ตอนที่ 55 ความลับรั่วไหลจะถูกตัดหัว
ต่อหน้าเย่ว์หยางทุกคนพูดไม่ออก พวกเขาไม่เข้าใจเลยว่ายังมีคนบางคนที่ไม่รู้วิธีกำหนดความแข็งแกร่งของสัตว์อสูรได้อย่างไร?
อย่าว่าแต่ผู้ใหญ่เลย, แม้แต่เด็ก 8 ขวบก็รู้เรื่องนี้กันแล้ว
อย่างไรก็ตาม เย่คงคิดต่างออกไป เขารู้สึกว่านี่คือสาเหตุที่ทำให้คุณชายสามแห่งตระกูลเย่ว์ถูกคนอื่นเรียกว่าสวะ ไม่ใช่ว่าคุณชายสามจะเป็นสวะจริงๆ เป็นเพราะผู้คนกำลังเข้าใจผิด
บางทีคุณชายสามหมกมุ่นอยู่กับเคล็ดลับสร้างหุ่นเชิดของตระกูลเกินไปก็ได้ หรือไม่ก็หมกมุ่นกับการปลูกฝังวิชาต่อสู้ของตระกูลเย่ว์มากเกินไปก็ได้ จึงไม่ได้สนใจการทำสัญญากับคัมภีร์หรือสัตว์อสูร เขาละเลยเรื่องอย่างนั้นมากเกิน ดังนั้นโลกจึงรู้จักเขาว่าเป็นแค่สวะ แน่นอนว่ามันเนื่องมาจากเรื่องภายในตระกูล ไม่มีคนบอกอะไรเขาเกี่ยวกับเรื่องสัตว์อสูร ดังนั้นคุณชายสามผู้โดดเด่นนี้จึงเป็นแค่เศษสวะที่ไม่เข้าใจหลายเรื่องที่เป็นความรู้พื้นฐานในสายตาคนธรรมดา
หลังจากคุ้นเคยกันในช่วง 2 วัน เย่คงรู้สึกว่าคุณชายสามแห่งตระกูลเย่ว์ผู้นี้ไม่ใช่สวะ แต่เป็นอัจฉริยะซ่อนเร้น
ตัวเขาเองเคยแปะป้ายบ่งบอกว่าตนเองเป็นอัจฉริยะ แต่ถ้าเอาพวกเขามาเทียบกัน เย่คงถึงกับหน้าแดงด้วยความละอาย
แม้จะผ่านมา 2 ปีแล้ว เย่คงยังอยู่ในวัยที่ดี แต่ถ้าเทียบกับเย่ว์หยางไม่ทางเทียบได้เลย
ที่หุบเขายู่หลง เมื่อเย่คงเห็นทะเลหนอนที่ไกลจนสุดสายตา ขาทั้งสองของเขาสั่นด้วยความกลัว แต่คุณชายสามผู้นี้ที่ถูกชาวโลกเรียกว่าสวะกลับวิ่งตะลุย และออกมาได้โดยไม่มีแม้แต่รอยขีดข่วน ที่แดนดาวหลังจากเขาประสบความสำเร็จชนะติดต่อกัน 19 ครั้ง เขาตัดสินใจเข้าวิหาร 12 นักษัตร แต่ก่อนนั้นชั่วโมงครึ่งยอดฝีมือทั้ง 10 ซึ่งรวมทั้งเขาด้วย ถูกฆ่าตายหมด คุณชายสามแห่งตระกูลเย่ว์ผู้นี้ ผู้ที่คนล้อเลียนและโลกเยาะเย้ย มีสัตว์อสูรที่ทำสัญญาก็คือต้นดอกหนาม กล้าเข้าไปตามลำพังและเอาอักขระบอดออกมาได้สำเร็จซึ่งในรอบ 5 ปียังไม่มีคนทำได้ เรื่องอื่นไม่ต้องพูดถึง มีหลายคนที่เรียกตัวเองว่าเป็นวีรบุรุษพากันมาที่นี่ หัวหน้าผู้คุ้มกันเกราะทองก็ยังไม่เคยเห็นพวกเขากับตา แล้วเขายังแสดงความเคารพคุณชายสามที่เป็นสวะผู้นี้
แม้ว่าเย่คงไม่รู้ว่าการต่อสู้ข้างในจะเป็นเช่นไร แต่เขารู้ว่าเย่ว์หยางโค่นมันได้ แล้วก็ไม่ง่ายขนาดนั้นด้วย
พอคิดอย่างนี้แล้ว เย่คงเห็นเย่ว์หยางในมุมมองที่่ต่างออกไป
เขาเริ่มมีความคิดความรู้สึกเทิดทูน
“สำหรับข้อกำหนดความแข็งแกร่งของสัตว์อสูร แม้ว่ายังไม่มีมาตรฐานที่แน่นอน แต่ในระดับเดียวกัน อสูรชั้นทองแดงจะแข็งแกร่งกว่าอสูรชั้นสามัญอย่างน้อยก็ 1 ระดับ ขณะที่อสูรชั้นเงินแข็งแกร่งกว่าอสูรสามัญอย่างน้อย 2 ระดับ และอสูรชั้นทองแข็งแกร่งกว่าอย่างน้อย 3 ระดับ” พอเห็นเย่คงเว้นวรรคจ้องมอง หลี่เชียก็รีบอธิบายต่อ
“ถูกแล้ว ในสถานการณ์ปกติ อสูรชั้นทองแดงระดับ 3 จะแข็งแกร่งพอๆ กับอสูรชั้นสามัญระดับ 4 อสูรชั้นเงินระดับ 3 เสมอกับอสูรสามัญอย่างน้อยก็ระดับ 5 อสูรชั้นทองระดับ 3 อย่างน้อยก็พอๆ กับอสูรสามัญระดับ 6 อย่างไรก็ตาม อสูรชั้นสามัญไม่สามารถไปถึงระดับ 8 ได้ มีแต่สัตว์อสูรชั้นยอด อย่างชั้นทองแดง เงิน ทองและเหนือชั้นขึ้นไปสามารถไปถึงระดับ 8 และเกินกว่านั้นได้” หลี่เกออธิบายรายละเอียดเสริมพี่ชายของเขาเพิ่มขึ้นอีก
“ตอนนี้ข้าพอจะเข้าใจบ้างแล้ว แต่พวกท่านคำนวณเรื่องนี้ได้อย่างไร? ถ้าไข่ของอสูรชั้นทอง พอฟักออกมาเป็นตัวอ่อน สถานะของมันจะอยู่ระดับใด? ถ้ามันเป็นระดับ 1 ชั้นทองล่ะ และสถานะมันยังเป็นตัวอ่อน ความแข็งแกร่งของมันยังจะพอๆ กับสัตว์อสูรสามัญระดับ 4 หรือ?” เย่ว์หยางถามอีกครั้ง
“ไม่, ความแข็งแกร่งของอสูรที่อยู่ในสถานะตัวอ่อน อ่อนแอเล็กน้อย อย่างไรก็ตามอสูรระดับสูงมีค่ามาก อสูรชั้นทองที่ยังเป็นตัวอ่อนเกิดมามีศักยภาพสูงเพื่อพัฒนาได้ดีกว่าอสูรชั้นเงินที่จะกลายเป็นอสูรชั้นทอง ในระดับเดียวกันความแข็งแกร่งในการต่อสู้ของสัตว์อสูรทองแต่กำเนิดยังคงแข็งแกร่งกว่า พวกนักรบไล่ตามสัตว์อสูรที่อยู่ในชั้นระดับสูงกันทั้งชีวิต ในการประมูลครั้งใหญ่ อสูรชั้นทองตัวน้อยที่โดดเด่นมักได้รับการประมูลบ่อยๆ หลายพันหรือเกินหมื่นเหรียญทองก็มี ประเทศเล็กบางประเทศยอมทุ่มเงินทั้งคลังเพื่อซื้ออสูรน้อยชั้นทอง ท่ามกลางอสูรที่โตเต็มวัย ไม่ต้องพูดถึงสัตว์อสูรชั้นทอง แม้แต่อสูรชั้นทองแดงก็ไม่มีต่ำกว่าระดับ 3 ทั้งหมดนี้อย่างต่ำเป็นอสูรระดับ 3 หรือสูงกว่า ยกเว้นสัตว์อสูรเยาว์วัยแล้ว อสูรชั้นทองระดับ 2 หาไม่มี ระดับของสัตว์อสูรชั้นทอง หลังจากพวกมันเติบโตขึ้นมาโดยทั่วไปจะเป็นระดับ 5 หรือสูงกว่า ไม่มีอสูรทองระดับต่ำ ถ้าเป็นจ้าวสัตว์อสูรทอง ส่วนใหญ่จะระดับ 6 ขึ้นไป”
พอเห็นว่าเย่ว์หยางไม่เข้าใจ หัวหน้าผู้คุ้มกันเกราะทองก็รีบอธิบายให้เขาเข้าใจทันที
เย่ว์หยางผงกศีรษะ และถามคำถามสุดท้ายว่า “การประเมินดาวของสัตว์อสูรหมายความว่าอะไร?”
คราวนี้ เย่คงพูดบ้าง เขาพยักหน้าตอบว่า “การประเมินดาวของสัตว์อสูรคือกติกาที่นักสู้ชาวทวีปมังกรทะยานได้จัดตั้งขึ้นหลังจากผ่านไปหลายพันปี มันเอามาใช้ได้หลายแง่มุม และวัตถุประสงค์หลักก็คือไว้ประเมินราคาสัตว์อสูร”
“ยิ่งจำนวนดาวมากยิ่งดีหรือ?” เย่ว์หยางเคยได้ยินมาบ้างจากหญิงงามอกโต แต่ยังคงต้องการเข้าใจเพิ่มมากขึ้น
แน่นอน ยิ่งมากยิ่งดี แต่จำนวนของสัตว์อสูรที่ได้รับการประเมินมากกว่า 5 ดาวมีน้อยมาก อสูรระดับ 1-2 ดาวจะถูกจับโดยทหารรับจ้างธรรมดา พวกนี้ถือว่าดีในสายตาของคนทั่วไป แต่ในสายตาของพวกนักสู้ อสูรเหล่านี้ก็แค่สวะ 3 และ 4 ดาวจัดว่าเป็นสัตว์อสูรชั้นดีที่นักรบหามานาน พวกมันถูกเรียกว่าสัตว์อสูรที่โดดเด่น แต่แน่นอนในสายตาของนักสู้เจ้าพวกนี้ก็แค่สัตว์อสูรหน้าโง่ 5 ดาวจัดว่าเป็นอสูรชั้นดี ขณะที่สัตว์อสูร 6 ดาวได้รับพิจารณาว่าคุณภาพดีที่สุด หาได้ยากมาก 7 ดาวเป็นสัตว์อสูรที่มีพลังวิญญาณ มีเพียงพวกนักสู้ระดับชั้นยอดของ 4 ตระกูลใหญ่ 3 อาณาจักร และ 4 นิกายใหญ่ถึงจะมีมันได้ 9 ดาวคือสัตว์อสูรศักดิ์สิทธิ์ 10 ดาวคือสัตว์อสูรในตำนาน พวกมันมีปัญญาระดับสูง คล้ายมนุษย์ที่มีชีวิต มนุษย์ไม่มีทางทำสัญญากับพวกมันได้ มีแต่สัตว์อสูรเลือกพวกเขาเอง ก็จะทำสัญญากับนักรบโดยอัตโนมัติ กล่าวกันว่าอสูรศักดิ์สิทธิ์และอสูรในตำนานหลังจากพัฒนาได้ระดับหนึ่ง สามารถพัฒนาจนเป็นรูปมนุษย์ และยังใช้คัมภีร์อัญเชิญได้” ทันทีที่เย่คงพูดคำนี้ เย่ว์หยางแทบเอาหน้าผากโขกพื้น
ปีศาจอสรพิษน้อยเสี่ยวเหวินหลี เธอใช้คัมภีร์อัญเชิญได้
อย่าบอกนะว่า เป็นอสูรศักดิ์สิทธิ์? หรืออสูรในตำนาน?
เย่ว์หยางพยายามยับยั้งไม่ให้หัวใจเต้นแรง แล้วแอบกลืนน้ำลายอึกใหญ่ถามว่า “การประเมินผลนี้จะรู้ได้อย่างไรว่าเป็นชั้นทองแดง, เงิน, ทอง?”
“ไม่มีวิธีใดๆ เลย เพราะการประเมินนี้จะไม่ได้รับการยอมรับโดยคัมภีร์อัญเชิญ ก็แค่ค่อยๆ ประเมินค้นหานักรบของทวีปมังกรทะยาน ว่ากันโดยทั่วไป จำนวนดาวที่สัตว์อสูรได้รับเป็นแสดงว่าสัตว์อสูรมีศักยภาพหรือสามารถรบได้มากเพียงใด ตัวอย่างเช่น ฮุยไท่หลางของท่านได้รับคะแนน 5 ดาว อย่างนั้นอนาคตของมันก็มีวิวัฒนาการได้อย่างจำกัด ในทางทฤษฎีมันสามารถพัฒนาขึ้นไปถึงชั้นทอง ระดับ 5 ฮุยไท่หลางของท่านได้กี่ดาวกัน?” หัวหน้าผู้คุ้มกันเกราะทองถามเย่ว์หยางอย่างใคร่รู้หลังจากอธิบายเรื่องราวทั้งหมด
หลังจากคำนวณในใจ หมาป่าปีศาจหลังเหล็กตัวนี้ฉลาดมากและมีเวทครอบคลุมหนาแน่น อย่างน้อยต้องได้ 5 ดาว
เย่ว์หยางกระพริบตาปริบๆ ตอบหน้าตาเฉยว่า “4 ดาว”
ทุกคนล้มกันระเนระนาด
ต่อให้คนตาบอดก็รู้ว่าเขาโกหก นี่เป็นไปได้ว่าเจ้าโจรน้อยนี่ไม่รู้วิธีโกหกหรือนี่? โกหกแบบนี้มันชัดเจนเกินไป
แม้ว่าไม่มีความจำเป็นที่เย่ว์หยางจะต้องตอบ ทุกคนก็เดาได้แล้วว่าฮุยไท่หลางคงได้รับการประเมินอย่างน้อย 5 ดาว
ทั้งนี้เป็นเพราะเดี๋ยวนี้เมื่อหัวหน้าผู้คุ้มกันเกราะทองยกฮุยไท่หลางเป็นตัวอย่าง หน้าของโจรน้อยผู้นี้เต็มไปด้วยความประหลาดใจ ประมาณว่า “รู้ได้อย่างไรว่ามันได้ 5 ดาว” จริงๆ แล้วเขาคิดว่าถ้าเขาพูดว่า 4 ดาวทุกคนคงจะเชื่อคำโกหกของเขา
“อะฮู้วว!” ฮุยไท่หลางยืนขึ้น ราวกับว่ามันไม่เห็นด้วยที่เย่ว์หยางพูดว่ามันเป็นแค่สัตว์ 4 ดาว ก็เลยประท้วงกันบ้างเล็กน้อย
“เออ..ยอมแพ้ก็ได้ แกไม่ใช่สัตว์ 4 ดาว อย่าบอกนะว่าแกต้องการเป็นสัตว์ 5 ดาวจริงๆ ใช่ไหม? ซึ่งมากกว่าที่แกควรจะได้รับ ทุกท่าน! จริงๆ แล้วมันไม่ใช่ 5 ดาว มันแค่ 4 ดาว” เย่ว์หยางเตะฮุยไท่หลาง 1 ทีแล้วรีบอธิบายให้ทุกคนฟัง
หลังจากได้ยินเรื่องนี้ ทุกคนยังไม่ถึงกับทรุดลงบนพื้น
พวกเขาเคยเห็นคนที่ไม่รู้วิธีโกหก แต่พวกเขาไม่เคยเห็นคนที่โกหกได้แย่มากๆ โดยหลักการพวกเขายอมรับว่าเขาโกหก
เย่คงกลัวว่าเย่ว์หยางยิ่งพูดมาก เขาก็จะยิ่งทำผิดพลาดมาก ดังนั้นเขาจึงฉุดดึงเย่ว์หยางจากไป
อสูรระดับ 5 ดาวจัดเป็นสัตว์ที่มีคุณภาพดีซึ่งนักรบต้องการได้ทั้งกลางวันและกลางคืน แต่ก็ไม่สามารถหามาได้ ถ้าฮุยไท่หลางเป็นสัตว์อสูรที่ทำสัญญากับคุณชายสามผู้นี้ บางทีทหารรับจ้างพวกนี้คงจะยอมแพ้ แต่ฮุยไท่หลางเป็นสัตว์อสูรที่ยังไม่ได้ทำสัญญา ก็เป็นเรื่องหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่มีบางคนอยากได้มันมาครอบครอง แม้ว่าพวกเขาจะไม่มีความแข็งแกร่งพอจะลักพาฮุยไท่หลางได้ บางทีพวกเขาอาจรายงานไปที่บางตระกูล ใช้ข้อมูลนี้ไปแลกเปลี่ยนเอาทอง
แม้ว่าเย่ว์หยางจะจากไปแล้ว หัวหน้าผู้คุ้มกันเกราะทองสั่งให้หัวหน้าทหารรับจ้างผู้แพ้พนันเอาทอง 10 เหรียญมาฝากไว้กับเขา หัวหน้าทหารรับจ้างต้องส่งของทั้งหมดและรับการตอบรับที่น่าพอใจจากครอบครัวผู้ท้าประลองก่อน แล้วค่อยกลับมารับทอง 10 เหรียญคืน
ทันทีที่หัวหน้าทหารรับจ้างได้ยินว่ามีความเป็นไปได้ที่กลับมารับทองคืนได้ ใบหน้าที่กำลังร้องไห้เปลี่ยนเป็นยิ้มทันที และยอมรับปากซ้ำแล้วซ้ำอีก
10 เหรียญทองเป็นเงินจำนวนไม่น้อย มีหรือจะไม่ยอมส่งจดหมายเพียงไม่กี่ฉบับ?
งานที่ทำให้จิตใจอบอุ่นอย่างการส่งความทรงจำกลับไปที่ครอบครัว เป็นไปได้ว่าพวกเขาอาจได้รับรางวัลขอบคุณจากครอบครัวก็ได้ แม้ว่าจะถูกใช้ให้ไปทำธุระ ก็ยังดีกว่าเสียเงินและเสียหน้า
มีทหารรับจ้างอื่นๆ ที่ยังคงมองฮุยไท่หลางที่ยังคงนอนอยู่ และมันกำลังจะจากไปพร้อมกับเย่ว์หยาง สายตาพวกเขาเต็มไปด้วยความโล�
พอเห็นเช่นนี้ หัวหน้าผู้คุ้มกันเกราะทองแค่นเสียงเบาๆ สัตว์อสูรที่มีความซื่อสัตย์มากแม้จะไม่ได้ทำสัญญา ผู้ใดผู้หนึ่งจะไปแย่งชิงมาได้อย่างไร? เขาไม่ได้กังวลเกี่ยวกับทหารรับจ้าง และสั่งให้ทหารคุ้มกันไล่ต้อนพวกเขาให้จากไปทั้งหมด ตัวของเขาเองไปยืนอยู่เบื้องหลังประตูหินลับ เลื่อนประตูแล้วเดินเข้าไป เขาล็อคทางเข้าก่อน จากนั้นค่อยๆ ใส่โทเคนทองคำ (ตัวรับส่งข้อมูล) เข้าไปในรอยหยักบนเสาแก้วผลึกประเมินผลสำเร็จของผู้ท้าประลองเบื้องหน้าเขา
แสงสีทองเปล่งวาบออกมา และบนเสาแก้วผลึก ปรากฏแถวอักษรสีทองขึ้นมา
บรรทัดสุดท้ายของตัวอักษรแสงที่ปรากฏ : ไตตัน, พลเมืองต้าเซี่ย, มนุษย์ผู้ชาย, ประลองได้ผลสำเร็จที่วิหารราศีเมษในรอบ 10 ปี, อัตราผลสำเร็จ : 120/100
พอเห็นอย่างนี้ หัวหน้าองครักษ์เกราะทองถึงกับตะลึงดูแล้วน่าตลกยิ่งกว่าเห็นมังกรดำจ้าวนรกบินลงมาจากฟากฟ้าแล้วกล่าวทักทายเขาเป็นภาษามนุษย์เสียอีก
อย่างไรก็ตาม เมื่อเขารู้สึกตัว ก็รีบปรับสีหน้ากลับคืนสภาพปกติ ทำเป็นเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นมาก่อน
ทหารเกราะทองที่รายล้อมเขา ถามขึ้นอย่างสงสัย “ท่านนายกอง! อัตราผลสำเร็จของสหายน้อยผู้นั้นเป็นอย่างไร?”
“20/100.” หัวหน้าผู้คุ้มกันเกราะทองจงใจหักอัตราผลสำเร็จออกไป 100 คะแนน
“เป็นไปได้หรือ? เขาใช้เวลา 3 ชั่วฆ่านักรบหัวแกะหมดเลยหรือ? ไม่สงสัยเลยว่าเขาจะเก็บอักขระบอดมาได้ สวรรค์ สหายผู้นั้นน่ากลัวจริงๆ” องครักษ์เกราะทองร้องออกมาอย่างแปลกใจ
“ไม่ว่าอะไรที่เกิดขึ้นในวันนี้ก็ตาม ขอให้เก็บไว้เป็นความลับ ผู้ใดปล่อยให้ข้อมูลนี้รั่วไหลจะต้องถูกประหาร” หัวหน้าผู้คุ้มกันเกราะทองมองหน้าบริวารทั้ง 5 ของเขา ใบหน้าเขาเต็มไปด้วยความจริงจังสายตาเย็นชาราวกับคมมีด
“เข้าใจแล้ว” ผู้คุ้มกันเกราะทองทั้ง 5 กลืนน้ำลายอย่างกังวลใจ
ผ่านไปอีกวันหนึ่ง และเย่ว์หยางถามอย่างเบื่อหน่ายว่า “เย่คง มีวิธีให้ได้รับภารกิจคัดกรองอย่างเดียวกันบ้างไหม? ข้าจะเข้าไปวงกตหินดำเพื่อตามหาเย่ว์ปิงได้ไหม?
เย่คงเกาหัวตัวเอง พลางอธิบายอย่างปวดหัวเล็กน้อย “แน่นอนว่าท่านทำได้ แต่วงกตหินดำเป็นโลกแห่งเขาวงกตที่ซับซ้อนมาก ถ้าผู้ใดไม่มีความรู้จำแนกทิศทางได้เก่ง ก็เป็นไปได้ว่าจะต้องติดอยู่ในนั้นเป็นเวลาครึ่งเดือน รออยู่ที่นี่ดีกว่าเข้าไปตามหาคนนะ ถ้าท่านไม่อยู่และเย่ว์ปิงออกมา นางก็จะต้องรอท่านอยู่ดี ยิ่งกว่านั้นภารกิจคัดกรองของวงกตศิลาดำทั้งหมดเป็นอสูรสายพฤกษา ท่านแค่ไปเอาหัวใจต้นโอ๊คมา มันจะเป็นประโยชน์ต่ออสูรธรรมดา แต่ไม่ได้ช่วยยกระดับให้ฮุยไท่หลาง ข้าคิดว่า รออยู่ข้างนอกจะดีกว่า
ทันทีที่เย่ว์หยางได้ยินคำนี้ เขายิ่งกังวลมากขึ้นว่าเย่ว์ปิงจะหลงอยู่ข้างในก็ได้ เขาไม่ห่วงตัวเขาเอง เพราะเขามีหนูเบญจธาตุค้นสมบัติ สถานที่อย่างวงกตถือเป็นเรื่องเล็ก
แม้ว่าหัวใจต้นโอ๊คจะไม่มีประโยชน์ต่อฮุยไท่หลาง แต่อาจมีประโยชน์ต่อต้นดอกหนามก็ได้
แม้ต้นดอกหนามของเขาจะไม่สามารถใช้มันได้ เขาก็จะให้เป็นของขวัญแก่เย่ว์ปิง
เขาตบต้นขาของเขา ตัดสินใจแล้ว “ตัดสินใจแล้ว ข้าต้องการเข้าไปในวงกตศิลาดำ”
****************