ตอนที่ 3-6 คำเชิญ
“หืม, มีงานแกะสลักสามชิ้นในห้องแสดงหลักที่ขายได้ถึงชิ้นละ 1500เหรียญทองด้วยหรือนี่?”ออสโทนี่ผู้จัดการหอศิลป์พรูกซ์จ้องดูบันทึกด้วยความพิศวง หลังจากพลิกดูรายละเอียดของช่างแกะสลักซึ่งก็คือลินลี่ย์เขาอดทึ่งมากยิ่งขึ้นไม่ได้ “ผลงานทั้งสามชิ้นนี้เป็นของลินลี่ย์, และเขาอายุเพียงสิบห้าปีงั้นหรือ?”
โลกของงานแกะสลักเป็นเหมือนปิรามิดแน่นอน
ในพันธมิตรศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดมีนักแกะสลักระดับปรมาจารย์อยู่ห้าหรือหกคนที่ยืนอยู่บนจุดสูงสุดของวงการนี้ และอาจมีช่างแกะสลักระดับผู้เชี่ยวชาญอยู่ราวๆ หนึ่งร้อยคนประมาณนั้น จากจุดตรงนี้ใครๆ ก็พอจะคาดได้ว่าผู้เชี่ยวชาญเหล่านี้หาได้ยากเพียงไหนโดยปกติ คนที่สามารถเรียกได้ว่า‘ช่างแกะสลักผู้เชี่ยวชาญ’นั้นจะมีความเข้าใจในชีวิตและมีทักษะทางศิลปะที่สามารถผสานความเข้าใจของเขาลงไปในรูปสลักของเขาได้เพราะเหตุนี้รูปสลักของพวกเขาจึงมีกลิ่นอายที่พิเศษ
ช่างแกะสลักผู้เชี่ยวชาญอายุสิบห้าปีน่ะหรือ?
ไม่เคยได้ยินจากที่ไหนมาก่อนเลย
“และลินลี่ย์ผู้นี้เป็นนักเรียนของสถาบันเอินส์ด้วยหรือ?” ออสโทนี่ยิ่งตกใจหนักกว่าเดิม สถาบันเอินส์เป็นสถาบันจอมเวทอันดับหนึ่งของทวีปยูลาน “และเขาเป็นนักเรียนเวทระดับห้าด้วยหรือ? นักเรียนเวทระดับห้าอายุสิบห้าปีน่ะหรือ?”
ออสโทนี่สูดลมหายใจหนาวเหน็บ
อัจฉริยะ!
“แม้ว่ารูปสลักทั้งสามชิ้นนี้จะมีมูลค่าเพียงหนึ่งพันเหรียญทองแต่ถ้าพูดถึงวัยของช่างแกะสลักแต่เพียงอย่างเดียวแล้ว คุณค่าที่แท้จริงของรูปสลักทั้งสามนี้ยอดเยี่ยมกว่าหลายเท่านัก”ออสโทนี่ถูกดึงดูดด้วยสิ่งนี้
สำหรับช่างแกะสลักอายุสิบห้าปีที่สามารถสร้างสรรงานสลักระดับนี้ขึ้นมาได้นั้นมูลค่าผลงานจะยิ่งเพิ่มขึ้นอย่างทวีคูณ
เพราะช่างแกะสลักวัยสิบห้าปีผู้นี้ยังคงเป็นนักเรียนสถาบันเอินส์นั่นหมายความว่าเป็นอัจฉริยะในหมู่อัจฉริยะ นี่จะเพิ่มมูลค่างานแกะสลักของเขาอีกหลายเท่า
“บ่ายวันนี้ ข้าจะไปสถาบันเอินส์ ค่อนข้างนานแล้วที่หอศิลป์พรูกซ์ไม่ได้ขึ้นทะเบียนช่างแกะสลักระดับเชี่ยวชาญคนใหม่” ออสโทนี่ได้ตัดสินใจจากความจริงที่ว่ารูปสลักทั้งสามของเขาขายได้ในราคาที่สูง ลินลี่ย์พิสูจน์ความสามารถของเขาได้อย่างชัดเจน
เขามีคุณสมบัติครบถ้วนที่จะนำรูปสลักของเขาไปจัดแสดงในซุ้มส่วนตัวในห้องของผู้เชี่ยวชาญ
บ่ายแก่ๆวันนั้นเอง
รถม้าส่งคนลงที่หน้าประตูทางเข้าหลักของสถาบันเอินส์ เป็นออสโทนี่กับคนคุ้มกันสองคนเมื่อมาถึงที่ประตูหน้า ออสโทนี่แสดงข้อมูลว่าเขาเป็นผู้จัดการของหอศิลป์พรูกซ์สถาบันเอินส์จัดคนคุ้มกันของพวกเขาคนหนึ่งคุ้มกันเขาเข้าไปภายใน
ที่พื้นที่สำหรับนักเรียนเวทระดับห้าของสถาบันเอินส์
“คุณออสโทนี่ ที่นี่คือที่รวมตัวอาจารย์ของนักเวทระดับห้า”ผู้คุ้มกันยิ้มให้และเปิดประตูออก ปัจจุบันนี้มีนักเวทอยู่ประมาณสิบคนกำลังพูดคุยและหัวเราะกันอยู่ คุณสมบัติที่จะเป็นผู้สอนนักเวทระดับห้าคือต้องเป็นนักเวทระดับเจ็ดหรือแปด
พอประตูเปิดออก นักเวทระดับสูงเหล่านี้ต่างหันมามองกันทุกคน
“ท่านที่นับถือทั้งหลาย ท่านผู้นี้คือออสโทนี่จากหอศิลป์พรูกซ์เขามีธุระบางอย่างรบกวนให้พวกท่านช่วยเหลือ” ผู้คุ้มกันกล่าวอย่างเคารพนอบน้อม
นักเวททุกคนพยักหน้าอย่างใจเย็น
หอศิลป์พรูกซ์มีสาขาในทุกอาณาจักรและจักรวรรดิในทวีปยูลาน และมีพลังและอิทธิพลที่น่าทึ่งดังนั้น แม้แต่นักเวทที่ลำพองตนและเย่อหยิ่งยังต้องปฏิบัติกับคนของหอศิลป์พรูกซ์ด้วยความเกรงใจ
“ท่านนักเวททั้งหลาย” ออสโทนี่พูดพลางยิ้มพลาง “ข้ามาที่นี่เพื่อตามหาเด็กนักเรียนนามว่าลินลี่ย์?”
“ลินลี่ย์?”
นักเวททุกคนต่างก็หัวเราะ ในหมู่พวกเขา นักเวทในชุดยาวสีม่วงกล่าวพร้อมรอยยิ้ม“ลินลี่ย์น่ะหรือ? เขาเป็นหนึ่งในสองสุดยอดอัจฉริยะของสถาบันเอินส์ เป็นจอมเวทสองสายธาตุ คือดินกับลมลองไปคุยกับอาจารย์ที่สอนธาตุลมให้เขาดู เขาอาจจะรู้ก็ได้”
“ท่านลืมไปได้เลยเกี่ยวกับผู้สอนธาตุดิน เจ้าลินลี่ย์ผู้นี้ตลอดเวลาสามเดือนที่ผ่านมา โผล่หน้ามาในคาบเรียนธาตุดินแค่สองครั้ง”ชายแก่ที่ไว้เครากล่าวอย่างไม่พอใจ “แต่ลินลี่ย์กลับเข้าเรียนในวิชาธาตุลมทุกครั้ง”
ชายชราที่ไว้หนวดอีกคนกล่าวพร้อมรอยยิ้ม “ข้าเป็นผู้สอนเวทธาตุลมของลินลี่ย์เองข้าค่อนข้างรู้เรื่องของเขาดีทีเดียว ถ้าท่านมีคำถามอะไรก็ถามข้าได้”
ออสโทนี่พยักหน้า “เมื่อเดือนที่แล้ว ลินลี่ย์นำรูปสลักสามชิ้นมาที่หอศิลป์พรูกซ์ รูปสลักของเขาอยู่ในระดับเทียบเท่ากับผู้เชี่ยวชาญจากราคาที่ถูกขายไปในเดือนนี้ พวกเราตัดสินใจว่าให้ลินลี่ย์มีคุณสมบัติที่จะให้รูปสลักของเขามาจัดแสดงที่ซุ้มส่วนตัวในห้องของผู้เชี่ยวชาญได้”
“ซุ้มส่วนตัวน่ะหรือ?”
นักเวทเหล่านั้นรู้สึกทึ่งกันทุกคน
นักเวทที่หยิ่งผยองเหล่านี้รู้ดีเกี่ยวกับการแกะสลัก พวกเขารู้ว่าเป็นเรื่องยากมากที่แกะสลักให้สมบูรณ์แบบทางกายภาพ นี่ยังไม่รวมกับกลิ่นอายพิเศษหรือแก่นแท้ใดๆการได้จัดแสดงในซุ้มส่วนตัวที่หอศิลป์พรูกซ์ นั้นเป็นความฝันของช่างแกะสลักทุกคน
“ท่านแน่ใจนะว่าเขาคือลินลี่ย์ เจ้าเด็กลินลี่ย์คนนี้เป็นคนขยันและมีความเพียรพยายามมากในคาบเรียนของเขาและเขาอายุเพียงสิบห้าปีเท่านั้นด้วย” ผู้สอนเวทธาตุลมของลินลี่ย์ชายชราผมเงินในชุดคลุมขาวพูดด้วยความรู้สึกเหลือเชื่อ
ออสโทนี่ยิ้ม “นี่คือข้อสงสัยที่เกินคาด ในหอศิลป์พรูกซ์ พวกเราได้บันทึกประวัติส่วนตัวของลินลี่ย์ไว้แล้วจากข้อมูลของเรา เขามาที่หอศิลป์พรูกซ์ พร้อมกับคุณชายเยล”
นักเวทเหล่านั้นพยักหน้ากันทุกคน
ต่อจากนั้น พวกเขาเริ่มพูดคุยกันเองอย่างออกรสชาติ หนี่งในสองสุดยอดอัจฉริยะแห่งสถาบันเอินส์เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการแกะสลักอีกด้วย สำหรับจอมเวทอัจฉริยะคนหนึ่งจะได้รับซุ้มส่วนตัวในหอศิลป์พรูกซ์นั้นเป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในหนึ่งพันปีมานี้
นักเวทเหล่านี้ย่อมประหลาดใจกันทุกคนเป็นธรรมดา
“ท่านนักเวททั้งหลาย มีใครบอกข้าบ้างได้ไหมว่าลินลี่ย์พักอยู่ที่ไหน?” ออสโทนี่ถาม
ผู้เฒ่าผมเงินชุดขาวพูด “ลินลี่ย์พักอยู่ในหอพัก 1987”
“หอพัก 1987?” พอได้ยินเช่นนี้ ออสโทนี่เตรียมตัวไปทางนั้นทันที
แต่ผู้เฒ่าผมเงินชุดขาวยังคงพูดต่อ “โปรดรอเดี๋ยว แม้ว่าลินลี่ย์จะพักอยู่ในหอพัก 1987 ก็จริง แต่เท่าที่ข้าทราบมา เมื่อสามสัปดาห์ที่แล้ว เขาออกจากโรงเรียนเพื่อไปฝึกฝนดังนั้น โชคไม่ดีเลยนะ ข้าเกรงว่าท่านมาที่นี่เสียเที่ยวแล้ว”
“ฝึกฝน?” ออสโทนี่ตกตะลึง
ออสโทนี่รู้ดีว่านักเวทระดับห้าและหกจะถูกส่งไปฝึกฝนในโลกในพื้นที่จริงสถาบันเอินส์ส่งเสริมการฝึกฝนนี้อย่างแข็งขัน
ออสโทนี่อดถอนหายใจไม่ได้
เขาคาดไม่ถึงว่าแม้เขาจะบึ่งมาที่สถาบันเอินส์อย่างรีบเร่งก็ตามแต่ผลลัพธ์กลับลงเอยเช่นนี้
“ถ้าอย่างนั้น ท่านนักเวททั้งหลาย ข้าขอลาก่อน” ออสโทนี่คำนับแสดงความเคารพ นักเวททุกคนพยักหน้าให้เขาแบบผ่านๆหลังจากนั้นก็ไม่ได้สนใจในตัวเขาอีก พวกเขาทั้งหมดเริ่มพูดคุยกันเองอย่างตื่นเต้น
“คาดไม่ถึงเลยว่าเจ้าหนูลินลี่ย์ผู้นี่จะน่าเกรงขามมากขนาดนั้น...”
ครูนักเวทเหล่านี้ยกย่องลินลี่ย์ไม่หยุด ทั้งที่ไม่มีใครรู้เขากลับสามารถตั้งซุ้มส่วนตัวในหอศิลป์พรูกซ์ได้