ตอนที่ 52 การทดสอบที่น่าห่วง
“โอว, ทุกคนมาพร้อมกันแล้ว” เจ้าเมืองพยักหน้า, เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับผู้อาวุโสอู่ทำให้เขาถึงกับสะดุ้งแม้ในเรื่องเล็กน้อยทุกเรื่อง จนกระทั่งคนของสมาพันธ์เกียรติยศชาวยุทธมาถึง เท่านั้นเองเขาจึงนอนตาหลับได้
เขามีใบหน้ายิ้มแย้ม “ผมได้เชิญข่งเซียนเซิง (ท่านข่ง) มาทำการทดสอบพรสวรรค์ของพวกเขา”
บุรุษวัยกลางคนสวมชุดนักสู้ชุดยาวยิ้มแล้วพยักหน้า ชุดนักสู้ชุดยาวของเขามีความสวยงามประณีตปักด้ายสีทองเป็นลายดอกไม้ละเอียดอ่อน เขาสั่งด้วยท่าทีที่สง่างาม “อย่างนั้นเรามาเริ่มกัน”
“ได้เลย” ผู้อาวุโสคนหนึ่งตอบทันที เขายืนอยู่ต่อหน้าพวกนักเรียน ในมือของเปล่งม่านพลังแสงสว่างทันที ด้วยการสลัดนิ้วของเขารัศมีแสงกระจายออกเป็นหลายรัศมี เหมือนกับรัศมีของเทวดา พุ่งตรงเข้าหานักเรียน
พอเห็นนักเรียนบางคนเตรียมตั้งท่าหลบ ผู้อาวุโสตะโกนด้วยเสียงทุ้ม “อย่าเคลื่อนไหว!”
ระดับเสียงของเขาไม่ดัง แต่เป็นเหมือนฟ้าร้องกรอกหูทุกคน นักเรียนทุกคนจึงไม่กล้าขยับ
รัศมีทั้งหลายลอยขึ้นไปในท้องฟ้า และขยายจนมีขนาดใหญ่อย่างรวดเร็ว หลังจากนั้นก็ร่วงลงมา รัศมีทุกลูกที่ร่วงลงมาจะตรึงเท้านักเรียนไว้ภายใน
หลังจากนั้นชั่วครู่ สีของรัศมีก็เริ่มเปลี่ยนแปลงเป็นสีต่างๆ
ถังเทียนจ้องดูรัศมีที่เท้าของเขาด้วยความสงสัย รัศมีทรงกลมส่องประกายแป็นแสงสีดำ
พอได้ยินผู้อาวุโสตะโกน “นักสู้ทั้งหมดที่มีรัศมีสีทอง ก้าวออกมาสิบก้าว”
มีเพียงห้าคนคือ ซือหม่าเซียงซาน, เหลียงชิว, หานปิงหนิง, อาโมรี่ขณะที่นักเรียนอีกคนหนึ่งไม่เป็นที่รู้จักและหน้าของเขาดูสับสน ถ้าโจวเผิงยังมีชีวิตอยู่เขาคงจำคนผู้นี้ได้แน่นอน เนื่องจากเขาเป็นคนที่โจวเผิงชอบรังแกอยู่เสมอกู่เซี่ยวหวี่
เมื่ออาจารย์ใหญ่ของสถาบันแอนดรูว์เห็นกู่เซี่ยวหวี่ได้รับเลือก หน้าของเขาแสดงออกถึงความปีติยินดี
“รัศมีเงิน ก้าวออกมาเจ็ดก้าว”
ตอนนี้จำนวนนักเรียนที่เดินออกมามีมากกว่า หวังเจิ้นเป็นหนึ่งของกลุ่มนักเรียนที่มีชื่อเสียงจากคนจำนวนมาก คนที่เหลือมีเพียงเจ็ดคนเท่านั้น
“รัศมีทองแดง ก้าวออกมาสามก้าว”
นักเรียนหกคนเดินออกมา เหลือเพียงถังเทียนที่ยังอยู่ในตำแหน่งเดิม
ถังเทียนมองไปรอบๆจึงรู้ได้ทันทีว่าดูเหมือนเขาจะเป็นเพียงคนเดียวที่ได้รัศมีสีดำ
ผู้อาวุโสหันมารายงานบุรุษวัยกลางคนด้วยเสียงเบา “ท่านขอรับ, มีอยู่ห้าคนที่มีคุณสมบัติโดดเด่น สี่สิบสองคนมีคุณสมบัติดีเยี่ยมและหกคนถือว่าผ่านเกณฑ์ มีตกอยู่คนเดียว”
สีหน้าทุกคนดูแปลกประหลาด คนที่ผู้อาวุโสบอกว่าตกมีแต่เพียงถังเทียน เพราะถังเทียนยืนอยู่อีกฝั่งหนึ่งคนเดียว
ทุกคนรู้สึกมีความสุขที่มิอาจบรรยายได้ในใจของเขา
พรสวรรค์ของถังเทียนย่ำแย่นักหรือ?
นี่มันเรื่องตลกร้ายหรือเปล่า? หรือว่าหรือว่า นี่เป็นแค่การล้อเล่น?
ถังเทียนไม่ได้สนใจนัก และยังคงมองดูรอบๆ ด้วยความสงสัย เจ้ารัศมีนี่น่าเล่นนัก มีสีทุกประเภทเลย สำหรับสมาพันธ์เกียรติยศชาวยุทธถังเทียนไม่ใส่ใจอยู่แล้ว ถ้าเขาไม่ได้ยินว่าสวรรค์วิถีเป็นที่อันตราย เขาได้วางแผนฝึกวิทยายุทธอื่นของเขาให้สมบูรณ์ ตอนนี้เขาสามารถตามหาเชียนฮุ่ยที่หมู่ดาวเพอร์ซูสได้
อาโมรี่เห็นกับตาตัวเองและตะโกน “นี่ต้องผิดปกติแน่นอน! ถังพื้นฐานสอบตกได้ยังไง? เป็นไปไม่ได้! เป็นไปไม่ได้!”
หน้าของผู้อาวุโสคล้ำ “ฉันวิเคราะห์คุณสมบัติคนมาเป็นเวลาเกินกว่ายี่สิบปีแล้วและฉันไม่เคยวิเคราะห์ผิด”
เสียงเย็นชาของหานปิงหนิงดังขึ้น “ท่านผู้อาวุโสทดสอบอีกครั้งได้ไหม?”
อาการบาดเจ็บที่ไหล่ของเหลียงชิวดีขึ้นแล้วเขายิ้มและพูดด้วยเสียงสงบเหมือนไอน้ำลอยเอื่อย “ผู้อาวุโสกำลังใช้สมบัติอยู่ใช่ไหม?สมบัติก็คลาดเคลื่อนได้ง่ายนะ”
ซือหม่าเซียนซานกำลังแย้มยิ้ม แต่เสียงของเขาเหมือนลอยละล่องมาจากที่มืดมน “ถ้าพรสวรรค์ของพ่อหนุ่มถังถูกมองว่าย่ำแย่ อย่างนั้นเราผู้นี้จะทนได้ยังไง”
ผู้อาวุโสมีสีหน้าหวานอมขมกลืน นี่เป็นครั้งแรกที่เขาอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ และอยู่ต่อหน้าข่งเซียนเซิงอีกด้วยเขารู้สึกอาย ถ้าเป็นนักเรียนของเขา เขาก็คงเสียอารมณ์ แต่คนเหล่านี้พวกเขามีพรสวรรค์กันทุกคน และพวกเขาอาจมีโอกาสเข้าสมาพันธ์เกียรติยศชาวยุทธได้
ถังเทียนได้ยินสิ่งที่พวกเขาพูด เขาจึงเดินออกมา และแสดงสีหน้าสงสัย “ผู้อาวุโสทำนายไม่ผิดหรอกพรสวรรค์ฉันห่วยจริงๆ”
ถังเทียนรู้ชัดว่าพรสวรรค์ของเขานั้นไม่ดี เขามีความสมดุลในทุกด้าน และไม่มีด้านใดที่โดดเด่น สำหรับร่างกายของเขา เขาได้รับประโยชน์จากการฝึกฝนวิชาต่อสู้ขั้นพื้นฐานมาห้าปี แต่ถ้าเทียบกับร่างกายที่อดทนของอาโมรี่แล้ว เขายังเทียบไม่ติด
หลังจากได้ยินสิ่งที่เขาพูด ทุกคนอายหน้าแดงจนแทบกระอักเลือด
ได้โปรด เราคงปล่อยวางได้ถ้านายทำตัวเหมือนเกกมะเหรกเกเร แต่ถ้านายต้องการจะหลอกพรสวรรค์ของนายด้วย นายจะพลอยทำให้พวกเรากลายเป็นไอ้งั่งไปด้วย..รู้ไหม?
อาโมรี่ถลึงตามอง “ถังพื้นฐาน, นายคือหนุ่มน้อยชาวฟ้า พรสวรรค์ของนายจะกระจอกได้ยังไง?”
“พรสวรรค์มันเกี่ยวอะไรด้วยกับการเป็นหนุ่มน้อยชาวฟ้า?” ถังเทียนไม่เห็นด้วย
ทุกคนสับสนเอียงศีรษะมองต่อกันไปเป็นทอดๆ พวกเขาไม่กล้ามองตรงๆ นี่นี่นี่เป็นเรื่องท้าทายสติปัญญาของทุกคนอย่างเปิดเผย
นายคิดว่าเราจะเชื่อเรื่องอย่างนั้นหรือ ถ้าเราเชื่อเรื่องอย่างนั้นเราก็เป็นไอ้งั่งน่ะสิ
ถ้าเปลี่ยนเป็นคนอื่นพูดอย่างนั้น ทุกคนคงวิ่งไปกระทืบเขาจนตายแน่ แต่ว่านี่คือถังเทียน คนที่เพิ่งมีชื่อเสียงโด่งดังเป็นคนพูด คนอื่นๆ ก็แค่พอทนได้ แต่ความรู้สึกนี้ ไม่น่าพอใจเสียเลย
ผู้อาวุโสมองดูปฏิกิริยาพวกเขาและดูเหมือนจะลังเลเล็กน้อย อาจเป็นไปได้ว่าคงมีปัญหาสักอย่างกระมัง?
เขาไม่พูดสักคำ และกระดิกนิ้วของเขา รัศมีพร่างพรายก็โผล่ออกมาและห้อมล้อมถังเทียนไว้
สายตาทุกคู่จับจ้องดูรัศมีนั้น
มันฉายแสงสีดำ
และดำยิ่งกว่าครั้งก่อน
ผู้อาวุโสมั่นใจ เขากล้ารับรองได้ว่าคราวนี้ไม่มีปัญหาแน่ รัศมีดำอย่างนั้น เขาเพิ่งเห็นเป็นครั้งแรก นั่นย่อมแสดงให้เห็นว่าเด็กหนุ่มผู้ยืนอยู่ต่อหน้าเขานี้ พรสวรค์ของเขานั้นไม่ใช่แค่ห่วยธรรมดา ต้องบอกว่าโคตรห่วยถึงจะถูก
ใบหน้าของทุกคนมีสีหน้าแปลกประหลาด พวกเขามองดูผู้อาวุโสด้วยความสงสัย
ในทางตรงกันข้าม ถังเทียนพูดด้วยความเย่อหยิ่งว่า “ก็ฉันบอกไปก่อนแล้วว่าพรสวรรค์ของฉันแย่มาก”
สีหน้าแปลกประหลาดของทุกคน ชะงักค้างอยู่บนใบหน้า
เจ้าเด็กอันธพาลนี่ จริงๆ เลย ยังมัวภูมิใจกับเรื่องนั้นอยู่อีก
เขาต้องเล่นตลกกับผู้คนเป็นแน่
ช่างเป็นอันธพาลที่น่ากลัวจริง เขาคงหยอกล้อผู้คนเล่นแน่ นิสัยของเขาน่ากลัวมาก ดังนั้น ถ้าความสามารถของเขาดีจริง ก็คงไม่เป็นไรที่เขาหยอกล้อผู้คนเพราะเขามีความสามารถที่ดีจริงๆ...
หัวใจของทุกคนแทบฉีกขาด พวกเขามั่นใจเต็มร้อยว่าถังเทียนทำเช่นนี้เพราะมีวัตถุประสงค์
ต้องมีวัตถุประสงค์อย่างแน่นอน
แน่นอนพวกเขาลืมอัจฉริยะรายอื่น อาโมรี่ตกตะลึงมองดูแล้วตะโกน “ถังพื้นฐาน,นายสมควรถูกเรียกว่าหนุ่มชาวฟ้าแน่นอน! ด้วยพรสวรรค์น่ากลัวอย่างนั้นนายยังสามารถฝึกฝนจนยิ่งใหญ่ขนาดนั้นได้ นั่นเป็นแรงบันดาลใจอย่างมาก”
เผียะ
อาโมรี่ถูกตบจากด้านหลัง เขาทำตาโตแล้วหันไปถลึงตามองเหลียวชิว ความโกรธเขาลดลง และมีสีหน้าสับสน “พี่เหลียงชิวตีฉันทำไม?”
เหลียงชิวตอบอย่างสงบเสงี่ยม “โอ้ว... มือมันลื่น”
หานปิงหนิงขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “ถังเทียน เลิกเล่นได้แล้ว”
“อ้า..คุณหนูนั่นเอง” ถังเทียนมึนงง “เล่นอะไรกัน?”
ทุกคนยังคงคงเงียบต่อไป ถ้าหานปิงหนิงไม่สามารถโน้มน้าวถังเทียนได้ อย่างนั้นพวกเขาคงมิกล้าเสนอหน้าแต่อย่างใด
ทุกอย่างที่ถังเทียนพูดมักถูกกันท่าเป็นส่วนใหญ่ พวกเขาทุกคนรู้สึกว่า พวกเขาทุกคนรู้สึกว่าเขากวนโมโหเขาต้องการถ่วงสติปัญญาของพวกเขาให้ไปอยู่ในระดับเดียวกับตนเอง แล้วจากนั้นก็ใช้ประสบการณ์มากมายของเขาเอาชนะพวกเขาทุกคน ใช่แล้ว ต้องเป็นแบบนั้นแน่นอน
อย่างนั้น สมาพันธ์เกียรติยศชาวยุทธจะแข็งแกร่งเหมือนดังตำนานเล่าขานจริงๆ หรือ? แม้ว่าที่นี่จะมีผู้มีพรสวรรค์แย่ อย่างนั้นศักยภาพในอนาคตของผู้คนช่างน่าเป็นห่วงนัก
ถังเทียนเป็นคนที่แปลกเกินไปจริงๆ ถึงขนาดที่ว่าแม้แต่ผู้อาวุโสยังหวั่นไหวและคิดว่าถังเทียนใช้สมบัติดวงดาวบางอย่างปกปิดสร้างความสับสนให้กับสมบัติของเขาหรือเปล่า? เขาควรจะลองดูอีกครั้งหรือไม่?
ผู้อาวุโสชักจะไม่แน่ใจ
นัยน์ตาของข่งเซียนเซิงทอประกายเล็กน้อย เขายิ้มให้เจ้าเมือง “ผมเคยไปเมืองมาหลายเมืองคล้ายๆ เมืองซิงฟงนี่แหละ แต่การได้พบเด็กหนุ่มที่มีพรสวรรค์และโดดเด่นขนาดนี้ นับเป็นครั้งของผมจริงๆ คุณได้พูดไว้ก่อนนี้แล้วว่าท่านเจ้าเมืองเอาใจใส่ในการสอนและแนะนำดีมาก พอเห็นวันนี้แล้ว น่าชื่นชมจริงๆ”
เจ้าเมืองมีความสุข “ข่งเซียนเซิงชมเกินไปแล้ว ผมไม่แน่ใจว่าในจำนวนนักเรียนทั้งหมดเหล่านี้ คุณให้ความสนใจกี่คน?”
“ห้าคนเหล่านี้ไม่มีปัญหาแต่อย่างใดเลย พรสวรรค์ทั้งหมดของพวกเขาไม่แย่เกินไป และพวกเขายังอายุเยาว์ พวกเขามีอนาคตที่สดใส” ข่งเซียนเซิงยังคงมองถังเทียน “สหายน้อยผู้นี้ดึงดูดความสนใจผมได้มากทีเดียว เพียงแต่เขาอายุมากไปหน่อย ก็คงสามารถเข้าร่วมกองทหารรอบนอกของผมได้”
“เจ้าเมืองพลอยมีความสุขไปด้วย ที่มีหกคนได้รับเลือกในช่วงเวลาสั้นๆสำหรับเมืองซิงฟงนับเป็นผลลัพธ์ที่ดีมาก เมื่อก่อนวันนี้เมืองซิงฟงปรารถนาจะเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มที่มีพลังแท้จริงอย่างสมาพันธ์เกียรติยศชาวยุทธ และได้รับการคุ้มครองจากพวกเขา
“ฉันต้องการไปหมู่ดาวเพอร์ซูส” ถังเทียนยกมือ เขาตัดสินใจแล้วว่าถ้าเขาไม่มีโอกาสได้ไปหมู่ดาวเพอร์ซูส อย่างนั้นเขาจะไม่ร่วมสมาพันธ์เกียรติยศชาวยุทธ
“หมู่ดาวเพอร์ซูส?” ข่งเซียนเซิงยิ้มกว้าง “นั่นสบายมาก เรามีสาขาใหญ่อยู่ในหมู่ดาวเพอร์ซูส เธอจะไปอยู่ที่ค่ายนั่น”
“เยี่ยมเลย” ถังเทียนกระโดดดีใจและชูมือกล่าวอย่างร่าเริง “อย่างนั้นฉันก็ประหยัดในการเดินทางแล้ว”
อีกด้านหนึ่งซือหม่าเซียงซานและคนอื่นพากันเหลือกตา ได้โปรดเถอะนายก็เป็นยอดฝีมือเหมือนกัน วางมาดสงบๆ เท่ห์ๆ หน่อยได้ไหม..
“ฉันกำลังจะไปหมู่ดาวเพอร์ซูสแล้ว! ว้าว! ฉันจะได้เห็นคุณเชียนฮุ่ยด้วย”อาโมรี่ร่าเริงพร้อมกับชูมือสูงด้วยเช่นกัน
คุณเชียนฮุ่ย!
หานปิงหนิงพูดอย่างไม่ลังเลใจเช่นกัน “ฉันก็ต้องการไปหมู่ดาวเพอร์ซูสด้วย” เธอคือแฟนคลับตัวยงของเชียนฮุ่ย ถ้าเธอสามารถพบเชียนฮุ่ยด้วยตัวเองไม่ว่าไกลแค่ไหนเธอก็จะไปแน่นอน
ซือหม่าเซียงซานหน้าเคร่งและขบฟัน “เชียนฮุ่ย... ดีแล้ว.. หมู่ดาวเพอร์ซูส! ฉันไม่เคยคิดเลยว่าจะมีโอกาสได้แก้แค้นสำหรับความคับข้องใจครั้งก่อน”
“ความคับข้องใจครั้งก่อนหรือ?” ถังเทียนถลึงตามอง “อ่าฮะ,นายหมายถึงความคับข้องใจเก่าหลายๆ ครั้งน่ะเหรอ?”
ซือหม่าเซียนซานรู้สึกเหมือนโดนธนูพันดอกยิงใส่หัวใจ ในที่สุดเขาก็รู้สาเหตุที่เชียนฮุ่ยหลงรักถังเทียน
เพราะถังเทียนมันแสบสันต์มากกว่าเธอนั่นเอง
“ใช่แล้ว! ความคับข้องใจเก่าก่อนตั้งหลายครั้ง” นัยน์ตาของซือหม่าเซียงซานลุกโพลงไปด้วยรังสีฆ่าฟันและเสียงของเขาเยียบเย็น
เหลียงชิวพูดเบาๆ “น่าเสียดาย ถ้าฉันได้ประลองฝีมือกับเชียนฮุ่ยสักครั้งในชีวิตก็คงจะดี”
กู่เซี่ยวหวี่พูดอย่างขลาดๆ “ฉัน..ฉันขอตามทุกคนก็แล้วกัน”
ผู้อาวุโสถึงกับตกใจ ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่สมาพันธ์เกียรติยศชาวยุทธยอมให้ผู้คนตั้งกลุ่มกันเอง?
ข่งเซียนเซิงประหลาดใจเล็กน้อย แต่เขายิ้มแล้วกล่าวว่า “พวกเธอเหล่าผู้เยาว์ทุกคนช่างผูกพันกันดี น่าอิจฉาเหลือเกิน กลุ่มที่จะเดินทางไปที่หมู่ดาวเพอร์ซูสต้องแข็งแกร่ง ยังไม่ต้องพูดถึงความแข็งแกร่งของพวกเธอ เนื่องจากพวกเธอทุกคนต้องการความก้าวหน้า จะต้องไม่มีปัญหาอะไรแน่นอน”
ผู้อาวุโสตะลึง พวกเขามาด้วยภารกิจในใจอย่างหนึ่ง ถ้าพวกเขาไม่นำคนๆ หนึ่งกลับไป...
เขาเตรียมจะทักท้วง แต่เขาก็คิดได้ทันทีว่าผู้ที่รับผิดชอบที่สาขาดาวเพอร์ซูสก็คือน้องสาวของข่งเซียนเซิง ผู้อาวุโสนั้นจึงต้องหุบปาก
สตรีคนนั้น...น่ากลัว!