ตอนที่ 58 ลุง
ถังเทียนแยกกับอาโมรี่และพวกที่เหลืออย่างรวดเร็ว แต่ไม่มีใครพบว่าแปลก ขณะที่มีการประกาศก่อนหน้านี้ว่าถังเทียนจะไปค่ายทหารชั้นนอก จากสิ่งที่ทุกคนเห็น แม้ว่าถังเทียนกำลังจะไปค่ายทหารชั้นนอก แต่ข่งต้าเริ่น (ท่านข่ง) ก็ได้สังเกตเห็นเขาและมีแผนจะส่งตัวเขาด้วยตัวเขาเอง
พวกเขาทุกคนกำลังคิดว่าพวกเขาต้องใช้เวลาในการฝึกฝนอย่างหนัก ครั้งต่อไปเมื่อพวกเขาพบกัน พวกเขาจะได้ไม่ถูกทิ้งระยะฝีมือห่างไกลจากเจ้าบ้านั่น
พวกเขามีปมในใจเพราะเจ้าเด็กนี่ ทำให้พวกเขาต้องเสียหน้า
ถังเทียนขึ้นไปบนยานโดยสารอีกครั้ง แต่เทียบกับรถบินโดยสารของข่งต้าเริ่น ยานโดยสารนี้อธิบายได้แต่เพียงว่า ยากจน
ถังเทียนไม่ได้เป็นเพียงคนเดียวที่ถูกส่งตัวขึ้นมา เมื่อมองไปข้างหน้ายังมีเด็กอายุราวสิบสามสิบสี่อีกเจ็ดคน พวกเขาทั้งหมดดูไม่มีความสุข และมีสีหน้าเศร้าหมอง แทบไม่พูดอะไรกันสักคำ
ถังเทียนไม่ได้สนทนาอะไรกับพวกเขา เนื่องจากเขาไม่มีเวลา
ถังเทียนต้องทนต่อสู้กับการฝึกฝนอย่างบ้าคลั่งของปิงทุกวัน
“เจ้าไม่กินอะไรมาหรือ? ข้าขอบอกเจ้า! ถ้าลูกน้องข้าฝึกแบบนี้ ข้าคงต้องทุบตีอย่างหนักแน่” ปิงลอยตัวและตะโกนกรอกหูเขา
ปิงบ้าไปแล้ว เหมือนกับว่ากลายเป็นอีกคน ดูเหมือนว่าเขาจะพอใจเคี่ยวกรำถังเทียนอย่างมาก
ตาแก่แข็งกร้าวและไม่ยืดหยุ่นนี่มาจากไหนกัน? ปิงผู้แทบไม่พูดอะไรก่อนหน้านั้นกลับชอบโก่งคอแหกปากร้องคำราม ตราบใดที่ถังเทียนทำไม่ได้มาตรฐาน เขาจะสบถด่าด้วยความโกรธ ถ่มน้ำลายลงมาไม่แสดงความเมตตาแม้แต่น้อย
เหมือนกับว่าตลอดทั้งคืน ร่างที่แท้จริงของปิงได้พบวิญญาณตนแล้ว
น่าเศร้าที่ดันเป็นวิญญาณแข็งกระด้างและโรคจิต
“เงยหน้าขึ้น เจ้าขยะ นี่ก็ผ่านไปสิบวันแล้ว แต่แกยังมีความก้าวหน้าอะไรบ้างไหม? แกโง่ขึ้นบ้างเล็กน้อยหรือไม่? ข้าฝึกทหารใหม่มาถึง 463,619 คน พวกเขาทุกคนแข็งแกร่งกว่าแกเป็นร้อยเท่ามาตรฐานอย่างแกนี่ ในกองทัพนี้ แกยังไม่มีคุณสมบัติได้เป็นคนทำครัวหรือทำความสะอาดด้วยซ้ำ”
ปิงลอยอยู่ในอากาศก้มตัวถ่มน้ำลายใส่หัวถังเทียน
ถังเทียนไม่ได้ตกใจแม้แต่น้อย มือของเขาไม่ได้ช้าลงเลย เขาโต้เถียง “ฮ่าฮ่าและที่นี่ฉันคิดว่านายใหญ่และเป็นคนสำคัญในอดีต แต่กลับกลายเป็นว่านายแค่เชี่ยวชาญในการฝึกจี้ก้นทหารใหม่”
“เชี่ยวชาญในการฝึกจี้ก้นทหารใหม่...” หน้าขาวของปิงยังคงไร้อารมณ์จู่ๆ ก็มีเส้นสีดำเหมือนประกายคลื่นผ่านไป
“เอาเลย!ขอให้หนุ่มชาวฟ้าผู้นี้แสดงให้นายดูว่าก้นแบบไหนถึงจะเรียกว่าหนุ่มอัจฉริยะ” ถังเทียนไม่กลัวแม้แต่น้อยและตะโกนกลับด้วยความโกรธ ความเร็วของมือเขายิ่งเร็วขึ้นทุกที
เกินกว่า 2-3 วันของการเคี่ยวกรำฝึกฝน กรงเล็บอินทรีของเขากลายเป็นมีพลังร้ายกาจมากนิ้วทั้งสิบเหมือนมีเพลิงสีเลือดลุกโชน และปล่อยเสียงหวีดหวิวแหวกอากาศทุกการเคลื่อนไหว
เทียบกับการฝึกหนักแบบเก่าของเขาแล้วรูปแบบการฝึกโหดในปัจจุบันได้ผลมากอย่างน่าทึ่ง
ปิงมองดูเงากรงเล็บและตกตะลึง ก่อนนั้น ในการฝึกหนักของถังเทียน เขามักสังเกตดูอยู่ในมุมมืด แต่จากประสบการณ์ของเขา การฝึกฝนของถังเทียนควรจะได้ผลในระดับธรรมดา เนื่องจากความจริงว่าพรสวรรค์ของถังเทียนนั้นน้อยนิดจนน่าใจหาย
การใช้คำพูดที่น่ากลัวไม่ค่อยได้ผลนัก มันเป็นพรสวรรค์ที่น่ากลัวมาก น่ากลัวที่สุดเท่าที่เขาเคยเห็นมาในประวัติศาสตร์
แต่กลับเป็นความดื้อรั้นและความเพียรของถังเทียน ทำให้เขาหวั่นไหว
ก่อนหน้านี้ ปิงไม่คิดจะเปิดค่ายฝึกทหารใหม่ จนกระทั่งถังเทียนมาถามเขาว่ามีอะไรที่เขาต้องการทำบ้างหรือ และเขาถูกกระตุ้นให้ทำเช่นนั้น หลังจากนอนหลับมานานจนสหายศึกของเขาทั้งหมดเปลี่ยนเป็นผงธุลีไปแล้ว และเหลือแต่เขาอยู่ผู้เดียวกลายเป็นวิญญาณแท้ที่ตื่นขึ้น
ปิงไม่เข้าใจว่าทำไมค่ายทหารถึงตกไปอยู่ในมือของถังเทียน
อย่างไรก็ตาม เมื่อถังเทียนเริ่มเข้าหลักสูตรฝึกทหารใหม่ ปิงก็ต้องตกใจในชีวิตเขา ปิงตกใจจากความจริงที่ว่าถังเทียนสามารถทนได้ จากตั้งแต่แรก ปิงรู้แล้วว่าถังเทียนสามารถสำเร็จหลักสูตรฝึกทหารใหม่ได้เพียงแต่ต้องการเวลาเพิ่ม ในช่วงเวลาสั้นๆนี้ เขาเข้าใจถังเทียนแล้ว เพราะความดื้อรั้นและความตั้งใจของถังเทียนทำให้เขารู้สึกตื่นเต้น
แต่ตอนนี้ สิ่งที่ทำให้ปิงตกใจก็คือระดับความเร็วของความก้าวหน้าถังเทียน เนื่องจากถังเทียนก้าวหน้าได้เร็วเกินกว่าที่เขาคาดไว้
สำหรับครูฝึกทหารคนหนึ่ง กับประสบการอบรมยอดทหารใหม่กว่า 463,619 คน เกี่ยวกับการประเมินความเร็วในความก้าวหน้าการฝึกฝนของคน ปิงมาถึงจุดรู้อย่างสมบูรณ์แบบ
อย่างไรก็ตาม ความก้าวหน้าของถังเทียนเกินคาดเขาไปมาก
ในวันแรก ถังเทียนทนอยู่จนตะวันขึ้นและในช่วงสุดท้าย เขาก็ไม่สามารถป้องกันได้อีกต่อไป
ตอนเริ่มต้นของวันที่สอง ปิงลอบเพิ่มความยากลำบากของการฝึกฝน
ถังเทียนไม่ทราบว่าความยากลำบากของการฝึกของเขา ก็คงเทียบกับวันเวลาเก่าๆของกองทัพดาวกางเขนใต้
ในวันที่เก้า ความยากในการฝึกของถังเทียนเพิ่มขึ้นอยู่ในระดับยากที่สุด
ภายใต้ความตั้งใจและกลัวความทรมานจากการฝึก วิชากรงเล็บอินทรีของเขาทำได้อย่างสมบูรณ์มานานแล้ว จึงเลื่อนเข้าสู่ในระดับต่อไป กรงเล็บอินทรีของถังเทียนไม่ด้อยไปกว่าวิทยายุทธระดับสี่โดยปกติแล้ว ที่ก้าวหน้ายิ่งใหญ่ที่สุดก็คือปราณกระเรียนในร่างของถังเทียนแม้ว่าตอนแรกปิงจะเห็นปราณกระเรียนจากการมองดูครั้งแรกเขาสามารถระบุข้อดีข้อบกพร่องได้ทันที
การฝึกถูกทุบตีทั้งหมดไม่ใช่สิ่งที่เขาคิดเค้นออกมาจากใจ
แม้ว่าพลังปราณเที่ยงแท้ของถังเทียนจะแตะถึงระดับสูงสุดของชั้นที่สาม สำหรับปิงแล้วยังถือว่าปริมาณไม่มากพอแต่ในแง่คุณภาพก็ถือว่าก้าวหน้า ร่างกระเรียนนั้นไม่ได้รับสัญญาณทางจิตใดๆเกี่ยวกับคุณภาพ สำหรับปิงนั้นหมายความว่าการฝึกปราณเที่ยงแท้ยังไม่ได้มาตรฐาน เขาตัดสินใจดำเนินการโจมตีให้สอดคล้องเพื่อปรับแต่งร่างกระเรียนของถังเทียน
ถ้าไม่ใช่เพราะถังเทียน ปิงคงไม่คิดวิธีแบบนั้นเป็นแน่
หวังเพียงแค่เจ้าเด็กตัวร้ายนี้สามารถอดทนต่อการฝึกแบบโรคจิตนี้ได้
แขนของถังเทียนเคลื่อนไหวรวดเร็ว ทั่วทั้งท้องฟ้าเต็มไปด้วยเสียงหวีดหวิวและบอลแสงต่อหน้าเขาก็พุ่งเข้าชนกำแพงไฟ ที่มีพลังเต็มที่ก็อาจแฉลบออกไป
“หนุ่มชาวฟ้าหรือ?” ปิงพูดเย็นชา “ไม่เคยมีใครกล้าอวดอ้างตัวเองว่าเป็นชาวฟ้า”
แม้ว่าจะเป็นประโยคที่สั้น แต่คำพูดของปิงก็เต็มไปด้วยความแข็งกร้าว
แต่ถังเทียนไม่กลัว และหัวเราะเสียงดัง“ดูเหมือนนายจะไม่รู้ตัวนะว่าไม่มีประสบการณ์, ลุง! ดังนั้นให้หนุ่มน้อยชาวฟ้านี้ช่วยขยายมุมมองให้และช่วยให้นายได้ทราบวิธีการที่มากมายในโลกนี้ ขณะที่หนุ่มน้อยชาวฟ้าผู้นี้มีวิญญาณนักสู้ไม่สิ้นสุด”
“ลุง...”ใบหน้าตรงของปิงมีเส้นดำสามเส้นขึ้นอยู่ที่หน้าผาก
“เว้นแต่ลุงพยายามทำตัวเป็นคนหนุ่ม? เฮ้, ลุง ผู้คนต้องรู้จักตัวเขาเอง แม้ว่าลุงจะไม่ยอมรับก็ตาม ลุงไม่ใช่หนุ่มๆ ต่อไปแล้ว ตรงกันข้ามกับหนุ่มน้อยชาวฟ้าผู้นี้ ลุงน่ะมีชีวิตผ่านโลกที่เปลี่ยนแปลงมามากแล้ว ไม่มีอะไรต้องปกปิด” ถังเทียนลืมความจริงที่ว่าเขาทำอะไรหลายอย่างพร้อมๆกัน คือตะโกนใส่ปิงและยังสู้กับบอลแสงไปพลาง
“ลุงผู้มีชีวิตผ่านโลกที่เปลี่ยนแปลง...” หน้าของปิงเต็มไปด้วยลายเส้นสีดำ
“อ่าฮะ, ยู้ฮู ลุงปิงผู้เปลี่ยนไปมาก ลุงปิงเปลี่ยนไปมาก ฮะฮะฮะเขาเปลี่ยนไปบ้างแล้ว เขาเปลี่ยนไปแล้วเขามีความเศร้าอยู่บ้าง....” ถังเทียนร้องเพลงส่งเสียงดัง
ปิงผู้ลอยอยู่ในอากาศชะงักค้างและครู่ตอมาลายเส้นสีดำบนหน้าเขาก็เปลี่ยนเป็นยิ้มที่ไม่น่าดู “เรามาดูกัน ใครจะเป็นคนเปลี่ยน ใครจะเป็นคนเศร้า”
บอลแสงทั้งหมดหยุดอยู่ในที่ห่างออกไป หยุดในร่องของตนและจู่ๆ พวกมันก็เพิ่มนัยน์แสงสีแดง
บอลแสงทั้งหมดเปลี่ยนรูปแบบของมัน และหันหน้าไปทางที่ถังเทียนยืนอยู่
บอลแสงทั้งหมดพุ่งมาทางถังเทียน
เพลงของถังเทียนหยุดลงทันที และเสียงร้องด้วยความกลัวของเขาก้องไปทั้งฟ้าและดิน
※※※※※※※※
“โชคร้ายจริงทุกครั้งที่ฉันต้องมายังที่เฮงซวยอย่างนี้ มันช่างบีบหัวใจจริงๆ” คนขับยานที่นั่งข้างหน้าเป็นบุรุษสวมชุดนักสู้ขาวยาวกับลูกเรือที่ผมเกรียนอดด่าไม่ได้ชุดยาวของเขามีเส้นดำซึ่งหมายความว่าเขาคือนักสู้ชั้นเหล็กที่มาจากสมาพันธ์เกียรติยศชาวยุทธ
นักสู้ระดับเหล็กเป็นนักสู้ระดับต่ำที่สุดในสมาพันธ์นักสู้ แม้แต่สมาชิกที่เข้ามาร่วมใหม่ๆผู้ไม่ได้ทำอะไรแต่ผ่านการทดสอบจะกลายเป็นนักสู้ระดับเหล็กไปโดยปริยาย แน่นอนว่าสมาชิกใหม่นั้นจะต้องแข็งแกร่างมาก จากนั้นหลังจากผ่านสอบนักสู้ระดับทองแดงแล้ว เขาจะได้รับการยกระดับเป็นนักสู้ระดับทองแดงทันที
ด้านข้างเขาเป็นนักสู้ระดับเหล็กอีกคนหนึ่งผู้มีเคราเต็มหน้า เขาปลอบใจว่า “ก็ไม่แย่นักหรอก เราแค่มาเที่ยวที่นี่เฉยๆ เป็นคนกลุ่มนี้ต่างหากที่จะต้องทนทรมานอยู่ต่อ”
“นั่นก็จริง” ลูกเรือผมเกรียนพูด“โชคดีที่ฉันไม่ได้ถูกส่งมาที่พังทลายนี้ในปีนั้น”
“แกไม่ได้ระรานใคร แล้วจะถูกส่งมาที่นี่ได้ยังไง?” บุรุษร่างล่ำบึ้กไว้เคราส่ายศีรษะ“มีแต่เพียงคนที่ไม่เป็นที่น่าพอใจเท่านั้นจึงถูกส่งมาที่นี่ คนที่นี่ทุกคนไม่สามารถกลายเป็นนักสู้ระดับเหล็กได้ และพวกเขาถูกกำหนดให้ส่งมาปกป้องที่นี้ตลอดไป”
“ฉันงงจริงๆ ทำไมเบื้องบนถึงได้สร้างค่ายรอบนอกในสถานที่เช่นนี้แม้แต่นกยังไม่ยอมบินผ่าน?” ลูกเรือผมเกรียนมองดูอย่างงุนงง
“เรื่องนั้นแกคงยังไม่รู้” บุรุษตัวใหญ่มีเคราอธิบาย“ช่วงเวลาที่ผ่านมา ระดับเบื้องบนพบว่ามีสมบัติบางอย่างที่นี่ แต่ในที่สุดหลังจากหาอยู่ครึ่งเดือนพวกเขาก็ไม่พบอะไร และหัวหน้าชุดนั้นก็เป็นนักสู้ชั้นเงิน”
“นักสู้ระดับเงิน!” ลูกเรือหัวเกรียนพูด“อย่าบอกฉันนะว่าเป็นระดับหัวหน้าหน่วยงาน?”
หัวหน้าหน่วยของกลุ่มนักสู้ทั้งหมดในหมู่ดาวเพอร์ซูสเป็นนักสู้ระดับเงิน
“นั่นเป็นไปได้ยังไง?” บุรุษที่มีเคราส่ายศีรษะ “นั่นเป็นเรื่องนานมากแล้วและฉันได้ยินมาจากรุ่นพี่ เกี่ยวกับที่นั่น ความเข้มข้นของพลังมีมากยิ่งขึ้นและถ้าปล่อยมันไว้อย่างนั้นก็อาจจะเสียเปล่า ดังนั้นระดับสูงก็อาจสร้างค่ายทหารชั้นนอกที่นั่นเหมือนกัน น่าเศร้าที่สถานที่นั้นมีสภาพแวดล้อมแย่มาก การเข้าหรือออกมาก็อันตรายมากดังนั้นไม่มีใครยินดีจะไป มันเป็นที่ไม่สมบูรณ์ มีสภาพร้างและจนถึงเดี๋ยวนี้ มีเหตุเกิดขึ้น”
“มีเรื่องขึ้นเหรอ? เรื่องอะไร?” ลูกเรือผมเกรียนถาม
“เรื่องก็ราวๆ ยี่สิบปีที่แล้วมีภูตอสูรดวงดาวที่แข็งแกร่งดุร้ายปรากฏตัวขึ้นในหมู่ดาวเพอร์ซูสและความสูญเสียที่เกิดในเวลานั้นรุนแรงมาก หลังจากสืบสวนดู ภูตอสูรนั่นมาจากสถานที่นั้น เบื้องบนกังวลว่าเรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้นอีกครั้ง ดังนั้นพวกเขาเห็นด้วยที่จะให้เปิดสุสานใหญ่ค่ายทหารชั้นนอกอีกครั้งเพื่อเป็นด่านหน้า” บุรุษไว้เคราอธิบาย
“สถานที่แบบนี้ไม่มีผู้ใดยินดีไป” ลูกเรือหัวเกรียนถอนหายใจ
“ใช่แล้ว, ไม่มีผู้ใดยินดีไป แต่ยังคงต้องมีคนไป ดังนั้นตอนนี้แกคงเข้าใจแล้วว่านี่คือสถานที่เนรเทศ” บุรุษไว้เครากล่าว
“มิน่าเล่า!” ลูกน้องผมเกรียนดูเหมือนจะเข้าใจจนได้ “ก็อย่างที่ฉันพูด ค่ายทหารชั้นนอกดีๆ อย่างนั้นทำไมถึงได้มาสร้างในที่นรกแตกนี้ด้วย”
“ความจริงก็มีส่วนที่ดีบ้างอยู่เหมือนกัน”บุรุษไว้เครากล่าว “ทางเบื้องบนรู้ว่าไม่มีคนยินดีไป แต่ไม่ว่าใครก็ตามที่ไปค่ายสุสานใหญ่ชั้นนอก ต่อให้พวกเขาไม่มีโอกาสได้เลื่อนเป็นนักสู้ชั้นเหล็กก็ตาม ตราบที่พวกเขายังอยู่ที่นั่นได้ครบสามปี พวกเขาจะได้รับสิทธิพิเศษของนักสู้ชั้นเหล็ก สำหรับคนธรรมดาๆ แล้ว การไปอยู่ที่นั่นได้นับว่าไม่เลวยกเว้นแต่พวกเขาต้องมีชีวิตอยู่ให้ได้เท่านั้น”
“นั่นก็จริง” บุรุษหัวเกรียนผงกศีรษะ “การสอบระดับเหล็กนั้นยากมาก หากไม่มีพลังเพียงพอ ได้ไปอยู่ที่นี่และได้รับสิทธิพิเศษของนักสู้ชั้นเหล็ก แค่นี้ครอบครัวก็ไม่ต้องกังวลอะไรแล้ว”
“นั่นน่ะสิ...”ขณะที่เขาทั้งสองสนทนากันพื้นที่เบื้องล่างพวกเขาปรากฏให้เห็นเหมือนกับถ้ำรังผึ้งหนาแน่นจำนวนมากมองดูจนสุดสายตา