ตอนที่ 57 ฝึกโดนทุบตี
ปึ้ก ปึ้ก ปึ้ก!
ถังเทียนเป็นเหมือนเป้า บอลแสงนับไม่ถ้วนพุ่งเข้าหาโจมตีเขาอย่างดุดันเป็นระลอก พลังของบอลแสงสมบูรณ์แบบทำให้ถังเทียนพบกับความเจ็บปวดแต่ไม่ถึงกับรุนแรงจนทำให้เขาหมดสติทันที
ปิงลอยตัวอยู่ในอากาศกล่าวด้วยเสียงแบบนั้น เพราะเหตุผลที่ไม่อาจรู้ได้เสียงเขาดูเย็นชาและไร้ความปราณี
“ใส่ใจพื้นที่ป้องกันของเจ้า เจ้าเรียนรู้วิทยายุทธมาสองสามอย่างไม่ใช่หรือ? บางวิชาก็สามารถใช้จู่โจมได้และบางวิชาก็สามารถใช้ตั้งรับ”
“ใช่แล้ว เจ้าไม่สามารถป้องกันการจู่โจมได้ทั้งหมด แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเจ้าจะต้องหยุดป้องกันตัวใช่ไหม?เจ้าควรใช้พลังทั้งหมดของเจ้า ศักยภาพทั้งหมดและป้องกันจู่โจมให้ได้สักเล็กน้อยก็ยังดี ป้องกันการโจมตีให้มากเขาไว้ ยิ่งเจ้าป้องกันการโจมตีได้มาก เจ้าก็ทนรับการโจมตีได้น้อยลงจากนั้นโอกาสที่เจ้าจะรอดอยู่ได้ก็สูงขึ้น”
“ข้าต้องเตือนเจ้าไว้ก่อนในขั้นตอนสำคัญอย่างนี้ กองทัพกางเขนใต้ในเวลานั้น ทุกเดือนโดยทั่วไป จะมีคนตายหกคนเนื่องจากความจริงที่ว่าพวกเขาถูกโจมตีหนักเกินไป”
เสียงที่แข็งกระด้างและไร้ความรู้สึกของปิงยังคงดังเข้าหูถังเทียนอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่พวกเขาเข้ามาในค่ายฝึกทหารใหม่ อาปิงยิ่งคล้ายกับคนมากแต่ เย็นชาไร้ความรู้สึก
ถังเทียนกัดฟันขณะอดทน เขาไม่มีโอกาสพูดตอบได้เลย แสงที่อยู่ต่อหน้าเขาหนาแน่น บอลแสงลอยเข้ามารวมกัน ทำให้เป็นเหมือนพายุบอลแสงที่อยู่ต่อหน้า ไม่ช้าถังเทียนก็ตระหนักได้ว่าหมัดพิฆาตน้อยและฝ่ามือเงาสลายใช้ประโยชน์ไม่ได้ในเหตุการณ์ข้างหน้านี้ แม้ว่าหมัดพิฆาตน้อยจะมีพลังหนักหน่วงแต่ระดับพลังโจมตีช้าเกินไปและแม้ว่าฝ่ามือเงาสลายสามารถครอบคลุมพื้นที่ได้กว้าง แต่ฝ่ามือเงาสลายเหล่านั้นก็ยังไม่สามารถควบคุมได้และไม่อาจป้องกันเขาจากอันตรายได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ใช้กรงเล็บอินทรีถือว่าดีที่สุด
บอลแสงมีขนาดเท่าฝ่ามือจะดีที่สุดถ้าใช้กรงเล็บอินทรีสามารถจับพวกมันได้เป็นอย่างดีเคล็ดการใช้กรงเล็บอินทรีอยู่ที่ก้าวเท้าโจมตีอย่างรวดเร็ว
ท่ามกลางแสงที่ส่องระยิบระยับ ถังเทียนเพ่งดูตามปกติ เขาไม่กล้าคิดฟุ้งซ่าน อะไรที่ทำให้เขาไขว้เขวจะทำให้เขาพบจุดลงเอยไม่ดี ก่อนหน้านี้ถังเทียนฟุ้งซ่านเล็กน้อย เขาถูกบอลแสงลูกหนึ่งพุ่งใส่จมูก ทำให้เลือดออก
เมื่อจมูกอ่อนถูกโจมตี ดูเหมือนถังเทียนจะสูญเสียพลังป้องกันไปทั้งหมด ร่างของเขาโดนโจมตีไปสามสิบหมัดก่อนที่เขาจะตั้งสติได้
หลังจากนั้น ถังเทียนก็สังเกตเป็นพิเศษเพื่อป้องกันอวัยวะสำคัญไว้ให้ดี
กรงเล็บคู่มีไฟหุ้ม ในพื้นที่ฝึกมันก่อตัวเป็นแผงเพลิง เมื่อใดก็ตามที่บอลแสงพุ่งกระทบแผงเพลิงก็จะกระเด็นออกไป
แต่ภายใต้แนวป้องกันบอลแสง ก็ยังมีทะลุทะลวงผ่านแนวป้องกันเข้ามากระแทกใส่ถังเทียนได้ ในเวลานี้ร่างกระเรียนภายในตัวถังเทียนโคจรพลังได้โดยอัตโนมัติ และขจัดความเสียหายมากกว่าครึ่ง แต่ก็ยังคงทิ้งรอยฟกช้ำไว้
ถังเทียนไม่ผ่อนการสกัดกั้นโจมตี ขณะที่เขาค่อยๆ จับเคล็ดได้ ขณะที่ป้องกันบอลแสง ถ้าเขาเพิ่มพลังมากมันจะสะท้อนกลับไปด้วยความเร็วสูงและสามารถกระแทกบอลแสงสองสามลูกที่กำลังเข้ามาให้กระเด็นออกไปด้วย
เป็นไปตามคาด วิธีการของถังเทียนได้ผล บอลแสงเหล่านั้นทั้งหมดที่ถูกสะท้อนออกไปกระแทกบอลแสงที่พุ่งเข้ามาทำให้ความตึงเครียดของถังเทียนลดน้อยลง
“ไม่เลวที่ค้นพบวิธีการที่ถูกได้” เสียงเยือกเย็นของปิงยิ่งเพิ่มความตื่นเต้นขึ้น
ปิงเงยหน้าและมองดูพระจันทร์ครึ่งเสี้ยวในท้องฟ้า “อดทนจนกว่าตะวันขึ้นจากนั้นเจ้าค่อยพักได้ แต่เจ้าต้องรับทราบไว้ด้วยขณะที่เวลาพักใกล้เข้ามา แรงกดดันที่เจ้าเผชิญจะเพิ่มมากยิ่งขึ้น”
น้ำเสียงแข็งกระด้างและเยือกเย็นดังก้องไปทั่ว
“นี่คือความหมายที่กล่าวกันว่า ‘ความมืดมิดก่อนรุ่งอรุณ”
ขณะที่ถังเทียนสบถอยู่ในใจ “ไอ้บ้าเอ๊ย, ปิงบ้าไปแล้ว มืดมิดอะไรกัน...”
เขาไม่กล้าฟุ้งซ่าน ความเร็วของกรงเล็บอินทรีเพิ่มขึ้น แต่ละกรงเล็บปล่อยเสียงแหลมแหวกอากาศ
ปิงเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจนเกินไป เจ้าตัวแสบผู้นี้อาจจะดูเหมือนโง่ในก่อนนั้น แต่เขาไม่มีนิสัยจู่โจมทำร้าย แล้วปัจจุบันกลิ่นอายที่ตื่นเต้นมาจากไหน?ตั้งแต่เขาเข้ามาฝึกในค่ายทหารใหม่ ปิงเหมือนเปลี่ยนเป็นคน แม้ว่าเขายังคงพูดเยือกเย็นแข็งเป็นหินและมักทำท่างงงวยเสมอ แต่ท่าทางของเขาเต็มไปด้วยบางอย่างที่เขาอธิบายไม่ได้เหมือนกับว่าเขาพบเป้าหมายของตัวเอง
ถังเทียนสับสน แต่เขาไม่มีเวลาคิดเรื่องนี้แม้แต่น้อย เพราะการจู่โจมที่ระดมเข้ามาตอนนี้ทำให้เขาแทบบ้ายิ่งขึ้น
ถ้าเป็นเหมือนสิ่งที่ปิงกล่าว หลายๆอย่างก็จะลำบากขึ้น
ถังเทียนกัดฟันแน่น เบิกตากว้างขณะที่เขาใช้พลังทั้งหมดทุ่มใช้วิชากรงเล็บอินทรีสร้างแผงเพลิงป้องกันได้ในระดับน่าอัศจรรย์ มีเพียงพลังระดับนี้เขาจึงจะสามารถทนต่อพลังโจมตีของบอลแสงได้
