ตอนที่ 60 พี่โล้นเปียว
“ว่าไง? พวกแกต้องการให้ฉันลงมือจริงๆ เหรอ?” บุรุษหัวโล้นร่างล่ำบึ้กหัวเราะเย็นชา เดินก้าวเข้ามาสีหน้าถมึงทึงร่างของเขาเหมือนหอเหล็กขู่ขวัญให้ทุกคนกลัวได้
เด็กหนุ่มอื่นยังคงเงียบเพระความกลัว ด้วยความกลัวตายจึงค่อยๆ โยนสิ่งของๆตนลงบนพื้นอย่างว่าง่าย
คนหัวโล้นแสยะยิ้มกล่าว “ฉันชอบคนฉลาดที่สุด สบายใจได้ ตราบใดที่แกยอมตามฉัน เปียวเกอ แกทุกคนจะมีอาหารกิน”
คนที่เหลือด้านหลังเขามองดูอย่างเงียบงัน
“อืม” ทันใดนั้นสายตาของเจ้าโล้นเปียวเกอมองไปที่ถังเทียนและนัยน์ตาเขาหรี่แคบ“ฉันไม่เคยคาดมาก่อนเลยว่าจะมาเจอของแข็งเข้าให้แล้ว”
เขาดัดข้อนิ้วมือและยิ้มน่ากลัว ร่างของเขาเหมือนหอปราการเหล็กตั้งตรงฝ่ามือของเขาเปล่งรัศมีสีทอง พลังปราณเที่ยงแท้สายธาตุทองทำให้เด็กใหม่คนอื่นๆ สีหน้าแย่ลง หลายคนถอนหายใจโล่งอกเหมือนกับว่าได้ปลดปล่อยภาระหนักลง
โชคดีที่เราไม่ได้ต่อต้านเขาในตอนนี้...
เจ้าโล้นเปียวกวาดสายตามองถังเทียน ทันใดนั้นนัยน์ตาเขาเปล่งประกายโลภทันทีและเขากล่าวว่า “กลับกลายเป็นว่าแกมีของดีๆ อยู่บนตัว มิน่าเล่าถึงไม่ยินดีจะสละ”
ถังเทียนพึมพำกับตัวเอง “ที่นี่ ฉันคิดว่าค่ายทหารชั้นนอกจะมีคนระดับสูงหลายคน สุดท้ายกลับกลายเป็นอันธพาลน้อยฝูงหนึ่ง”
“อะ..อันธพาลน้อย!” เจ้าโล้นเปียวอึ้งและฉุนเฉียวทันที ไม่เคยมีใครกล้าเรียกเขาเป็นอันธพาลน้อย!
ไอ้หนู! แกตายซะเถอะ!
สีหน้าของเจ้าโล้นเปียวเกอเขียวคล้ำและเขาโคจรปราณเที่ยงแท้อย่างเร่งร้อน เขาตั้งใจจะทุบตีเจ้าเด็กแสบข้างหน้านี่ให้เละ ในที่นั้น นอกจากท่านจิ่งหาวแล้วไม่มีใครไม่กล้าฝ่าฝืนคำของโล้นเปียวเกอ
โล้นเปียวเกอกระทืบพื้นอย่างรุนแรงจนพื้นแตกปริและหยิบยืมพลังจากรองเท้าสปริงของเขา ทั่วทั้งตัวเขาเป็นเหมือนกระสุนปืนใหญ่พุ่งเข้าหาถังเทียน
ประทับรูปฝ่ามือเปล่งแสงสีทอง มีพลังประหลาดส่งเสียงหวีดหวิวพุ่งตรงเข้าหาถังเทียน
วิทยายุทธระดับสี่ ฝ่ามือคิงคอง
ฝ่ามือคิงคองเป็นวิชาฝ่ามือมีพื้นฐานมาจากธาตุทอง เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางในความหนักแน่นดุดัน เมื่อฝึกจนถึงสุดยอดประทับของฝ่ามือคิงคองสามารถทำลายทองและโลหะได้อย่างสบาย
นัยน์ตาถังเทียนทอประกายเยือกเย็นวูบหนึ่งเขาตั้งท่านั่งม้าและรั้งกำปั้นขวาแนบไว้ที่เอว
หมัดพิฆาตน้อย
ไม่มีแสง ไม่มีเสียง ในดวงตาของกลุ่มคนกำลังมองเย้ยหยันหมัดขวาของเขา หมัดขวาของถังเทียนกระแทกเข้าใส่ฝ่ามือคิงคองร่างกระเรียนภายใจแตกออกด้วยเสียงอันดัง
ระลอกพลังที่ตรวจสอบไม่ได้จากในฝ่ามือคิงคองทองถาโถมเข้ามา
ปัง
ประทับฝ่ามือที่รู้สึกเหมือนแผ่นสี่เหลี่ยมโลหะแข็ง ยุบแตกสลายเป็นเศษทองชิ้นเล็กชิ้นน้อยสลายหายไปในอากาศ
ร่างของถังเทียนไม่ขยับแม้แต่นิด แต่โล้นเปียวเกอถอยหลังไปสองสามก้าวก่อนจะตั้งหลักได้
ทุกคนตกอยู่ในความเงียบ หน้าของพวกเขาเปลี่ยนเป็นตกใจ เป็นไปไม่ได้ ด้วยพลังของพวกเขาทุกคน แม้ว่าพวกเขาจะยังไม่ถึงระดับสี่ แต่พวกเขาก็อยู่ในระดับสุดยอดสมบูรณ์ของระดับสาม ดังนั้นพวกเขามองไม่เห็นความเหลื่อมล้ำของนักสู้ทั้งสองได้อย่างไร? เปียวเกออยู่ในระดับสุดยอดของนักสู้ระดับสี่แล้ว และใกล้จะถึงระดับห้าระยะห่างเบาบางเหมือนแผ่นกระดาษเท่านั้น แต่ถังเทียนเห็นได้ชัดว่ายังเป็นระดับสามอยู่
หมัดพิฆาตน้อยระดับสาม สามารถต่อกรกับฝ่ามือคิงคองระดับสี่ได้ยังไง?
เปียวเกอเข้าใจฝ่ามือคิงคองอย่างลึกซึ้ง แต่ทำไมเปียวเกอถึงแพ้ได้...
ทุกอย่างที่เพิ่งจะเกิดขึ้นท้าทายสามัญสำนึกของพวกเขาอย่างสิ้นเชิง
เป็นเรื่องแปลกมาก ยากจะเชื่อได้
หน้าของเปียวเกอถอดสี เขาหรี่นัยน์ตาและเริ่มประเมินถังเทียนอีกครั้งมันก็แค่หมัดเดียว แต่ใจเขาตระหนักว่าเขาได้พบตัวยุ่งยากเสียแล้ว หมัดระดับสามจะแข็งแกร่งขนาดนั้นได้อย่างไร?นอกจากเจ้าเด็กนี่จงใจซ่อนพลังเอาไว้?
ถังเทียนยืนตรง และเริ่มเหยียดแขนผ่อนคลาย ยืดเส้นยืดสายกล่าวว่า “ฉันไม่ได้สู้มานานมากแล้ว”
การถูกลุงปิงเคี่ยวกรำวันแล้ววันเล่าจนเขาแทบอยากจะตายขณะที่ไม่มีโอกาสระบายอารมณ์ ทำให้ถังเทียนหงุดหงิดมาก แม้ว่าเขารู้ว่าเป็นการฝึก หลังจากนอนพัก ร่างกายของเขาฟื้นคืนสภาพและเขารู้สึกว่าร่างกายของเขาอัดแน่นไปด้วยพลังไม่สิ้นสุด ในที่สุดก็พบใครบางคนให้ประลองด้วย ถังเทียนอดกลั้นความอยากสู้มาหลายวัน ทันทีที่มีคนจุดประกายก็ฮึกเหิมทันที
ขณะที่ยืดเส้นยืดสาย ถังเทียนถอนหายใจด้วยความเศร้า “ความจริง ฉันเลิกเป็นจอมเกเรประจำโรงเรียนมาหลายปีแล้ว...”
ทุกคนเหม่อมองดูถังเทียน
หลังจากอุ่นเครื่องแล้ว ถังเทียนรู้สึกว่าเขาอยู่ในสภาพพร้อมที่สุดแล้ว เขาหยุดแล้วโน้มตัวมองเปียวเกอและกล่าวว่า“เฮ้, หัวโล้น! แกกล้าท้าทายหนุ่มน้อยชาวฟ้าผู้นี้ แกตายแน่”
แค่พอสิ้นเสียง เขาก็เป็นเหมือนธนูหลุดจากแล่งพุ่งควั่บตรงเข้าหาเปียวเกอ
เปียวเกอตื่นตัวแต่แรกอยู่แล้ว เนื่องจากหมัดของถังเทียนทำให้เขาต้องระวังตัวแจ แต่เขาได้กลายเป็นบุคคลสำคัญที่สุดลำดับสองของค่ายทหารชั้นนอกในสุสานใหญ่ก็ด้วยคุณค่าตนเองล้วนๆ เขามีประสบการณ์ต่อสู้อย่างเพียบพร้อมและมีความมั่นใจอย่างมาก เขาใกล้แตะถึงประตูพลังนักสู้ระดับห้าแล้วและทันทีที่เขาเข้าสู่ระดับห้า เขาก็สามารถกลายเป็นนักสู้ระดับเหล็กได้ เขามีบุคลิกที่ร้อนรนดุดันรุนแรง คนอื่นๆ เชื่อกันว่าตนเองถูกเนรเทศ แต่เขายังคงฝึกฝนตนเอง ตราบใดที่พลังปราณเที่ยงแท้ของเขาแตะที่ระดับห้าอย่างแท้จริง เขาก็สามารถไปจากที่เฮงซวยแห่งนี้ได้
เปียวเกอคำราม โดยไม่มีการตื่นเต้นเขาปรบมือเตรียมรับมือถังเทียน
รังสีทองรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าสามสายแบ่งโจมตีสองเส้นทางหนึ่งล่างหนึ่งบนบุกจู่โจมมาต่อหน้าถังเทียน ท่านี้คือท่าคิงคองวิเศษ และระดับความยากของท่าสูงมาก ตอนนี้แม้ว่าท่าคิงคองวิเศษจะดุร้าย แต่ก็ช้าตอนดึงฝ่ามือออกและความจริงนี้ก็รู้กันทุกคน รังสีฝ่ามือทองทั้งสามผนึกอยู่กลางอากาศก่อเป็นรูปสามเหลี่ยมสีทอง เหมือนกับว่าเป็นกำแพงทองแดง พลังของมันเพิ่มขึ้นและกระแทกใส่ถังเทียน
แน่นอนว่า เป็นพลังฝ่ามือระดับสี่
ปราณเที่ยงแท้ที่ถูกปลดปล่อยออกมาสามารถพัฒนาเป็นรูปแบบได้หลากหลาย
ถังเทียนเบิ่งตากว้างมองดู ความปรารถนาจะต่อสู้ของเขาเพิ่มขึ้น จะได้รู้ความแตกต่างของนักสู้ ความแตกต่างของพลัง ช่างน่ากระชุ่มกระชวยนัก
ผนังแสงสีทองกระแทกไปข้างหน้า ไม่มีพลังใดทนพอต้านทานมันได้
ถังเทียนสูดลมหายใจลึก นัยน์ตาเต็มไปด้วยความตั้งใจต่อสู้ปราณเที่ยงแท้ในร่างของเขามาถึงระดับสุดยอด เขาไม่ได้หลบ ความเร็วของอีกฝ่ายก็มิได้ลดลง
ผนังแสงสีทองพุ่งตรงเข้าหาเขาอย่างรวดเร็ว มันดูขยายใหญ่ขึ้นในสายตาเขา ถังเทียนระบายปราณออกมาและปล่อยหมัดของเขาออกไป
ร่างกระเรียนปล่อยเคล็ดสังหาร ถล่มทลาย
ปัง
ผนังแสงสีทองที่แข็งคล้ายเหล็กสว่างโพลนเหมือนหิมะเมื่อมันระเบิดฉับพลันลำแสงที่โดดเด่นเหมือนลูกดอกพุ่งออกมาอย่างเกรี้ยวกราด ระเบิดกำแพงหิมะทองพุ่งเข้าหาเปียวเกอ
สีหน้าเจ้าโล้นเปียวเกอเปลี่ยนไป เขาหลั่งเหงื่อเยียบเย็น พลังฝ่ามือคิงคองไม่เคยล้มเหลวในเงื้อมมือเขามาก่อน อย่างไรก็ตาม คู่ต่อสู้ของเขาใช้คิดวิชาระดับสามทำลายฝ่ามือคิงคองได้
เจ้านี่มีที่มายังไงกัน?
ถังเทียนที่ลอยตัวอยู่ในอากาศเปลี่ยนท่าหมัดเป็นกรงเล็บ และเหมือนกับว่าเขากลายเป็นอินทรีที่ไล่จับกระต่าย เขาพุ่งเข้าหาเปียวเกอ
กรงเล็บอินทรี!
ถังเทียนต้องถูกทรมานอยู่ในค่ายฝึกทหารใหม่จนกลายเป็นยอดฝีมือกรงเล็บอินทรีเป็นความลำบาก ตอนนี้นิ้วมือของเขาเป็นเหมือนตะขอ เสียงร้องดังขึ้นเหมือนเสียงกู่ร้องของนกอินทรี
แหลมคม ดุร้าย ยากจะเอาชนะได้
เจ้าโล้นเปียวเกอหลั่งเหงื่อเยียบเย็น เส้นผมบนหัวของเขาลุกชัน เขาไม่สนหมัดของเขาแม้แต่น้อยซึ่งมีแสงทองปกคลุม ร่างกายของเขาถอยหลังออกไป
ปัง!
กรงเล็บอินทรีและฝ่ามือปะทะกัน
กรงเล็บของถังเทียนในกลางอากาศตะกุยใส่ขณะที่เจ้าโล้นเปียวเกอยกฝ่ามือทั้งสองตั้งท่าป้องกันไว้เหมือนกับบดถั่วทำนมถั่วเหลือง
เจ้าโล้นเปียวเกอที่รู้สึกกลัวพลันรู้สึกว่าพลังของกรงเล็บของถังเทียนกลายเป็นผ่อนคลายขึ้น คู่ต่อสู้ของเขาใช้พลังทั้งหมดใจการโจมตีครั้งนี้ เจ้าโล้นรวบรวมพลังที่เหลือตะโกนสั่งทันทีว่า“ทุกคน ลุยมัน”
ใครจะรู้กันว่าเมื่อเท้าของถังเทียนสัมผัสพื้นเขากระเด้งกลับขึ้นมาโดยไม่ต้องเปลี่ยนลมหายใจเหมือนกับว่าเขาเป็นสปริง
ผัวะ ผัวะ
แต่ละก้าวของถังเทียนเล็กน้อยมาก แต่ว่าด้วยก้าวย่างที่ต่อเนื่องมีการระเบิดพลังออกมาอย่างน่าอัศจรรย์ ถังเทียนเร่งความเร็วได้จนสูงสุด
แปดก้าวไล่จับจั๊กจั่นมีการระเบิดพลังออกมามากและเป็นพลังที่มีประสิทธิภาพมาก
เจ้าโล้นเพียงรู้สึกว่าการมองเห็นของเขาเลือนรางก่อนที่ภาพเงาของถังเทียนจะปรากฏอยู่ต่อหน้าของ เจ้าโล้นตกใจ เขาพลิกข้อมือและผลักฝ่ามือคิงคองออกไป
ฝ่ามือและกรงเล็บปะทะกันแต่เจ้าโล้นเปียวเกอรู้สึกปวดร้าวที่ทรวงอกเหมือนกับว่ามีมีดชำแหละแทงเข้ามาในหัวใจเขา และขณะเดียวกัน เขาไม่สนใจอะไรอย่างอื่น เขายืมพลังนี้ดึงตัวถอยหลังออกไป
ถังเทียนกำลังสนุกกับการต่อสู้ ไม่มีความตั้งใจจะยั้งมือแสดงความเมตตาด้วยการขยับร่าง เขาก้าวไปด้วยวิชาปักหลักกลางหาว เหมือนกับว่าเขาถูกบางอย่างสิง เขามาปรากฏตัวอยู่ด้านข้างเหมือนภูตผี ในขณะเมื่อเจ้าโล้นพ่ายแพ้ มือของเขาวางอยู่ที่ไหล่ของเจ้าโล้น
และจากนั้น เจ้าโล้นก็ถูกโยนขึ้น
ร่างของเปียวเกอหนักและแข็ง แต่กลับดูเหมือนไม่มีอะไรเมื่ออยู่ในมือของถังเทียน
วิชาข้อต่อลูกโซ่
ปัง ปัง ปัง
บุรุษร่างล่ำสันสองสามคนที่ได้ยินคำสั่งของเจ้าโล้นและพุ่งเข้าหาถังเทียนทุกคนถูกถังเทียนเหวี่ยงกระเด็นไปไกล
เงาของเขาบินไปทั่วทุกที่ เสียงร้องของเขาดังขึ้นทุกที่ และเสียงร้องของเขายังดังต่อไป
เมื่อถังเทียนหยุด เจ้าโล้นก็อยู่ในมือของเขา นัยน์ตาของเขาเหลือกค้างและน้ำลายฟูมปาก เขาหมดสติไปแล้ว
ถังเทียนลังเล ขณะที่เขามองดูเจ้าโล้นเป็นครั้งสุดท้าย การดูนั้น ทำให้ดูเหมือนว่าเขาไม่สามารถทนได้จึงเหวี่ยงเจ้าโล้นออกไป
เด็กหนุ่มอื่นอีกเจ็ดคนตะลึงกันหมด พวกเขาจ้องมองบุรุษผู้ร้องขอชีวิต จากนั้นก็เหลือบมองถังเทียน เด็กหนุ่มบางคนที่เคยล้อถังเทียนหน้าซีดขาว ไม่มีสีเลือดบนใบหน้าเขาเลย
ถังเทียนยังคงโยนเจ้าโล้นลงพื้นและพึมพำ “อ่อนเหลือเกิน? แกเป็นนักสู้ระดับสี่ไม่ใช่เหรอ ดูเหมือนไอ้บ้านี่เป็นสินค้าปลอมกระมัง....”
ถ้าเจ้าโล้นยังคงตื่นอยู่ และได้ยินคำพูดเชือดเฉือนใจนี้ คงรู้สึกปวดใจ
ถังเทียนที่แต่เดิมตั้งใจจะสู้กับผู้นี้อย่างยุติธรรมกลับสูญเสียความกระตือรือร้นและเริ่มตรวจสอบสินสงคราม บุรุษร่างกำยำถูกจับแก้ผ้าทีละคนๆ จากนั้นถังเทียนโยนพวกเขาไปไว้ข้างๆ อย่างสบายๆมนุษย์เปลือยถูกจับโยนทีละคนจนกองเป็นปิรามิดมนุษย์
กองมนุษย์ที่อยู่ข้างหน้าถังเทียน ไม่ได้ทำเขามีความสุขเลยแม้แต่น้อย
ความจริงพวกเขาเป็นกลุ่มผียากไร้ทั้งนั้น
นักสู้จากสมาพันธ์เกียรติยศนักสู้ชาวยุทธตกต่ำอยู่ในสภาพอนาถาขนาดนั้นจริงๆน่าขายหน้ายิ่งนัก พอคิดถึงความร่ำรวยของข่งต้าเริ่นและสนามซ้อมขจัดจุดอ่อนแล้วถังเทียนน้ำลายหกไอ้บ้าพวกนี้ไม่มีแม้แต่สมบัติชั้นทองแดงเลยสักชิ้น จนเป็นบ้า
เดิมทีถังเทียนคิดว่าจะเก็บเกี่ยวความมั่งคั่งได้บ้าง ทันใดนั้นเขาพบว่าเขาสูญเสียความพยายามในการต่อสู้ ทำให้อารมณ์ไม่ดี
ไม่สิ, เป็นไปได้ไงที่นักสู้จากสมาพันธ์เกียรติยศชาวยุทธจะจน? พวกเขาต้องซ่อนของดีๆเอาไว้แน่
เขาใช้สายตาไม่เป็นมิตรตรวจสอบไปรอบๆ ถังเทียนสังเกตเห็นกองไม้ที่มุมหนึ่ง
เขาเอาแผ่นกระดานมาเรียงกัน และมัดบุรุษล่ำสันร่างเปลือยแต่ละคนเข้ากับไม้
ถังเทียนหาม้านั่งได้ และนั่งดูด้วยสีหน้าบึ้งตึง
“แก!” ถังเทียนสุ่มชี้ไปที่เด็กวัยรุ่นคนหนึ่ง “ไปเอาถังน้ำมา”
เด็กหนุ่มตกใจกลัวจนหน้าซีด แต่หลังจากได้ยินคำสั่งถังเทียนแล้ว หน้าเขาค่อยมีสีเลือด ไม่กล้าพูดอะไรต่อเขารีบไปหาถังน้ำไม้ทันที
ไม่นานนัก เด็กหนุ่มก็หิ้วถังน้ำมาวาง
ที่ลานกว้าง แผ่นกระดานไม้เรียงรายในระยะเท่ากันกลุ่มเด็กหนุ่มยังคงเงียบด้วยความกลัวอยู่ห่างๆมีแต่ถังเทียนคนเดียวที่นั่งอย่างสบายอารมณ์
หนุ่มน้อยถังนั่งอยู่บนม้านั่งทำเหมือนเป็นหัวหน้าแก๊งค์มาเฟียมานาน เขาถอนหายใจด้วยสีหน้าหดหู่ “จริงๆ เลยวะ,ไม่ได้เป็นเป็นหัวโจกจอมเกเรมาหลายปีแล้ว...”
“แต่... รู้สึกว่าดีเหมือนกัน...”