ยอดอาจารย์มหาเมตตา ตอนที่ 52 ขออภัย เหมือนว่าข้าจะต้องโอ้อวดสักครา
ยอดอาจารย์มหาเมตตา ตอนที่ 52 ขออภัย เหมือนว่าข้าจะต้องโอ้อวดสักครา
เย่ชิวรู้สึกขบขันไม่น้อย เขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าการตรัสรู้ก็สามารถกระตุ้นระบบตอบแทนหมื่นเท่าได้ สิ่งนี้ทำให้เขาประหลาดใจอย่างมาก
[ โฮสต์ เหตุผลที่หลิวชิงเฟิงสามารถตรัสรู้ได้เป็นเพราะกรรมของโฮสต์ ]
[ ตามการตัดสินของระบบ การตรัสรู้หลิวชิงเฟิงในครั้งนี้ถูกกระตุ้นโดยโฮสต์ ซึ่งเป็นไปตามเงื่อนไขของระบบตอบแทนหมื่นเท่า ]
เข้าใจแล้ว…
เย่ชิวพยักหน้าและตระหนักได้ทันใด จากนั้นเขาก็มองไปยังฉีอู๋ฮุ่ยและหรี่ตาลง “ศิษย์พี่ฉีพูดถูก การตรัสรู้เป็นของขวัญจากสวรรค์ แม้แต่ราชันยุทธก็ไม่สามารถทำให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ได้”
ฉีอู๋ฮุ่ยหัวเราะเยาะ “เป็นเรื่องดีที่เจ้ารู้ขีดจำกัดของตนเอง ข้าแค่เตือนเจ้าว่าอย่าหยิ่งทะนงจนเกินไป ความอวดดีและความเอาแต่ใจอาจหวนกลับมาทำร้ายเจ้าในที่สุด”
“เอาล่ะ ขอบคุณที่ศิษย์พี่ฉีตักเตือน ข้าจะจดจำมันไว้” เย่ชิวยิ้มและกล่าวขึ้นทันทีว่า “แล้วหากข้าทำได้ล่ะ”
ทันทีที่สิ้นเสียง ทั่วทั้งขุนเขาก็เงียบลง และบรรยากาศก็เปลี่ยนเป็นแข็งทื่อฝนทันที
ทุกคนรู้ว่าขุนเขาเมฆาม่วงและขุนเขากระบี่เร้นลับต่างขัดแย้งกัน ความขัดแย้งระหว่างปรมาจารย์ขุนเขาทั้งสองนั้นรุนแรงอย่างถึงที่สุด
เมื่อเห็นว่าพวกเขาได้เชือดเฉือนกันอีกครั้ง ทุกคนจึงรอดูการแสดงทันที
สีหน้าของฉีอู๋ฮุ่ยมืดลง “ศิษย์น้องเย่ เจ้าจะไม่หยิ่งผยองเกินไปหรือ”
“การตรัสรู้นั้นเป็นความฝันตลอดชีวิตของผู้ฝึกตนทุกคน หากเจ้าต้องการ มันก็ต้องปรากฏให้เจ้าหรือ”
“เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นใครกัน เซียนจากสวรรค์หรือ” ฉีอู๋ฮุ่ยกล่าวอย่างตรงไปตรงมา คำพูดของเย่ชิวทำให้เขาขบขันเป็นอย่างมาก
ทุกคนล้วนผ่านการฝึกฝนอันขมขื่นและความยากลำบากมาหลายปีกว่าจะมาถึงจุดนี้ มันจะง่ายดายราวกับขึ้นสู่สวรรค์ในก้าวเดียวได้อย่างไร หากเป็นเช่นนั้น โลกทุกวันนี้คงจะเต็มไปด้วยราชันยุทธเหมือนกับผักปลาในตลาดสด
คำพูดเหล่านี้ไม่เพียงทำให้ฉีอู๋ฮุ่ยขบขันเท่านั้น แม้แต่ปรมาจารย์คนอื่น ๆ ก็ต้องส่ายหัว พวกเขารู้สึกว่าเย่ชิวโอ้อวดจนเกินไป
เมื่อเห็นเหตุการณ์นี้มุมปากของเย่ชิวก็โค้งขึ้นเล็กน้อย
ใช่แล้ว นี่คือบรรยากาศที่เขาต้องการ
ทุกคนต่างตั้งใจฟัง เช่นนั้นก็จงตั้งใจต่อไป
เขาพูดอยู่ในใจอย่างเงียบ ๆ
“ระบบ เปิดใช้งานระบบตอบแทนหมื่นเท่าทันที”
[ ติ๊ง… ]
[ ขอแสดงความยินดี ท่านกระตุ้นการตอบแทน 100 เท่า ท่านได้รับโอกาสตรัสรู้]
[หมายเหตุ: ผลการตรัสรู้ 100 เท่า นี้คำนวณจากผลประโยชน์ที่หลิวชิงเฟิงได้รับ ]
“ยอดเยี่ยม…”
เย่ชิวยิ้มและค่อย ๆ เดินออกจากห้องฝึกซ้อม ภายใต้การจ้องมองของทุกคน เขายืดตัว ทันใดนั้น พลังที่น่าสะพรึงกลัวก็ไหลเวียนอยู่เหนือศีรษะของเย่ชิว ในชั่วพริบตา ลมก็กรรโชกอย่างรุนแรง
“เกิดอะไรขึ้น”
“นี่คือ…”
ในขณะนี้ ทุกคนต่างตกใจและมองไปยังท้องฟ้าด้วยความไม่อยากเชื่อ
เหนือขุนเขาเมฆาม่วง กระแสน้ำวนขนาดใหญ่กำลังก่อตัวขึ้นอย่างช้า ๆ มันน่าสะพรึงกลัวกว่ากระแสน้ำวนของหลิวชิงเฟิงนับร้อยเท่า
“การตรัสรู้ การหล่อเลี้ยงจากฟ้าดิน…”
เมิ่งเทียนเจิ้งตกตะลึง เขามองไปยังท้องฟ้าด้วยความไม่อยากเชื่อ จากนั้นจึงมองไปยังเย่ชิวซึ่งนั่งขัดสมาธิอยู่บนพื้น
ทุกคนตกตะตึงโดยสมบูรณ์…
ทว่าสีหน้าของฉีอู๋ฮุ่ยกลับน่าเกลียดยิ่งกว่า เขาพูดด้วยความตื่นตระหนัก “ไม่ถูกต้อง นี่มันเป็นไปไม่ได้…”
“การหล่อเลี้ยงจากฟ้าดินและการตรัสรู้เป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้ มีเพียงบุตรแห่งสวรรค์ที่แท้จริงเท่านั้นที่สามารถรับผลประโยชน์เช่นนี้ เงื่อนไขก็ยากเย็นเป็นอย่างมาก เขาจะตรัสรู้เช่นนี้ได้อย่างไรกัน”
เหตุการณ์เช่นนี้ล้วนไม่มีใครอยากจะเชื่อ แล้วนับประสาอะไรกับฉีอู๋ฮุ่ย
อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ได้ปรากฏอยู่ตรงหน้าพวกเขาแล้ว กระแสน้ำวนบนท้องฟ้ากำลังขยายใหญ่ขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ฉับพลัน…
สายฟ้าได้ฟาดผ่ากลางท้องฟ้า เมฆสีดำทะมึนได้ปกคลุมท้องฟ้าม้วนตัวไปมา ท่ามกลางลมที่กรรโชกแรง สายฟ้ากำลังฟาดฟันอย่างต่อเนื่อง มีปรากฎการณ์แปลกประหลาดบ่อยครั้ง
นี่คือปรากฏการณ์ที่เกิดจากการหล่อเลี้ยงจากฟ้าดิน
หมิงเยว่พึมพำ “เขาทำได้อย่างไร”
นางรู้สึกว่าสิ่งนี้เหลือเชื่เกินไป ไม่สามารถเข้าใจความคิดปรมาจารย์ขุนเขาที่อายุน้อยที่สุดของสำนักเยียวยาสวรรค์ได้แม้แต่น้อย
“อาจารย์ลุงเย่ได้รับพรจากสวรรค์อย่างแท้จริง ไม่คาดคิดว่าโอกาสจากสวรรค์เช่นนี้จะมอบให้กับเขา” สีหน้าของหลิวรู่หยานซีดเซียวขณะที่นางพึมพำพร้อมมองไปยังเหตุการณ์ประหลาดบนท้องฟ้า
“ไม่น่าเชื่อ ไม่น่าเชื่อเลยแม้แต่น้อย...”
ร่างกายของเมิ่งเทียนเจิ้งสั่นเทาเล็กน้อย เดิมทีเขาคิดว่าเย่ชิวเพียงแค่กล่าวล้อเล่นกับฉีอู๋ฮุ่ยเท่านั้น แล้วเหตุการณ์ตรงหน้านี้คืออะไรกัน
ตอนนี้ฉีอู๋ฮุ่ยยืนแทบไม่ไหวและเริ่มสงสัยในชีวิตของตนเอง
“ไม่ ข้าไม่เชื่อ… เด็กคนนี้ต้องเสแสร้งอย่างแน่นอน เป้าหมายของเขาคือการทำให้ข้าขายหน้าต่อหน้าทุกคน ฮึ่ม… มาดูกันว่าแผนการของเขาจะล่มจมอย่างไร”
ฉีอู๋ฮุ่ยกำลังจะยืนยันเรื่องนี้… ทว่าสายฟ้าก็ได้ฟาดลงมาอีกครั้ง ทำให้พลังอันน่าสะพรึงกลัวปะทุขึ้นมา เป็นพลังที่ทำปรมาจารย์ยุทธอย่างเขาต้องถอยหลังไปสองสามก้าวโดยไม่รู้ตัว
“ช่างเป็นกลิ่นอายที่น่าสะพรึงกลัวเสียนี่กระไร! นี่หรือแรงกดดันของปรมาจารย์ยุทธ”
ทุกคนตกใจมาก แรงกดดันนี้ไม่ใช่สิ่งที่หลิวชิงเฟิงจะสามารถเปรียบเทียบได้
ต้องรู้ว่าเย่ชิวเป็นยอดฝีมือปรมาจารย์ยุทธขั้นต้น การหล่อเลี้ยงจากฟ้าดินที่เขาสามารถกระตุ้นได้นั้นน่ากลัวยิ่งกว่าหลิวชิงเฟิงอย่างแน่นอน
“แม่เจ้า ผู้คนจากขุนเขาเมฆาม่วงจะน่าสะพรึงกลัวเกินไปหรือไม่ สามารถตรัสได้ตามใจปรารถนา ไม่สมเหตุสมผลเลยแม้แต่น้อย”
“อาจารย์ลุงเย่ช่างน่าสะพรึงกลัวเกินไป”
“ช่างน่าเกรงขามยิ่งนัก เดิมทีข้าคิดว่าเขาเพียงแค่อยากจะโอ้อวดเท่านั้น ไม่คิดว่าจะกลับตาลปัตรเช่นนี้”
“บัดซบ ข้ารับไม่ได้”
ทุกคนต่างตกอยู่ในความโกลาหล
ในชั่วพริบตา ภายใต้ลมและสายฟ้าที่รุนแรงนี้ พลังวิญญาณภายในรัศมีหนึ่งร้อยลี้ก็รวมตัวกันอย่างต่อเนื่อง ก่อตัวเป็นกระแสน้ำวนขนาดมหึมา
มีพายุพัดอยู่ด้านบนสุด ท่ามกลางพายุอันรุนแรงนี้ เย่ชิวกลับมั่นคงราวกับภูเขา เขาหลับตาลงและเข้าสู่สภาวะการตรัสรู้อย่างช้า ๆ
ทันใดนั้นบุปผามหาเต๋าก็ค่อย ๆ เปิดเผยรูปลักษณ์ที่แท้จริงออกมา
เมื่อบุปผาเต๋าปรากฏ แม้แต่เมิ่งเทียนเจิ้งก็ไม่สามารถรักษาสีหน้าสงบไว้ได้อีกต่อไป “บุปผามหาเต๋า! กายาเต๋าโดยกำเนิด…”
เหล่าปรมาจารย์ต่างมองหน้ากัน ต่างคนจ่างสังเกตเห็นความตกใจในดวงตาของกันและกัน ไม่มีใครรู้ดีไปกว่าพวกเขาว่าบุปผานั้นหมายถึงอะไร แม้แต่ฉีอู๋ฮุ่ยก็ยังรู้สึกสิ้นหวังหลังจากที่เห็นบุปผามหาเต๋า
“แท้จริงแล้วนี่คือกายายที่แข็งแกร่งที่สุดในประวัติศาสตร์ กายาเต๋าโดยกำเนิด อดีตว่ากันว่าใกล้ชิดกับมหาเต๋ามากที่สุด”
“เป็นไปได้อย่างไร เขามีกายาเต๋าโดยกำเนิดหรือ เหตุใดอาจารย์ลุงซวนเทียนไม่เคยกล่าวอะไรเลยแม้แต่น้อย”
ทุกคนตกตะลึงไปครู่หนึ่ง
“ข้าเข้าใจแล้ว! ไม่น่าแปลกใจเลยที่อาจารย์ลุงซวนเทียนไม่ได้รับศิษย์คนใดในชั่วชีวิตที่ผ่านมา ก่อนที่ท่านจะสิ้นใจ ท่านได้ลงมาจากภูเขาเพื่อรับศิษย์น้องเย่เป็นศิษย์โดยเฉพาะ”
“ตอนแรกเราต่างคิดว่าเขาเป็นขยะ เนื่องจากอายุขัยของอาจารย์ลุงซวนเทียนกำลังจะสิ้นสุดลง เขาคงทนไม่ได้ที่ต้องทนเห็นมรดกของขุนเขาเมฆาม่วงสิ้นสุดไป ดังนั้นเขาจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากรับศิษย์น้องเย่เป็นศิษย์”
“ข้าไม่คาดคิดมาก่อนเลยว่าอาจารย์ลุงซวนเทียน รู้ตั้งแต่ต้นว่าเขามีร่างกายที่แข็งแกร่งที่สุดในประวัติศาสตร์”
ทุกคนต่างคุยกันด้วยสีหน้าเคร่งขรึม ไม่มีใครคาดคิดเลยว่าตนเองจะโชคดีพอที่ได้เห็นกายาที่แข็งแกร่งที่สุดในประวัติศาสตร์ในวันนี้
สิ่งที่คาดไม่ถึงยิ่งกว่าคือบุคคลนี้มาจากสำนักเยียวยาสวรรค์และเป็นปรมาจารย์แห่งขุนเขา
“ไม่น่าแปลกใจเลยที่เขาสามารถตรัสรู้อย่างง่ายดาย กายาดังกล่าวใกล้ชิดมหาเต๋าเป็นอย่างมาก ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องง่ายที่จะสามารถทำความเข้าใจและตรัสรู้ได้ทันที”
บนท้องฟ้า พายุหมุนขนาดมหึมาก็ได้พุ่งเข้าหาเย่ชิว ฉับพลัน พลังวิญญาณที่น่าตกใจนั้นได้พุ่งเข้าสู่ร่างกายของเย่ชิวทันที
เย่ชิวขมวดคิ้ว เขาอดทนต่อความเจ็บปวดและสะกัดด้วยพลังของปรมาจารย์ยุทธ
ระดับการบ่มเพาะของเขาติดอยู่ที่ขอบเขตปรมาจารย์ยุทธขั้นต้น เนื่องจากเขามุ่งเน้นไปยังฝึกฝนหัวใจหัวเต๋า ระดับการบ่มเพาะของเขาจึงไม่ได้ดีขึ้นมากนัก
อย่างไรก็ตาม หลังจากพลังวิญญาณเหล่านี้พุ่งเข้ามา ระดับการบ่มเพาะของเย่ชิวก็เริ่มปรากฏสัญญาณการก้าวหน้าอีกครั้ง