แต่จำนวนบอลแสงที่พุ่งเข้ามาต่อหน้าในตอนนี้เพิ่มจำนวนขึ้นอย่างต่อเนื่อง แรงกดดันของถังเทียนยิ่งเพิ่มมากขึ้น เมื่อถังเทียนไม่สามารถทนรับได้อีกต่อไป การป้องกันของเขาจึงพังทลายและบอลแสงนับไม่ถ้วนระดมกระแทกใส่เขาเหมือนสายฝน เขาร้องออกมาดังๆ ซึ่งเสียงกระจายออกไปไกล
ถังเทียนตกอยู่ภายใต้ความยุ่งเหยิงวุ่นวายบอลแสงจำนวนมากพุ่งโจมตีเขาที่ไม่สังเกตถึงความเปลี่ยนแปลงของปราณเที่ยงแท้ภายในตัวอย่างสิ้นเชิง
ร่างกระเรียนที่หนึ่งไม่สามารถทนรับไว้ได้อีกต่อไป ได้ระเบิดสลายไปเสียงดังปัง เมื่อกระเรียนร่างที่สองรู้สึกถึงอันตรายมันจึงโคจรช้าๆ และดูดพลังบอลแสงเข้ามาอย่างไม่หยุดยั้ง
ปิงลอยอยู่ในอากาศรำพึงว่า “การเริ่มต้นฝึกโหดแบบนี้ที่ระดับสาม สัตว์ประหลาดแบบไหนกันที่จะถือกำเนิดจากระดับนี้?”
ในคำพูดของเขา แฝงไปด้วยร่องรอยความตื่นเต้น
เป็นไปได้ไหมว่านี่คือตัวตนแท้จริงของเขาและภารกิจของวิญญาณ?
พระอาทิตย์เริ่มฉายแสงจากขอบฟ้าและความเร็วของบอลแสงช้าลงอย่างเห็นได้ชัด
ปัง
ถังเทียนที่ยังมึนงงอยู่ล้มลงกับพื้น ดำดิ่งสู่การหลับลึก
※※※※※※※※※※
ไม่มีใครสนใจถังเทียนอีกต่อไป ข่งต้าเริ่นคิดว่าถังเทียนทำสนามซ้อมขจัดจุดอ่อนพังเพราะเขามีสายเลือดที่พิเศษ นี่สามารถอธิบายถึงเหตุผลที่พรสวรรค์ของถังเทียนนั้นน่ากลัว เขายังมีความสามารถ นักสู้ผู้มีสายเลือดพิเศษมักจะมีพลังแน่นอน แต่พลังของสายเลือดนั้นแปลก ไม่มีความเกี่ยวข้องกับพลังธรรมดาแต่อย่างใดเลย
ข่งต้าเริ่นทุ่มเทความสามารถไปมากมายกับสนามซ้อมขจัดจุดอ่อน ถ้าเขาต้องจ่ายมูลค่าไปสำหรับการนี้และได้กลับคืนมาโดยพบคนมีพรสวรรค์ที่หาได้ยาก ข่งต้าเริ่นไม่ถือสาเลยแม้แต่น้อย แต่ถ้าสนามซ้อมขจัดจุดอ่อนถูกทำลายเพียงเพราะเจอกับนักสู้ผู้มีสายเลือดพิเศษ ข่งต้าเริ่นรู้สึกเจ็บปวดใจ
ลึกๆ นั้นเขาคิดว่าจะสร้างเวทีขจัดจุดอ่อนใหม่อย่างง่ายหรือจะสร้างใหม่ให้ดีเลิศกว่าเดิม?
ด้วยความเคารพต่อผู้อาวุโส พวกเขาไม่ได้สนใจถังเทียน อาโมรี่และคนอื่นคิดว่าถังเทียนกำลังอยู่ในระหว่างอบรมฝึกฝนพิเศษจึงไม่มีใครรบกวนเขา ตรงกันข้ามทุกคนมีแรงบันดาลใจ ถังเทียนใช้สนามซ้อมขจัดจุดอ่อนพิสูจน์ตัวเขาเองพวกเขาไม่อาจล้าหลังได้
การเดินทางเป็นไปอย่างราบรื่น
ในตู้โดยสารของสมาพันธ์เกียรติยศชาวยุทธไม่มีใครกล้ามีความคิดอะไร
หลังจากการเดินทางที่ยาวนานและยากลำบากมาเป็นเวลาสองเดือนก่อนที่พวกเขาจะมาถึงหมู่ดาวเพอร์ซูสในที่สุด
เมื่อขบวนรถหยุดลง ทุกคนมีความปลาบปลื้มยินดี พวกเขาอยู่แต่ในรถเป็นเวลาสองเดือนและทุกคนรู้สึกเบื่อ
ปัง!
อาโมรี่ผลักเปิดประตูดังปังด้วยพลังของเขาและพูดอย่างร่าเริงยินดี“ถังพื้นฐาน! ถังพื้นฐาน!ออกมาเร็วๆ เรามาถึงแล้ว”
ประตูเปิดออก ถังเทียนหน้าขาวซีด และอยู่ในอาการมึนงง เขากล่าว “เราถึงหมู่ดาวเพอร์ซูสแล้วเหรอ?”
“ใช่แล้ว เรามาถึงแล้ว” อาโมรี่ดูเป็นกังวล “ถังพื้นฐาน,นายดูไม่ดีเลย ป่วยหรือเปล่า?”
“ฉันสบายดี ก็แค่ฝึกหนักจริงๆ ฉันแค่ต้องการพักบ้างเท่านั้น” ถังเทียนรู้สึกอบอุ่นในหัวใจ และฝืนยิ้มเต็มหน้า
ร่างกายของถังเทียนเต็มไปด้วยรอยฟกช้ำ ปิงฝึกให้จนแทบเป็นบ้า แต่ละวัน ถังเทียนจะบาดเจ็บหนักถ้าไม่ใช่เพราะขี้ผึ้งนางพญาผึ้งใบไผ่ที่เขาพกมาด้วย บางทีเขาอยู่ในสภาพย่ำแย่กว่านี้ไปแล้ว เนื่องจากปิงฝึกให้ในค่ายเปิด ถังเทียนจึงเข้าไปฝึกในประตูดาวกางเขนได้ทุกวัน
ถังเทียนอดทนผ่านมาได้ทุกวัน
ไอ้บ้าปิง! เขาไม่แสดงความเมตตาเลย มีแต่จะฝึกโหดมากยิ่งขึ้น
“นายต้องดูแลสุขภาพตัวเองให้ดีฝืนเกินไปจะแย่ได้” อาโมรี่กังวล
“อย่าดูถูกฉันนะ! ฉันคือหนุ่มน้อยชาวฟ้า!” ถังเทียนจงใจมองอาโมรี่
แล้วอาโมรี่ค่อยหัวเราะอย่างสบายใจ “ก็อย่างที่นายพูดนั่นแหละ ใครจะเอาชนะหนุ่มชาวฟ้าอย่างนายได้เล่า?”
ถังเทียนลอบถอนหายใจ เจ้าวัวแมงวัน นายดูถูกคนบ้าทั้งโลกนี้ได้....
ในใจของถังเทียน ปิงนั้นบ้าไปแล้ว เขาไม่มีทั้งความสุภาพหรือโง่เลยสักนิด เจ้าบัดซบนั่นบ้าและเลือดเย็น ต่อให้เป็นหนุ่มน้อยชาวฟ้า ก็ยังแทบทนไม่ไหว
เมื่อถังเทียนคิดถึงเรื่องการฝึกฝนที่เขาต้องเข้าไปฝึกตอนกลางคืน นัยน์ตาเขาเบิกกว้างแทบฉีกขาด
“ไปกันเถอะ ไปกัน, เราลงไปกันเถอะ” อาโมรี่กระตุ้น
“อืม” ถังเทียนตอบและเดินไปอย่างอ่อนเพลียไม่มีแรง
เมื่อถังเทียนปรากฏ บางคนถึงกับตกใจ
หานปิงหนิงขมวดคิ้ว “ถังเทียน นายไม่สบายหรือเปล่า?”
อาโมรี่พูดอยู่ด้านข้าง “เขาฝึกหนักเกินไปเท่านั้น”
หานปิงหนิงค่อยเข้าใจ ด้วยคำพูดของหานปิงหนิง คนอื่นๆ รู้สึกได้ทันทีถึงแรงกดดันมหาศาล ถังเทียนแข็งแกร่งทรงพลังอยู่แล้ว แต่ก็ยังทุ่มเทชีวิตฝึกฝน พวกเขาจะมีข้ออ้างที่จะเกียจคร้านและเสียเวลาต่อไปได้หรือ?
ซือหม่าเซียงซานและคนอื่นๆตัดสินใจเงียบๆ ว่าพวกเขาจะใช้เวลาฝึกฝนเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
พวกผู้อาวุโสมีสีหน้าเหยียดหยาม ถังเทียนไม่เคยออกมาจากห้องเลยในช่วงไม่กี่วันมานี้ ฮืม..เป็นไปได้หรือที่เขาจะฝึกอะไรได้? ภายในรถ(ยาน)โดยสาร นอกจากห้องของข่งต้าเริ่นแล้ว ห้องอื่นๆ จะเล็กมาก นอกจากใช้นั่งแล้วในทางปฏิบัติเป็นไปไม่ได้ที่จะฝึกวิทยายุทธในห้องพัก
คนหนุ่มอย่างนั้นเพียงรู้แต่วิธีโอ้อวด นอกจากนั้น เขายังเป็นเด็กหนุ่มฝีมือธรรมดา
จากสิ่งที่เขาเห็น ความสามารถของถังเทียนล้วนเกิดขึ้นจากสายเลือด เขายังขาดพรสวรรค์ ขี้เกียจและรู้แต่วิธีโม้ คนอย่างนั้นผู้อาวุโสเห็นมามากนักแล้ว
แต่เขาไม่เปิดโปงแต่อย่างใด แค่ปล่อยให้เจ้าคนธรรมดานี้วิ่งไปตามเส้นทางของตนเองก็พอ
“ข่งต้าเริ่น” นักสู้คนหนึ่งมาถึงและมองเขาด้วยความเคารพ
“รัฐมนตรีของท่านอยู่แถวนี้หรือเปล่า?”ข่งต้าเริ่นยิ้มเล็กน้อย
“ท่านรัฐมนตรีตอนนี้อยู่ด้านหลังประตูขอรับ บางทีเธออาจจะออกมาตอนสิ้นเดือนหน้า” นักสู้ผู้นั้นรู้สึกเสียใจ “ถ้าเธอรู้ว่าท่านจะมา เธอคงจะมีความสุขขอรับ”
ข่งต้าเริ่นตกใจเมื่อได้ยินเช่นนั้น แต่สีหน้าเขาก็มีความสุขทันที “เธอถึงระดับแปดไปแล้วหรือ?”
“ขอรับ” นักสู้ผู้นั้นแสดงความชื่นชม “ท่านรัฐมนตรีบอกว่าระดับความสำเร็จสูงมากในรอบนี้”
“ดี ดีมาก!” ข่งต้าเริ่นยินดี ถ้าน้องสาวของเขาบรรลุพลังระดับแปดได้ อย่างนั้นก็หมายความว่าพลังของตระกูลข่งเพิ่มสูงขึ้นมาก เขารีบพูด “อย่ารบกวนเธอ ฉันมาที่นี่เพื่อส่งเด็กใหม่ที่มีพรสวรรค์จำนวนหนึ่ง พรสวรรค์ของพวกเขานับว่าดีและพวกเขาตั้งใจจะมาที่หมู่ดาวเพอร์ซูส ฉันจะส่งมอบพวกเขาให้”
“ขอบคุณที่นายท่านพิจารณา” นักสู้พูดด้วยความเคารพ สามารถได้สายเลือดใหม่มานับว่าเป็นข่าวที่ดีต่อหมู่ดาวเพอร์ซูส
“ยังมีอีกคนหนึ่ง เขาอาจเป็นนักสู้ที่มีสายเลือดพิเศษ คุณเอาเขาไปเข้าค่ายได้เลย หาคนที่อาการย่ำแย่เข้าค่ายได้ลำบากเหลือเกิน ให้นักสู้ผู้มีสายเลือดพิเศษค้นหาเส้นทางของเขาเองเถอะ” ข่งต้าเริ่นพูดตามปกติ
“ขอรับ” นักสู้ผู้นั้นรับคำอย่างรวดเร็ว ในใจเขาเลือกค่ายที่เลวร้ายที่สุดให้ถังเทียน
เป็นไปได้มากว่าเจ้าเด็กนี่คงสร้างความไม่พอใจให้กับพี่ชายของท่านรัฐมนตรีเป็นแน่น่าสงสาร