ตอนที่ 61 พ่อตัวตลก ค่อยๆ แสดงให้ข้าดูก็ได้
เหงื่อผุดออกจากหน้าผากเฉินถู่หาวเป็นเม็ดพราว เขากลืนน้ำลายอย่างกังวล แต่พยายามทำเป็นใจเย็น “เจ้าแข็งแกร่งจริงๆ แตกต่างจากคำร่ำลือมาก แต่ถ้าเจ้านึกว่าจะเอาชนะข้าได้ อย่างนั้นเจ้าก็ผิดเสียแล้ว ข้าต่างจากพวกมัน ข้าคือระดับหัวกะทิของสถาบันตัวจริง”
เขาปล่อยให้มันติคอร์ชั้นทองแดงระดับ 3 มายืนขวางหน้าคอยป้องกันเขา ไม่ให้เย่ว์หยางโจมตีอย่างไม่คาดหมาย จากนั้นจึงอัญเชิญอัศวินดำ
แสงที่เป็นแฉกสีดำขนาดใหญ่ปล่อยออกมาจากเท้าของอัศวินดำ มันเปลี่ยนเป็นควันสีดำในที่สุด ดูเหมือนว่ามันมีชีวิตของมันเองขณะที่มันลอยขึ้น มันดูเบาดุจขนนก แล้วเข้าคลอบคลุมร่างของเฉินถู่หาวไว้ อัศวินดำโอบร่างเฉินถู่หาวไว้อย่างรวดเร็ว ภายใน 3 วินาที อัศวินดำก็หายไป และไปปรากฏอยู่บนตัวเฉินถู่หาว กลายเป็นชั้นเกราะหนา แม้แต่ใบหน้าและดวงตาของเขาก็ได้รับการปกป้องโดยเกราะที่แข็งและหนา คนที่คุ้นเคยกับเฉินถู่หาวรู้ว่านี่คือหนึ่งในอสูรที่มีชื่อเสียงของตระกูลเฉินถู่ซึ่งตกทอดกันมาหลายชั่วคน “อัศวินดำ” มันคืออสูรสายเสริมพลัง เมื่อเรียกออกมาแล้ว มันสามารถเพิ่มพลังรุกให้เจ้านายของมันถึง 5 เท่า พลังป้องกันได้ถึง 10 เท่าอยู่ได้นาน 1 ชั่วโมง ความสามารถป้องกันนี้เหนือกว่าสัตว์อสูรสายป้องกันชนิดอื่นอย่างเช่น เกราะศิลาและผิวเหล็ก
“เอ๋, นี่น่ะหรือ? อัศวินดำ” นักรบตาแหลมคมคนหนึ่งกล่าวยอมรับมันเป็นคนแรก
“สวรรค์, ศึกครั้งนี้ดูเหมือนจะกลายเป็นเรื่องน่ากลัวเสียแล้ว” นักรบที่ล้อมอยู่โดยรอบ รู้สึกว่าสถานการณ์ต่อสู้ในตอนนี้ไม่สามารถคาดเดาได้เลย
อสูรสายเสริมพลังอย่างอัศวินดำไม่ค่อยมีให้เห็นกัน และสามารถเปลี่ยนเป็นเกราะป้องกันเจ้านายของมันได้หลังจากที่ถูกเรียกออกมา เพราะมันมีระดับชั้นที่สูงกว่าระดับ 3
ตอนนี้ ในสายตาของทหารรับจ้าง หัวหน้าทีมจอมยโสอย่างเฉินถู่หาวก็มีต้นทุนให้เย่อหยิ่งอย่างนี้ หัวหน้าทีมเฉินถู่หาวผู้นี้ไม่เพียงแต่มีสัตว์อสูรชั้นทองแดงระดับ 3 ที่ทรงอานุภาพ มันติคอร์ เขายังมีสัตว์อสูรที่ไม่ด้อยกว่ามันติคอร์เลย “อัศวินดำ” ด้วยวิธีรวมสัตว์อสูรทั้งสองด้วยกัน ความแข็งแกร่งของเขาคงไม่ดูง่ายเหมือนบวกเลขหนึ่งบวกหนึ่งเป็นสองอย่างแน่นอน
หากพลังที่เกรี้ยวกราดนั้นน่าตื่นตาตื่นใจ เด็กหนุ่มผู้มีฝีมือต่อสู้ที่สูงเยี่ยมยังมีอสูรที่ทำสัญญาตัวหนึ่ง ก็แค่ปล่อยให้มันจัดการกับมันติคอร์ ความตึงเครียดก็จะลดลงอย่างมาก
ตอนนี้ แค่ใช้วิทยายุทธ์อย่างเดียวสู้กับสัตว์อสูรอัญเชิญที่ดุร้าย 2 ตัว เป็นการลำบากยากเย็นเสียจริง
“ระวังนะ! อัศวินดำคืออสูรสายเสริมพลัง สามารถเปลี่ยนสภาพเป็นเกราะได้ มิใช่แค่เพิ่มพลังรบที่แข็งแกร่งให้ผู้ใช้เท่านั้น มันสามารถพัฒนาตัวเองในช่วงระหว่างสู้ก็ได้” เย่คงกลัวว่าเย่ว์หยางจะไม่รู้เรื่องสัตว์อสูร และกลัวว่าเขาจะเสียเปรียบเมื่อสู้กับเฉินถู่หาวจึงรีบเตือนเขาด้วยเสียงดัง
“ไม่มีสัตว์อสูร อาศัยแค่วิทยายุทธ์ เป็นเรื่องเปล่าประโยชน์ ไม่ว่าเจ้าจะมีวิทยายุทธ์แข็งแกร่งแค่ไหน อย่างมากที่สุด เจ้าก็เป็นได้เพียงทหารรับจ้างที่ไร้ประโยชน์” เฉินถู่หาวกลัวที่สุดว่าเย่ว์หยางจะลอบทำร้ายขณะที่เขาอัญเชิญยังไม่เสร็จ ความเร็วของเย่ว์หยางยามโจมตีในตอนนี้ทำให้เขาตกตะลึงมาก อย่างไรก็ตาม เขาเห็นว่าเย่ว์หยางไม่ได้จู่โจม แต่รอให้เขาอัญเชิญจนเสร็จอย่างเงียบๆ และในชั่วพริบตา ก็เพิ่มความมั่นใจอย่างมหาศาล พอเห็นเย่ว์หยางยืนอยู่ตรงนั้นอย่างเงียบงัน แม้ว่าเขาจะคิดว่าเย่ว์หยางรู้สึกกดดันเพราะเขา จนไม่สามารถทำอะไรได้จึงหัวเราะขึ้นอย่างลำพองใจ “เจ้านึกหรือว่ามันจะจบเพียงแค่นี้? ไม่ ไม่เลย นี่แค่เริ่มต้นเท่านั้น”
จากนั้นเฉินถู่หาวดึงแก้วผลึกมีแสงดำออกมาจากอกของเขาด้วยความพึงพอใจ และเล็งมันไปทางเย่ว์หยางจนเขาตาพร่า เสียงของเขาเต็มไปด้วยความลำพองใจ “เจ้า..รู้จักไหมว่าสิ่งนี้คืออะไร? โกเล็มติดดาบ สินค้าแนะนำจากตระกูลเย่ว์เชียวนะ”
หลังจากเฉินถู่หาวอัญเชิญเสร็จ แก้วผลึกของเขาเปล่งแสงวาบ ปรากฏโกเล็มเหล็กที่สูงมากกว่า 4 เมตรถูกเรียกออกมา
โกเล็มเหล็กมีแขนกลที่หนาใหญ่และตั้งแต่ข้อมือของมันติดดาบคมกล้าไว้ข้างละ 3 เล่ม
ส่วนล่างที่เป็นเท้าของมันประกอบด้วยลูกล้อทรงกระบอกมีขวากแหลมคมครอบไว้
เมื่อกลุ่มคนที่ชมดูเห็นหุ่นเหล็กถูกเรียกออกมา พวกเขาต่างสะท้านใจเป็นห่วงเย่ว์หยาง ด้วยเหตุที่หุ่นติดดาบที่น่ากลัวคอยช่วยเหลือเฉินถู่หาวนี้ ทำให้ยากที่จะเอาชนะคุณชายเฉินถู่นี้ได้ ถ้าเขาต้องการจะสู้ต่อ.. หรือแม้จะไม่มีการสู้ก็ตาม ทุกคนก็รู้ว่าเฉินถู่หาวจะใช้กลยุทธ์แบบไหน หุ่นติดดาบใช้โจมตีเป็นหลัก คอยใช้มันติคอร์ลอบกัดทำร้าย และเฉินถู่หาว ใช้อัศวินดำเป็นเกราะป้องกันร่างตัวเอง ทำแค่เพียงป้องกันตัวเองอย่างเดียว และเป็นไปได้ว่าหลอกล่อให้คู่ต่อสู้เหนื่อยและพิชิตชัยขั้นสุดท้ายในที่สุด
“เห็นหรือยัง? นี่คือความแตกต่างระหว่างเจ้ากับข้า แล้วยังเป็นความแตกต่างระหว่างสวรรค์กับสวะอีกด้วย” เฉินถู่หาวโบกมืออย่างลำพองใจ ส่วนล้อทรงกระบอกของหุ่นติดดาบเคลื่อนเข้าหาเย่ว์หยางทันที ดาบทั้ง 6 เล่มบนข้อมือของมันหมุนด้วยความเร็วสูง กลายเป็นกงจักรที่น่ากลัว 2 วง ข้างซ้ายวงหนึ่ง ข้างขวาวงหนึ่ง
เมื่อใดที่มันสัมผัสเขา ไม่ว่าจะเบาแค่ไหนก็ตาม มันจะตัดแขนขาของเขา กระทั่งทำลายร่างกาย
หัวใจเย่คงตกวูบ…
เขาเป็นกังวลอย่างมาก เย่คงมีประสบการณ์ในการรบ แต่เพราะเขาสูญเสียสัตว์อสูรของเขาไป จึงไม่อาจช่วยอะไรได้ในตอนนี้เมื่อสถานการณ์ต่อสู้มาถึงต่อหน้า
เป็นไปไม่ได้ที่จะสู้กับหุ่นติดดาบ วิธีที่ดีที่สุดคือทำลายข้อต่อตรงข้อมือของมัน ตราบใดที่มีดทั้ง 6 เล่มไม่สามารถหมุนด้วยความเร็วสูงได้ หุ่นนี้จะกลายเป็นของไร้ประโยชน์ แต่เย่คงไม่มีสัตว์อสูร ขืนสุ่มสี่สุ่มห้าวิ่งเข้าหามัน ก็เท่ากับพาตัวเองเข้าไปตาย เขาได้แต่ดูเย่ว์หยางสู้อย่างเป็นกังวล เขาไม่รู้ว่าเย่ว์หยางเรียนรู้หลักการของหุ่นเชิดมาแล้ว ถ้าคุณชายสามแห่งตระกูลเย่ว์นี้ไม่ได้เรียนรู้เรื่องหุ่นเชิดมาเลย เพียงแต่เน้นฝึกวิทยายุทธ์อย่างเดียว อย่างนั้นมีหวังตกอยู่ในอันตรายแน่
ผู้เยาว์ของตระกูลเย่ว์จะพ่ายแพ้หุ่นติดดาบที่ตระกูลเย่ว์สร้างขึ้นมา นี่เป็นเรื่องขมขื่นจริงๆ
เย่ว์หยางไม่ได้หลบ มองดูหุ่นติดมีดแล่นตรงมาหาเขาอย่างไม่สะทกสะท้าน
“โห…”
ทหารรับจ้างทุกคนกำมือตนเองแน่น พวกเขาไม่อาจทนดูภาพการสังหารที่น่าอนาถซึ่งกำลังจะตามมา
ทำไมเขาถึงไม่ยอมหลบ?
ไม่มีใครเข้าใจ เป็นไปได้ว่าเจ้าเด็กแสบนี่กลัวจนทำอะไรไม่ถูกหรือ?
เมื่อเฉินถู่หาวแสยะยิ้มลำพองในชัยชนะของตน ทันใดนั้นเย่ว์หยางเหินขึ้นไปในอากาศอย่างแผ่วเบาแล้วร่อนลงที่บ่าของหุ่นติดดาบ หุ่นติดดาบมีการตอบสนองค่อนข้างรวดเร็ว มันบิดแขนทั้งสองมาในตำแหน่งที่เหลือเชื่อ หมายจะใช้วงจักรตัดขาซ้ายขวาของเย่ว์หยาง
เย่ว์หยางไม่ได้หยุด เขาโดดตีลังการ่อนลงมาที่พื้นราวกับนกนางแอ่น
ที่ด้านหลังของเขา เกิดประกายไฟจากการจากตัดโลหะอย่างรุนแรง
หลังจากมีการระเบิดอย่างรุนแรง เสียงที่เสียดแก้วหูทำให้ทุกคนที่ได้ยินอึดอัด มีใบมีดที่แตกหัก 2-3 ชิ้นกระเด็นขึ้นไปในอากาศ
หุ่นติดดาบได้รับความเสียหายที่คอ มีรอยดาบลึก 2 สาย มันสั่นอยู่ 2- 3 ครั้้ง ร่างของมันมีประกายไฟที่รอยแตก จากนั้นมีเสียงดังกึกก้อง มันล้มลงต่อหน้าเย่วหยาง สมองโลหะแตกจนหลุดออกมาจากคอและกลิ้งมาหยุดอยู่แทบเท้าเย่ว์หยาง เหมือนกับเล่นของเล่น เย่ว์หยางย่ำสมองของหุ่นกลติดดาบอย่างแรงจนบิดเบี้ยวและมีประกายไฟแล่บออกมา เขาแสดงสีหน้าผิดหวัง “นี่น่ะหรืออัจฉริยะ? ใช้หุ่นเชิดของตระกูลเย่ว์เอามาสู้กับผู้เยาว์ตระกูลเย่ว์หรือ? อัจฉริยะคิดได้แค่นี้จริงๆ หรือ? เจ้าเป็นระดับหัวกะทิของสถาบันจริงๆ หรือ? ก็ดี ขนาดคนอย่างเจ้ายังนับว่าเป็นอัจฉริยะ งั้นข้าก็เลยถูกคนอื่นๆ เรียกเป็นสวะสินะ”
เย่คงตื่นเต้นจัดจนแทบเป็นลม นักรบธรรมดาไม่มีทางเอาชนะโกเล็มติดดาบได้แน่นอน พอมันอยู่ต่อหน้าคุณชายสามแห่งตระกูลเย่ว์ผู้นี้ที่ใครๆ เรียกกันว่าสวะ มันแทบจะกลายเป็นตัวตลก
“เยี่ยม!” พวกทหารรับจ้างตื่นเต้นเหลือจะกล่าว พากันชูกำปั้นสะใจแล้วปรบมือให้เย่ว์หยาง
แม้ทุกคนรู้ว่าการตัดหัวหุ่นให้แยกจากกัน การทำลายวงจรสั่งการของหุ่น เป็นวิธีการต่อสู้อสูรประเภทหุ่นที่ฉลาดที่สุด
อย่างไรก็ตาม แทบไม่มีใครสามารถทำได้ เมื่อใดก็ตามที่ต้องเผชิญหน้ากับหุ่นอสูร พวกเขามักใช้วิธีที่โง่ที่สุด ก็คือหนีไปให้ไกล ไม่มีใครกล้าเสี่ยงชีวิตเข้าไปใกล้มัน หุ่นอสูรมีพลังโจมตีรุนแรง มีความทนทานกว่าที่ชีวิตของมันจะถูกทำลาย
ไม่ใช่ครั้งแรกที่พวกได้เห็นนักรบคนหนึ่งทำลายส่วนหัวของหุ่นอสูร ตรงกันข้ามจากนั้น พวกเขาเห็นวิธีทำแบบนั้นมาหลายครั้ง แต่พวกเขาไม่เคยเห็นวิธีที่ง่ายหรือมีประสิทธิภาพอย่างที่เห็นประจักษ์อยู่ในตอนนี้ เมื่อพวกเขาเห็นหน้าเย่ว์หยางมีความมั่นใจเต็มเปี่ยม ถึงพวกเขาช่วยไม่ได้ก็จริง แต่หัวใจที่ร้อนระอุไม่สามารถจะควบคุมตัวเองได้ พวกเขาพากันปรบมือให้เจ้าเด็กน้อยอย่างเต็มใจ
นี่นับว่ามีประสิทธิภาพมาก สวยงามมาก ไม่สิ้นเปลืองเรี่ยวแรงสักนิด เขาก็สามารถเล่นงานศัตรูได้ เหมือนว่าศัตรูอยู่ในเงื้อมมือเขาแล้ว
อะไรกันนี่? เด็กน้อยนี่ไม่ได้ใช้วิทยายุทธ์สู้ แต่ใช้ชั้นเชิงล่อหลอกเล่นงานมันได้
สุดยอด
ถ้าใช้คำๆ หนึ่งมาอธิบาย ก็ยากที่จะบังคับให้ทุกพูดถึงความรู้สึกที่ออกมาจากก้นบึ้งหัวใจได้ “สุดยอด”
ไม่มีใครรู้ว่านานแค่ไหนกันแล้วที่พวกเขาไม่ได้เห็นการต่อสู้ที่สุดยอดอย่างนี้
เฉินถู่หาวยืนตะลึงหน้าซีดอยู่ชั่วขณะ จากนั้นก็รีบระงับอาการตกใจทันที เขาตะโกนอย่างมีอารมณ์บ้าง “เจ้าคิดว่าทำแค่นั้นก็เอาชนะข้าได้แล้วหรือ? ข้ายอมรับว่าการเรียกหุ่นติดดาบมาอยู่ต่อหน้าเจ้าเป็นเรื่องผิดพลาดเล็กน้อย แต่ข้าขอบอก พลังของข้าไม่ได้จำกัดอยู่เพียงแค่นี้…”
เย่ว์หยางพยักหน้า จากนั้นล้วงเหรียญทองแดงออกมาแล้วโยนไปข้างหน้าเฉินถู่หาว “พ่อตัวตลก! ค่อยๆ แสดงให้ข้าดูก็ได้ แค่นี้ข้าก็ขำพอแล้ว เอ้านี่! ข้าทิปให้เจ้า”
**************************