? พวกเจ้ากล้าเข้าไปในแดนปีศาจระดับต่ำหรือนี่? ข้าพูดไม่ออกเลยจริงๆ ขุนพลปีศาจ เจ้าคงไม่ได้ลอบทำร้ายพวกเขาใช่ไหม?

ขุนพลปีศาจขวางดาบทั้งสองไว้ตรงหน้าอกเขา ตอบอย่างสง่าว่า “เขาไม่เรียกว่าลอบทำร้าย ปฏิกิริยาโต้ตอบของพวกมันช้าเกินไปเองนี่หว่า”

ก่อนที่เขาจะพูดจบ ทันใดนั้นเขาก็ตระหนักว่าหมัดเย่ว์หยางชกเข้าที่จมูกเขาแล้ว

ปั้ก!

ส่งผลให้ขุนพลปีศาจปลิวขึ้นไปในอากาศ ก่อนที่หลังจะตกลงมากระแทกพื้น

ในสภาพที่รู้สึกเสียใจ เขาลุกขึ้นยืนและคำรามใส่เย่ว์หยาง “เจ้ามันน่ารังเกียจเกินไป คิดไม่ถึงเลยว่า เจ้าจะแอบทำร้ายข้าขณะที่ยังโม้ไม่จบ”

เย่ว์หยางทำท่าสง่าผ่าเผยเลียนแบบกิริยาของฝ่ายตรงข้าม เขาเอามีดสั้น 2 เล่มมาไขว้ขวางอก ทำหน้าหยิ่ง เชิดจมูกใส่อากาศประกาศล้อเลียนว่า “เขาไม่เรียกว่าลอบทำร้าย การโต้ตอบของเจ้ามันช้าเกินไปต่างหากเล่า”

***************

*** เจ้าสำนักโล่วฮัว อาจแปลอีกอย่างได้ว่า เจ้าเมืองโล่วฮัวก็ได้ เนื่องจากยังไม่เคยแปลจบเรื่องก็เลยกำหนดบริบทการแปลไม่ได้ ตอนนี้แปลอย่างนี้ไปก่อนนะครับ ว่ากันตอนต่อตอน

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด