ตอนที่ 2-21 หอศิลป์พรูกซ์ (1)
ธนาคารทองสี่จักรวรรดิเป็นธนาคารที่สี่จักรวรรดิใหญ่ในทวีปยูลานร่วมกันก่อตั้งขึ้น คนที่สามารถเปิดบัญชีใช้บัตรเครดิตเวทกับธนาคารต้องร่ำรวยอย่างมิต้องสงสัย ราคาของบัตรนั้นมีมูลค่าร้อยเหรียญทอง คนธรรมดาไม่ยินยอมสละเงินสะสมมากมายขนาดนั้น
หมื่นเหรียญทอง ถ้าแบ่งใส่ถุงขนาดกำมือก็จะใส่ได้เป็นร้อยถุง แม้แต่ถ้าเป็นกระสอบข้าวสารก็คงจะใส่ได้ครึ่งกระสอบ มันหนักมาก
“ร้อยเหรียญทอง หายไปเพราะเรื่องเช่นนั้น” พอเดินออกจากสาขาของธนาคารทองสี่จักรวรรดิในสถาบันเอินส์ ลินลี่ย์อดถอนหายใจไม่ได้ ตอนนี้ที่หน้าอกของเขามีบัตรเครดิตเวทที่เป็นของเขาเอง
ลินลี่ย์รู้ว่าขณะที่เขายังคงอยู่ที่สถาบันเอินส์ต่อไป ถ้าเขาวางกองเหรียญทองกองใหญ่ไว้ในหอพักของเขา ก็จะไม่ปลอดภัย วิธีที่ปลอดภัยที่สุดก็คือเก็บทั้งหมดไว้ในบัตรเครดิตเวท
เป็นที่รู้กันว่าราคาในการทำบัตรเครดิตเวทไม่ใช่น้อยๆ อาจารย์โกลด์สมิธใช้เวลาพัฒนาเป็นศตวรรษ และบัตรแต่ละใบจะตอบสนองลายนิ้วมือของเจ้าของโดยเฉพาะ ดังนั้น บัตรเครดิตเวททุกใบจะถูกเจ้าของเดิมใช้เท่านั้น
นี่คือเหตุผลว่าทำไมบัตรเครดิตเวทจึงมีมูลค่าร้อยเหรียญทอง
“ด้วยเงินหมื่นเหรียญทอง ค่าใช้จ่ายในการอยู่ที่สถาบันเอินส์ก็คงยิ่งกว่าพอเพียง เงินที่เหลือจำนวนมากนี้ข้าสามารถใช้ช่วยเหลือท่านพ่อข้าได้เช่นกัน” ลินลี่ย์รู้สึกมีความสุข
เยลวางมือบนบ่าของลินลี่ย์ และเขาผิวปากเบาๆขณะที่แอบมองแรนด์และพี่น้องของเขาอย่างสะใจ
แรนด์และสหายอีกสามคนได้นำเงินค่าใช้จ่ายของพวกเขามาให้ และพวกเขาทั้งสี่คนอาจมีเงินเหลือเพียงพันเหรียญทองแต่โชคดีที่ปีการศึกษากำลังจะจบลง
เรย์โนลด์และจอร์จทั้งคู่ยิ้มอย่างใจเย็นเช่นกัน และหยอกล้อลินเลี่ย์เล่นอยู่ด้านข้าง
ในความจริงไม่ว่าจะเป็นเรย์โนลด์ ไม่ว่าจะเป็นจอร์จต่างก็อึดอัดมากับอดีตที่ผ่านมา
“น้องรอง น้องสามและน้องสี่พรุ่งนี้สิ้นเดือนแล้ว พ่อของข้าจะมาเยี่ยม ตอนนั้นข้าจะจัดเตรียมรถม้าและคนคุ้มกันมาด้วย เราสี่พี่น้องจะไปเที่ยวที่ไหนดี” เยลเสนอแนะ
“นครหลวงศักดิ์สิทธิ์?”
เรย์โนลด์,จอร์จและลินลี่ย์มีนัยน์ตาเป็นประกาย
นครเฟนไล เมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์ ไม่ใช่เมืองธรรมดา
“นครศักดิ์สิทธิ์ เป็นความคิดที่เยี่ยม ระยะทางจากจักรวรรดิโอเบรียนมาจนถึงนี่ ข้าเคยอยู่ในเมืองเฟนไลสองวัน ยังไม่มีโอกาสไปเที่ยวสถานที่ต่างๆเลย” เรย์โนลด์รีบพูด
จอร์จและลินลี่ย์พยักหน้ากันทั้งสองคน
“นครศักดิ์สิทธิ์มีที่ให้เที่ยวชมมากมาย พรุ่งนี้ข้าจะพาพวกเจ้าออกไปเผชิญโลกกว้างเอง”เยลพูดเป็นนัยๆ
…………..
เช้าตรู่วันต่อมาเยลและคนอื่นๆ ทั้งหมดทานอาหารเช้าด้วยกันและจากนั้นก็ตรงไปที่ประตูใหญ่ของสถาบันเอินส์ และรอรถม้าโดยสารของเยล
หลังจากรอนานสองชั่วโมงรถม้าโดยสารก็ยังไม่มา
“”จี๊ด, จี๊ด” บีบีเกาะอยู่บนไหล่ของลินลี่ย์เริ่มส่งเสียงร้อง
“บีบีหมดความอดทนแล้ว เยลเจ้าลากพวกเราทุกคนมารอตั้งแต่เช้าตรู่ แต่รถม้าก็ยังไม่มาเลย” เรย์โนลด์พูดอย่างไม่สบายใจ ขณะที่เยลหัวเราะเป็นเชิงขอโทษ “ข้าไม่รู้อะไรอื่น พวกเขาน่าจะมาถึงที่นี่ในตอนนี้แล้ว” ลินลี่ย์ลูบศีรษะบีบี
“นั่นไงพวกเขามาแล้ว” ทันใดนั้นเยลตะโกนดังลั่น
จอร์จ,เรย์โนลด์และลินลี่ย์ทุกคนแทบจะหลับอยู่แล้วจึงหันหน้าไปดู จากที่ไกลมีรถม้าสี่คันและคนคุ้มกันจำนวนมากรีบเร่งมาทางพวกเขา ที่เหนือขบวน มีกริฟฟินเจ็ดหรือแปดตัวและผู้ขับขี่เป็นร้อย และเกินกว่าสิบกำลังขับขี่อสูรเวทอย่างเช่น กระทิงเหล็กกระหายเลือดหรือหมาป่าสายลม
“โอว..ผู้คุ้มกันของเยลดูน่าเกรงขามมากนะ” ลินลี่ย์อดทึ่งไม่ได้ ตาของเรย์โนลด์และจอร์จเป็นประกาย
เดลินโคเวิร์ทนั่งอยู่ข้างๆ ลินลี่ย์ มองดูดวงอาทิตย์ พอเห็นกองทหารม้า ตาของเขาเป็นประกายเช่นกัน ในช่วงเวลาสั้นๆรถม้าทั้งสี่และผู้ขับขี่สัตว์เป็นร้อยมาถึงประตูใหญ่ นักเวทสามคนออกมาทักทายพวกเขาที่ประตู
บุรุษวัยกลางคนคนหนึ่งก้าวออกมาอยู่ข้างหน้ารถม้าทั้งสี่ ก่อนที่จะพูดกับนักเวททั้งสามเขาก้าวเข้ามาหาเยล
“ลุงรอง ทำไมลุงมาช้านักเล่า?” เยลพูดอย่างไม่สบายใจ
ลุงรองของเยลผู้นี้หัวเราะทันทีและพูด“ฮ่าฮ่า เจ้าเริ่มใจร้อนแล้วหรือ? ก็ได้ รถม้าของพวกเจ้าทุกคนพร้อมแล้ว คันสุดท้ายเต็มไปด้วยสินค้า ข้าจะจัดการเอาของออก จากนั้นเจ้าจะได้มีที่นั่ง พวกเจ้าจะเข้าไปนครศักดิ์สิทธิ์กันใช่ไหม?”
“คาส, พาคนอีกสามคนไปกับเจ้า เจ้าต้องรับหน้าที่คุ้มครองคุณชายเยล” ลุงรองออกคำสั่ง
ในที่ห่างออกไป สารถีศีรษะล้านลงมาจากหลังม้าทันทีเดินมาอยู่ต่อหน้าเยลและคำนับเขา “คาส, ขอคารวะคุณชาย”
ที่อยู่ข้างๆลินลี่ย์ นัยน์ตาเดลิน โคเวิร์ทเป็นประกายและเขาพูดว่า “ลินลี่ย์, คนของพี่น้องเจ้าผู้นี้ไม่ธรรมดาแน่นอนดูจากวิธีที่เขาลงจากหลังม้าและนัยน์ตาเขา ข้ารู้สึกได้ว่าคาสผู้นี้เชี่ยวชาญเป็นอย่างดี อาจจะเก่งกว่าลุงฮิลแมนของเจ้า นอกจากนี้เหยี่ยวที่อยู่บนไหล่ของเขาอาจเป็นอสูรเวทระดับเจ็ด เหยี่ยวสายฟ้าตาน้ำเงิน”
สำหรับคาสที่ถูกเดลินโคเวิร์ทยกย่องว่าเป็นยอดฝีมือก็หมายความว่าไม่ธรรมดาแน่นอน
“ลินลี่ย์ ไปกันเถอะขึ้นรถม้าเร็วๆ ไปนครศักดิ์สิทธิ์กัน” เยลเรียก
ลินลี่ย์และคนอื่นอีกสามคนเข้าไปในรถม้าพร้อมกัน ข้างในนั้นมีพื้นที่ว่างมาก และทั้งสี่คนไม่ได้เบียดอะไรกันมาก ทันใดนั้น สารถีรถม้าก็เริ่มบ่ายหน้าตรงไปที่นครศักดิ์สิทธิ์
คาสและสารถีอีกสามคนจะติดตามอยู่ด้านหลัง
ในตู้ภายในรถม้าโดยสารมีผลไม้ น้ำผึ้งและไวน์ สี่พี่น้องเริ่มกินและดื่มและคุยกันอยู่ภายในรถม้า สถาบันเอินส์อยู่ห่างจากเมืองเฟนไลเพียงยี่สิบกิโลเมตร ดังนั้นหลังจากผ่านไปประมาณครึ่งชั่วโมงพวกเขาก็มาถึง
พวกเขาออกจากรถม้า
ภายใต้การคุ้มครองของคาสและคนอื่นๆอีกสามคน กลุ่มของลินลี่ย์ก็เริ่มท่องเมืองเฟนไล
“เฮ้, ทุกคนจะไปที่ไหนกันดี? นครเฟนไลมีสถานที่สนุกมากมายอย่างเหลือเชื่อ ทิศตะวันออกของนครเฟนไลมีสถานที่หรูหราให้จับจ่ายเงินทองมีพนักงานต้อนรับสาวสวยด้วย ขณะที่ทางตะวันตกของนครเฟนไลมีพิพิธภัณฑ์ศิลปะหลายแห่ง เช่นหอศิลป์พรูกซ์ที่โด่งดัง” เยลคุ้นเคยกับนครเฟนไลเป็นอย่างดี
“พนักงานสาวสวย? ก็ได้ ก็ได้, ไปทางตะวันออกของนครเฟนไลกันเถอะ” นัยน์ตาที่ซุกซนของเรย์โนลด์ฉายแววเป็นประกาย
“ยังเป็นเวลาบ่ายอยู่เลย สถานที่เหล่านั้นจะสนุกแค่ตอนย่ำค่ำ แต่แน่นอนว่า เราอาจไปในเวลานี้ก็ได้” เยลพูดเฮฮา
ลินลี่ย์รู้สึกถึงข้อจำกัดบางอย่างเกี่ยวกับสถานที่แบบนี้จึงพูดว่า “เยล, เรื่องนั้นเอาไว้ก่อนสถานที่เช่นนั้นจะมีประโยชน์อะไรสำหรับเด็กอย่างเรา? เมื่อกี๊นี้เจ้าพูดถึงหอศิลป์พรูกซ์ไม่ใช่เหรอ?เนื่องจากชื่อหอศิลป์พรูกซ์ตั้งขึ้นตามชื่อปรมาจารย์พรูกซ์ผู้โด่งดัง ก็ต้องเป็นที่ไม่ธรรมดาแน่นอน เราไปดูกันเถอะ”
พรูกซ์นักแกะสลักมือหนึ่งในประวัติศาสตร์แห่งทวีปยูลาน
“ปรมาจารย์พรูกซ์? ข้าเคยได้ยินชื่อของเขาเช่นกัน ในอดีตผลงานแกะสลักของเขาชิ้นหนึ่งขายออกไปได้ราคาหลายล้านเหรียญทอง ชื่องานสลัก”ความหวัง“ราคาก็ตั้งหลายล้านเหรียญทอง, พระเจ้า!รวยมากจริงๆ” เรย์โนลด์ถอนหายใจ
จอร์จหัวเราะอย่างมั่นใจ“ในประวัติศาสตร์ของการแกะสลักตั้งแต่เริ่มต้นจนกระทั่งถึงบัดนี้ มีงานแกะสลักหินมานับไม่ถ้วน สิบสุดยอดงานแกะสลักแต่ละชิ้นจะมีมูลค่าเป็นล้านเหรียญทอง และงานแกะสลักสิบสุดยอดเหล่านั้นมีอยู่สามชิ้นเป็นผลงานของปรมาจารย์พรูกซ์ เขาได้รับการจัดอันดับให้เป็นบุคคลอันดับหนึ่งในประวัติศาสตร์งานสลักหิน”
ลินลี่ย์สูดลมหายใจอย่างหนาวเหน็บ
เป็นล้านเหรียญทองเชียวหรือ?
ช่างเป็นเงินจำนวนมหาศาล แม้ว่าตระกูลของเขาจะขายบ้านโบราณของพวกเขาออกไป อย่างมากก็คงได้เงินแค่แสนเหรียญทอง
“ไปดูกันเถอะ” ลินลี่ย์พูดทันที