ตอนที่แล้วตอนที่  2-21 หอศิลป์พรูกซ์ (1)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 2-23 ข่าวดี

ตอนที่ 2-22 หอศิลป์พรูกซ์ (2)


หอศิลป์พรูกซ์

เป็นสถานที่รวบรวมงานประติมากรรมอันดับหนึ่ง เมืองใหญ่แต่ละเมืองในทวีปยูลานจะมีสาขาของหอศิลป์พรูกซ์  พื้นในหอศิลป์พรูกซ์กินเนื้อที่ขนาดใหญ่โตและผู้คนมากมายที่เข้ามาในหอศิลป์แห่งนี้ล้วนแต่มีมารยาทและวัฒนธรรมอันดี

ภายในหอศิลป์พรูกซ์ ถ้าท่านมีแหวนเวทบนมือไว้โอ้อวดกัน  ผลก็คือท่านจะถูกเย้ยหยันหัวเราะในความเป็นผู้ไร้รสนิยม

งานศิลปะ มีความซับซ้อน

สถานที่นี้เห็นคุณค่าในเรื่องนี้มากที่สุด

ค่าธรรมเนียมเข้าชมหอศิลป์พรูกซ์เก็บคนละหนึ่งเหรียญทอง

เสียงติงต่อง ชัดเจนราวกับเสียงของภูเขาในฤดูใบไม้ผลิ  ดังออกมาในหอศิลป์พรูกซ์  เสียงที่ทำให้ผู้ฟังรู้สึกสงบ  นักท่องเที่ยวนับไม่ถ้วนออกันแน่นที่ทางเข้ามีบุรุษและสตรีสูงศักดิ์และหญิงสาวงดงามอยู่ในชุดที่ทันสมัยกันทุกคน

และคนทั่วไปที่อยู่หน้าหอศิลป์พรูกซ์แทบจะวางตัวไม่ถูก

เมื่อลินลี่ย์และกลุ่มพี่น้องของเขารวมทั้งคาสและผู้คุ้มกันสามคนมาถึงหอศิลป์พรูกซ์ คนที่ดูออกสามารถจำเครื่องแบบสถาบันเอินส์ที่พวกเขาสวมอยู่ได้  พอเห็นเหยี่ยวสายฟ้าตาน้ำเงินบนไหล่ของคาส  พวกเขาจะให้ความเคารพและสุภาพเป็นธรรมดา

“ลุงคาสมากับพวกเรา ส่วนอีกสามคนให้รอเราอยู่ข้างนอก”  เยลสั่ง

ลินลี่ย์, พี่น้องทั้งสามและคาสเข้าไปในหอศิลป์  ในหอแสดงใหญ่ของหอศิลป์พรูกซ์มีรูปปั้นบุรุษผู้หนึ่ง  รูปปั้นนี้คือรูปของนักแกะสลักระดับปรมาจารย์พรูกซ์

ทั่วทั้งหอศิลป์พรูกซ์ปราศจากสรรพสำเนียง

ความจริงทุกคนไม่ว่าจะมีสถานะใด จะพูดกันเสียงเบาๆเพื่อไม่ให้เป็นการรบกวนคนอื่น

เยล, เรย์โนลด์, จอร์จและลินลี่ย์มองดูรูปแกะสลักหินรูปแล้วรูปเล่า  และในใจพวกเขารู้สึกว่ารูปสลักเหล่านี้สวยงามไม่มีใดเปรียบจริงๆ

“การจัดแสดงของหอศิลป์พรูกซ์จะแบ่งออกเป็นสามโถงใหญ่  หอแสดงใหญ่เป็นที่แสดงผลงานของผู้เชี่ยวชาญและหอแสดงผลงานของระดับยอดฝีมือ หอแสดงใหญ่นี้เต็มไปด้วยงานแกะสลักที่ช่างแกะสลักจะจัดเตรียมที่นี่ไว้เพื่อประเมินราคาและให้คนอื่นที่เห็นได้ซื้อไป งานแสดงแต่ละงานจะจัดแสดงเป็นเวลาหนึ่งเดือน  และหลังจากนั้นผู้ให้ราคาสูงสุดจะได้รับรูปแกะสลักไป รูปแกะสลักธรรมดาเหล่านี้มีราคาไม่กี่เหรียญทอง  รูปสลักดีๆเท่านั้นจึงจะมีราคาหลายสิบเหรียญทอง”

เยลหัวเราะขณะที่พูด “แต่หอผู้เชี่ยวชาญนั้นแตกต่างออกไป สถานที่แสดงงานออกเป็นห้องหลายห้อง รูปแกะสลักแต่ละชิ้นจะมีห้องแสดงของมันเองโดยเฉพาะ กล่าวโดยทั่วไปผู้เชี่ยวชาญมีผลงานแกะสลักที่ได้รับการยกย่อง และงานแกะสลักของผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่จะมีมูลค่าประมาณพันเหรียญทองหรือราวๆนั้น”

“สำหรับหอแสดงงานสลักยอดฝีมือนั้น ยิ่งน่าทึ่งมากกว่า  สถานที่แสดงผลงานอยู่ส่วนในสุดของหอศิลป์  มีผลงานสลักของยอดฝีมือนักสลักเพียงไม่กี่ชิ้น  ราคาของงานสลักเหล่านี้สูงจนน่ากลัว  แต่ละชิ้นมีราคาเป็นหมื่นเหรียญทองและงานชั้นเลิศที่สร้างชื่อเสียงให้ประติมากรก็อาจมีราคาถึงแสนเหรียญทอง” เยลอธิบายรายละเอียดให้พี่น้องทั้งสามของเขาฟัง

ลินลี่ย์แทบหยุดหายใจ

งานชั้นเลิศของยอดประติมากรมีราคาถึงหมื่นเหรียญทอง  สำหรับยอดประติมากรเงินแทบไม่มีความหมายอะไรเลย

“ก็ค่อนข้างยากสำหรับประติมากรที่จะสร้างผลงานสลักชั้นเลิศออกมาได้ เนื่องจากพวกเขาไม่ต้องการสร้างข้อผิดพลาดใดๆเลย”  เยลถอนหายใจขณะที่พูด  “ผลงานชิ้นโบว์แดงมีคุณค่าและได้รับความเคารพไม่ว่าจะเป็นคนวัยไหน ต้องใช้พรสวรรค์, ความสามารถและบางครั้งก็ประกายความคิดของอัจฉริยะ”

“งานต่างๆในหอแสดงใหญ่ก็แค่ดึงดูดสายตาเล็กน้อยเท่านั้น เข้าไปข้างในดีกว่า” เยลนำพวกเขาเข้าไปข้างใน

พอเดินเข้าไปในหอศิลป์พรูกซ์ที่เงียบสงบและฟังดนตรีบรรเลงสบายๆ ลินลี่ย์รู้สึกเหมือนกับว่าเขากำลังว่ายน้ำในทะเลงานแกะสลัก  และตอนนี้เอง เดลินโคเวิร์ทเหาะออกมาจากภายในแหวนมังกรขนดและเริ่มประเมินงานศิลป์ที่อยู่ใกล้ๆ

“แย่, แย่จริงๆ นี่เขายังมีหน้าเอางานศิลป์คุณภาพอย่างนี้มาแสดงให้คนอื่นดูได้ยังไง?”  เดลิน โคเวิร์ทพูดอย่างไม่สบายใจ

“ปู่เดลิน”  ลินลี่ย์หันมามองดูเดลินโคเวิร์ท “นี่เป็นแค่หอแสดงใหญ่ของหอศิลป์พรูกซ์ ยังมีหอแสดงผลงานของผู้เชี่ยวชาญ และหอแสดงผลงานของยอดฝีมือด้วย”

“หอศิลป์พรูกซ์”  เดลิน โคเวิร์ทสะดุ้งและจากนั้นก็หยุดพูด

“ปู่เดลิน  ปู่เดลิน?”  ลินลี่ย์เรียกเขาทางจิตอยู่ 2-3 ครั้ง  แต่เห็นว่าเดลินโคเวิร์ทยังคงอยู่ในห้วงความคิด ลินลี่ย์จึงไม่พยายามเรียกเขาต่อไป เขาตามเยล, เรย์โนลด์และจอร์จไปหอแสดงผลงานผู้เชี่ยวชาญ  หอแสดงนี้แตกต่างออกไปจริงๆ  ขณะที่ภายในศูนย์กลางของหอใหญ่  ประติมากรทุกคนจะมีข้อมูลของเขาบันทึกและสถานที่อยู่ของพวกเขาที่ได้บันทึกไว้

เยล, ลินลี่ย์และคนอื่นๆ เริ่มเข้าไปในห้องจัดแสดงส่วนตัว

แม้ว่าเขาจะไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับงานสลักมากนัก แต่ลินลี่ย์รู้สึกได้ชัดแจ้งว่างานแกะสลักของผู้เชี่ยวชาญแตกต่างจากที่แสดงในหอใหญ่อย่างสิ้นเชิง  ดูเหมือนว่ารูปแกะสลักนี้งดงามจนไม่อาจพรรณนาได้

ขณะที่ลินลี่ย์กำลังตกอยู่ในภวังค์เพลิดเพลินดูรูปแกะสลัก  เสียงเดลินโคเวิร์ทก็ดังขึ้นมาในใจเขาอีกครั้ง

“ไม่เลวงานเหล่านี้อย่างน้อยก็ถือได้ว่าประสบความสำเร็จ” เดลิน โคเวิร์ทถอนหายใจชมเชย “แต่เทียบกับงานของพรูกซ์แล้วยังต้องฝึกอีกมาก”

ลินลี่ย์พูดไม่ออก

“ปู่เดลิน คนเหล่านี้จะเทียบได้กับปรมาจารย์พรูกซ์ได้ยังไง?”  ลินลี่ย์ส่ายหน้าอดหัวเราะไม่ได้ พรูกซ์เป็นนักแกะสลักอันดับหนึ่งในประวัติศาสตร์ทวีปยูลาน

เดลิน โคเวิร์ทขมวดคิ้ว  เขาลูบเคราอย่างไม่สบายใจและกล่าวว่า“แล้วยังไง?  เจ้าคิดว่าพรูกซ์เป็นปรมาจารย์ตั้งแต่เกิดหรือ?เขาก็ต้องเริ่มจากเป็นนักแกะสลักทั่วไปเช่นกัน และงานของเขาก็พัฒนาขึ้นเรื่อยๆและกลายเป็นปรมาจารย์นักแกะสลักที่แท้จริงในที่สุด”

ลินลี่ย์ตะลึง

คำพูดของปู่เดลินมีเหตุผลอยู่บ้าง

หลังจากชมรูปปั้นในหอแสดงงานของผู้เชี่ยวชาญแล้ว ลินลี่ย์และอีกสามคนก็มุ่งหน้าไปที่หอแสดงงานของนักสลักยอดฝีมือ

“ทุกคน, โปรดจำไว้  ขณะอยู่ข้างในหอแสดงงานของยอดฝีมือโปรดอย่าแตะต้องอะไรทั้งนั้น ถ้าพวกเจ้าทำอะไรเสียหาย คงเกิดหายนะแน่”  เยลเตือนพวกเขา

พอเข้าไปในหองานยอดฝีมือ มีแต่ความเงียบ

หอแสดงผลงานของระดับอาจารย์เป็นสถานที่ใหญ่โตมาก  แต่กลับมีรูปสลักเพียงไม่กี่ชิ้น  อย่างไรก็ตามมีผลงานประติมากรชั้นครูจัดแสดงอยู่ไม่มากนัก และประติมากรแต่ละคนจะจัดแสดงงานเพียงไม่กี่ชิ้น  ทั่วทั้งหอมีงานประติมากรรมจัดแสดงอยู่เพียงยี่สิบถึงสามสิบชิ้น

แต่แม้ว่าจะมีงานประติมากรรมแสดงเพียงไม่กี่ชิ้น  เมื่อลินลี่ย์และคนอื่นๆเห็นผลงานแกะสลักเหล่านี้ พวกเขารู้สึกได้ถึงจิตวิญญาณที่ล้นออกมาจากงานสลักเหล่านั้น  ราวกับว่างานสลักเหล่านี้มีชีวิตจริงๆ

“โอว, ไม่เลว, ไม่เลว ข้าคาดไม่ถึงเลยว่าในห้าพันปีมานี้ งานสลักหินจะสูงส่งได้ถึงระดับอย่างนี้”  เดลิน โคเวิร์ทพูดด้วยความทึ่ง“ถ้างานเหล่านี้พัฒนาขึ้นอีกนิด ก็คงไปอยู่ในระดับเดียวกับพรูกซ์ได้”

แอบทึ่งอยู่เงียบๆ อยู่ภายในหอศิลป์แล้วลินลี่ย์และคนอื่นรู้สึกว่าพลังวิญญาณของพวกเขาถูกยกระดับขึ้น

…..

ยามค่ำคืน ที่หน้าประตูใหญ่ของสถาบันเอินส์ ลินลี่ย์และสหายอีกสามคนลงจากรถม้า

“น้องรอง, น้องสาม เจ้าสองคนนะ เฮ้อ.. ข้าอุตส่าห์ตั้งใจให้พวกเราได้มีเวลาดีๆยามค่ำคืนในเมืองเฟนไล,  แต่เจ้า.. เฮ้อ..พวกเจ้าอ่อนหัดจริงๆ  ข้าเริ่มไปเที่ยวสนุกที่อย่างนั้นเมื่อตอนข้าหกขวบแท้ๆ”  เยลยังคงบ่นพึมพำไม่หยุด

“ใช่เลย, ใช่เลย”  เรย์โนลด์พูดอยู่ข้างๆ

จอร์จและลินลี่ย์มองหน้ากันเอง และอดหัวเราะอย่างจนใจไม่ได้

“เร็ว, เปิดประตู” เสียงหงุดหงิดดังออกมา

ลินลี่ย์และคนอื่นอดไม่ได้ที่จะหันไปมอง พวกเขาเห็นเด็กผมหยักโศกคนหนึ่งแบกเด็กอีกคนที่ตัวเต็มไปด้วยเลือดพร้อมกับเด็กสาวน่ารักคนหนึ่งอยู่ข้างๆ เขา หน้าของเด็กหนุ่มที่มีเลือดออกซีดขาว แขนซ้ายของเขาหัก กระดูกขาวโผล่ออกมาให้เห็น และที่อกเต็มไปด้วยรอยกรงเล็บ

“ดูเหมือนผู้ฝึกฝนบางคนที่ไปฝึกในเทือกเขาสัตว์ศักดิ์สิทธิ์จะได้รับบาดเจ็บ  นี่กลุ่มไหนกันนี่?  เราอยู่ในสถาบันเอินส์ไม่ถึงปี  แต่เราก็เห็นนักเรียนระดับสูงหลายคนที่ไปบาดเจ็บอยู่ภายนอก”  เยลพูดตามปกติ

เทือกเขาสัตว์ศักดิ์สิทธิ์อยู่ทางทิศตะวันออกของสหภาพศักดิ์สิทธิ์

ด้วยความจริงที่ว่า มันอยู่ใกล้สถาบันเอินส์มาก  บางทีแค่ร้อยกิโลเมตร  กล่าวโดยทั่วไปก็คือถ้าวิ่งไปสบายๆจากเทือกเขาถึงสถาบันเอินส์ใช้เวลาประมาณครึ่งวัน

“ที่สถาบันเอินส์ ข้าเห็นอสูรเวทมากมาย โห... มีอสูรบินได้, อสูรที่วิ่งได้เร็วและอสูรอีกทุกชนิต  แต่คนส่วนใหญ่ที่มีอสูรเวทเป็นสหายที่สถาบันเอินส์จะเป็นครูจอมเวท  และนักเรียนเวทระดับสูงไม่กี่คน”  จอร์จถอนหายใจชมเชย

ขณะที่สี่สหายเดินมาถึงประตูทางเข้าใหญ่ ทันใดนั้น

“ลินลี่ย์”

เสียงที่คุ้นเคยดังขึ้น  พอหันไปดูสีหน้าประหลาดใจและดีใจก็ปรากฏอยู่บนใบหน้าลินลี่ย์  “ลุงฮิลแมน”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด