ตอนที่แล้วยอดอาจารย์มหาเมตตา ตอนที่ 54 เสียใจ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปยอดอาจารย์มหาเมตตา ตอนที่ 56 สิ้นสุดระยะฟื้นตัวการถ่ายทอดฐานการบ่มเพาะ

ยอดอาจารย์มหาเมตตา ตอนที่ 55 โกรธเกรี้ยวอีกครา


ยอดอาจารย์มหาเมตตา ตอนที่ 55 โกรธเกรี้ยวอีกครา

“ศิษย์พี่หวัง ท่านคิดว่าเกิดอะไรขึ้นกับท่านอาจารย์หรือ เหตุใดจู่ ๆ เขาถึงโกรธเกรี้ยวขนาดนี้”

ที่ประตู ศิษย์สองคนเดินผ่านและบังเอิญได้ยินเสียงคำรามของฉีอู๋ฮุ่ยจากข้างใน ทำให้พวกเขาสั่นสะท้านด้วยความหวาดกลัว

หวังหลิงมองผ่านหน้าต่างและกล่าวด้วยความงุนงงว่า “ข้าไม่รู้ ข้าคิดว่าเขาอาจจะตื่นเต้นกับอะไรบางอย่าง”

“เท่าที่ข้ารู้ มีเพีนวคนเดียวในสำนักเยียวยาสวรรค์ที่สามารถทำให้ท่านอาจารย์โกรธได้คืออาจารย์ลุงเย่จากขุนเขาเมฆาม่วง”

หลี่ฮั่นตกตะลึงไปครู่หนึ่ง “อาจารย์ลุงไร้ประโยชน์จากขุนเขาเมฆาม่วงหรือ”

“จุ๊… อย่าเอ่ยวาจาไร้สาระ ไม่เช่นนั้นเจ้าอาจประสบปัญหาได้” หวังหลิงจ้องมองเขาและมองไปรอบ ๆ อย่างรู้สึกผิด เขากระซิบ “อาจารย์ลุงเย่แห่งขุนเขาเมฆาม่วงนั้นไม่ใช่ขยะ ครั้งนี้เจ้าไม่ได้ลงจากภูเขาไป เจ้าจึงไม่รู้ว่าอาจารย์ลุงเย่นั้นกระทำอะไรลงไปบ้างในช่วงที่ลงเขา”

หลี่ฮั่นรู้สึกสนใจทันทีเมื่อเขาได้ยินสิ่งนี้ จากนั้นหวังหลิงก็เล่าให้ฟังว่าเกิดอะไรขึ้นกับสิ่งที่เย่ชิวกระทำ ทำให้เขาตกใจมากหลังจากได้ยิน “ไม่มีทาง! อาจารย์ลุงเย่แข็งแกร่งขนาดนั้นจริงหรือ ไม่แปลกใจเลยที่ท่านอาจารย์จะรู้สึกโกรธเกรี้ยวตั้งแต่เขากลับมา เป็นเช่นนั้นเอง”

ในขณะที่ทั้งสองคนกำลังคุยกันอย่างออกรส ร่างหนึ่งก็เดินเข้ามาข้างหลังพวกเขาอย่างเงียบ ๆ ทำให้ทั้งสองหันกลับมาด้วยความตกใจ

“ศิษย์พี่ใหญ่...”

ฉีฮ่าวไม่ได้เปลี่ยนสีหน้าและกล่าวอย่างเย็นชา “พวกเจ้ากำลังพูดอะไรกัน”

ทั้งสองคนตัวสั่นไม่กล้าสบตาแม้แต่น้อย “ไม่มีอะไร… เราเพียงแค่คุยกันถึงปัญหาการบ่มเพาะบางอย่าง เราไม่ได้พูดคุยอะไรกันแม้แต่น้อย”

ฉีฮ่าวไม่ได้กล่าวอะไร เขามองไปยังฉีอู๋ฮุ่ยในห้องฝึกซ้อมที่ยังคงโกรธอยู่

เขาปิดด่านมาหลายเดือนและเพิ่งออกจากการปิดด่านในวันนี้ เขาจึงไม่รู้สิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงนี้นัก

เกิดอะไรขึ้นกับบิดาของเขาในวันนี้ เหตุใดจู่ ๆ เขาถึงโกรธเช่นนี้ เขาไม่เคยเห็นบิดามีโทสะเช่นนี้มาก่อน

