ยอดอาจารย์มหาเมตตา ตอนที่ 53 บรรลุความเชี่ยวชาญขั้นยิ่งใหญ่
ยอดอาจารย์มหาเมตตา ตอนที่ 53 บรรลุความเชี่ยวชาญขั้นยิ่งใหญ่
บรรยากาศตอนนี้เคร่งขรึมเป็นอย่างมาก ทุกคนต่างกลั้นหายใจและจ้องมองไปยังร่างสีขาวในพายุอย่างตั้งใจ
ในขณะนี้หัวใจของฉีอู๋ฮุ่ยเต็มไปด้วยความรู้สึกซับซ้อนที่ยากจะอธิบาย เขารู้สึกไม่มั่นใจเรื่อย ๆ เนื่องจากเย่ชิวนั้นโดดเด่นมากขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งยังผลักเขาไปสู่จุดต่ำสุด เขาสัมผัสได้อย่างคลุมเครือว่าหัวใจของเมิ่งเทียนเจิ้งกำลังเอนเข้าข้างเย่ชิวทีละน้อย
สถานะของเขาในฐานะผู้ทรงอำนาจเป็นลำดับสองในสำนักเยียวยาสวรรค์เริ่มไม่มั่นคงอีกต่อไป เมื่อเผชิญกับศักยภาพที่น่าอัศจรรย์ที่เย่ชิวได้ปะทุออกมา มันก็ไม่ใช่สิ่งที่เขาจะสามารถควบคุมได้อีกต่อไป
ในขณะนี้ เขาไม่มีความคิดที่จะควบคุมทุกอย่างเหมือนกับตอนสองสามเดือนก่อนอีกต่อไป
ท้ายที่สุดเขาก็เป็นได้แค่ตัวตลกที่ทำให้อีกฝ่ายลำบากใจ ทว่าอีกฝ่ายไม่เคยตอบโต้กลับเลยแม้แต่น้อย
เป็นผลให้ช่องว่างระหว่างพวกเขากว้างมากขึ้น
กายาเต๋าโดยกำเนิด บุปผามหาเต๋า เขาจะกำราบที่คนเหนือธรรมชาติเช่นนี้ได้อย่างไรกัน
“ชีวิตนี้ข้าถูกกำหนดให้ล้มเหลวเช่นนี้หรือ” ฉีอู๋ฮุ่ยถามตนเองอยู่ภายในใจด้วยความรู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมาก
ไม่มีใครคาดคิดว่าเย่ชิวจะปิดบังตนเองได้ล้ำลึกขนาดนี้ เขามีกายาที่แข็งแกร่งที่สุดในประวัติศาสตร์และเก็บตัวอยู่ในสำนักมาเป็นเวลาสิบปี ทั้งยังอดทนกับความอัปยศอดสูมาสิบปีและไม่เคยตอบโต้เรื่องนี้แม้แต่ครั้งเดียว
สภาพจิตใจเช่นนี้ช่างน่าสะพรึงกลัวเกินไป ถ้าหากแสดงมันออกมาแต่แรก เขาก็คงจะได้รับทรัพยากรทั้งหมดเนื่องจากพรสวรรค์ของเขา
อย่างไรก็ตาม เขาเลือกที่จะเก็บซ่อนมันไว้
เมิ่งเทียนเจิ้งดูเหมือนจะเข้าใจความคิดของฉีอู๋ฮุ่ยดี
อัจฉริยะนั้นตายง่ายหากพวกเขาโอ้อวดเกินไป หากเปิดเผยศักยภาพที่เหนือกว่าคนอื่นเกินไปก่อนจะมีกำลังปกป้องตนเองนั้นก็เหมือนกับการเบื่อหน่ายชีวิต อาจจะถูกสังหารไปได้ทุกเมื่อ
ณ ตอนนี้…
สีหน้าเย่ชิวนั้นเคร่งขรึม เขาควบคุมหัวใจเต๋าอย่างต่อเนื่องและทำให้มันเสถียรได้อย่างสมบูรณ์ จากนั้นก็ออกแรงเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าถึงเวลาแล้ว
ทันใดนั้น กลิ่นอายหนาแน่นก็ก่อตัวขึ้นรอบตัวเย่ชิว ทำให้ส่งผลกระทบต่อทุกผู้ที่อยู่บริเวณนั้นทันที
“ไม่ดีแล้ว ทุกคนถอยไปเร็วเข้า” หมิงเยว่ตะโกนและรีบคว้าหลิวรู่หยานล่าถอยออกไป นี่คือพลังของปรมาจารย์ยุทธ หากพวกเขาถูกโจมตี พวกเขาอาจจะบาดเจ็บสาหัสหรือตายได้ทันที
โชคดีที่เมิ่งเทียนเจิ้งได้ปรากฏตัวทันเวลา เขาโบกมือและโยนชามทรงกลมออกไป ครอบคลุมเย่ชิวและสะกดพลังเหล่านั้นไว้
ภายใต้การหล่อเลี้ยงร้อยเท่า พลังวิญญาณในรัศมีหนึ่งร้อยลี้ดูเหมือนจะถูกเย่ชิวดูดจนแห้งเหือดและพุ่งเข้าสู่ร่างกายของเขาอย่างบ้าคลั่ง ในเวลาไม่ถึงชั่วยาม ในที่สุดระดับการบ่มเพาะของเขาก็ก้าวเข้าสู่ขอบเขตปรมาจารย์ยุทธขั้นกลาง
นี่เป็นเพราะยิ่งระดับการบ่มเพาะของคนผู้นั้นสูงขั้นเท่าไหร่ ก็ยิ่งก้าวหน้ายากขึ้นเท่านั้น ต้องใช้เวลานานเป็นอย่างมาก
ดังนั้นเย่ชิวจึงสามารถเพิ่มได้เพียงขอบเขตเล็ก ๆ แม้ว่ามันจะเป็นผลของการหล่อเลี้ยงร้อยเท่าของการตรัสรู้จากหลิวชิงเฟิงก็ตาม
อย่างไรก็ตาม ขอบเขตนี้น่าสะพรึงกลัวมากไม่น้อย!
ในเวลาเพียงหนึ่งชั่วยาม เย่ชิวก็ทำสิ่งที่อาจใช้เวลาสิบหรือร้อยปีได้สำเร็จภายในเวลาอันสั้น
หลังจากทะลวงผ่านไปแล้วเย่ชิวก็ค่อย ๆ แบมือออกและร่อนลอยขึ้นไปกลางอากาศ เขาดูราวกับเซียนที่แท้จริง นั่งนิ่งตระหง่านท่ามกลางสายลมอันรุนแรง
ด้วยความเข้าใจร้อยเท่าของเขาและความสามารถของบุปผามหาเต๋า เย่ชิวเริ่มพัฒนาเคล็ดวิชาการบ่มเพาะระดับเทพเจ้าฝ่ามืออนันตจักรวาลที่เขาได้รับมาเมื่อไม่กี่วันก่อนทันที
เขาได้รับเคล็ดวิชาการบ่มเพาะนี้มาสองสามวันแล้ว ทว่าเขาไม่ได้ฝึกฝนมัน วันนี้เขาสามารถใช้การตรัสรู้นี้เพื่อบ่มเพาะมันให้สำเร็จได้อย่างลุล่วง
ภายใต้การจ้องมองของทุกคน เย่ชิวเริ่มฝึกฝนเคล็ดวิชาฝ่ามืออนันตจักรวาล ทุกคนต่างตกตะลึงเมื่อเห็นเย่ชิวใช้เคล็ดวิชาฝ่ามืออันประณีตงดงามนี้ เคล็ดวิชาฝ่ามือที่ดูไร้รูปแบบและดูอ่อนแอนั้น ที่จริงแล้วกลับน่าเกรงขามเป็นอย่างมาก
มันมีอำนาจที่สามารถเขย่าภูผา แยกมหาสมุทร ทำให้สวรรค์และปฐพีพลิกกลับด้านได้
ในขณะนี้ ราวกับว่าโลกทั้งใบอยู่ภายใต้การควบคุมของเขา
ร่างกายของเมิ่งเทียนเจิ้งสั่นสะท้าน ปากของเขาเต็มไปด้วยความตกใจ “มันเป็นเคล็ดวิชาการบ่มเพาะระดับเทพเจ้าจริง ๆ!”
“อะไรกัน”
ทุกคนตะตึงอีกครา ต้องรู้ก่อนว่าแม้แต่สำนักเต๋าโบราณโบราณอย่างสำนักเยียวยาสวรรค์ก็ไม่เคยมีเคล็ดวิชาการบ่มเพาะระดับเทพเจ้าบันทึกไว้ เคล็ดวิชาที่มีระดับสูงสุดคือเคล็ดวิชาระดับสวรรค์เพียงเท่านั้น ซึ่งเป็นเคล็ดวิชาเยียวยาสวรรค์ที่มีเพียงเจ้าสำนักเท่านั้นที่สามารถฝึกฝนได้
ทว่าเคล็ดวิชาฝ่ามือของเย่ชิวนั้นเป็นเคล็ดวิชาระดับเทพเจ้าในตำนานเช่นนั้นหรือ
“เจ้าสำนัก ท่านแน่ใจหรือ เป็นระดับเทพเจ้าจริงหรือ”
หมิงเยว่ไม่อยากเชื่อแม้แต่น้อย เมิ่งเทียนเจิ้งส่ายหัวและกล่าวด้วยสีหน้าเคร่งขรึมว่า “ข้าเดาไม่ผิด เคล็ดวิชาฝ่ามือนี้ทรงพลังอย่างยิ่งและไม่สามารถคาดเดาได้ แม้แต่เคล็ดวิชาเยียวยาสวรรค์ของข้าเองก็เทียบไม่ติด”
“ไม่คิดเลยว่าศิษย์น้องเย่จะมีพรสวรรค์เช่นนี้ เขาสามารถเข้าใจเคล็ดวิชาฝ่ามือที่ซับซ้อนเช่นนี้ได้หลังจากได้รับการหล่อเลี้ยงจากฟ้าดิน”
“ตามที่คาดไว้ กายาเต๋าโดยกำเนิดเป็นกายาที่แข็งแกร่งที่สุดในประวัติศาสตร์”
เคล็ดวิชาฝ่ามือชนิดนี้เป็นสิ่งที่คนธรรมดาไม่สามารถฝึกฝนได้ ต้องใช้ความเข้าใจและพรสวรรค์สูงอย่างมาก
แม้แต่เมิ่งเทียนเจิ้งก็ไม่กล้าพูดว่าเขาสามารถฝึกฝนเคล็ดวิชาการบ่มเพาะนี้ได้สำเร็จหลังจากได้รับมัน
เย่ชิวค่อย ๆ หดฝ่ามือของเขาหลังจากฝึกฝนมาเกือบชั่วยาม พลังของการพลิกกลับของจักรวาลที่วนเวียนอยู่ในวัฏจักรแห่งสวรรค์ค่อย ๆ สลายหายไป
[ ฝ่ามืออนันตจักรวาลได้บรรลุถึงระดับความเชี่ยวชาญขั้นยิ่งใหญ่… ]
เมื่อลืมตา ดวงตาของเย่ชิวก็ส่องประกายด้วยร่องรอยแห่งความสุข หลังจากเรียนรู้เคล็ดิวชากระบี่พงไพรแล้ว เขาก็ยังได้เรียนรู้เคล็ดวิชาการบ่มเพาะระดับเทพเจ้าอีกอย่าง
ฝ่ามืออนันตจักรวาล…
แม้ว่าวิชาฝ่ามือนี้จะไม่มีเจตนาสังหารมากเท่าเคล็ดวิชากระบี่พงไพรก็ตาม ทว่ามันมีกลิ่นอายอันสูงส่งอย่างยิ่ง ราวกับสามารถควบคุมโลกได้ด้วยฝ่ามือ
พลังฟ้าดินเริ่มกระจายไปอย่างช้า ๆ เย่ชิวร่อนลงมาอย่างนุ่มนวล การกระทำของเขาดูสง่างามอย่างยิ่ง เขาก็อดไม่ได้ที่จะปลดปล่อยกลิ่นอายเซียนออกมา
ทำให้อารมณ์ของผู้คนซับซ้อนมากขึ้น
“ฮ่าฮ่า ข้าขอแสดงความยินดีด้วยศิษย์น้องเย่กับการเข้าใจเคล็ดวิชาฝ่ามือระดับเทพเจ้าและความก้าวหน้าในการบ่มเพาะของเจ้า เป็นโชคของสำนักเราจริง ๆ สำนักของเราจะต้องเจริญรุ่งเรืองในภายภาคหน้าอย่างแน่นอน” เมิ่งเทียนเจิ้งพยายามฝืนยิ้มและแสดงความยินดีอย่างสุดใจ
เพราะเย่ชิวทำให้เขาประหลาดใจอย่างมากในวันนี้
“ฮ่าฮ่า ข้าแค่โชคดี ข้าเพียงโชคดีเท่านั้น ศิษย์พี่เจ้าสำนักท่านชื่นชมเกินไปแล้ว”
เย่ชิวยิ้มจาง ๆ และมองไปยังฉีอู๋ฮุ่ยที่หน้าสีดและแอบดีใจ
อ่า…
ช่างยอดเยี่ยมยิ่งนัก…
การโอ้อวดเช่นนี้ช่างทำให้รู้สึกสดชื่นและสบายใจยิ่งนัก
“ศิษย์พี่ฉี เกิดอะไรขึ้น ท่านไม่สบายหรือไม่”
สีหน้าของฉีอู๋ฮุ่ยมืดมนยิ่งขึ้นเมื่อได้ยินคำถามของเย่ชิว
“คิคิ…” หมิงเยว่รู้สึกขบขันไม่น้อย นางจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าเย่ชิวจงใจตบหน้าฉีอู๋ฮุ่ย
ตอนนั้นเขาพูดอย่างเย่อหยิ่งว่าเป็นไปไม่ได้ที่เย่ชิวจะสามารถตรัสรู้ได้ ใครจะไปคิดว่าเขาจะตรัสรู้และเข้าใจเคล็ดวิชาลับระดับเทพเจ้าจากมันได้ นี่ไม่ใช่การตบหน้าฉีอู๋ฮุ่ยหรอกหรือ คงจะแปลกไม่น้อยหากในเวลานี้เขายังคงมีความสุขอยู่ได้
ปรมาจารย์หลายคนมองไปยังฉีอู๋ฮุ่ยราวกับว่าพวกเขากำลังดูการแสดงก็ว่าได้ สหายคนนี้อาศัยความแข็งแกร่งของเขาที่เป็นรองเพียงเจ้าสำนักและมีสถานะสูงส่งเป็นอย่างมาก ฉีอู๋ฮุ่ยกดขี่พวกเขามากมายในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ทำให้มีแต่คนเกลียดขี้หน้าฉีอู๋ฮุ่ย
พวกเขารู้สึกยินดีอย่างลับ ๆ ที่ในที่สุดสำนักเยียวยาสวรรค์ก็ได้สร้างยอดฝีมือระบดับปรมาจารย์ยุทธที่สามารถกำราบฉีอู๋ฮุ่ยได้
สิ่งนี้ควรเป็นบทเรียนไม่ให้เขาทำตัวหยิ่งยโสอีกต่อไป
ฉีอู๋ฮุ่ยมองไปยังการสีหน้าของทุกคนที่อยู่ไม่ไกล เขาโกรธเกรี้ยวเป็นอย่างมาก ทว่าก็ทำอะไรไม่ได้ เขาจ้องมองเย่ชิวและสะบัดแขนเสื้อของเขา “ฮึ่ม เจ้าสบายตัวก็ดี!”
เขาหันหลังกลับและจากไปหลังจากที่กล่าวเพียงหนึ่งประโยค เขาไม่อยากจะอยู่ต่ออีกแม้แต่อึดใจกลัว เกรงว่าตนเองอาจโดนหัวเราะเยาะก่อน
เรื่องในวันนี้เป็นความผิดของเขาเอง เป็นการขว้างหินหล่นทับเท้าตัวเองอย่างแท้จริง เขาไม่สามารถตำหนิคนอื่นได้
“ศิษย์พี่ฉีรักษาตัวด้วย ท่านสามารถมาเล่นที่นี่ได้เสมอ” เย่ชิวเตือนเขาด้วยความปรารถนาดีพร้อมมองท้องฟ้า
บนท้องฟ้า ฉีอู๋ฮุ่ยบินโซเซและเกือบจะตกลงมาจากด้านบน สิ่งนี้ทำให้เขาปวดใจยิ่งกว่าการสังหารเขาเสียอีก