ตอนที่ 51 เพลิงเตาหลอม
ถังเทียนรู้สึกแต่เพียงว่าความเย็นแล่นลงไปตามกระดูกสันหลัง
คู่ต่อสู้กำลังมาทางเขาอย่างรวดเร็ว ทั้งหมดที่เขาเห็นได้ก็คือภาพเงาเลือนลาง
โธ่เว้ย!
“เพลิงเตาหลอม!” ถังเทียนคำราม ถุงมือโลหะดำแห่งดาวเตาหลอมปล่อยเปลวเพลิงทันที ปราณเที่ยงแท้ทั่วร่างของเขาถูกกระตุ้นอย่างรุนแรงโดยไม่รู้ตัว ขณะที่เวลานี้กระเรียนร่างสองของเขารู้สึกได้ถึงอันตรายคุกคามจึงหมุนอย่างรวดเร็ว
ใครจะคาดคิดกันว่า ถังเทียนดึงพลังหมัดที่เขาเชี่ยวชาญออกมาใช้
พลังสังหารถล่มทลาย
นับเป็นครั้งแรกที่ถังเทียนใช้พลังสังหารถล่มทลายขณะที่สวมถุงมือโลหะดำไว้ เขาสามารถตรวจสอบความต่างกันได้ทันทีกระแสพลังที่อบอุ่นจากหมัดไหลกลับเข้ามาในร่างของเขา พร้อมกับพลังปราณเที่ยงแท้ เขากระตุ้นให้มันกลับเข้าไปในถุงมืออีกครั้ง
กระแสอบอุ่นครั้งนี้ขับไล่ความกลัวของถังเทียนออกไปทั้งหมด
พลังของหมัดดูเหมือนไม่น่าสนใจ ไม่มีอะไรพิเศษเฉพาะ แม้แต่เพลิงที่โหมรุนแรงดูเหมือนจะกลายเป็นเพลิงนุ่มนวล
ผู้อาวุโสอู่จนปัญญแล้ว ด้วยหมัดนี้จากถังเทียน ไม่มีทางที่เขาจะหลบได้หมัดกระแทกเข้าที่อกของเขาอย่างหนักหน่วงรุนแรง
ปึ้ก
กำปั้นกับเลือดเนื้อปะทะกันโดยไม่มีเสียง เปลวเพลิงทะลุผ่านร่างของผู้อาวุโสอู่ไปได้ ผู้อาวุโสอู่ชะงักและหน้าของเขาชา เขามองดูถังเทียนด้วยแววตาไม่อยากเชื่อว่าหมัดนี้จะต่อยเขาได้
ผู้ชมเหตุการณ์โดยรอบแทบไม่ทันได้รู้ตัว
ปัง!
จู่ๆ เปลวเพลิงก็ปะทุออกมาจากร่างของผู้อาวุโสอู่ ในพริบตาเพลิงระยิบระยับก็หุ้มตัวผู้อาวุโสอู่ไว้
“เพลิงเตาหลอม!” อาจารย์ใหญ่สถาบันเหมิ่งโซ่วตะโกนด้วยความตกใจ
อาจารย์ใหญ่เป่ยเยี่ยนและเทียนจิงจ้องมองถังเทียนอย่างมึนงง
ทุกคนจ้องมองถังเทียนและกองไฟด้วยความมึนงง
เปลวเพลิงที่จู่ๆ ก็ลุกพรึ่บออกมา ดูเหมือนจะมีพลังเผาผลาญรุนแรงร้ายกาจ
ภายใต้เปลวเพลิงรุนแรง เด็กหนุ่มหอบตัวโยน เพลิงมอดลงและมันมีพลังที่น่ากลัวตามมา
※※※※※※※※※※※※
“เป็นเพลิงดาวเตาหลอมจริงๆ” อาจารย์ใหญ่เป่ยเยี่ยนพึมพำ “อาวุธของดาวเตาหลอม อาวุธระดับชั้นต่ำ ยากที่มันจะปล่อยเพลิงเตาหลอมออกมาได้ โอกาสที่อาวุธโลหะดำดาวเตาหลอมจะปล่อยเพลิงออกมาได้มีไม่ถึงหนึ่งเปอร์เซ็นต์”
อาจารย์ใหญ่เทียนจิงก็ตกตะลึงหนักไปด้วย“ตำนานบอกไว้ว่า ตราบใดที่มันสามารถปล่อยเพลิงดาวเตาหลอมได้ อาวุธโลหะดำก็สามารถปรับตัวให้ก้าวหน้าได้”
“นั่นเป็นแค่ตำนานอย่างหนึ่ง ฉันไม่เคยเห็นมันเลย” แม้คำพูดของผู้เฒ่าเว่ยเป็นเช่นนี้ แต่หน้าของเขาเต็มไปด้วยความสุขขณะเขาชี้นิ้วไป “อาโมรี่ มานี่ ลองกระตุ้นเพลิงดาวเตาหลอมของแกดูบ้าง”
“โอวได้” อาโมรี่ชูดาบโลหะดำในมือและตะโกนว่า “เพลิงเตาหลอม”
พรึ่บ เพลิงสีแดงลุกโชนห่อหุ้มดาบไว้
นัยน์ตาของอาจารย์ใหญ่อีกสามคนแดงทันทีบางคนก็อิจฉา ไม่ก็เกลียด พวกเขามองดูเหมือนว่าพวกเขาสามารถชิงเอามาได้ทุกเมื่อ โดยเฉพาะอย่างยิ่งอาจารย์ใหญ่เหมิ่งโซ่วได้แต่เห็นเขาตีอกชกหัวตัวเอง
เพลิงมอดลงแล้ว และผู้อาวุโสอู่เหลือแต่เพียงเถ้าถ่าน ไม่ทิ้งอะไรไว้เลย
“เจ้าผู้นี้ยากจนเกินไปแล้ว” ถังเทียนจ้องมองอย่างว่างเปล่าและสงสัยเล็กน้อย
เป็นไปตามคาด ถ้าผู้บริหารระดับสูงแสบ บริวารลูกน้องก็พลอยแสบไปด้วย....
สีหน้าที่ชื่นชมสรรเสริญของอาจารย์ใหญ่ทุกคนหายวับทันทีและอาการตกตะลึงของทุกคนก็หายไปเช่นกัน
“ฉันไม่อยากเชื่อเลยว่าเขาไม่เหลืออะไรไว้ให้แม้กระทั่งผ้าขี้ริ้วสักผืน”ผู้เฒ่าเว่ยนัยน์ตาเบิกกว้าง ด้วยความรู้สึกไม่พอใจ
จากนั้นอาจารย์ใหญ่เทียนจิงจึงเปิดปากพูด“ตอนนี้เราจะเอายังไงกันดี?”
“รายงานเจ้าเมือง” อาจารย์ใหญ่เป่ยเยี่ยนกล่าว “องค์การวิญญาณมืดเข้ามาพัวพันเรื่องนี้จะต้องเป็นเรื่องใหญ่แน่นอน”
อาจารย์ใหญ่อีกสองสามคนเห็นด้วยทันทีว่าควรรายงานให้เจ้าเมืองทราบ
※※※※※※※※※※※※※※※
อิทธิพลของเรื่องนี้ส่งผลไกลเกินกว่าถังเทียนจะนึกภาพออก ทั่วทั้งดาวอู่อันตกอยู่ในบรรยากาศน่าเป็นห่วง เกี่ยวกับกองกำลังมืดอย่างพวกวิญญาณมืดเริ่มขยายกรงเล็บชั่วร้ายมายังดาวชายขอบอย่างดาวอู่อันแล้ว เจ้าเมืองทุกคนกำลังรวมคนเพื่อตระเตรียมไปเชิญยอดฝีมือมาช่วยต่อสู้ด้วย
แต่ ทั้งหมดนี้ไม่มีอะไรที่เกี่ยวกับถังเทียน
สิ่งแรกที่ถังเทียนทำเมื่อเขากลับมายังสถาบันคาราเมลก็คือก้าวเข้าไปในประตูกางเขนแห่งหมู่ดาวกางเขนใต้
แน่นอนว่าถังเทียนได้พบอาปิงอยู่ข้างใน
“เฮ้, นายเข้ามาข้างในได้ยังไง?” ถังเทียนอดถามไม่ได้ ปิงเต็มไปด้วยความลึกลับ และทุกสิ่งอย่าง เขาเหมือนยาสีฟัน เหนียวเป็นนรกและไม่ได้คงอยู่ตลอดเวลาต้องถูกบีบถึงจะออกมาจากหลอดได้
ปิงยังคงเงียบ
เอ่อ,เขาไม่อาจบีบอะไรได้ในช่วงเวลานี้
ถังเทียนมองและเริ่มฝึกทันที
“หมู่ดาวกางเขนใต้ วิธีของเจ้าผิดแล้ว” ปิงพูดเบาๆ
“ผิดวิธีเหรอ?” ถังเทียนประหลาดใจ เขามองปิงอย่างสับสน “งั้นบอกซิว่า ฉันทำยังไงถึงจะถูก?”
ปิง “เจ้าต้องโจมตีใส่กำแพงหมอก”
“กำแพงหมอก?” ตาของถังเทียนมองไปที่กำแพงหมอก
มีรอยตำหนิสองแห่งบนกำแพงหมอก รอยหนึ่งเป็นเพราะหมัดสายฟ้าสังหารและอีกหนึ่งเป็นหมัดสังหารถล่มทลาย เขารู้เพราะเขามักคร่ำเคร่งกับการฝึก และไม่เคยใช้เวลามากกับมัน ดังนั้นเขาจึงไม่สนใจ
โจมตีใส่กำแพงหมอก?
ถังเทียนเริ่มไตร่ตรงและทันใดนั้น เขานึกถึงคำถามได้ “นายรู้ได้ไง?”
ปิงเงียบ
ถังเทียนจ้องปิง แต่ปิงยังคงเงียบอยู่ดี ถังเทียนยังคงจ้องมองตาขวาง และเปลี่ยนความคิดเฮ้อ.. นี่ยังคงนับว่าเป็นวิธีฝึกฝนที่ดี
เขายืนต่อหน้ากำแพงหมอกและเริ่มใช้ฝ่ามือเงาสลาย“ปัง, ปัง,ปัง” เขาเริ่มฝึก
พลังของฝ่ามือเงาสลายยังอ่อนกว่าพลังถล่มทลายสังหารมาก แต่กำแพงหมอกถูกถังเทียนกระแทกใส่ทีละนิด
ถังเทียนอดตบศีรษะตนเองไม่ได้ ทำไมเขาไม่เคยคิดถึงวิธีนี้มาก่อน? เขาคิดถึงวิธีฝึกของเขาในอดีตที่ผ่านมา ปล่อยหมัดใส่อากาศ ฟังดูแล้วงี่เง่าสิ้นดี
หนุ่มน้อยชาวฟ้ามีแรงบันดาลใจอีกครั้ง
นับเป็นครั้งแรกที่เขาได้ลิ้มรสความรุนแรงของยอดฝีมือสู้ระยะประชิด ถังเทียนเพียงแต่รู้สึกว่าเขาสามารถใช้พลังในกายได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด ในความคิดของเขา เขาสามารถใช้วิทยายุทธทั้งสี่ได้ และวิทยายุทธที่สมบูรณ์ทั้งสี่นั้นสามารถนำมาฝึกเป็นท่าสังหารได้, โห, โอว,โอ้โฮ อย่างนั้นเขาคงจะน่ากลัว!
หลังจากถังเทียนได้ยินอาจารย์ใหญ่เทียนจิงพูดว่าถุงมือโลหะดำสามารถปล่อยเพลิงเตาหลอมได้ในวงกตวิญญาณและเป็นไปได้ที่จะใช้เพิ่มระดับของเขา เขาจึงตั้งใจเดินทางไปเหมืองหินเพื่อพบกับพี่ใหญ่สือโท่ว พี่สือโท่วพอได้ยินว่าเขาสามารถเรียกเพลิงเตาหลอมได้ก็ตกใจและมีความสุขในเวลาเดียวกัน ดังนั้นเขาจึงสอนวิธีฝึกฝนกับถุงมือโลหะดำให้ถังเทียนในระดับต่อไป
วิธีการง่ายมาก เขาแค่ต้องสวมถุงมือขณะที่เขาเรียกเพลิงดาวเตาหลอมออกมา ด้วยวิธีการฝึกออกหมัดโจมตีอย่างต่อเนื่อง เพลิงเตาหลอมภายในถุงมือจะมีการเปลี่ยนแปลงเพื่อขึ้นไปสู่ระดับต่อไป
จากนั้นมาถังเทียนไม่เคยถอดถุงมือออกเลย
เพลิงเตาหลอมมีชีวิตชีวาและสว่าง ทุกๆ ขั้นตอนเข้ากันได้เป็นอย่างดีมาก ไม่ว่าถังเทียนจะใช้ฝ่ามือ, หมัดหรือกรงเล็บล้วนทำได้ง่ายราวกับอ่านหนังสือ ก กา
ในอดีตเขาไม่มีวัสดุสำหรับอ้างอิงเปรียบเทียบ ถังเทียนรู้สึกได้แต่ไม่ชัดเจนพอ ตอนนี้ เขาต่อยกำแพงหมอกเป็นประจำ และพลังของถุงมือโลหะดำเริ่มแข็งแกร่งยิ่งขึ้นทำนองเดียวกับฝ่ามือเงาสลาย เมื่อสวมถุงมือโลหะดำพลังของมันจะเพิ่มขึ้นอย่างน้อยยี่สิบเปอร์เซ็นต์
ถุงมือโลหะดำยอดเยี่ยมน่ากลัวมาก และถังเทียนกำลังมองหาสมบัติชั้นทองแดง
ครั้งนี้เขาเก็บเกี่ยวผลประโยชน์มากมาย นอกจากการ์ดวิญญาณชั้นเงินบางส่วนแล้ว เขายังได้สมบัติชั้นทองแดงมาอีกชิ้นหนึ่ง
รองเท้าอาชาเหินหาวสมบัติชั้นบรอนซ์จากหมู่ดาวม้าแกลบ
หมู่ดาวม้าแกลบตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของหมู่ดาวเพกาซัส หมู่ดาวอควาเรียสตั้งอยู่ทางทิศเหนือ และเป็นหมู่ดาวที่เล็กมากแต่ใหญ่กว่าหมู่ดาวกางเขนใต้เพียงเล็กน้อย
ถังเทียนชอบรองเท้าอาชาเหินหาวคู่นี้ รองเท้าสีทองแดงธาตุทองสลักเป็นรูปม้าน่ารักตัวหนึ่งตัวรองเท้าดูเหมือนเป็นสิ่งทอที่หยาบไม่สะดุดตา แต่สะดวกมากเวลาสวมใส่ เมื่อยืนอยู่กับพื้น ถังเทียนสามารถรู้สึกได้ว่าร่างกายเขาเบาขึ้นทันที
และเมื่อถังเทียนกระตุ้นด้วยพลังปราณเที่ยงแท้เขาก็ไปได้ไวดุจสายลม และพลังที่ระเบิดออกมาจากวิชาแปดก้าวไล่จับจั๊กจั่นเพิ่มขึ้นมาอยู่ในระดับสูง
สำหรับถังเทียนถือว่าเป็นสมบัติที่มีประโยชน์มากนัก
หลังจากรู้สึกว่ามันเพิ่มพลังขึ้นได้หลายเท่า ถังเทียนเข้าใจได้ในที่สุดและสามารถเข้าใจการใช้สมบัติได้ง่ายๆ สมบัติทุกชิ้นจะมีพลังวิทยายุทธอย่างหนึ่งบรรจุอยู่ภายใน และนั่นเป็นที่มาของพลังสมบัติดวงดาว ตราบใดที่ถ่ายเทพลังปราณเที่ยงแท้ลงไป พลังวิทยายุทธจะถูกปลุกขึ้นมา สมบัติทุกชิ้นมีความแตกต่างกัน และพลังวิทยายุทธที่บรรจุอยู่ภายในก็แตกต่างด้วยเช่นกัน บางอย่างเด่นในการใช้สู้ บางอย่างใช้สนับสนุนบางอย่างใช้เพิ่มพลังปราณเที่ยงแท้ที่ปลดปล่อยออกมา บางใช้สร้างปราณเที่ยงแท้
ยิ่งเป็นสมบัติที่มีระดับและชั้นที่สูงแล้ว พลังยุทธที่บรรจุอยู่ภายในก็จะกล้าแข็งด้วย
พลังยุทธของสมบัติชั้นบรอนซ์ เทียบกับพลังยุทธที่บรรจุในสมบัติชั้นเหล็กจะแข็งแกร่งกว่ามาก พลังยุทธของรองเท้าอาชาเหินหาวเป็นแค่เพียงม้าน้อยตัวหนึ่ง เมื่อถังเทียนถ่ายพลังปราณเที่ยงแท้กระตุ้นพลังวิญญาณที่บรรจุอยู่ภายใน มันจะวิ่งอย่างร่าเริงซึ่งเป็นภาพที่แปลกประหลาด
การ์ดวิญญาณชั้นเงินไม่ค่อยเหมาะกับถังเทียน ดังนั้นเขาจะขายเพื่อแลกเปลี่ยนเป็นหินดวงดาว ในสวรรค์วิถีหินดวงดาวก็คือสกุลเงินแลกเปลี่ยนชนิดหนึ่ง
※※※※※※※※
“นี่, ถังพื้นฐาน, ฉันได้ยินว่าสมาพันธ์เกียรติยศชาวยุทธได้ส่งคนมา” อาโมรี่ตื่นเต้น
ถังไม่เทียนไม่ยอมเงยหน้า “มาก็มาสิ”
“นั่นคือสมาพันธ์เกียรติยศชาวยุทธเชียวนะ! เกณฑ์ขั้นต่ำสุดของผู้ที่จะเข้าร่วมได้ต้องมีพลังปราณเที่ยงแท้ระดับห้า” อาโมรี่ดูอิจฉา พลังปราณเที่ยงแท้ระดับห้าในดาวอู่อันคือพลังของนักสู้ระดับชั้นยอด
“โอว, ฉันต้องการฝึกต่อ” ถังเทียนยังคงไม่เงยหน้าขึ้น
หลังจากฝึกฝนต่อเนื่องอย่างตั้งใจเพิ่มเป็นเวลาสิบวัน ฝ่ามือเงาสลายของถังเทียนก็สมบูรณ์แบบในที่สุด เขาตัดสินใจฝึกกรงเล็บอินทรี,วิชาข้อต่อลูกโซ่และแปดก้าวไล่จับจักจั่นได้สมบูรณ์แบบหลังจากนั้นก็จะฝึกฝนวิชาในระดับสี่
“อย่าเพิ่งฝึก” จู่ๆ ผู้เฒ่าเว่ยโผล่ออกมา
ถังเทียนหยุดแล้วมองผู้เฒ่าเว่ยอย่างสงสัย
“คนของสมาพันธ์เกียรติยศชาวยุทธกำลังมา” ผู้เฒ่าเว่ยพูด
ถังเทียนสับสน“เราต้องยุ่งอะไรกับเรื่องนั้นด้วยเล่า?”
“เอาล่ะ, เดินไปคุยไปกันเถอะ” ผู้เฒ่าเว่ยพูด
ขณะที่เดินไปเขาฟังผู้เฒ่าเว่ยอธิบาย หลังจากนั้นถังเทียนก็ค่อยๆเข้าใจความหมายขึ้นมาบ้าง
ดาวอู่อันเป็นดวงดาวชายขอบและไม่รวมอยู่ในสวรรค์วิถีไม่ว่าจะเป็นสมาพันธ์เกียรติยศชาวยุทธหรือองค์การวิญญาณมืดล้วนเป็นเรื่องไม่สำคัญ แต่เวลานี้องค์การวิญญาณมืดได้ก่อความวุ่นวายครั้งใหญ่ขึ้น ดาวอู่อันตกอยู่ในความหวาดกลัวทันทีและรีบติดต่อกับสมาพันธ์เกียรติยศชาวยุทธ พวกเขาได้รับคำสั่งพิเศษส่งคนมาตรวจสอบ
“สมาพันธ์เกียรติยศชาวยุทธเป็นคู่ต่อกรอันดับหนึ่งขององค์การวิญญาณมืด” ผู้เฒ่าเว่ยกล่าว “ไม่ว่ายังไงก็ตามในเวลานี้สมาพันธ์เกียรติยศชาวยุทธยังมีภารกิจอีกอย่างหนึ่งก็คือคัดเลือกผู้เยาว์ที่โดดเด่นนั่นคือประเพณีของสมาพันธ์เกียรติยศชาวยุทธ ท่านเจ้าเมืองได้เน้นย้ำตรงนี้ว่า ถ้าผู้ใดได้รับเลือกดาวอู่อันจะกลายเป็นพื้นที่ที่ได้รับการปกป้องของสมาพันธ์เกียรติยศชาวยุทธ”
“ฉันต้องการไปหาเชียนฮุ่ย” ถังเทียนมองดูอาโมรี่ จากนั้นจึงมองดูผู้เฒ่าเว่ย
“แกดูแคลนสมาพันธ์เกียรติยศชาวยุทธอยู่นะ หมู่ดาวเพอร์ซูสคือสถานที่มีอิทธิพลของสมาพันธ์เกียรติยศชาวยุทธมากที่สุด” ผู้เฒ่าเว่ยดุเขา
“ทรงอำนาจขนาดนั้นเชียวเหรอ?” ถังเทียนตกใจ ในใจของเขาหมู่ดาวเพอร์ซูสถือเป็นหมู่ดาวที่ใหญ่มาก
“เจ้าเด็กโง่” ผู้เฒ่าเว่ยพูดต่อ“ถ้าแกทั้งสองคนสามารถเข้าสมาพันธ์เกียรติยศชาวยุทธได้ อย่างนั้นฉันจะไม่มีอะไรต้องห่วงเลย พวกเขาจะฝึกฝนให้กับนักเรียนรุ่นเยาว์ของพวกเขาตามที่เหมาะสมกับคนนั้น และวิทยายุทธของพวกเขาทั้งหมดนั้นไม่เหมือนกับที่เรามีที่นี่ อาจารย์ผู้สอนที่นั่นมีมาตรฐานสูง วันนั้นคนแซ่อู่ ถ้าจะจัดลำดับในสมาพันธ์เกียรติยศชาวยุทธ ถือได้ว่าเป็นระดับสมาชิกระดับธรรมดาเท่านั้น ชื่อเสียงขององค์การวิญญาณมืดนั้นอื้อฉาว ขณะที่ของสมาพันธ์เกียรติยศชาวยุทธถูกมองว่าดี”
ขณะที่ถังเทียนและอาโมรี่เดินตามผู้เฒ่าเว่ยไปและมาถึงจวนของเจ้าเมือง พวกเขาเพิ่งรู้ตัวว่ามีคนเต็มไปหมด
ซือหม่าเซียซาน,หานปิงหนิง, เหลียงชิวยืนมองทำตาเขียว
เนื่องจากเหตุการณ์นั้นสร้างชื่อให้กับถังเทียน วิญญาณขุนพลชั้นเงิน วิชาหอกพรากวิญญาณมีพลังถึงระดับสี่แน่นอน นอกจากนี้ ยังเป็นวิชาระดับปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่แต่ไม่ว่าน่ากลัวเพียงไรก็ตาม ก็ยังถูกถังเทียนทำลายได้ และผู้อาวุโสอู่ที่ถูกเผาเป็นเถ้าถ่านอย่างนี้ก็ยิ่งเป็นเพราะพลังแข็งแกร่งอย่างน่าทึ่งเล่าลือกันว่าต้องเป็นพลังปราณเที่ยงแท้อย่างน้อยก็ระดับห้า แม้ว่าหลายๆคนเชื่อว่าเขาโดนเผาเพราะประมาทก็ตาม
แต่พลังปราณเทียงแท้ระดับห้า.....
นั่นคือระดับพลังที่หลายๆคนปรารถนาจะมี
จากผลสำเร็จทั้งหลายเหล่านี้ ในเมืองซิงฟงนั้น เขาย่อมคู่ควรต่อการเรียกหาเป็นอันดับหนึ่งแน่นอน ถังเทียนที่ตอนแรกถูกมองว่าเป็นนักเรียนสวะไร้ประโยชน์ที่สุดในเมืองซิงฟง คนที่นักเรียนนับไม่ถ้วนหัวเราะเยาะและเย้ยหยันเขา แต่ตอนนี้ ไม่มีใครกล้าล้อเขาอีกแล้ว เนื่องจากวิธีที่เขาสังหารโจวเผิงนั้นแน่วแน่และอำมหิตได้แพร่กระจายออกไปโดยทุกคนที่เห็นประจักษ์
ไม่มีใครระรานเขาได้แน่นอน
ไม่มีใครกล้าทำให้เขาโกรธ
สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ จะไม่ถูกตบตาจากความโง่และลักษณะภายนอกที่ดูโง่ของเขานั่นเป็นการเสแสร้งแกล้งทำแน่นอน
ทุกวันถังเทียนจะประกาศตัวเองว่าเป็นหนุ่มน้อยชาวฟ้าและไม่มีใครยึดถือว่าเป็นเรื่องตลก นั่นเป็นเรื่องจริงแน่นอน ถ้าท่านไม่เชื่อ อย่างนั้นท่านนั่นแหละคือเจ้าโง่ตัวจริง
เมื่อใดก็ตามที่ถังเทียนปรากฏตัว บรรดานักเรียนที่ส่งเสียงจอแจจะเงียบเสียงลงทันที ขณะที่ทุกคนจับจ้องมองเขาด้วยสายตาที่ยำเกรง พวกนักเรียนทุกคนจะหลบไปด้านข้างเปิดทางให้เขาเดินได้ทันที
“หือ?” บุรุษวัยกลางคนที่ยืนอยู่บนระเบียงกำลังจ้องมองมาแต่ไกล เขามองดูภาพข้างหน้าด้วยสีหน้าที่แปลกพิกล
สังคมของนักเรียนเป็นสังคมที่เรียบง่ายและบริสุทธิ์ สามารถทำให้พวกเขามีอาการเช่นนี้ได้ จะต้องเป็นคนที่มีความสามารถทำให้พวกเขารู้สึกนับถืออย่างลึกซึ้งจริงๆ
เขามองถังเทียนจริงจังอย่างช่วยไม่ได้