ตอนที่ 3-10 เทือกเขาอสูรเวท (2)
ภายในยอดเขาของเทือกเขาอสูรเวทจำนวนนับไม่ถ้วนนั้น มีต้นไม้เติบโตขึ้นมายาวนานจำนวนนับไม่ถ้วนทำให้การเดินทางยากลำบาก สิ่งที่ทำให้ยากยิ่งขึ้นก็คือการที่ต้องผ่านยอดเขาและหุบเขาอย่างต่อเนื่องหรือบางทีอาจจะเผลอเดินทางวนอ้อม
“เมื่อเดินทางในเทือกเขาอสูรเวท อย่าผ่านไปทางที่มีพุ่มไม้อยู่เยอะไปทางอ้อมจะดีที่สุด” เดลิน โคเวิร์ทเริ่มบอกสิ่งที่มีประโยชน์จากประสบการณ์ของเขาให้ลินลี่ย์ฟัง
ลินลี่ย์ตั้งใจฟังอย่างระมัดระวัง ในขณะที่เขายังคงมุ่งหน้าต่อไป
“จำไว้ให้ดี ข้อผิดพลาดที่ใหญ่ที่สุดที่เจ้าทำในเทือกเขาอสูรเวทนี้คือการทำให้เกิดเสียง นี่จะทำให้อสูรเวทมากมายหันมาสนใจเจ้า แม้ว่าเจ้าจะเผลอทำให้เกิดเสียงดังเพียงเล็กน้อยเจ้าต้องรีบหนีจากพื้นที่บริเวณนั้นทันที” เดลิน โคเวิร์ทยังกล่าวต่อ “และจำไว้ให้ดีถ้าเจ้าบาดเจ็บ เจ้าต้องรีบห้ามเลือดที่ไหลให้ได้ กลิ่นคาวเลือดจะดึงดูความสนใจของสัตว์ร้ายเช่นกันจมูกของอสูรเวทรับกลิ่นได้ดีกว่าของมนุษย์มากนัก”
ลินลี่ย์พยักหน้า
ยอดไม้นับไม่ถ้วนหนาทึบปกคลุมทั่วทั้งท้องฟ้า เมื่อมองดู ลินลี่ย์นึกถึงข้อมูลบางอย่างที่เขาได้มาจากหนังสือในสถาบันเอินส์ในสถานที่เช่นนี้ แสงอาทิตย์ยังผ่านลงมาไม่ได้เขาต้องเรียนรู้วิธีแยกแยะว่าทางไหนเป็นทิศไหน
ลินลี่ย์กระโจนผ่านรากไม้และเถาวัลย์ที่ระเกะระกะอย่างรวดเร็วราวกับลิงแต่เมื่อเขาก้าวเข้าสู่บริเวณหนึ่ง…
“โหว...” ลินลี่ย์สูดลมหายใจอย่างหนาวเหน็บเมื่อเขาเห็นบางสิ่งที่อยู่ไม่ไกลนัก
ศพของบุรุษสามศพและสตรีอีกสองศพอยู่ห่างจากเขาไม่กี่สิบเมตร ศพทั้งห้ายังไม่ถึงกับเน่า แต่มีรอยกัดที่เห็นได้ชัดศพทั้งหมดถูกฉีกกระชาก ศพของบุรุษคนหนึ่งถูกกินขาไปครึ่งท่อนและมีรูขนาดใหญ่ที่ท้องซึ่งลำไส้ของเขาไหลออกมา ศีรษะของศพสตรีคนหนึ่งหายไปครึ่งศีรษะเหลืออยู่เพียงลูกตาข้างหนึ่งและกะโหลกสีขาวที่เหลือผมไม่กี่เส้น
หน้าของลินลี่ย์ขาวซีด จนเขาแทบลืมหายใจ
“พวกเขาคงตายมาราวสามหรือสี่วันแล้ว” เดลิน โคเวิร์ทปรากฏตัวอยู่ข้างลินลี่ย์และสำรวจศพอย่างระมัดระวัง ใบหน้าเขายังคงสงบ “ลินลี่ย์ ดูใกล้ๆ สิ ที่หน้าอกของทุกคนมีแผลที่คล้ายๆ กันถ้าข้าคาดไม่ผิดทั้งห้าคนนี้คงถูกมนุษย์ฆ่า และคาดว่าโดยฝีมือคนๆ เดียว”
ลินลี่ย์ตระหนก
“ปู่เดลิน! ท่านบอกว่าคนๆเดียวฆ่าพวกเขาทั้งหมดงั้นหรือ?” ลินลี่ย์มองดูเดลิน โคเวิร์ทอย่างตื่นตระหนก
เดลิน โคเวิร์ทยิ้มใจเย็น “ลินลี่ย์,นี่เป็นการมาเยือนเทือกเขาอสูรเวทครั้งแรกของเจ้า ทันทีที่เจ้าอยู่ที่นี่นานอีกหน่อย เจ้าจะตระหนักได้ว่าในเทือกเขาอสูรเวท นอกจากต้องจัดการรับมือการโจมตีของอสูรทั่วไปแล้ว เจ้ายังต้องป้องกันการโจมตีของมนุษย์คนอื่นด้วย”
“การจู่โจมทำร้ายของมนุษย์? ทำไมมนุษย์คนอื่นต้องโจมตีทำร้ายกันด้วย?” ลินลี่ย์เริ่มรู้สึกว่ามีความคับแค้นอยู่ในใจ
ในเทือกเขาอสูรเวท สัตว์ประหลาดทั่วไปก็มีจำนวนนับไม่ถ้วนเขาไม่คิดเลยว่ามนุษย์ที่นี่ยังสู้กันเองอีก แทนที่จะช่วยเหลือกัน
“นี่ถือเป็นเรื่องปกติ ทำไมมนุษย์ถึงเข้ามาเสี่ยงในเทือกเขานี้คนส่วนใหญ่มาที่นี่เพื่อหวังจะได้รับแก่นเวท ถ้าพวกเขาฆ่าอสูรเวทตัวหนึ่งเขาจะได้แก่นเวทเพียงหนึ่งลูก แต่ถ้าเขาฆ่ามนุษย์หนึ่งคน คนๆนั้นอาจจะมีแก่นเวทจำนวนมากในกระเป๋าพวกเขาและมีอย่างอื่นอีกด้วย” เดลิน โคเวิร์ทลูบเคราขาว
ในที่สุดลินลี่ย์ก็เข้าใจ
ความโล�
ทั้งหมดเป็นเพราะความโลภ บางคนในที่นี้ต้องการได้รับแก่นเวทมากมายอย่างง่ายๆและแน่นอน การฆ่ามนุษย์ที่นี่เป็นวิธีที่ดีที่จะได้อย่างนั้น
“ลินลี่ย์, เจ้าต้องระมัดระวังให้ดี จากสิ่งที่ข้าเห็น คนที่สามารถฆ่าคนทั้งห้านี้ได้ ต้องมีความสามารถที่ประหลาด ถ้าเจ้าดูเสื้อผ้าของคนเหล่านี้ให้ดี เจ้าจะเห็นได้ว่าน่าจะเป็นนักรบอยู่สี่คน ขณะที่อีกคนหนึ่งเป็นจอมเวท แต่ทั้งห้าคนถูกสังหารเวลาเดียวกันโดยการแทงไปที่หัวใจ การสังหารอย่างโหดเหี้ยมนี้แม่นยำจนน่าตกใจอย่างไรก็ตาม พวกเราก็ไม่รู้ว่าห้าคนนี้แข็งแกร่งเพียงไหน จึงยากที่จะประเมินความแข็งแกร่งของผู้ที่สังหาร”เดลิน โคเวิร์ทขมวดคิ้ว “แต่การที่ห้าคนนี้กล้าเข้ามาเสี่ยงในเทือกเขาอสูรเวทนี้แสดงว่าพวกเขาคงไม่อ่อนแอแน่จากตรงนี้ เรารู้ว่าอย่างน้อยที่สุด ผู้ที่สังหารพวกเขาต้องไม่อ่อนแอกว่าเจ้า”
ลินลี่ย์ก้าวไปดูใกล้ๆ จากนั้นพยักหน้าเห็นด้วย
การจู่โจมสังหารนี้แม่นยำและหมดจดมาก
“นี่เป็นแค่เขตรอบนอกของเทือกเขาเท่านั้น รีบเข้าไปเถอะ” เดลิน โคเวิร์ทหัวเราะ
ลินลี่ย์พยักหน้า จากนั้นจึงเดินล่วงลึกเข้าไปในเทือกเขาอสูรเวทต่อไป ในการเดินทางของเขา ภาพศพของมนุษย์สองคนและอสูรเวทกลายเป็นเรื่องปกติไปแล้วพอๆกับอาวุธที่สนิมจับเขรอะอีกมากมายลินลี่ย์ยังได้พบอสูรเวทระดับต่ำเป็นครั้งคราว
ยามค่ำคืน ลินลี่ย์และหนูเงาน้อยกำลังพักผ่อนและกำลังเคี้ยวกินขาหมู ลินลี่ย์นั่งอยู่บนพื้นขณะที่บีบีนั่งบนไหล่ของเขา
“ตอนกลางคืน ไม่ควรก่อไฟในเทือกเขาอสูรเวทนี้” เดลิน โคเวิร์ทแนะนำอีกครั้ง
“เข้าใจแล้ว, ปู่เดลิน” ลินลี่ย์รู้กฎเกณฑ์พื้นฐานในการเอาตัวรอดของที่นี่อยู่บ้าง ที่นี่ไม่ใช่ป่าธรรมดาและสัตว์ร้ายที่นี่ก็ไม่กลัวไฟ
ขณะนั่งอยู่บนพื้น ลินลี่ย์เริ่มสงบใจลงและหลับตาขณะที่กำลังเริ่มสัมผัสกระแสธาตุดินและลมรอบๆตัวความรู้สึกของแก่นแห่งธาตุรายรอบตัวเขานั้นให้ความรู้สึกเหมือนอ้อมกอดของบิดามารดา
เนื่องด้วยความถนัดระดับยอดเยี่ยมของเขาในธาตุดินและลม ลินลี่ย์สามารถรับรู้ได้แจ่มชัด
“การสั่นของพื้นดิน การไหลของกระแสลม” รอยยิ้มที่เปี่ยมสุขปรากฏบนใบหน้าของลินลี่ย์พร้อมกับที่เขาเริ่มหลับลงอย่างช้าๆ ลินลี่ย์มีความมั่นใจว่าการสั่นไหวบนพื้นหมายถึงบางสิ่งบางอย่างกำลังเข้ามาใกล้หรือกระแสของลมจะแปรปรวนเมื่อบางสิ่งเคลื่อนที่มาหาเขา เขาจะตื่นขึ้นมาทันที
นี่เป็นความสามารถของนักเวทธาตุดินและลม
ราตรีค่อยๆ มาเยือน หนูเงาน้อย บีบีขดตัวด้านหน้าลินลี่ย์เริ่มส่งเสียงกรนเบาๆ ลมยามค่ำคืนยิ่งหนาวเหน็บ แต่ในตอนนี้เป็นช่วงฤดูร้อนในเทือกเขาอสูรเวทกลางดึกรู้สึกเพียงความเย็นสดชื่น ในตอนกลางวันนั้นก็ค่อนข้างร้อน
ดึกสงัด มืดไปทุกที่ทาง
“แซ่กๆ” แต่ของบางอย่างที่เหยียบหญ้าดังขึ้นเบาๆ
หมาป่าวายุขนสีฟ้าที่ดูทรงพลังคู่หนึ่งเดินอยู่ในป่าดวงตาสีเขียวอ่อนของพวกมันสำรวจรอบตัวอย่างระมัดระวังขณะที่ขาอันทรงพลังก็ย่องไปมาอย่างเงียบกริบ
เขี้ยวสีขาวดูดุร้ายส่องประกายสีขาวในยามค่ำคืน