ตอนที่ 59 ค่ายทหารชั้นนอก จิ่งหาว
เมื่อถังเทียนลืมตาตื่น เขารู้สึกผ่อนคลายและมีพลังไม่ธรรมดา นี่เป็นการพักผ่อนที่แท้จริงครั้งแรกของเขา ตั้งแต่เขาเข้าไปค่ายฝึกทหารใหม่ ได้นอนสิบแปดชั่วโมงรวด ความเมื่อยล้าหายไปหมดสิ้น อาการฟกช้ำทั้งหมดฟื้นคืนและเริ่มจางหาย
ตุ้บ! เขากระโดดลงจากเตียง เหยียดแขนทั้งสองและกล่าวว่า “ถังเทียน, ไป ไป ไป”
ปัง ปัง ปัง!
เสียงเคาะประตูดังขึ้นทันที ขณะที่เสียงหงุดหงิดดังออกมาจากประตู
“ออกมาได้แล้ว เรามาถึงจุดหมายเรียบร้อยแล้ว รีบออกมา”
ถังเทียนมองเหม่อ จากนั้นนั้นรีบเปิดประตูทันที
เรามาถึงแล้วหรือ?
เขาสงสัย ค่ายทหารชั้นนอกของสมาพันธ์เกียรติยศชาวยุทธเป็นยังไงเหรอ? ได้ฟังผู้เฒ่าเว่ยและคนของสมาพันธ์เกียตติยศชาวยุทธชมเชยว่าเป็นเหมือนสวรรค์ที่มีดอกไม้บานสะพรั่งไปทุกหนแห่ง ถังเทียนคาดหวังไว้มากกับสมาพันธ์เกียรติยศชาวยุทธ เมื่อตอนที่เขาแยกกับอาโมรี่และคนที่เหลือนั้นกะทันหันมาก นอกจากนั้น ช่วงระหว่างเวลานี้ เขาถูกลุงปิงเคี่ยวกรำวันแล้ววันเล่า เมื่อใดก็ตามที่เขาฝึกเสร็จ เขาจะอยู่ในอาการป้ำๆ เป๋อๆ และเหน็ดเหนื่อย
เมื่อออกจากห้อง เขาพบเด็กอื่นตามทางสองสามคน และถังเทียนอดขมวดคิ้วไม่ได้ ก่อนนั้น เขาไม่ได้สังเกตพวกเด็กๆ แต่ตอนนี้ เขาเพิ่งตระหนัก ใบหน้าของทุกคนมีลักษณะหวาดกลัว ถังเทียนประหลาดใจอย่างมาก เพราะในสายตาเขา คนเยาว์วัยคนหนึ่งได้รับเลือกให้เข้าสมาพันธ์เกียรติยศชาวยุทธ อย่างน้อยก็ควรจะเต็มไปด้วยชีวิตชีวาและมีพละกำลังเหมือนกับอาโมรี่และคนที่เหลือ
แต่สิ่งที่เขาเห็นในคนพวกนี้ก็คือ ไม่มีความกระตือรือร้น ไม่มีเรี่ยวแรง พวกเขายังคงอายุเยาว์ แต่กลับทำให้ถังเทียนรู้สึกหนักใจและความกระตือรือร้นลดลง
นั่นแปลกจริงๆ
ถังเทียนมึนงง แต่ไม่คิดอะไรมากไม่มีความตั้งใจจะอยู่ในสมาพันธ์เกียรติยศชาวยุทธนานนักอยู่แล้วและตั้งใจให้เวลาตนเองสำเร็จวิทยายุทธระดับสามของเขาอย่างสมบูรณ์จากนั้นค่อยไปหาเชียนฮุ่ย
เป้าหมายของเขาคือสวรรค์วิถี และสมาพันธ์เกียรติยศชาวยุทธเป็นแค่หินหยั่งเท้าก้าวเดินเท่านั้น
ประตูยานโดยสารเปิดออกและนักสู้ชั้นเหล็กตะโกนลั่น “ออกมาจากยานได้แล้ว”
เด็กทุกคนมองหน้ากันเอง แต่ไม่มีใครขยับ พอเห็นเช่นนี้ถังเทียนขยับเดินออกมาและเขาออกจากประตูยานเป็นคนแรก
เมื่อถังเทียนออกมาจากประตูยาน เขาก็ตะลึงกับภาพที่อยู่เบื้องหน้าเขาทันที
เบื้องหน้าเขาเป็นเขาสูงตระหง่านตรง ตัวเขาสูงและคดเคี้ยว แต่ทำให้ถังเทียนหนาวสะท้าน ยอดเขาทั้งหมดเต็มไปด้วยรูถ้ำมากมายและดูเหมือนรังผึ้งมหึมา อากาศเย็นจากภูเขาแผ่กระจายไปทั่ว และมีเสียงหวีดหวิวดังน่ากลัวเหมือนกับว่ามีสัตว์ประหลาดนับไม่ถ้วนอยู่บนภูเขาเดี๋ยวโผล่เดี๋ยวหาย
กลุ่มเด็กโตทั้งหมดสั่นกลัวจนหน้าขาวซีด และนักสู้ระดับเหล็กสองคนมีท่าทางเหมือนกับจะเห็นใจ แต่ก็แฝงแววเยาะเย้ยอยู่ในสีหน้า
“โห, ที่นี่นับว่าไม่เลวเลย”
ถังเทียนตะโกนลั่น เสียงได้ยินเข้าหูทุกคน เขาจ้องไปที่ยอดเขาที่เหมือนรังผึ้งด้านบนด้วยสีหน้าตื่นเต้น “ถ้าเราสามารถปีนเขานั้นได้ ฉากภาพที่เห็นต้องเป็นเหมือนนรกแน่”
“ไม่มีใครสามารถปีนขึ้นไปถึงยอดได้” เสียงเย็นชาดังขึ้นข้างหลังเขา
ถังเทียนมองดูตามเสียงและพบว่าเป็นบุรุษวัยกลางคนสวมชุดนักสู้สีเทาปรากฏอยู่ด้านหลังเขา ร่างของเขามีสัญลักษณ์ที่โดดเด่นที่แสดงให้เห็นว่าเขาเป็นนักสู้ระดับบรอนซ์
บุรุษหัวเกรียนและบุรุษมีเครายิ้มประจบทันที “ท่านจิ่งหาว! คนใหม่ที่มาทั้งหมดนี้มีแปดคน และพวกเขาถูกส่งมาทั้งหมดแล้ว”
จิ่งหาวไม่เปลี่ยนท่าที “แล้วสินค้าเล่า?”
“อยู่นี่ทั้งหมด” บุรุษไว้เคราตอบทันที “เพราะเราคิดว่าครั้งต่อไปเราจะเดินทางมาที่นี่ในอีกสามเดือนข้างหน้าเราจึงนำสินค้าที่เพียงพอหนึ่งเดือนมาโดยเฉพาะ”
จิ่งหาวมีสีหน้าเฉื่อยชาผงกศีรษะกว่า “ขอบใจพวกแกทุกคน”
พูดจบแล้วเขาเดินไปเปิดดูตู้สินค้า และใช้เพียงมือเดียวกองสินค้ากองเล็กก็หายวับไปในทันที
“เอ๋, คุณใช้ตู้อาวุธอควาเรียสด้วยหรือนี่?” ถังเทียนนัยน์ตาเป็นประกาย
จิ่งหาวจ้องมองถังเทียนอย่างเย็นชาทันที และไม่สนใจเขาจากนั้นพูดกับนักสู้ชั้นเหล็กสองคน “พวกแกกลับไปได้แล้ว”
“ขอรับ” ทั้งสองคนลนลานจากไปทันที
ในเวลาสั้นๆ ยานโดยสารส่งเสียงกระหึ่ม และหายไปในอากาศโดยไม่เหลือร่องรอย
ภายในห้องนักบิน เหมือนกับว่าเขาได้ปลดภาระออกจากอก ลูกเรือหัวเกรียนปาดเหงื่อที่หน้าเขา “ปราณกดดันของท่านจิ่งหาวแข็งแกร่งจริงๆ ฉันไม่รู้ว่าเบื้องบนคิดยังไงถึงได้ให้ท่านจิ่งหาวมาอยู่ที่นี่”
“เป็นเพราะขัดใจใครบางคนไม่ใช่หรือ?” บุรุษไว้เคราผ่อนลมหายใจ แล้วพูดอย่างเสียใจ“ถ้าไม่อย่างนั้นคนที่มีพลังอย่างท่านจิ่งหาว ทำไมถึงต้องมาลงเอยที่นี่?”
ทั้งสองคนถอนหายใจพร้อมกัน
※※※※※※※※※
จิ่งหาวชำเลืองมองคนมาใหม่อย่างไม่ใส่ใจนักและพูดว่า “ตามมา”
เขาหมุนตัวแล้วเดินทันที ขณะที่เด็กที่เหลือรีบเดินตามให้ทันทั่วทุกที่เต็มไปด้วยรูทุกขนาด และบางที่ๆก้าวย่างเดินจะมีเสียงสะท้อนทำให้คนรู้สึกกลัว
“ถ้าพวกแกตกลงไปจะไม่มีผู้ใดช่วยพวกแกได้” จิ่งหาวบอกกลุ่มที่เดินตามมาอย่างเย็นชา
เด็กมาใหม่ยิ่งกลัวมากกว่าเดิม ขณะที่ถังเทียนถามด้วยความสงสัย “ข้างล่างมีอะไร?”
“รังมรณะ” จิ่งหาวพูดคำนี้เสร็จ จึงเดินต่อไป
ทุกคนใช้วิชาตัวเบาทันทีและตามไปติดๆ ถังเทียนใช้วิชาแปดก้าวไล่จับจั๊กจั่นดึงดูดความสนใจของทุกคนแม้แต่จิ่งหาวก็มองดูด้วยสายตาสงสัย “แปดก้าวไล่จับจักจั่น?”
“ถูกแล้ว, แปดก้าวไล่จับจั๊กจั่น! ถังเทียนหัวเราะอย่างสุภาพ
มีบางคนที่หัวเราะออกมาเบาๆ ขณะที่คนที่เหลือมีสีหน้าแสดงความรังเกียจ จิ่งหาวส่ายหน้าและเพ่งดูถังเทียนเหมือนกับว่ามองดูคนตาย ถ้าไม่มีพลังยุทธระดับสี่ย่อมเป็นไปไม่ได้ที่จะรอดชีวิตอยู่ที่นั่นได้ แต่เขาไม่มีความสนใจเรื่องอย่างนั้นอยู่แล้ว
บางคนเหินบินขึ้นไปสูงและเมื่อพวกเขาไปถึงปากทางเข้าถ้ำ พวกเขาก็ตระหนักว่า ที่ใต้เท้าและถ้ำอื่นๆนั้นแตกต่างกัน
มีเชือกเส้นหนึ่งผูกที่หินก้อนหนึ่งที่ปากทางเข้าถ้ำและปลายอีกด้านหนึ่งเข้าไปที่ท้ายถ้ำ
โดยไม่พูดอะไรสักคำ จิ่งหาวงอเอวของเขาเขาเขย่งปลายเท้าวิ่งเข้าไปในความมืดเหมือนค้างคาวที่คล่องแคล่ว พอเห็นเช่นนี้ พวกเด็กที่มาใหม่รีบตามหลังเขาไปทันทีบางคนยังมีสีหน้าเหมือนกับตัวตลก วิชาตัวเบาระดับสามแปดก้าวไล่จับจักจั่นเป็นที่รู้กันอย่างกว้างขวางถึงการระเบิดพลังของมัน ยากมากที่จะใช้เดินบนเชือกได้
เจ้าเด็กนี่คงทำได้แต่เพียงโหนเชือกใช้ขาและมือไต่ไปตามเชือก
ถังเทียนไม่พูดอะไรและโน้มตัวพุ่งเข้าไป
ทุกคนนัยน์ตาเบิกกว้างจ้องมอง เจ้านี่บ้าไปแล้วเหรอ?
ถังเทียนยืนอยู่บนเชือกและผ่อนคลายตัวเองสบายๆ จากนั้น คนอื่นก็สามารถสังเกตเห็นรองเท้าบรอนซ์ธรรมดาที่เท้าของเขา
คนที่มีตาดีคนหนึ่งรู้สึกทึ่ง “รองเท้าม้าบิน”
“มิน่าเล่า....”
ทุกคนอิจฉาตาร้อนทันที รองเท้าม้าบินเป็นสมบัติที่มีประโยชน์มาก และช่วยยกระดับมาตรฐานวิชาตัวเบาได้อย่างมากมาย สมบัติแบบนี้ใครๆ ก็ชอบ ไม่มีใครรังเกียจอยู่แล้วถ้าวิชาตัวเบามีมาตรฐานดียิ่งขึ้น ที่สำคัญคือยิ่งมีวิชาตัวเบาแข็งแกร่งก็ง่ายที่จะควบคุมการต่อสู้ได้
ถังเทียนไม่ชอบท่าทางของพวกเขา พวกเขาทุกคนแววตาแข็งกระด้างไม่อ่อนโยนซึ่งถังเทียนสามารถระบุได้ทันที
ถังเทียนไม่สนใจคุยกับพวกเขา ขณะที่เขายืนตรงอยู่บนเชือกและเคลื่อนไหวไปเป็นจังหวะกระเพื่อมของเชือก
เสียงไม่พอใจของจิ่งหาวดังมาจากข้างหน้า“พวกแกทุกคนกำลังทำอะไร?”
ขณะที่ทุกคนถูกปลุกให้ตื่นจากฝัน และเริ่มวิ่งไปข้างหน้าทันทีปล่อยให้ถังเทียนตามหลังทุกคนมาอย่างสบายๆ
ในถ้ำมืดมิดและที่ผนังถ้ำมีตะไคร่ที่เรืองแสงได้ทำให้ถ้ำเรืองแสงสลัวและสงบเย็น
เชือกยาวประมาณสิบเมตรซึ่งคนที่ตามมาถึงปลายเชือกจะต้องเดินไปบนแง่งหินที่ยื่นออกมา
ถังเทียนมองลงดูที่เท้าของเขา แค่เห็นแต่ตัวเองลอยอยู่ในอากาศมันเป็นที่เต็มไปด้วยซอกหลีบหินแน่นขนัดสานกันไปมาเชื่อมถึงกันได้ทุกที่ หินที่สานกันไปมาเป็นซอกหลืบเหล่านี้เป็นเหมือนช่องส่งพลังงานภายในรังผึ้ง เท่าที่มองดู ถังเทียนยังมองไม่เห็นพื้น
เป็นสถานที่ประหลาด
ถังเทียนรู้สึกวิตก สถานที่นี้น่าพิศวงหนาวและบรรยากาศมืดมัวทำให้ถังเทียนไม่ชอบที่นี่
จิ่งหาวเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูง ยังคงเหินบินผ่านซอกหลืบหินอย่างต่อเนื่อง ขณะที่พวกที่เหลือเริ่มมึนงงเพราะซอกหลืบหินที่ซับซ้อน พวกเขาร่อนผ่านน้ำไปอย่างรวดเร็วมากและยังคงเคลื่อนที่ไปข้างหน้าซึ่งมีสายน้ำเชี่ยวกรากขวางอยู่ข้างหน้าพวกเขา
แม่น้ำกว้างราวๆ สามสิบเมตรมีปริมาณน้ำที่มากมาย กระแสน้ำไหลเชี่ยวกรากเสียงดังสนั่นจนกลบเสียงอื่นๆ
พวกเขามุ่งหน้าไปตามริมฝั่งเป็นระยะหนึ่งก็พบน้ำตกใต้ดินขนาดมหึมา บนพื้นสูงใกล้ฝั่งแม่น้ำ มีบ้านสองสามหลังตั้งอยู่เหมือนกับว่าเป็นหมู่บ้านเล็กๆ
กระแสถาโถมของน้ำตกทำให้เกิดฟองขาวฟูฟ่องเหมือนหิมะแทบเอาไปใช้ดับเพลิงได้
จิ่งหาวพากลุ่มมาอยู่ที่ข้างน้ำตกซึ่งปกคลุมไปด้วยละอองน้ำและเสียงน้ำกระแทกกระทั้นดังสนั่น ร่างของจิ่งหาวเปล่งแสงสว่างสลัวๆ เหมือนบอลแสงลอยไปตามน้ำตกโดยตรงและพุ่งเข้าไปฝั่งตรงข้าม
สายน้ำซึ่งมีกระแสไหลเชี่ยวและรุนแรงเหมือนใบมีดคมถูกจิ่งหาวแหวกแยกออกเป็นช่อง
ทุกคนรู้สึกถึงเพียงคลื่นดาบแสงที่คมกล้าผ่าน้ำตกจนขาดครึ่ง
ทุกคนจ้องปากอ้าตาค้าง พลังขนาดนี้
ทรงพลังเหลือเกิน...
ถังเทียนจ้องมองจิ่งหาวข้ามไปอีกฝั่งน้ำด้วยสายตาว่างเปล่าและถูกพลังของจิ่งหาวครอบงำโดยสิ้นเชิง พลังของจิ่งหาวเทียบกับผู้อาวุโสอู่จากวงกตวิญญาณห่างไกลกันลิบลับ
การตระหนักรู้เช่นนี้ทำให้ถังเทียนตื่นเต้น
ตามที่คาดไว้ สมาพันธ์เกียรติยศชาวยุทธเลือกค่ายทหารชั้นนอกสุ่มๆออกมาก็ยังผลิตยอดฝีมือที่ทรงพลังขนาดนั้นได้
ถังเทียนกำหมัดแน่นอย่างตื่นเต้น ทั่วทั้งร่างของเขาสั่นเนื่องจากตื่นเต้นเกินไป เพราะเหตุผลบางอย่างตลอดทั้งร่างของเขามีความกระตือรือร้นต้องการต่อสู้สูง ถ้าอยู่ในเมืองซิงฟงคงเป็นไปไม่ได้ที่จะพบนักสู้ที่แข็งแกร่งขนาดนี้
นี่คือเป้าหมายที่เราต้องเอาชนะ เราต้องเอาชนะให้ได้
เขาแข็งแกร่งมากจริงๆ...
ทันใดนั้น จิ่งหาวที่ไปอยู่ฝั่งตรงกันข้ามแล้วเงยหน้าและจ้องมองถังเทียน
ตาที่สดใสเป็นประกายนั้น สว่างแพรวพราว
มีคนหาเรื่องสู้กับฉันหรือ?
จิ่งหาวเหลือบมองฝั่งตรงข้ามและไตร่ตรองไม่แสดงอารมณ์มุมปากเขามีวี่แววขบคิด
ทุกคนรู้สึกตัวทันที พวกเขาไม่สามารถทำตามวิธีข้ามอย่างจิ่งหาวได้ มีคนหนึ่งมีสายตาแหลมคมสังเกตเห็นก้อนหินปรากฏอยู่กลางน้ำตก พวกเขาทำเป็นเหมือนก้าวไปบนหินทำให้ข้ามแม่น้ำไปได้
พวกเด็กหนุ่มก้าวข้ามแม่น้ำไปได้คนแล้วคนเล่า
จิ่งหาวทะยานขึ้นไปในอากาศโดยไม่พูดอะไรสักคำ
หลังจากนั้นชั่วขณะ เมืองน้อยก็ปรากฏอยู่ต่อหน้าทุกคน กลุ่มนักสู้ร่างกายกำยำยืนอยู่ที่ทางเข้าเมือง ทุกคนหน้าไร้ความปราณีเต็มไปด้วยแววเยาะเย้ย ขณะที่พวกเขาจ้องมองพวกเด็กหนุ่ม จิ่งหาวไม่หยุดและเดินเข้าไปในเมือง
หลังจากจิ่งหาวเดินผ่านเข้าไปแล้ว พวกบุรุษร่างล่ำสันทุกคนเดินออกมายืนตั้งแถว คนที่อยู่หัวแถวมีลักษณะดุร้ายศีรษะล้านแสยะยิ้มอย่างน่ารังเกียจ “ฮ่าฮ่า! เด็กๆ เอาของดีๆ ของพวกแกออกมามอบให้ฉันเสียดีๆ! อย่ารอให้ฉันค้นตัวพวกแก ขอประกาศให้รู้ไว้เลยว่าพวกแกอย่าทำให้เราโกรธจะดีกว่า!