“ออกไป” ฉีฮ่าวส่งสัญญาณด้วยสายตาว่าให้ทั้งสองคนออกไปได้แล้ว จากนั้นเดินเข้าไปในห้องฝึกซ้อม

“ท่านพ่อ…” ฉีฮ่าวเอ่ยด้วยความเคารพทันทีที่เขาเข้าไปในห้องฝึกซ้อม

ฉีอู๋ฮุ่ยซึ่งกำลังโกรธเกรี้ยวได้เงยหน้าขึ้นและเมื่อเห็นว่าเป็นบุตรชายของเขา เขาจึงระงับความโกรธในใจไว้ “ฮ่าวเอ๋อ เจ้าออกมาจากการปิดด่านตั้งแต่เมื่อไหร่กัน”

“ข้าเพิ่งออกมาจากการปิดด่านไม่นานนี้เอง ท่านพ่อ ท่านเป็นอะไรไป ใครกันที่ทำให้ท่านโกรธเช่นนี้” ฉีฮ่าวถามด้วยความสงสัย

ฉีอู๋ฮุ่ยก็ถอนหายใจ “จะเป็นใครได้อีก นอกจากผู้คนจากขุนเขาเมฆาม่วงแล้ว จะมีใครอีกบ้างที่กล้าทำให้ข้าโมโหเช่นนี้”

สายตาของฉีฮ่าวหรี่ลงในขณะที่เขาตระหนักได้ว่า “ขุนเขาเมฆาม่วงอีกแล้วหรือ”

ฉีอู๋ฮุ่ยอธิบายทุกอย่างที่เกิดขึ้นในวันนี้ให้เขาฟัง เขาไม่ลืมเล่าแม้แต่ประโยคสุดท้ายที่เย่ชิวเอ่ย

ความอาฆาตได้ฉายผ่านดวงตาของฉีฮ่าวหลังจากที่เขาได้ยินว่าบิดาของเขาถูกเย่ชิวทำให้อับอาย

“เย่ชิวล้ำเส้นเกินไป! ท่านพ่อไม่ต้องห่วง ข้ารู้ว่าจะต้องทำอย่างไร มีเพียงขุนเขาเมฆาม่วงท่านั้นที่กล้าทำให้ขุนเขากระบี่เร้นลับของข้าอับอายเช่นนี้ เมื่อการประลองยุทธเจ็ดขุนเขามาถึง ข้าจะเอาคืนอย่างสาสม”

“เย่ชิวแข็งแกร่งก็จริง แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าศิษย์ของเขาจะทรงพลัง อวยพรอย่าให้ศิษย์ของเขาได้พบเจอข้าจะดีกว่า มิฉะนั้นก็อย่าหาว่าข้าหยาบคาย”

ดวงตาของฉีฮ่าวเต็มไปด้วยความโหดเหี้ยม ความอัปยศอดสูของฉีอู๋ฮุ่ยก็เหมือนกับความอุปยศของขุนเขากระบี่เร้นลับทั้งหมด นอกจากนี้แล้ว เขายังเป็นบุตรชายแท้ ๆ ของฉีอู๋ฮุ่ย เขาจะต้องแก้แค้นให้ได้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น

ดวงตาของฉีอู๋ฮุ่ยส่องประกายและในที่สุดเขาก็สงบลงเมื่อได้ยินว่าบุตรชายมีความมั่นใจมากเพียงใด

“ดี! สมกับที่ลูกชายของข้า เจ้ามีความทะเยอทะยาน เราจะสามารถเชิดหน้าชูตาขึ้นได้หรือไม่นั้นก็ล้วนขึ้นอยู่กับเจ้าแล้ว”

“ฮึ่ม เย่ชิว เจ้าสารเลว เจ้าล้ำเส้นเกินไปแล้ว! หากยอดกระบี่ซ่อนเร้นของข้าพ่ายแพ้ขุนเขาเมฆาม่วงในการประลองยุทธครั้งนี้ ข้าจะต้องอับอายขายหน้าอย่างแน่นอน” ฉีอู๋ฮุ่ยกล่าวอย่างจริงจัง ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความโกรธ ราวกับว่าโต๊ะข้างหน้าเขาคือเย่ชิวและตบมันอย่างไร้ความปรานี

โต๊ะได้กลายเป็นฝุ่นและสลายไปกับพื้นทันที

ฉีฮ่าวยิ้มอย่างมั่นใจและเผยรอยยิ้มที่ชั่วร้ายออกมา “ท่านพ่อไม่ต้องห่วง! หลังจากการปิดด่านครั้งนี้ ระดับการบ่มเพาะของข้าได้บรรลุขอบเขตสวรรค์ขั้นที่ 4 แล้ว อยู่ไม่ไกลจากขั้นที่ 5 มากนัก”

“นอกจากศิษย์พี่ใหญ่ของขุนเขาแรกแล้วก็ไม่มีใครในสำนักเยียวยาสวรรค์สามารถเป็นคู่มือของข้าได้อีกต่อไป”

“แล้วศิษย์ใหม่ทั้งสองคนจากขุนเขาเมฆาม่วงจะมากล้าอวดดีต่อหน้าข้าได้อย่างไร”

ดวงตาของฉีอู๋ฮุ่ยเป็นประกายด้วยความประหลาดใจในขณะที่เขารีบเดินไปยังด้านข้างของฉีฮ่าวเพื่อตรวจสอบ “ฮ่าฮ่า… สมแล้วลูกชายของข้า เจ้าได้ก้าวข้ามจากขอบเขตสวรรค์ขั้นขั้นที่ 1 ไปสู่ขั้นที่ 4 หลังจากปิดด่านเพียงสองเดือน ดี ดีมาก…”

“เย่ชิว ข้าอยากรู้ว่าเจ้าจะต่อกรกับข้าอย่างไรกัน”

ฉีอู๋ฮุ่ยลืมความอัปยศอดสูก่อนหน้านี้และหัวเราะเสียงดัง พรสวรรค์ของบุตรชายของเขาก็ไม่เลว ไม่เพียงแค่ไม่เลวเท่านั้น แต่ยังสูงมากอีกด้วย เพียงแต่ว่าเขาตามใจบุตรคนนี้จนเกินไป ทำให้ขี้เกียจและไม่ต้องการบ่มเพาะ

ตอนนี้ความขัดแย้งระหว่างขุนเขากระบี่เร้นลับและขุนเขาเมฆาม่วงทวีความรุนแรงยิ่งขึ้นไปอีก ในที่สุดฉีฮ่าวก็เต็มใจบ่มเพาะและสะกดอารมณ์ตัณหาไว้

ในเวลาเพียงสองเดือน เขาทะลวงผ่าน 3 ขอบเขตย่อยติดต่อกัน พรสวรรค์เช่นนี้ทำให้ฉีอู๋ฮุ่ยประหลาดใจอย่างถึงที่สุด

“ฮ่าวเอ๋อ ตามข้ามา วันนี้พ่อจะสอนเคล็ดวิชาลับที่ทรงพลังให้เจ้าในกรณีฉุกเฉิน” หลังจากตัดสินใจได้ ฉีอู๋ฮุ่ยก็พาฉีฮ่าวไปยังห้องฝึกซ้อมเพื่อชี้แนะเขา

ในขณะนี้ปรมาจารย์ขุนเขาต่าง ๆ ได้กลับไปยังสนามฝึกของพวกเขาแล้วเช่นกัน

หลังจากเหตุการณ์ในวันนี้ ทุกคนต่างรู้สึกกดดันเป็นอย่างมาก ศิษย์ของขุนเขาต่าง ๆ ได้เริ่มฝึกฝนอย่างบ้าคลั่งราวกับฉีดเลือดไก่ ในขณะที่การประลองยุทธกำลังใกล้เข้ามา ปรมาจารย์ขุนเขาของต่าง ๆ ได้ทุ่มพลังทั้งหมดเพื่อสั่งสอนศิษย์ของพวกเขา ไม่มีใครต้องการด้อยไปกว่าใคร

พวกเขาทั้งหมดต้องการมอบไพ่ตายไว้ให้ศิษย์ก่อนที่การประลองยุทธจะเริ่มขึ้น โดยหวังว่าจะได้ลำดับที่ดี

หลายวันผันผ่านไปอย่างรวดเร็ว

การประลองยุทธจะเริ่มขึ้นในอีกสามวันและบรรยากาศในสำนักเยียวยาสวรรค์ เริ่มตึงเครียดมากขึ้น

