ตอนที่ 50 สู้เสี่ยงตาย
ถังเทียนวิ่งเข้าไปตรวจดูอาโมรี่ชั่วขณะ พอเห็นว่าเขาไม่ได้รับบาดเจ็บหนัก ก็วิ่งหน้าตั้งกลับมารวบรวมสินสงครามอีก
ทุกคนทำเป็นหันไปมองทางอื่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งสามสุดยอดนักเรียน ผู้เป็นแบบอย่างที่ดีที่สุด
นักเรียนสามสุดยอดรู้สึกอึดอัดมาก ดังนั้นพวกเขาจึงทำเหมือนกับว่ากำลังปรึกษาอะไรบางอย่าง
“ตอนนี้ ในเหตุการณ์เช่นนี้มีบางอย่างไม่ชอบมาพากล” เหลียงชิวพูดจริงจัง
“นั่นสินะ มีบางอย่างไม่ถูกต้อง แสงภาพและหินแตกต่างกันทั้งหมด ฉันสงสัยว่าคงจะมีใครบางคนทำอะไรบางอย่างเอาไว้ ถ้าไม่อย่างนั้น แค่นี้ก็น่าจะจบแล้ว” ซือหม่าเซียงซานเป็นพวกที่ชอบทฤษฎีสมคบคิด และตาของเขาดูเหมือนตาแมวในความมืด
นักเรียนที่อยู่โดยรอบแอบได้ยินการปรึกษาของนักเรียนสามสุดยอด ก็เครียดขึ้นมาทันที เนื่องจากทุกคนรู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ชอบมาพากลจริงๆ ตอนนี้สิ่งที่พวกเขาได้ยินจากนักเรียนสามสุดยอด ทำให้พวกเขารู้สึกกดดันและเครียดทันที
เพียงแต่ตอนนี้ จู่ๆมีเสียงรำพันอย่างมีความสุขดังขึ้นมาทำลายบรรยากาศเครียด
“อ่าฮะ,, ไอ้เด็กนี่มันแพะอ้วนชัดๆ! การ์ดวิญญาณชั้นเงินระดับสี่ โห โห ว้าว.. หินดวงดาวระดับสี่!”
อารมณ์เครียด และบรรยากาศอึมครึมทั้งหมดพลันสลายคลาย
เหลียงชิวพึมพำ “ก็แค่การ์ดวิญญาณชั้นเงิน...แล้วก็แค่หินดวงดาว.. นี่หรือเจตนาของนายสินะ...”
ซือหม่าเซียงซานรำพึงกับตนเอง “เอาน่ะ..ทำต่อไปเถอะ ได้โปรดอย่างน้อยนายต้องแสดงออกให้ดีกว่านี้สักเล็กน้อย การ์ดวิญญาณชั้นเงินและหินดวงดาว ทั้งหมดนี้มันดูปลอมๆเกินไปแล้ว”
หานปิงหนิงยังคงบ่นต่อไป “เชิญแสดงสันดานที่แท้จริงของนายต่อไปเถอะ...”
คนที่รายล้อมทำนัยน์ตาประหลับประเหลือกแต่พวกเขายังแกล้งทำเป็นไม่ได้ยินอะไร ถังเทียนเป็นคนที่สามารถฆ่าคนได้โดยไม่กระพริบตา พวกเขาไม่สามารถต่อต้านเขาได้ เมื่อเห็นวิธีที่ถังเทียนฆ่าโจวเผิงตรงๆ ซึ่งมีประสิทธิภาพโดยไม่ลังเลใจเหมือนกับฆ่าไก่ แม้แต่ศิษย์ตระกูลโจวคนอื่นๆ ก็ประสบชะตากรรมเดียวกัน
คนแบบนี้ ไม่ควรยั่วให้เขาโกรธ
“โอ้โห, ตัวเขาก็มีเช่นกัน”
“เฮ้ย...นี่ก็ของดี”
สามสุดยอดนักเรียนมองหน้ากันเองและทุกคนตกลงใจว่าจะปิดปากเงียบต่อไป สำหรับการปรึกษาหัวข้ออย่างนั้นและในบรรยากาศที่แปลกประหลาดเช่นนั้น เป็นเรื่องทำได้ยากเกินไป
ทันใดนั้น เสียงลั่นครืนครันสามารถได้ยินได้และเศษหินนับไม่ถ้วนเริ่มกลิ้งร่วงลงมา
เอ๋?
ถังเทียนหยุด, แล้วมองดูด้านบน มันอยู่ข้างบน
เขาคุ้นเคยเกี่ยวข้องกับสิ่งที่ยุบพังทลายและแผ่นดินไหวอยู่ทำให้เขามีสัมผัสที่ไว ทันทีที่เขารู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือนใต้เท้า ก็สามารถกำหนดถึงสาเหตุจุดเริ่มต้นของแผ่นดินไหวได้ และมันมาจากเหนือศีรษะพวกเขา
“พวกเขาอยู่เหนือศีรษะพวกเรา” ถังเทียนตะโกนไปทางหานปิงหนิง เนื่องจากในที่นี้ เขาคุ้นเคยกับเธอที่สุด
ถ้าเป็นซือหม่าเซียงซาน เขาคงจะคลางแคลงใจเนื่องจากเขาไม่มั่นใจว่าถังเทียนมีแรงจูงใจซ่อนเร้นหรือไม่ แต่หานปิงหนิงไม่สงสัยเขา เธอยืนขึ้นทันทีและถาม “ศิษย์พี่ที่ใช้ค้อนเป็นอาวุธคู่มืออยู่ที่ไหน?”
“ฉันเอง” นักเรียนร่างกายกำยำสูงใหญ่คนหนึ่งเดินออกมาในมือถือค้อนฟักทองด้ามยาว เป็นค้อนเหล็กที่ใหญ่และแปลกทำให้ผู้คนเห็นแล้วต้องสูดลมหายใจ เขามีร่างที่ใหญ่และมีกล้ามเนื้อเป็นมัดดูเหมือนกับว่าร่างของเขาสร้างจากทองแดงและเหล็ก เทียบกับอาโมรี่แล้ว เขาอยู่ในระดับสูงกว่า
นักเรียนร่างกำยำสูดลมหายใจลึกและตะโกนทันทีแล้วทะยานขึ้นไป ค้อนฟักทองในมือของเขาเรืองแสงและเปล่งรัศมีสีเหลืองพุ่งกระแทกเข้าใส่เพดานถ้ำ!
ครืนนนน
เพดานถ้ำหินถล่มทันทีและหินหลายก้อนร่วงกราวลงมาทันที
เงาร่างที่รวดเร็วพุ่งลงมาและคว้าตัวนักเรียนร่างกำยำไว้ เป็นซือหม่าเซียงซานนั่นเอง เขาสะบัดข้อมือ ร่างกำยำของนักเรียนผู้นั้นก็ถูกเหวี่ยงไปอีกด้านหนึ่ง
เงาสองสามร่างร่วงลงมาช้าๆ
“อาจารย์ใหญ่!” “อาจารย์ใหญ่!”
นักเรียนหลายคนร้องเรียกพร้อมกัน
ถังเทียนมีสีหน้าประหลาดใจ “ปู่เว่ย! ปู่ก็อยู่ที่นี่ด้วย”
ผู้อำนวยการสถาบันเทียนจิง, เป่ยเยี่ยนและเหมิ่งโซ่ว ผู้เฒ่าเว่ยก็เช่นกัน ทั้งสี่คนล้อมคนๆ หนึ่งไว้
ผู้อาวุโสอู่!
หลายคนได้รับบาดเจ็บหนัก เห็นได้ชัดว่าพวกเขาผ่านการต่อสู้มาอย่างดุเดือด
“เฮ้! ผู้แซ่อู่ แกไม่มีทางหนีได้อีกแล้ว” ครูใหญ่สถาบันเหมิ่งโซ่วตะโกน “แกติดตั้งกับดักไว้ แกต้องมีความตั้งใจทะเยอทะยานบางอย่างแน่”
“ฉันขอแนะนำให้คุณชดใช้เรามาอย่างยุติธรรมดีกว่า” อาจารย์ใหญ่สถาบันเป่ยเยี่ยนพูดเสียงเย็นชา
อาจารย์ใหญ่สถาบันเทียนจิงเพ่งสายตามองผู้เฒ่าเว่ย ผู้เฒ่าเว่ยชำเลืองมองแว่บหนึ่ง“นายมองฉันหาเรื่องอะไรอีก?”
อาจารย์ใหญ่สถาบันเทียนจิงเค้นเสียง “ฉันสามารถบอกได้ว่าเราเคยเป็นคู่หูกันมายี่สิบปีแล้ว นายมีความตั้งใจอะไรอยู่ ฉันจะได้บอกพวกเขาในตอนนี้”
นักเรียนทุกคนตกตะลึง แม้แต่อาจารย์ใหญ่อีกสองสถาบันก็พลอยตะลึงไปด้วย ผู้เฒ่าเว่ยนี้ดูๆ ไปไม่มีอะไรเด่น แต่เขากับอาจารย์ใหญ่ของเทียนจิงเคยเป็นคู่หูกันจริงๆผู้เฒ่าเว่ยนี้มาจากที่ไหนกันแน่?
ซือหม่าเซียงซานและเสิ่นหยวนจ้องดูอย่างมึนงง พวกเขาเคยได้ยินมาก่อนว่าผู้เฒ่าเว่ยและอาจารย์ใหญ่ของพวกเขาขัดแย้งกัน แต่ไม่มีใครคิดว่าทั้งสองคนจะเป็นคู่หูกันมาก่อน เสิ่นหยวนหน้าขาวซีดด้วยความอ่อนอกอ่อนใจถ้าเขาเห็นว่าเหตุการณ์จะดำเนินมาถึงขั้นนี้ อย่างนั้นสถาบันเทียนจิงกับคาราเมลก็เป็นสถาบันพี่น้องกันสินะ?ไม่? ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง มีหรือที่เขาจะกล้าไปหาเรื่องกับสถาบันคาราเมล....
อาจารย์ใหญ่สถาบันเทียนจิงในเมืองซิงฟงมีชื่อเสียงมาก ไม่มีใครรู้อดีตของเขา แต่ทุกคนรู้ว่าเขามีพลังลึกซึ้งและเป็นคนมีเกียรติ ไม่เห็นแก่ตัว
ผู้เฒ่าเว่ยหัวเราะ “แน่นอน นายสามารถบอกได้ ฉันก็ไม่ลำบากใจที่บอกกับคนอื่น สมบัติน้อยๆ เหล่านั้นจะเป็นของฉันทั้งหมด สถาบันคาราเมลเป็นสถาบันเล็กๆ และยากจน นักเรียนสองคนของฉันก็ไม่มีอะไรเลย, พวกเราน่าสงสารจะตายไป”
ซือหม่าเซียนซานและนักเรียนคนอื่นมีสีหน้าพิกล แน่นอนว่าบริวารมักจะถือผู้บังคับบัญชาของตนเป็นแบบอย่าง มิน่าเล่าผู้เฒ่าเว่ยและถังเทียนถึงได้มีบุคลิกคล้ายกัน
“อย่างนั้นก็ดี!” อาจารย์ใหญ่เป่ยเยี่ยนตอบอย่างตรงไปตรงมา
“ผมไม่มีปัญหาเหมือนกัน”อาจารย์ใหญ่สถาบันเหมิ่งโซ่วพยักหน้า
พลังของผู้เฒ่าเว่ยทำให้อาจารย์ใหญ่ทั้งสองประหลาดใจ และสมบัติดวงดาวระดับทองแดงทั้งสามชิ้น สำหรับพวกเขาแล้วถือว่าไม่มีอะไรใหญ่โต การจ่ายราคาต่ำขนาดนั้นเพื่อสร้างมิตรภาพกับเขา พวกเขาคงจะเห็นด้วยแน่นอน
“อย่างนั้นก็ดี, พูดก็พูดเถอะ ที่นี่ไม่มีใครแย่งสมบัติไปจากนายได้หรอก” อาจารย์ใหญ่เทียนจิงพูดเย็นชา
“พวกแกยังคาดการณ์ออกด้วยหรือ? ฮ่าฮ่า” ผู้อาวุโสอู่หัวเราะลั่น “แค่อาศัยพวกแกไม่กี่คน, พวกแกทุกคนยังจะทำอะไรได้สำเร็จ? เรียกยอดฝีมือที่แท้จริงที่อยู่เบื้องหลังพวกแกทุกคนออกมา”
“ฉันเดาเอาไม่ได้เหรอ?” ผู้เฒ่าเว่ยหัวเราะเสียงเย็นชา “ทันทีที่ฉันเห็น ‘เนตรโลหิต’ ฉันก็เข้าใจแล้ว ให้ฉันบอกแกก็ได้ บังเอิญฉันก็มี ‘เนตรโลหิต’ ของหมู่ดาวกล้องจุลทรรศน์ด้วยเหมือนกัน สมบัติดวงดาวชั้นทองแดง ขอเพียงมีผู้ใช้มันออกมาก็จะใช้ระบุสายเลือดว่าดีหรือเลวได้ ฉันเข้าใจถูกหรือเปล่า?”
“แก.....” สีหน้าของผู้อาวุโสอู่ชะงักค้าง
“นั่นคือการคาดเดาที่ดี แกวางแผนการใหญ่และให้เจ้าเมืองย้ายงานชุมนุมวิทยายุทธมาจัดที่นี่ มีโอกาสเป็นไปได้ถึงเก้าในสิบที่แกมีความคิดจะเก็บสายเลือดไว้ จากนั้น ขอฉันเดาก่อนแกได้รับวิชาลับในการฝึกฝนบ่มเพาะกับสายเลือด แต่วิชาลับทั้งหมดเหล่านั้นต้องการเลือดเป็นจำนวนมากและจำเป็นต้องเป็นเลือดที่สมบูรณ์ ถ้าแกทำเช่นนี้ในกลุ่มดาวในสวรรค์วิถี แกกลัวว่าจะตกเป็นที่สนใจของคนอื่นๆ ดังนั้นแกจึงวิ่งมาที่ดาวอู่อัน ดาวเคราะห์ชายขอบ แกใช้การเปิดประตูดวงดาวปลอมนี้สร้างเป็นเหตุการณ์พิเศษทำให้คนตายไปมากมากไม่มีใครจะตั้งคำถามหรือสงสัยแกจะไม่มีความตายในการค้นหาประตูดวงดาวได้ยังไง? ในเมื่อการเสียชีวิตผู้คนมากมายถูกมองว่าเป็นเรื่องธรรมดา”
ผู้เฒ่าเว่ยมองดูผู้อาวุโสอู่อย่างเย็นชา นัยน์ตาของเขาแฝงแววอำมหิต
“ประตูดวงดาวเป็นของจริง วงกตวิญญาณก็เป็นของจริง เพราะเพื่อผลประโยชน์ของทุกคน ทุกคนจะได้สับสน โดยแกเพียงแต่ลงมือเก็บเกี่ยวผลประโยชน์จากสายเลือดดีๆอยู่เงียบๆ ใช้เนตรโลหิตเพื่อแยกแยะค้นหาเป้าหมายของแก แล้วทำให้พวกเขาหายไปอย่างเงียบๆแล้วเลือกสายเลือดที่แกต้องการ เพราะแกเป็นคนจัดเตรียมวงกตวิญญาณทั้งหมดไว้ เพียงแต่แกไม่ทราบว่าล้มเหลวในช่วงการลงมือครั้งสุดท้าย”
ผู้เฒ่าเว่ยจ้องผู้อาวุโสอู่เขม็ง แล้วค่อยๆ เน้นคำพูดทีละคำ “ฉันพูดถูกหรือเปล่า? ท่านอู่แห่งองค์กรวิญญาณมืด”
ผู้อาวุโสอู่มองดูผู้เฒ่าเว่ยอย่างหวาดกลัว “แก... แกเป็นใครกันแน่”
“ว้าว! ปู่, ปู่นี่ เจ๋งเป้งเป็นบ้า” ถังเทียนตะโกนขณะที่เขามองมาด้วยความประหลาดใจ
บรรยากาศและอารมณ์ตึงเครียดทั้งหมดสูญสลายไปในอากาศ ความคิดเห็นที่ลึกซึ้งและทัศนคติที่ลึกลับของผู้เฒ่าเว่ยหายวับไปหมดทันที
ผู้เฒ่าเว่ยเหลือกตา เขาอดเบือนหน้าหนีไม่ได้ แล้วดุใส่ถังเทียน “มันจะตายไหมวะ ถ้าแกอยู่เงียบๆ ซักประเดี๋ยว?”
“อ๋า, ทำไมฉันจะต้องเงียบด้วยเล่า” ถังเทียนประหลาดใจ
ผู้เฒ่าเว่ยหันไปรอบๆ อย่างท้อแท้และมองดูอาจารย์ใหญ่สถาบันเทียนจิง “นี่แหละ,ส่วนใหญ่ก็เป็นแบบนี้ไง” จากนั้นไม่ลืมย้ำคำพูดว่า “ฉันขอบอกไว้ก่อน สมบัติระดับทองแดง 2-3ชิ้นจะตกเป็นของฉัน”
ผู้อาวุโสอู่เงยหน้ามองและกู่ร้องสุดเสียง “ใครกัน? ใครทำลายแผนของฉัน, ออกมา,ออกมาเดี๋ยวนี้”
“เลิกตะโกนได้แล้ว คนอื่นๆมีสถานะสูงกันทั้งนั้นและจะไม่ปล่อยผ่านเรื่องนี้แน่นอน พวกเขาจะลงโทษแก” ผู้เฒ่าเว่ยกล่าวอย่างเย่อหยิ่ง “แกแค่ต้องยอมสารภาพผิดมาตามตรง เพื่อที่ว่าจะได้ไม่ต้องเจ็บตัวมาก และทำให้พวกเราประหยัดเรี่ยวแรงอีกด้วย”
“ถูกแล้ว” อาจารย์ใหญ่เป่ยเยี่ยนกล่าวด้วยความแค้นขณะที่เธอเค้นเสียง “ต้องมีผู้บริหารระดับสูงรู้เห็นเป็นใจกับความผิดของคุณและคงปล่อยคุณไปไม่ได้แน่”
พวกเขาทั้งหมดเข้าใจว่า ต้องมีผู้บริหารระดับสูงคอยช่วยเหลือเขา ถ้าไม่อย่างนั้น ด้วยพลังของพวกเขาเป็นไปไม่ได้ที่จะติดตั้งกับดักได้ถึงขนาดนั้น ความแข็งแกร่งของวงกตวิญญาณมิอาจคาดเดาได้ ควบคู่กับการใช้สมบัติดวงดาวระดับทองแดงสามอย่างของศัตรูแล้วถือว่าเป็นวิธีการที่สมบูรณ์แบบ ทั้งสี่คนติดอยู่ที่นั่นเป็นเวลานาน โดยที่พวกเขาไม่ได้รู้สึกอะไรเลย
“ฮึ! อาศัยพวกแกทุกคนยังจะหยุดฉันได้หรือ?” ผู้อาวุโสอู่หัวเราะเย็นชา ความกลัวบนใบหน้าของเขาหายไป และรังสีอำมหิตของเขารุนแรงยิ่งขึ้น “เมื่อแกไม่ต้องการออกมา อย่างนั้นฉันจะบังคับให้แกออกมาเอง”
กระบี่บางเบาสีดำในมือของผู้อาวุโสอู่เริ่มพลิ้วโค้งพร้อมกับการสะบัด แรงสั่นสะเทือนทำให้หูทุกคนสั่น
ร่างของเขาเคลื่อนไหวเหมือนสัตว์ประหลาดประกายเงาดำไวเหมือนสายฟ้าชี้ไปที่อาจารย์ใหญ่เป่ยเยี่ยน
“ระวัง! มันคือสมบัติชั้นทองแดง กระบี่ทะลวงร่างจากหมู่ดาวปลาบิน” ผู้เฒ่าเว่ยรีบเตือนทันที
อาจารย์ใหญ่เป่ยเยี่ยนกระแอมในลำคอทันทีเหลืออยู่แต่ความสงบนิ่ง กระบี่ของเธอปล่อยสายน้ำพุทันที แค่เพียงได้ยินเสียงพายุฝนเท่านั้น อาจารย์ใหญ่อีกสามคนไม่ลังเลใจ และลงมือทันที
เมื่อพลังงานระเบิดออก ก็ปล่อยพลังท่วมท้นมาจากทิศทั้งสี่
เด็กนักเรียนโดยรอบถูกความตกใจครอบงำ พลังระเบิดของปราณเที่ยงแท้ระดับห้ามีอำนาจในการทำลายล้าง
ซือหม่าเซียงซาน, หานปิงหนิงและเหลียงชิวไม่ได้ถอย พวกเขาถืออาวุธไว้ในมือตนเอง ถ้าพวกเขาเผชิญหน้ากับศัตรูขนาดมหึมาก็จะได้ช่วยเสริมตลอดเวลา ถังเทียนก็ไม่ถอยเช่นกัน ที่สำคัญเป็นเรื่องยากที่จะได้เห็นศัตรูผู้แข็งแกร่งขนาดนั้นด้วยตาตนเอง
ผู้อาวุโสอู่มีพลังและฝีมือแน่นอน เกินกว่าใครจะคาดคิด สู้หนึ่งต่อสี่และเขาต้องตลุยผ่านไปให้ได้ ร่างของเขาว่องไวถึงขีดสุด ถังเทียนสามารถเห็นแต่เพียงเงาของเขาได้แว่บเดียวและเงาของเขาก็หายไปอย่างสิ้นเชิง กระบี่อ่อนที่แกล้วกล้าและยืดหยุ่นในมือของผู้อาวุโสอู่เต็มไปด้วยพลังรังสีฆ่าฟัน
อย่างไรก็ตาม ก่อนการต่อสู้ดุเดือดจะเริ่มขึ้นผู้อาวุโสอู่ได้รับบาดเจ็บอยู่ก่อนแล้ว และเสียเลือดไปเล็กน้อย ตอนแรก ชุดเขาเริ่มเปียกโชกและความเคลื่อนไหวของกระบี่ของเขาเริ่มช้าลง
อาจารย์ใหญ่ทั้งสี่มีประสบการณ์ในการต่อสู้มาอย่างโชกโชนโดยมิต้องสงสัย พวกเขาฉลาดและมีความมั่นคงในการใช้กลยุทธต่อสู้ และทุกคนแค่ตั้งใจทำให้ผู้อาวุโสอู่เหน็ดเหนื่อย
ผู้อาวุโสอู่รู้สึกได้ถึงเจตนาของคนทั้งสี่จึงกระตุ้นปราณเที่ยงแท้ของเขา แววเจ้าเล่ห์สีแดงปรากฏบนใบหน้าของเขา เขาเพิ่มความเร็วกะทันหันและกระบี่ดำเรียวยาวในมือเขาเปล่งเสียงแหลมหวีดหวิว
อยู่ต่อหน้าอาจารย์ใหญ่สี่สถาบัน พวกเขารู้ว่านี่คือการสู้เสี่ยงตายของผู้อาวุโสอู่ เขาจะทุ่มพลังทั้งหมดเข้าต่อสู้
เงาร่างของผู้อาวุโสอู่วิ่งเข้ามาทั้งสองด้าน ความเปลี่ยนแปลงที่ไม่อาจตรวจสอบได้ปรากฏออกมาจากรังสีรบทั้งสี่รูปแบบ ประกายรังสีเยือกเย็นเป็นน้ำแข็งพาดขวางนัยน์ตาของผู้อาวุโสอู่ ร่างของเขาสั่นและหลอกล่อให้ทั้งสี่คนเคลื่อนไหว เมื่อเขาส่งเสียงตวาดกระบี่เรียวบางในมือเขาปล่อยแสงทำให้ตาพร่าได้ฉับพลัน
บึ้ม!
กระบี่ทะลวงกายแตกระเบิดออกเป็นสิบส่วน เหมือนฝนพร่างพรายโจมตีใส่คนผู้หนึ่งจากทุกตำแหน่ง ตามมาด้วยเสียงหวีดหวิวเหมือนลูกธนู อาจารย์ใหญ่ทั้งสี่สถาบันสีหน้าเปลี่ยน พวกเขาป้องกันตัวทันที
ผู้อาวุโสอู่ถือโอกาสที่ได้เปรียบนี้ฉากหนีจากการต่อสู้
เหลียงชิวกราดฝ่ามือออก ซือหม่าเซียงซานใช้แส้ และหานปิงหนิงใช้กระบี่ออกพร้อมกัน ทั้งสามคนนี้ฉลาดจริงๆ พวกเขารู้ว่าต้องกักผู้อาวุโสอู่ไม่ให้ออกไป
ผู้อาวุโสอู่สูดลมหายใจลึก หน้าของเขาเป็นสีแดงเข้ม ขณะที่แขนเสื้อยาวของเขากวาดออกเสียงดังก็ระเบิดใส่พวกเขาทั้งสามคน
บึ้ม!
แขนเสื้อของเขาระเบิดเป็นผุยผง เผยให้เห็นผิวของเขาที่มีเลือดสดๆอยู่บนแขนทั้งสอง
ผู้อาวุโสอู่บ้วนเลือดออกมาคำหนึ่งแววดุร้ายและเจ้าเล่ห์ฉายแววอยู่ในดวงตาของเขา เขาเริ่มเร่งความเร็วของเขาถังเทียนตกตะลึงเมื่อคู่ต่อสู้วิ่งตรงมาทางเขา