ตอนที่ 3-7 เดินทางฝึกฝน (1)
เราย้อนกลับไปเมื่อไม่กี่สัปดาห์ก่อนนั้น วันที่ 5มิถุนายน
บ่ายนี้ ลินลี่ย์ร่ำลาพี่น้องร่วมหอพักอีกสามคนของเขา แบกถุงหนังขึ้นหลังมุ่งหน้าไปตามถนนเข้าสู่เทือกเขาอสูรเวท
“จี๊ด จี๊ด!” หนูเงาน้อยร้องร่าอย่างมีความสุขจากบนไหล่ของลินลี่ย์
“เจ้านาย! ในที่สุดเราก็มุ่งหน้าสู่เทือกเขาอสูรเวทจนได้ โหว, ข้าตื่นเต้นเหลือเกิน!” เสียงของหนูเงาน้อยดังอยู่ในหัวของลินลี่ย์ ลินลี่ย์เพียงแต่ยิ้ม ขณะนั้นเองมีแสงสีขาวฉายออกมาและเปลี่ยนเป็นรูปเดลิน โคเวิร์ท
เดลิน โคเวิร์ทแนะนำว่า “ลินลี่ย์, เมื่อเที่ยวไปตามลำพังเจ้าต้องระวังตัวให้ดี บางทีเจ้าอาจจะเจอกับพวกโจรก็ได้”
“ข้ารู้แล้ว, ปู่เดลิน” ลินลี่ย์หัวเราะ
ปู่เดลินย้ำเตือนครั้งแล้วครั้งเล่าถึงอันตรายจากการเดินทางตามลำพัง ในตอนนี้ลินลี่ย์แต่งตัวในชุดผ้าคลุมที่ทนทานและเสื้อแขนกุด หากตัดสินจากเพียงภายนอกทุกคนแน่ใจว่าเขาเป็นนักรบ
จากคำพูดของปู่เดลิน ในเขตภูเขาอสูรเวท ชุดคลุมของนักเวทค่อนข้างรุ่มร่ามและเกะกะ
ลินลี่ย์เคลื่อนไหวได้รวดเร็วมาก แม้ว่าถนนจากสถาบันเอินส์มุ่งสู่เทือกเขาจะค่อนข้างลำบาก แต่ด้วยความแข็งแรงของลินลี่ย์ที่เทียบเท่ากับนักรบระดับสี่ภายในหนึ่งชั่วโมงเขาสามารถเดินทางสี่สิบกิโลเมตรได้อย่างง่ายดาย ตอนนี้เขาเห็นคนสามคนอยู่ข้างหน้าเขา
“หืม?” สายตาลินลี่ย์มองเห็นคนที่คุ้นเคยกันคนหนึ่ง
คนผู้นั้นแต่งกายในชุดยาวของนักเรียนสถาบันเอินส์ ส่วนอีกสองคน คนหนึ่งล่ำสันบึกบึนและสะพายดาบใหญ่บนหลังของเขาบุรุษอีกคนดูผอมแห้งและมีดาบสั้นในฝักอยู่ข้างกาย บุรุษผอมแห้งคนนั้นหันมาจ้องทางลินลี่ย์อย่างตื่นตัว
ลินลี่ย์ไม่ต้องการสนใจพวกเขา เขาเร่งความเร็วขึ้น เตรียมแซงผ่านพวกเขาไป
“ลินลี่ย์, นั่นเจ้าหรือ?” ทันใดนั้นเสียงหนึ่งดังขึ้น
ลินลี่ย์หันไปมองอย่างสงสัย คนผู้นั้นแต่งชุดจอมเวทของสถาบันเอินส์ยิ้มและส่งเสียงเรียก“ลินลี่ย์ นี่ข้าเอง เดลซาร์ทไง จำได้มั้ย”
“โอว, เดลซาร์ท เจ้านั่นเอง” ลินลี่ย์หยุดนิ่ง
ความจริงลินลี่ย์รู้จักเดลซาร์ทผู้นี้
เดลซาร์ทก็เหมือนกับเขา เป็นจอมเวทธาตุลมชั้นเรียนระดับห้า แม้ว่าพวกเขาจะไม่ค่อยสนิทกันมากนัก แต่พวกเขาก็เป็นเพื่อนร่วมชั้นเรียนกัน
เดลซาร์ทพานักรบสองคนมาด้วยขณะที่ยิ้มให้ลินลี่ย์อย่างเป็นกันเองกล่าวว่า“ลินลี่ย์! ข้านึกไม่ถึงเลยว่าเจ้าที่เป็นจอมเวทคนหนึ่งจะแต่งตัวอย่างนี้ ข้าเกือบจำเจ้าไม่ได้ แต่เมื่อข้าเห็นหนูเงาบนไหล่ของเจ้าข้าถึงจำได้ว่าเป็นเจ้า”
“คาฟ, แม็ท ข้าขอแนะนำเจ้า นี่คือลินลี่ย์ หนึ่งในสองสุดยอดอัจฉริยะสถาบันเอินส์ เขาอายุเพียงสิบห้าปีเท่านั้น แต่เป็นจอมเวทระดับห้าแล้ว” เดลซาร์ทแนะนำอย่างกระตือรือร้น
คาฟก็คือนักรบกล้ามโต ขณะที่แม็ทเป็นนักรบร่างผอม
“ข้าได้ยินเดลซาร์ทพูดถึงสองสุดยอดอัจฉริยะมานานแล้ว ข้าไม่คิดเลยว่าวันนี้พวกเราจะมีโอกาสได้พบกับเจ้า”แม็ทพูดอย่างสุภาพ ในขณะที่ตาของคาฟเบิกกว้างราวกับตาวัว “เจ้าเป็นจอมเวทงั้นหรือ?ทำไมเจ้าแต่งกายคล้ายกับนักรบเช่นข้าเล่า?”
ลินลี่ย์ไม่ได้อธิบาย “พวกเจ้าทุกคนกำลังมุ่งหน้าไปเทือกเขาอสูรเวทหรือ?”
เดลซาร์ทพยักหน้า “ถูกแล้ว คาฟกับแม็ทเดินทางร่วมกับข้ามาตั้งแต่การฝึกฝนเมื่อปีที่แล้วพวกเราเป็นทีมที่ดี ปีนี้พวกเราวางแผนไปสำรวจรอบๆขอบนอกของเขตภูเขาอสูรเวท ลินลี่ย์ เจ้าควรจะมากับพวกเรานะไปเป็นกลุ่มพวกเราจะปลอดภัยมากยิ่งขึ้น”
ลินลี่ย์พยักหน้า
“ข้าจะร่วมเดินทางด้วยเฉพาะช่วงนี้ เดลซาร์ทเป็นเพื่อนร่วมชั้นเรียนของข้า ดังนั้นเขาควรเชื่อใจได้ เมื่อเราไปถึงภูเขา เราค่อยแยกกัน”หลังจากตัดสินใจ ลินลี่ย์และพวกเดลซาร์ทงสามคนก็มุ่งหน้าสู่ภูเขาพร้อมกัน
ทั้งสี่คนเดินทางด้วยความเร็วสูงมาก
แม้เดลซาร์ทจะดูมีร่างกายอ่อนแอ แต่ก็สามารถเคลื่อนที่ได้เร็วโดยใช้เวทธาตุลมระดับความเร็วเสียง ดังนั้นกลุ่มของเขาจึงเคลื่อนที่ได้เร็วผ่านถนนกันดารได้
เสียงของคาฟดังก้องขึ้น “ลินลี่ย์ ถ้าเจ้ารวมกลุ่มกับพวกเราพวกเราจะมีนักเวทระดับห้าถึงสองคน เมื่อพวกเราสี่คนลงมือพร้อมกันอาจฆ่าสัตว์เวทระดับหกก็ได้ แก่นเวทของอสูรเวทระดับหกมีราคาประมาณหนึ่งพันเหรียญทองถ้าพวกเราจัดการได้สักสองสามตัว พวกเราก็ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายไปเป็นร้อยปี”
สำหรับผู้คนส่วนใหญ่ เงินสิบเหรียญทองก็มากพอสำหรับเลี้ยงชีวิต
พันเหรียญทองเป็นเงินจำนวนที่มาก
หัวใจของลินลี่ย์หวั่นไหว ภายในใจของเขาเขานึกได้ว่าเขาเคยอ่านหนังสือที่เกี่ยวกับสัตว์เวทหนังสือเหล่านั้นอธิบายไว้ว่าแก่นพลังงานนั้นมีอยู่ในอสูรเวททุกตัว ซึ่งเรียกว่าแก่นเวท
“แก่นเวทพวกนี้จะเป็นผลึกในร่างของอสูรเวทที่มีระดับสามขึ้นไป แต่ถ้าไม่ใช่อสูรเวทที่มีระดับถึงระดับหกแล้วจะมีค่าไม่มากนักพวกมันมีราคาไม่เท่ากับรูปสลักชิ้นหนึ่งของเราด้วยซ้ำ” ลินลี่ย์กล่าวกับตัวเองในใจ
อย่างไรก็ตาม แก่นเวทของอสูรเวทระดับหกมีค่าประมาณพันเหรียญทอง
จากการคำนวณของเดลิน โคเวิร์ท รูปสลักของลินลี่ย์นั้นมีคุณสมบัติเพียงพอที่จะนำไปจัดแสดงในห้องระดับผู้เชี่ยวชาญซึ่งมีมูลค่าประมาณชิ้นละหนึ่งพันเหรียญทอง การฆ่าอสูรเวทระดับหก ว่ากันเรื่องความยากและอันตรายนั้นมีความเสี่ยงมากกว่าการแกะสลักมากนัก
“ที่ภูเขาอสูรเวท จุดมุ่งหมายอย่างแรกของข้าคือฝึกฝนตนเอง เก็บผลึกเวทอย่างนั้นหรือก็แค่ผลพลอยได้เท่านั้น” ลินลี่ย์กล่าวกับตัวเองเมื่อเขามองดูทั้งสามคน
เดลซาร์ทและคนอื่นเริ่มคิดกันอย่างกระตือรือร้น เห็นได้ชัดว่าพวกเขาตื่นเต้นมากเกี่ยวกับการหาแก่นเวท
“แก่นเวทของอสูรเวทระดับสามสี่กับห้าไม่มีค่ามากนัก แม้แต่แก่นเวทจากอสูรเวทระดับหกก็มีราคาประมาณหนึ่งพันเหรียญทอง”เดลซาร์ทพูดพลางส่ายหัวอย่างไม่สนใจ “ถ้าพวกเราสามารถฆ่าอสูรเวทระดับเจ็ดได้พวกเราได้รวยแน่” เมื่อเขาพูดจบ ดวงตาของเดลซาร์ทก็เปล่งประกาย
เหมือนกับมนุษย์ ที่ช่องว่างระหว่างนักเวทระดับหกกับเจ็ดนั้นมีมาก อสูรเวทระดับหกก็มีระดับพลังห่างจากอสูรเวทระดับเจ็ดมาก
แก่นเวทของอสูรเวทระดับเจ็ดมีมูลค่าถึงหนึ่งหมื่นเหรียญทอง
ถ้าพวกเขาสามารถฆ่าได้สักหนึ่งตัวหากเป็นคนธรรมดาแล้วถือได้ว่าพวกเขามีเงินมากมายและไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับเงินไปทั้งชีวิตเลยทีเดียว
“อสูรเวทระดับเจ็ดน่ะหรือ? ด้วยความสามารถอย่างเรา นั่นเท่ากับเป็นการหาเรื่องตาย” ลินลี่ย์พูดอย่างไม่ใส่ใจ
ลินลี่ย์เคยเห็นประจักษ์มาแล้วพลังของอสูรเวทระดับเจ็ดอย่างมังกรลมกรดระดับของลินลี่ย์ในตอนนี้ไม่อาจทำลายผ่านการป้องกันที่น่ากลัวจากเกล็ดของมังกรลมกรดได้ถ้าเขาไม่อาจทำลายการป้องกันของมันได้ แล้วเขาจะฆ่าอสูรเวทระดับเจ็ดได้อย่างไร?
แม็ท ผู้ดูมีลับลมคมใน พยักหน้า “มันยากที่จะพูดว่าพวกเราทั้งสี่คนจะเอาชนะสัตว์เวทระดับหกได้การสู้กับอสูรเวทระดับเจ็ดคือการฆ่าตัวตาย”
“ข้าก็แค่พูดเล่นน่ะ” เดลซาร์ทลูบศีรษะของเขาขณะที่เขาเม้มปาก
ขณะที่พวกเขาทั้งสี่กำลังพูดคุยและหัวเราะกันสนุกสนานในป่าเขาด้านหลังพวกเขาเพียงร้อยเมตร บุรุษชุดสีเขียวซึ่งมีใบไม้ปกคลุมทั่วทั้งหน้าจับตามองพวกเขาอย่างเย็นชา
ปากของบุรุษผู้นี้ขยับไม่หยุด เป็นที่ชัดเจนว่าเขากำลังร่ายเวท
ขณะเดียวกัน ธนูยาวในมือของเขาถูกเหนี่ยวออกจนสุด ทันใดนั้นลูกธนูถูกยิงออกไปเป็นประกายแสงสีฟ้า มันแหวกอากาศด้วยความเร็วที่น่าตระหนกผ่านระยะห่างหลายร้อยเมตรในชั่วพริบตา
ลินลี่ย์ที่กำลังพูดคุยอย่างเรื่อยเปื่อยกับกลุ่มของเขารู้สึกว่าขนทั่วร่างของเขาตั้งชันจิตใจเขาตึงเครียดถึงขีดสุด
“อันตราย!”
ลินลี่ย์รีบหลบไปด้านข้าง “วืดดด!”ธนูความเร็วสูงยิ่งผ่านตัวเขาไปเหมือนสายฟ้าทะลวงร่างของเดลซาร์ท มันทะลุผ่านลำตัวของเขาหลงเหลือไว้เพียงรูบนร่างก่อนที่มันจะหยุดหลังพุ่งไปอีกหลายสิบเมตรก่อนจะหยุดนิ่ง
ดวงตาของเดลซาร์ทเหลือก เขาจับคอตัวเองไว้ คำพูดที่จับใจความไม่ได้ออกมาจากปากเขาพร้อมกับเลือดที่พุ่งออกจากแผลที่อกของเขา
“อึก... อึก...” ดวงตาของเดลซาร์ทเต็มไปด้วยความปรารถนาจะมีชีวิตต่อพวกเขาตกอยู่ในความหวาดหวั่น แต่เลือดยังคงไหลออกจากรูแผลบนอกของเขาอย่างต่อเนื่องมันไหลเร็วมาก ประกายชีวิตหายไปจากแววตาของเดลซาร์ท และเขาก็ล้มลง
ลินลี่ย์, คาฟและแม็ทรีบหมอบลงกับพื้นหญ้าพร้อมกับหันไปมองด้านหลังอย่างหวาดระแวง