ในวันนี้…

เย่ชิวยืนอยู่ในป่าไผ่บนขุนเขาเมฆาม่วงพร้อมหลินชิงจู้ที่ยืนอยู่ข้างหลังเขา

“ท่านอาจารย์ เหตุใดวันนี้ท่านจึงเรียกข้ามาที่นี่หรือ” หลินชิงจู้รู้สึกงงงวย ทุกคนต่างปิดด่านเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการประลองยุทธในอีกไม่กี่วัน ทว่าเย่ชิวได้เรียกนางมายังที่นี่ในตอนเช้าตรู่ เขาต้องการชี้แนะอะไรหรือไม่

เย่ชิวมองไปยังทะเลสาบเบื้องหน้าโดยหันหลังให้หลินชิงจู้ เขาไม่ได้กล่าวอะไรสักคำ ไม่รู้ว่าเวลาได้ผ่านไปเท่าใด เขาได้หักไม้ไผ่ออกมาแล้วกล่าวว่า “ศิษย์เอ๋ย วันนี้ข้าจะสอนเคล็ดวิชาเฉพาะแก่เจ้า จงคอยดูให้ดี…”

ทันใดนั้นร่างกายของเขาก็ขยับ ไม้ไผ่ในมืออยู่ในแนวนอนระหว่างหน้าอกของเขา ปราณอันทรงพลังได้โอบล้อมร่างของเขาราวกับว่ากำลังจมอยู่ในภูเขาและแม่น้ำ

หลินชิงจู้เฝ้าดูอย่างจริงจัง ใส่ใจทุกรายละเอียดของเย่ชิวเป็นอย่างดี

ทันใดนั้นเขาก็ตวัดไปข้างหน้า ปรากฏเป็นการโจมตีของเจตนากระบี่ที่ทรงพลัง

“นี่…” หลินชิงจู้อ้าปากของนาง ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความตกตะลึง

ปราณกระบี่ได้แผ่ออกไปทำให้เกิดระลอกคลื่นปรากฏทั่วทั้งทะเลสาบ ราวกับถูกแบ่งครึ่ง

ปราณที่น่าอัศจรรย์นี้ทำให้หลินชิงจู้รู้สึกสะพรึงกลัวอย่างถึงที่สุด

หลังจากที่เย่ชิวใช้กระบี่ฟาดฟันเสร็จ เขาก็ค่อย ๆ กล่าวว่า “เคล็ดวิชานี้เรียกว่าสะบั้นปฐพี มันเป็นเคล็ดวิชาขั้นสูงสุดที่ข้าพัฒนาขึ้นโดยการผสมผสานการเคลื่อนไหวของเคล็ดวิชากระบี่เมฆาม่วง”

“อำนาจของกระบี่นั้นทรงพลังและเต็มไปด้วยการกดดัน เมื่อกี้เจ้าเห็นชัดเจนหรือไม่”

หลินชิงจู้พยักหน้า เนื่องจากนางมีความทรงจำภาพถ่ายมา ฉากที่เย่ชิวตวัดกระบี่ได้ปรากฏในความคิดของนางโดยสมบูรณ์ นางเข้าใจการเคลื่อนไหวนี้ได้อย่างรวดเร็วหลังจากฝึกฝนอยู่ภายในใจของนาง

เนื่องจากการเคลื่อนไหวนี้มีพื้นฐานมาจากเคล็ดวิชากระบี่เมฆาม่วง จึงเป็นเรื่องง่ายมากสำหรับนางที่จะเข้าใจมัน “ท่านอาจารย์ ข้าเรียนรู้ได้สำเร็จแล้ว!”

เย่ชิวพยักหน้าด้วยความพึงพอใจและกล่าวว่า “ดีมาก!”

อย่างไรก็ตาม นี่ไม่ใช่ความตั้งใจที่แท้จริงของเขาที่เรียกหลินชิงจู้มาในวันนี้

[ ติ๊ง… ]

[ ท่านมอบเคล็ดวิชาขั้นสูงสุดสะบั้นปฐพีแก่ลูกศิษย์ของท่าน ได้กระตุ้นระบบตอบแทนหมื่นเท่า ]

[ ท่านต้องการเปิดใช้งานระบบตอบแทนหมื่นเท่าหรือไม่ ]

“เปิดใช้งาน…”

[ ขอแสดงความยินดี ท่านได้รับ เคล็ดวิชาลับระดับสวรรค์สะบั้นอสุรา ]

[TL: ต้นฉบับไม่บอกนะครับว่ากี่เท่า ให้ผมเดาก็คง 100 เท่า]

5 1 โหวต
Article Rating
3 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด