ตอนที่ 54 สนามฝึกหาจุดอ่อนและหนุ่มชาวฟ้า
รถโดยสารมีความยาวประมาณ 30 เมตร และกว้าง 9 เมตรและมีที่ว่างเป็นส่วนใหญ่
ทุกคนหมกมุ่นอยู่กับดูผนังโดยรอบ ผนังทุกด้านจะเต็มไปด้วยการ์ดวิญญาณ การ์ดทุกใบเป็นการ์ดวิญญาณชั้นเงินระดับสี่ มีวิชาต่อสู้ทุกประเภท ทำให้ทุกคนถึงกับตะลึง เพียงแค่ดูอย่างเดียวก็มีการ์ดวิญญาณมากกว่าสองร้อยใบ
ชายชราเริ่มแนะนำ “สนามฝึกจุดอ่อนนี้นายท่านใช้การ์ดวิญญาณถึง 271 ใบ ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นการ์ดเงินระดับสี่ครอบคลุมเกือบทุกวิชาต่อสู้ ใช้ค่าใช้จ่ายสูงมาก แต่เมื่อไม่คำนึงถึงค่าใช้จ่ายแล้วนี่นับเป็นผลงานชิ้นโบว์แดงที่ไม่ธรรมดา
ใบหน้าของข่งต้าเริ่นเห็นได้ชัดเจนว่ามีความพอใจและภูมิใจผลงานชิ้นโบว์แดงของตน
“สนามฝึกหาจุดอ่อน?” เป็นครั้งแรกที่มีผู้ชมดูได้ยินชื่อสนามฝึกอย่างนั้น
ชายชรายังคงกล่าวเสียงทุ้มต่อไป “การ์ดวิญญาณสองร้อยเจ็ดสิบเอ็ดใบ แค่มีการ์ดวิญญาณสองร้อยเจ็ดสิบเอ็ดใบ รถคันนี้สร้างโดยปรมาจารย์ท่านหนึ่ง ตราบใดที่มีหินดวงดาวเพียงพอ พลังวิญญาณเหล่านี้ก็จะได้ไม่ตาย ขุนพลวิญญาณในสนามฝึกฝนคัดเลือกมาอย่างดี ในบรรดาขุนพลวิญญาณนี้สามารถเอาชนะการ์ดขุนพลวิญญาณของพวกเจ้าได้ การสู้ครั้งแล้วครั้งเล่าที่ผ่านมาจนกระทั่งบัดนี้ ยังไม่มีศิษย์แม้แต่คนเดียวที่ผ่านการทดสอบนี้
ข่งต้าเริ่นหัวเราะลั่น “การ์ดวิญญาณระดับสูงนั้นแพงมากเกินไปและระดับต่ำก็ไร้ประโยชน์ อาจจะดีที่ใช้การ์ดระดับสี่ทั้งหมดและทำให้สนามนี้สร้างความบันเทิงได้”
หน้าของทุกคนชะงักค้างทันที มองไปรอบๆการ์ดวิญญาณระดับสี่สองร้อยเจ็ดสิบเอ็ดใบนี่มีความหมายเพื่อสร้างความบันเทิงให้เขาหรือนี่
“คุณกำลังบอกว่าเราสามารถลงไปสู้กับขุนพลวิญญาณทั้งสองร้อยได้ด้วยน่ะเหรอ?” ถังเทียนชี้ไปที่ผนัง ดูเหมือนกระตือรือร้นอยากจะลอง
“ถูกแล้ว” ข่งต้าเริ่นหัวเราะลั่น “ว่ายังไง? สนใจหรือเปล่า?”
“ได้เลย ได้เลย” ถังเทียนนัยน์ตาเป็นประกาย “ฝึกกับตัวเองทุกวัน น่าเบื่อเกินไปแล้ว”
การฝึกฝนอย่างหนักเบื้องหลังประตูดาวกางเขน หนึ่งรอบก็คือสิบวัน ฝึกแห้งๆอย่างนั้นน่าเบื่อทำให้คนแทบทนไม่ไหว แม้ว่าเขาเริ่มจู่โจมใส่กำแพงหมอกแล้วก็ตาม แต่ก็ยังไม่ใช่การต่อสู้จริงซึ่งทำให้เขารู้สึกหงุดหงิดโมโห
“นั่นก็จริง!เอาล่ะ, เธอจะเป็นคนแรก” ข่งต้าเริ่นหัวเราะ เขายังข้องใจเกี่ยวกับถังเทียนมาก ชายหนุ่มคนนี้ได้รับการยอมรับจากทุกคนและนั่นหมายความว่าเขามีพลังและความแข็งแกร่ง แต่ในวันทดสอบพรสวรรค์ของถังเทียนกลับแสดงออกมาว่าย่ำแย่มากและรั้งอยู่ท้ายสุด
ข่งต้าเริ่นเห็นคนมานับไม่ถ้วน แต่เป็นครั้งแรกที่ได้พบกับบุรุษหนุ่มที่แปลกอย่างนั้นดังนั้นเขายอมเสียไปหนึ่งตำแหน่งสำหรับกองทหารชั้นนอกของเขาเพื่อเลือกถังเทียน ค่ายทหารชั้นนอกไม่เข้มงวดเหมือนค่ายทหารชั้นใน ดังนั้นแม้ว่าถังเทียนจะทำไม่ได้ในอนาคต ความรับผิดชอบก็ไม่ได้ตกอยู่กับเขาทั้งหมด
พวกที่เหลือก็ไม่ได้คิดอะไรอื่น พวกเขาไม่คิดอะไรง่ายๆ เหมือนถังเทียนและอาโมรี่ พวกเขาฉลาดกันทุกคน สิ่งที่ข่งต้าเริ่นพูดไว้ในวันก่อน หลังจากขบคิดคืนหนึ่งพวกเขาจึงค่อยรับรู้สิ่งที่แฝงอยู่ในคำพูดของเขา พวกเขาสงสัยอยู่ว่าการทดสอบของเขาเริ่มต้นขึ้นแล้ว
ดีแล้ว ที่ถังเทียนวิ่งออกหน้าไปก่อน นี่จะทำให้พวกเขามองสถานการณ์ได้ชัดเจน
หานปิงหนิงเตือนเขาด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ระวังตัวด้วย”
“อ่าฮะ, คุณหนูไม่ต้องห่วง, ฉันคือหนุ่มน้อยชาวฟ้าเชียวนะ” ถังเทียนมีวิญญาณนักสู้เต็มเปี่ยม
หนุ่มน้อยชาวฟ้า...
ผู้เฒ่าหัวเราะเยาะ เรามาดูซิว่าแกจะพูดได้มากเพียงไหน สวะอย่างนั้นยังบังอาจทำเป็นอวดเก่ง ในใจของเขายิ่งรู้สึกว่าถังเทียนเป็นแค่เด็กปากโป้งดีแต่พูด แต่ความจริงแล้วไม่มีอะไร เขาเคยพบเห็นคนแบบนี้มามากมายแล้ว ถ้าข่งต้าเริ่นเลือกรับถังเทียนมาเก็บไว้ในค่ายทหารชั้นใน เขาคงแทรกแซงคัดค้านหัวชนฝาเป็นแน่ แต่เมื่อเป็นแค่ค่ายทหารชั้นนอก ดังนั้นเขาจึงไม่ยุ่งด้วย
เป็นเรื่องยากที่จะรอดอยู่ในค่ายรอบนอกได้ สัดส่วนจำนวนคนที่ถูกกำจัดออกไป เขารู้เป็นอย่างดี
“ถังพื้นฐาน, ลุย, ลุย, ลุยเลย, กำจัดพวกมันให้หมด” อาโมรี่ชูมือที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามทั้งสองส่งเสียงตะโกนลั่นกรอกหูจนคนอื่นๆ หูอื้อ
ข่งต้าเริ่นเหลือกตา กำจัดพวกเขาทั้งหมดน่ะหรือ?หึหึ พวกแกทุกคนดูถูกสนามซ้อมแห่งนี้เกินไปแล้ว เขาพยักหน้าให้ผู้เฒ่า และผู้เฒ่าเอาหินดวงดาวออกมาก้อนหนึ่ง เดินไปที่มุมห้องและใส่เข้าไปในเบ้าผนัง หินดวงดาวที่เป็นประกายและโปร่งแสงส่องแสงทันทีที่ถูกกดลงในเบ้า
แสงสีแดงรูปสี่เหลี่ยมลูกบาศก์ สว่างวาบบนพื้น
“เราต้องถอยออกมาจากเส้นสีแดง” ข่งต้าเริ่นพูด ทุกคนที่ได้ยินถอยออกมาจากแนวเส้นแดงทันที ขณะที่ทุกคนก้าวออกมา แสงไฟก็สร้างแนวพื้นตารางสี่เหลี่ยมขึ้นก่อนตัวเป็นม่านกั้นระหว่างถังเทียนกับพวกเขาไว้
พอเห็นรังสีกักตัวถังเทียนไว้ ถังเทียนเงยหน้ามองเพดานด้วยความสงสัย รังสีแสงที่ฉายอยู่บนตัวเขา ไม่ได้สร้างความเจ็บปวดหรือคัน แต่ชาบ้างเล็กน้อย
“รังสีแสงนี้มาจากตาแมวสีสวาด ตาแมวสีสวาดเป็นสมบัติดวงดาวระดับบรอนซ์จากหมู่ดาวแมวลิงซ์ และเป็นศูนย์กลางในการปกป้องเวทีมันมีความสามารถมองเห็นจุดอ่อนของคู่ต่อสู้ได้ จนถึงตอนนี้ สนามต่อสู้นี้มักจะเลือกขุนพลวิญญาณที่ดีที่สุดออกมาเผชิญหน้าคู่ต่อสู้ได้เสมอ”ข่งต้าเริ่นอธิบาย“และการ์ดวิญญาณทั้งสองร้อยเจ็ดสิบเอ็ดใบเป็นประเภทขุนพลวิญญาณทั้งหมด อย่าดูถูกว่ามันเป็นแค่ระดับสี่ นักสู้ระดับสูงหลายคนที่เข้ามาในเวทีนี้มักตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากเพราะเขา พวกเธอทุกคนไม่ควรจะคิดมากจนเกินไป ถึงแพ้ก็ไม่เป็นไร ความจริงเหตุผลที่ฉันสร้างสนามต่อสู้นี้ขึ้นมาไม่ใช่เพื่อมุ่งแต่จะชนะหรือแพ้ แต่เพื่อเอาชนะจุดอ่อนของตัวเอง นั่นคือเหตุผลที่ฉันใช้แต่การ์ดวิญญาณระดับสี่ เพราะว่าถ้าระดับสูงเกินไป กับแรงกดดันของพลังขุนพลวิญญาณ มันจะละเลยจุดอ่อนของฝ่ายตรงกันข้ามแทน”
หลังจากนั้นการ์ดวิญญาณสามใบบนผนังสว่างวาบขึ้น
“ตาแมวสีสวาดเลือกการ์ดวิญญาณแล้ว” ข่งต้าเริ่นกล่าว
แสงฉายไปที่การ์ดทุกใบ การ์ดสองร้อยเจ็ดสิบเอ็ดใบบนผนังทำให้ทุกคนจิตใจสะท้านหวั่นไหว
“นี่จำเป็นต้องใช้เวลาสักนิด” ข่งต้าเริ่นพูด “กำลังหาขุนพลวิญญาณที่เหมาะสม”
แสงที่ฉายไปไม่ช้าลงเลย และเร็วขึ้น การ์ดทุกใบบนผนังด้านแรกถูกฉายผ่านไป และลำแสงฉายไปที่ผนังด้านที่สอง
“น่าสนใจ” ข่งต้าเริ่นพูด “ผนังด้านแรกไม่มีการ์ดใดที่เหมาะสม ดูเหมือนหนุ่มน้อยถังผู้นี้จะแข็งแกร่งมากไม่เบา”
อาโมรี่มองอย่างยกย่อง “ถูกแล้ว,ถังพื้นฐานเป็นบุรุษชาวฟ้า”
บุรุษชาวฟ้า...
ซือหม่าเซียงซานและคนที่เหลือถึงกับย่นหน้าผาก ทุกครั้งที่พวกเขาได้ยินคำขวัญนี้ พวกเขาอดคิดไม่ได้ว่ามันหนุ่มชาวฟ้าหรือชาวปัญญาอ่อนกันแน่
แสงฉายผ่านการ์ดทุกใบไปอย่างรวดเร็วและจากผนังด้านที่สองก็กระโดดไปผนังด้านที่สาม
ข่งต้าเริ่นและผู้เฒ่าจ้องมองอย่างว่างเปล่า
ข่งต้าเริ่นหันมาถาม “เมื่อเร็วๆนี้สนามต่อสู้ไม่มีอะไรผิดปกติใช่ไหม?”
หน้าของผู้เฒ่าเต็มไปด้วยแววเหลือเชื่อ “ไม่มี,ก็เพิ่งใช้งานมาได้ไม่กี่วันนี้เอง”
นัยน์ตาของพวกเขาทั้งสองคนจ้องมองไปที่สนามต่อสู้ด้วยสีหน้าท่าทางแปลก ผนังทั้งสองด้านก็มีการ์ดวิญญาณรวมกันถึงร้อยสามสิบสี่ใบแล้ว นั่นหมายความว่าตาแมวสีสวาดตรวจหาการ์ดขุนพลวิญญาณเกินกว่าหนึ่งร้อยสามสิบสี่ใบนี้ ไม่มีใบใดที่สามารถปราบถังเทียนได้
การ์ดขุนพลวิญญาณหนึ่งร้อยสามสิบสี่ใบ ไม่มีแม้แต่ใบเดียวที่สามารถปราบถังเทียนได้...
นี่...นี่...นี่...
ผู้เฒ่าตกตะลึง ทันใดนั้นเขาตระหนักได้ว่าถังเทียนผู้นี้แปลกไปบ้างจริงๆ เขาคุ้นเคยกับเวทีปราบจุดอ่อนมาก และเขาก็มักใช้มันเสมอ ทั้งที่เขาเลยระดับสี่ไปแล้ว แต่ตราบใดที่เขายับยั้งพลังตนเองไว้ เขาก็ยังสามารถรักษาพลังระดับที่สี่และเวทีปราบจุดอ่อนแห่งนี้ก็จะตอบโต้เขาอย่างเหมาะสม
ถังเทียนผู้นี้....
ข่งต้าเริ่นมีสีหน้าหดหู่ เวทีปราบจุดอ่อนเป็นความคิดดั้งเดิมของตัวเขาเอง เขาทุ่มเทเวลาและความสามารถไปมาก และค้นหาตาแมวสีสวาดมาได้ การ์ดวิญญาณระดับสี่บนผนังทั้งสี่ด้านนั้น เขาได้คัดเลือกทักษะวิชาฝีมือต่างๆมาอย่างระมัดระวัง
แต่....
ทำไม....
บรรยากาศดูแปลกยิ่งขึ้น
หลังจากแสงฉายกวาดไปทั้งผนังด้านที่สาม มันข้ามไปที่ผนังด้านที่สี่
ข่งต้าเริ่นและผู้เฒ่าเป็นที่รู้จักกันดีในฐานะนักสู้ของสมาพันธ์เกียรติยศชาวยุทธต่างมองหน้ากันและกัน และไม่อาจทำใจเชื่อได้
“เฮ้, ทำไมวิญญาณขุนพลยังไม่ออกมาสักทีเล่า” อาโมรี่ประหลาดใจและไม่เข้าใจ ขณะที่ซือหม่าเซียงซานและคนอื่นๆมีสติปัญญาฉลาดกันทุกคน ดูจากสีหน้าของข่งต้าเริ่นและผู้เฒ่าแล้วก็พอจะเดาออก และคิดถึงสิ่งที่ข่งต้าเริ่นได้พูดถึงสนามกำจัดจุดอ่อนกับทุกคนพวกเขามีปฏิริยาบางอย่างขณะตั้งข้อสมมติฐาน
เว้นแต่... เว้นแต่ตาแมวสีสวาด ไม่สามารถหาจุดอ่อนของถังเทียนได้พบ?
ขณะที่พวกเขาเต็มไปด้วยความคิดเช่นนี้ พวกเขาไม่สามารถหยุดยั้งความคิดที่ครอบงำใจเขาได้
“เฮ้, เฮ้ เฮ้! ทำไมไม่ออกมาเสียทีเล่า” ถังเทียนรออยู่ในสนามต่อสู้ทนรอไม่ไวจึงตะโกนไปทางผนึกการ์ดวิญญาณ
การ์ดวิญญาณบนผนังไม่มีความเคลื่อนไหวแต่อย่างใด
นักสู้ทุกคนจากสมาพันธ์เกียรติยศชาวยุทธดูสับสนและไม่เข้าใจ พวกเขาไม่เชื่อสายตาตนเองขณะที่มองดูถังเทียนซึ่งอยู่ในเวทีอย่างว่างเปล่า
ไม่มีใครเข้าใจสนามกำจัดจุดอ่อนดีกว่าพวกเขา เนื่องจากพวกเขาฝึกฝนอยู่ในนั้นทุกวัน บางครั้งก็ฝึกเป็นกลุ่ม 3-5 คน และบางทีก็มีการวางเดิมพันกันด้วยใช้ปราณเที่ยงแท้ระดับสี่ต่อสู้ 2-3 รอบเป็นการเดิมพันที่พวกเขาชื่นชอบ
ไม่เคยมีสักคนเดียวในในเวทีปราบจุดอ่อนใช้ปราณเที่ยงแท้ระดับสี่ได้ถังห้ารอบหรือมากกว่านั้น
หลังจากทนอยู่ได้รอบหนึ่งตาแมวสีสวาดก็สามารถค้นหาจุดอ่อนของท่านได้อย่างชัดเจน และขุนพลวิญญาณในรอบต่อไปก็จะก็จะเป็นคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งมากกว่าเดิม
แต่....
พวกเขายืนอยู่ที่เดิมและมองดูถังเทียนที่อยู่ในสนามต่อสู้ด้วยสายตาว่างเปล่า
ปิ๊ง!
ขณะที่แสงฉายไปถึงการ์ดวิญญาณใบสุดท้าย ก็หายไปทันที และแสงรูปทรงสี่เหลี่ยมที่ครอบคลุมเวทีต่อสู้ค่อยลดระดับลง
“อ๋า, เกิดอะไรขึ้น? มีปัญหาอะไรเหรอ?” ถังเทียนกวาดมองไปรอบๆ เห็นได้ชัดว่า เขาไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น
เสียงของเขาดังชัดเจนเป็นพิเศษในห้องโดยสารที่เงียบสงบ
สายตาของถังเทียนมองไปที่คนอื่น และกล่าวว่า “เฮ้,ทำไมพวกนายทำสีหน้าอย่างนั้นเล่า? บอกหน่อยได้ไหมว่ามีอะไรผิดปกติ? ใช่แล้ว ฉันรออยู่ตั้งนาน แต่ก็ไม่มีอะไรออกมาสักที พวกนายทุกคนเป็นพยานให้ฉันได้ฉันไม่ได้แตะต้องอะไรเลยนะ มันไม่ได้พังเพราะฉันแน่นอน”
“ถังพื้นฐาน, ไม่ได้ทำอะไรพัง” อาโมรี่ก้าวมาข้างหน้าเพื่อยืนยัน
ท่าทีที่ทุกคนมองถังเทียน เหมือนกับว่าพวกเขากำลังมองดูสัตว์ประหลาด
เจ้าเด็กนี่....
ความจริง.... เขาไม่มีจุดอ่อนอะไรเลยหรือ?
เป็นไปได้ยังไง..? เป็นไปได้ยังไง?
ไม่มีผู้ใดในโลกที่ไม่มีจุดอ่อน
เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด!
พอถึงเวลานี้ จู่ๆ แสงก็ทำงานเพี้ยนเหมือนกับแมลงวันไร้หัว
ข่งต้าเริ่นนึกได้ทันทีว่า ปรมาจารย์ผู้ช่วยเขาสร้างเวทีฝึกกำจัดจุดอ่อนนี้ได้ให้คำแนะนำบางอย่างเขาไว้
“ในบรรดาสมบัติระดับบรอนซ์ ตาแมวสีสวาดย่อมแข็งแกร่งแน่นอน แต่ถ้ามันไม่สามารถหาจุดอ่อนศัตรูได้ อย่างนั้นมันจะจมอยู่ในอาการที่ควบคุมไม่ได้ และพลังภายในของมันจะได้รับการจู่โจมที่คุกคามชีวิต”
ไม่ดีแน่!
เขาไม่อาจทำอะไรได้ทันเวลา การ์ดวิญญาณทั้งสองร้อยเจ็ดสิบเอ็ดใบบนผนังทั้งสี่ด้านเหมือนกับมีรอยร้าวแสง และเริ่มระเบิดทีละใบๆ
ปัง ปัง ปัง!
บอลแสงบนผนังระเบิดทีละลูก กลายเป็นทะเลแสง
เมื่อทะเลแสงหายไปหมด ผนังทั้งสี่ด้านก็ว่างเปล่า
ทุกคนยืนจ้องตะลึงแข็งทื่อเป็นไก่ไม้