ตอนที่ 2-24 โรงเรียนเหล็กสกัด
หลายวันต่อมา ณ สถาบันเอินส์
ในตอนเช้า ลินลี่ย์ทานอาหารเช้าแล้วและตอนนี้มุ่งหน้าไปที่ภูเขาด้านหลังเตรียมตัวเริ่มฝึก
ขณะที่เดินอยู่บนถนนเพื่อออกจากสถาบัน หนูเงาน้อยอยู่บนไหล่ของลินลี่ย์กวาดมองไปทั่วทุกแห่ง มีคนค่อนข้างน้อยในสถาบันเอินส์ที่มีอสูรเวทเป็นผู้ติดตาม ดังนั้นจึงไม่มีผู้ใดสนใจลินลี่ย์ที่มีหนูเงาน้อยเป็นผู้ติดตาม แต่ชั่วขณะนั้น...
“คนนั้นไงลินลี่ย์, จอมเวทอันดับหนึ่งในหมู่นักเรียนระดับหนึ่ง” เสียงดังสดใสดังมาจากข้างหน้าไม่ไกลนัก
ลินลี่ย์อดมองไปทางตำแหน่งเสียงนั้นไม่ได้และเห็นเด็กผู้หญิงน่ารักสองคนกำลังคุยกันพลางมองมาที่เขา เมื่อลินลี่ย์ชำเลืองมองพวกเธอ เด็กผู้หญิงทั้งสองคนก็เริ่มหัวร่อต่อกระซิกกันเบาๆ
“เรากลายเป็นคนมีชื่อแล้ว” ลินลี่ย์เยาะตัวเอง
เมื่อไม่กี่วันก่อน ผู้คนมักพูดถึงเรื่องของเขาบ่อย ตั้งแต่เขาเอาชนะแรนด์ผู้ชนะเลิศการแข่งขันของนักเรียนระดับหนึ่ง ทุกคนยอมรับว่าเขาเป็นยอดฝีมืออันดับหนึ่งของนักเรียนระดับหนึ่ง
“โอ,,, ข้างหน้านี่อะไรน่ะ?” ทันใดนั้นลินลี่ย์เห็นร่างผอมบางข้างหน้าเขา
ผมสั้นสีทอง กับร่างที่ผอมบางเหมือนเรย์โนลด์ ความรู้สึกเยือกเย็นแผ่ออกมาจากเขาขณะที่เขาเดินไปตามถนนอย่างสงบ
“ดิ๊กซี่?” ม่านตาของลินลี่ย์หดตัว
ดิ๊กซี่อายุเก้าปีเหมือนกัน และความจริงเขายังอ่อนกว่าลินลี่ย์หนึ่งเดือน แต่เด็กเก้าขวบผู้นี้กลายเป็นจอมเวทระดับสามไปแล้ว แม้ว่าจะเป็นเรื่องยากขึ้นเรื่อยๆในการฝึกฝนระดับสูงขึ้นไป เด็กอายุเก้าปีเป็นจอมเวทระดับสาม ก็ยังเป็นเรื่องประหลาดมาก
“นั่นดิ๊กซี่นี่ ข้าได้ยินว่าเมื่อวานในการทดสอบจอมเวทประจำปี ดิ๊กซี่แสดงให้เห็นว่าเขามีคุณสมบัติเพียงพอจะเป็นจอมเวทระดับสี่แล้ว” เด็กสาวอายุสิบเจ็ดและสิบแปดปีพวกหนึ่งพูดอยู่ด้านข้าง
นักเรียนในระดับสามเกือบทั้งหมดมีอายุมากกว่าสิบหกปี มีเพียงอัจฉริยะอย่างดิ๊กซี่เป็นข้อยกเว้นที่ชัดเจน
“จอมเวทระดับสี่!”
ลินลี่ย์รู้สึกว่าหัวใจของเต้นรุนแรง พวกเขาทั้งสองอายุเก้าปี และดิ๊กซี่ยังอ่อนกว่าเขาหนึ่งเดือน แต่เขาก็กลายเป็นจอมเวทระดับสี่ไปแล้ว ขณะที่ลินลี่ย์ยังเป็นเพียงระดับสอง
ดิ๊กซี่มีท่าทีเยือกเย็นเหมือนน้ำแข็งขณะเดินผ่านลินลี่ย์
ดิ๊กซี่เป็นอัจฉริยะแน่นอน ไม่มีผู้ใดในวัยเดียวกับเขาสามารถเทียบกับเขาได้
ลำแสงขาวสายหนึ่งฉายออกมาจากแหวนมังกรขนดและเดลิน โคเวิร์ทปรากฏตัวอยู่ข้างๆ ลินลี่ย์และยิ้มให้ “ลินลี่ย์ความจริงไม่มีความแตกต่างอะไรมากมายระหว่างเจ้าทั้งคู่เลย เมื่อดิ๊กซี่เริ่มเข้าเรียน ความบริสุทธิ์ของพลังจิตเขามากกว่าคนอื่น 68เท่า นี่หมายความว่าตั้งแต่ก่อนเริ่มฝึกความบริสุทธิ์พลังจิตของเขาก็ถึงระดับเดียวกับจอมเวทระดับสามเสียแล้ว นั่นคือเหตุผลให้ปีแรกที่เขาต้องทำก็คือสะสมพลังเวทเพื่อกลายเป็นจอมเวทระดับสาม ตอนนี้ เขาอยู่ที่สถาบันเอินส์มาเกือบสองปีแล้ว ดังนั้นเป็นเรื่องธรรมดามากที่เขาจะกลายเป็นจอมเวทระดับสี่ได้”
ลินลี่ย์เข้าใจเรื่องนี้ในใจดี
คนผู้นี้มีพรสวรรค์ตามธรรมชาติมากเกินไป เขาเกิดมาพร้อมด้วยความบริสุทธิ์พลังจิตที่มหาศาล และความสัมพันธ์ธาตุก็ยอดเยี่ยมเช่นกัน เห็นได้ชัดว่าเขาต้องสะสมพลังเวทได้เร็วมากเช่นกัน
“แม้ว่าการฝึกของเขาในตอนนี้จะเป็นไปได้เร็ว แต่ข้าคาดว่าเขาจำเป็นต้องใช้เวลาอีกสามหรือสี่ปีจึงจะเลื่อนจากจอมเวทระดับสี่เป็นระดับห้าได้ และจากระดับห้าเป็นระดับหก เขาจำเป็นต้องใช้เวลาสี่หรือห้าปี”
“ตอนนี้ เจ้าเป็นจอมเวทระดับสอง ขณะที่เขาเป็นจอมเวทระดับสี่ แต่ข้ามั่นใจว่าภายในสิบปี เจ้าจะไล่ตามเขาทัน” เดลิน โคเวิร์ทพูดอย่างมั่นใจ
แต่ลินลี่ย์ไม่เชื่อเช่นนั้น
“ปู่เดลิน ยิ่งคนผู้นั้นมีพรสวรรค์มากเท่าไหร่ เขาก็ก้าวหน้าเร็วขึ้นเท่านั้น เขามีพรสวรรค์มากกว่าข้า และยังมีระดับมากกว่าข้า เป็นไปได้อย่างไรที่ข้าจะไล่ตามเขาทันภายในสิบปี?” ลินลี่ย์ไม่ใช่คนโง่ การเรียนที่สถาบันเอินส์ของเขาทำให้เขารู้ว่าจอมเวทจะเลื่อนชั้นได้นั้นยากเย็นเพียงไหน
ในอดีต เดลิน โคเวิร์ทบอกลินลี่ย์ว่าเขาจะกลายเป็นจอมเวทระดับหกได้ภายในสิบปี แต่ลินลี่ย์มักจะคลางแคลงใจในเรื่องนั้น ที่สำคัญคือ ในช่วงเวลานี้ระดับความก้าวหน้าของเขาเห็นได้ชัดว่ายังไม่เพียงพอ
ขณะที่เขาพูดคำเหล่านี้ ลินลี่ย์ก็เดินออกจากประตูของสถาบันเอินส์และเข้าไปภูเขาหลังสถาบันแล้ว ขณะที่ผ่านป่าเขา ทันใดนั้นเดลิน โคเวิร์ทก็พูดขึ้น “ลินลี่ย์ ไปที่ไหล่เขากันเถอะ”
“ไหล่เขาใกล้ๆ น่ะหรือ?” ลินลี่ย์สับสน
“อย่าเพิ่งถามอะไรมาก เมื่อเจ้าไปถึงแล้ว ข้าค่อยอธิบาย” เดลิน โคเวิร์ทหัวเราะ
ที่เขาด้านหลังปกคลุมไปด้วยหญ้าและไม้ใหญ่ขนาดต่างๆ แต่หลังจากผ่านไประยะหนึ่งลินลี่ย์พบสถานที่ที่น่าพึงใจตามที่เดลิน โคเวิร์ทต้องการ นี่คือยอดเขาสูงหลายร้อยเมตร ลินลี่ย์ยืนอยู่ตรงยอดเขา
“ปู่เดลิน ท่านจะให้ข้าทำอะไรที่นี่?” ลินลี่ย์พูดอย่างสงสัย
เดลิน โคเวิร์ทหัวเราะกล่าวว่า “ลินลี่ย์ เจ้าไม่เชื่อคำพูดของข้าที่ว่าข้าสามารถสอนให้เจ้าไล่ทันเขาในช่วงเวลาสิบปีงั้นหรือ? ฮ่าฮ่า....ลินลี่ย์,ในฐานะที่เป็นจอมเวทผู้วิเศษระดับเซียนความจริงข้ามีวิธีเพิ่มพูนความบริสุทธิ์ของพลังจิตผู้ฝึกฝนได้”
“วิธีเพิ่มพูนความบริสุทธิ์ของพลังจิตเหรอ? เข้าสมาธิก็ยังไม่พอหรือ?” ลินลี่ย์มองเดลิน โคเวิร์ทอย่างคลางแคลงใจ
เดลินโคเวิร์ทยิ้มใจเย็น “ลินลี่ย์, ข้าเห็นด้วยว่าการเข้าสมาธินั้นให้ผลที่ดีมาก แต่หลังจากทำสมาธิแล้ว ผู้ฝึกจะรู้สึกเพลียมาก”
“ถูกแล้ว ข้าจะรู้สึกเพลีย การเข้าสมาธิทำให้ข้าต้องใช้พลังจิตไม่หยุด หลังจากใช้พลังจิตจนหมดข้าจะปล่อยให้มันได้ฟื้นฟู คงเป็นเรื่องแปลกถ้าจะไม่เหนื่อยเลย” ลินลี่ย์ขมวดคิ้ว
เดลิน โคเวิร์ทพูดอย่างภูมิใจ “แต่วิธีของข้าแตกต่างออกไป ไม่ได้เปลืองพลังจิตแม้แต่น้อย ความจริง มันเป็นความบันเทิงชนิดหนึ่ง”
“ความบันเทิงเหรอ?” ลินลี่ย์งง
“ใช่แล้ว นี่คือความบันเทิงแบบหนึ่ง ก็คือการสลักหินนั่นเอง” ท่าทางเต็มไปด้วยความภูมิใจปรากฏอยู่บนใบหน้าของเดลินโคเวิร์ท
“แกะสลักหินเหรอ?” ลินลี่ย์พูดอย่างประหลาดใจ “เหมือนรูปสลักในสถาบันพรูกซ์น่ะหรือ?”
เดลิน โคเวิร์ทยิ้มและพูดว่า “ถูกแล้ว เมื่อนักสลักหินคนอื่นสลักหิน พวกเขาจะใช้พลังงานมหาศาล และทำให้พวกเขาเหนื่อยล้า แต่วิธีสลักหินของข้านั้นแตกต่างออกไป แม้ว่าจะเหนื่อยในช่วงเริ่มต้นฝึกฝน แต่สุดท้าย กลับให้ผลที่ดีมาก”
“พูดจริงหรือ?” ลินลี่ย์ไม่ค่อยอยากเชื่อ
เดลิน โคเวิร์ทจ้องหน้าเขา “ลินลี่ย์,เจ้าไม่เชื่อข้าหรือ? ในฐานะจอมเวทผู้วิเศษระดับเซียนที่คนยกย่องแห่งจักรวรรดิพูเอนท์ ในอดีตมีงานแกะสลักหลายชิ้นที่ข้าทำ ขุนนางเสนอเงินเป็นล้านเหรียญทองเพื่อขอซื้อ แต่ข้าในฐานะจอมเวทผู้วิเศษระดับเซียนจะยินดียกรูปแกะสลักซึ่งข้าสร้างด้วยความภูมิใจทั้งหมดให้คนอื่นได้อย่างไร?”
“ท่านยอดเยี่ยมขนาดนั้นเชียวหรือ? ทำไมข้าไม่เคยได้ยินชื่อของท่านในท่ามกลางปรมาจารย์นักแกะสลักคนอื่นปู่เดลิน?” ลินลี่ย์ถามอย่างสงสัย
เดลิน โคเวิร์ทพูดอย่างไม่สบายใจ “ก็...ข้าซ่อนผลงานข้าทุกชิ้นไว้ในอุโมงค์ใต้ดินซึ่งข้าไม่รู้แล้วว่าอยู่ที่ไหน หลังจากผ่านไปห้าพันปี ข้าไม่มั่นใจว่ามันอยู่ตรงไหนอีกต่อไป” ห้าพันปีเพียงพอต่อการทำให้ทะเลเปลี่ยนเป็นพื้นที่กสิกรรม จักรวรรดิพูเอนท์ทั้งหมดถูกทำลาย ใครจะรู้กันว่าเดี๋ยวนี้อุโมงค์นั้นอยู่ที่ไหน?
“โอ้โฮ, งั้นก็ไม่มีใครเคยได้ยินชื่อของปู่สินะ?” ลินลี่ย์เริ่มหัวเราะ
“เจ้าไม่เชื่อข้างั้นหรือ?” เดลินโคเวิร์ทจ้องดูเขา “เมื่อวันนั้นเมื่อพรูกซ์ยังเป็นเด็กน้อย เขามาหาข้าอย่างกระตือรือร้น ขอให้ข้าอนุญาตให้เขาได้ชมผลงานของข้า หลังวิจารณ์ผลงานข้าแล้ว เจ้าหนูพรูกซ์ก็พัฒนาระดับจิตใจขึ้นและในที่สุดเขาก็กลายเป็นปรมาจารย์นักแกะสลัก ความจริงจะถือว่าเขาเป็นนักเรียนของข้าคนหนึ่งก็ว่าได้”
ลินลี่ย์ตะลึง
“พรูกซ์น่ะหรือ?” ตอนนี้ลินลีย์สะท้านจริงๆ
พรูกซ์ บุรุษผู้ที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นนักสลักที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ในยุคนั้นเป็นนักเรียนของเดลิน โคเวิร์ท
“แน่นอน ถ้าใครก็ตามบอกได้ว่าผลงานของพรูกซ์สื่อความหมายออกมาได้สมบูรณ์แบบ งานของข้าก็คือการพยายามทำออกมาให้แตกต่างสิ้นเชิง ข้าตั้งชื่อวิธีแกะสลักของข้าว่า”สำนักเหล็กสกัด“ สำนักเหล็กสกัดนั้นแตกต่างจากวิธีแกะสลักจากที่อื่นๆโดยสิ้นเชิง เป็นแนวทางที่แตกต่างกันสิ้นเชิง ไม่มีอะไรเปรียบ วิธีนี้ในตอนแรกเริ่มจะทำให้เหนื่อยมาก แต่เมื่อเขาเชี่ยวชาญแล้วเจ้าจะได้ตระหนักถึงผลลัพธ์ที่แท้จริง” ท่าทีมั่นใจปรากฏเต็มใบหน้าของเดลิน โคเวิร์ท
พอจ้องดูลินลี่ย์ ใบหน้าของเดลิน โคเวิร์ทปรากฏรอยยิ้มขึ้น “แต่แน่นอนว่าในอดีตข้าเป็นสมาชิกเพียงคนเดียวของสำนักเหล็กสกัด จากวันนี้เป็นต้นไป เจ้าจะเป็นสมาชิกคนที่สอง”
ในใจของลินลี่ย์ เขาเชื่อมั่นในตัวปู่เดลิน ดังนั้นแน่นอนว่าเขาตัดสินใจเรียนแกะสลักกับเขา
และยิ่งกว่านั้น
ถ้าคำพูดของเดลิน โคเวิร์ทจริง และเขาสามารถเพิ่มความแข็งแกร่งขึ้นได้ขณะที่กลายเป็นยอดฝีมืองานแกะสลัก แค่เพียงทักษะงานแกะสลักอย่างเดียว เขาจะสามารถส่งค่าเล่าเรียนให้น้องชายได้
“การเขียนบันทึกในประวัติศาสตร์เพิ่งมีมาไม่กี่หมื่นปี ในช่วงเวลาที่ยาวนานก่อนที่ระบบการเขียนจะถูกคิดค้น การแกะสลักหินมีมานานแล้ว” เดลิน โคเวิร์ทพูดพลางถอนหายใจ “หนึ่งแสนปี หรือแม้แต่ล้านปีทีผ่านมา เหล่าบรรพบุรุษของเราบันทึกความทรงจำของพวกเขาและภาพที่พวกเขาเห็นในรูปแกะสลัก นี่คือวิธีบันทึกวรรณกรรมและประวัติศาสตร์ที่โบราณที่สุด”
ลินลี่ย์พยักหน้าเช่นกัน
ไม่มีวัฒนธรรมอื่นที่เก่าแก่ไปกว่าการแกะสลัก
“ผ่านมาหลายยุค การแกะสลักเป็นเรื่องยากมากและการสร้างงานสลักด้วยแรงบันดาลใจไม่ซ้ำใครยากยิ่งกว่า บางอย่างยากที่จะทำก็ยิ่งมีมูลค่าความสำเร็จสูง”
ลินลี่ย์เห็นด้วยในใจ
ถ้าเขาต้องการจะวาดเส้นๆ หนึ่ง เขาสามารถทำเช่นนั้นได้ง่าย แต่ถ้าเขาต้องการแกะสลักเส้นออกมา ก็จะกลายเป็นเรื่องที่ยากมาก เพราะหินแข็งเกินไป
“ลักษณะของหิน คุณภาพ ลายและการใช้สี ไม่เพียงมีผลต่อรูปร่างของมัน แต่ประสิทธิภาพทั้งหมดและลักษณะที่แท้จริง เราใช้เหล็กสกัดเพื่อลบส่วนเกินและเพื่อให้ความงามตามธรรมชาติเผยตัวออกมา นี่คือการสลักหิน”
“วิธีการสลักหินเป็นหนทางควบคุมพื้นที่ว่างและรูปลักษณ์ เมื่อสลักหิน ช่างจะต้องสลักจากนอกเข้าไปหาข้างใน ค่อยไปทีละก้าว ดึงรูปที่อยู่ข้างในออกมาช้าๆ และจากนั้นเขาค่อยลบส่วนเกินออก เพื่อให้รูปนั้นเห็นได้ชัดขึ้น ทั้งนี้เพื่อให้นักแกะสลักรู้ซึ้งถึงงานศิลปะของเขาอย่างเป็นธรรมชาติ นี่คือวัฏจักรแห่งความงาม
….
ทันทีที่เขาได้เริ่ม เดลินโคเวิร์ทไม่สามารถหยุดพูดเรื่องงานแกะสลักได้
แต่ลินลี่ย์สามารถบอกได้ชัดเจนว่า เดลินโคเวิร์ทให้ความสำคัญต่อศิลปะนี้มากขนาดไหน
“วิธีแกะสลักหินทั้งหมดจะใช้เครื่องมือหลายอย่าง เช่น เหล็กผีเสื้อ เหล็กสกัดเหล็กโค้ง เหล็กสามเหลี่ยม ตะขอหยก ค้อน เลื่อย และอื่นๆ อีกมาก สาเหตุที่มีเครื่องมือหลากหลายก็เพราะหินมีความหนาแน่นและแข็งแกร่ง ดังนั้นพวกเขาจะใช้เหล็กผีเสื้อวาดร่างและเหล็กสกัดใช้ตัด ส่วนเหล็กสามเหลี่ยม....”
พอได้ฟังเขาพูด ลินลี่ย์เริ่มเข้าใจเกี่ยวกับพื้นฐานสลักหินมากขึ้น
จู่ๆ เดลิน โคเวิร์ทก็หัวเราะ “แต่วิธีการสลักหินของข้าแตกต่างจากคนอื่นสิ้นเชิง ข้าตั้งชื่อวิธีแกะสลักของข้าว่าสำนักเหล็กสกัด”
“นั่นเป็นไปได้อย่างไร? ท่านจะสลักโดยใช้แค่เหล็กสกัดเหรอ?” ลินลี่ย์เถียง “ท่านเพิ่งบอกว่าท่านจำเป็นต้องใช้เครื่องมือมากขึ้นตัวอย่างเช่น เกล็ดของปลา ท่านจะใช้เหล็กสกัดตรงสลักเอาอย่างนั้นหรือ? ไม่มีทางเป็นไปได้?”
“ผิดแล้ว แม้ว่าคนอื่นทำไม่ได้ แต่เราจอมเวทธาตุดินนั้นทำได้”
เดลิน โคเวิร์ทพูดอย่างมั่นใจ “นักเวทสายธาตุดินสามารถรู้สึกได้ถึงรูปร่างหินทั้งหมด ด้วยแรงเอวที่เพียงพอ เราสามารถสลักหินโดยใช้เหล็กสกัดตรงได้ แต่แน่นอน สำนักเหล็กสกัดไม่ใช่ว่าใครก็เข้าได้ วันนี้งานที่เจ้าต้องไปทำก็คือซื้อเหล็กสกัดที่คม จากวันนี้เป็นต้นไป ทุกวัน ข้าจะใช้เวลาสามชั่วโมงแนะนำเจ้าให้เรียนวิธีสลักหิน