ตอนที่แล้วตอนที่ 2-20 ใครคืออันดับหนึ่ง? (2)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 2-22 หอศิลป์พรูกซ์ (2)

ตอนที่  2-21 หอศิลป์พรูกซ์ (1)


ธนาคารทองสี่จักรวรรดิเป็นธนาคารที่สี่จักรวรรดิใหญ่ในทวีปยูลานร่วมกันก่อตั้งขึ้น  คนที่สามารถเปิดบัญชีใช้บัตรเครดิตเวทกับธนาคารต้องร่ำรวยอย่างมิต้องสงสัย  ราคาของบัตรนั้นมีมูลค่าร้อยเหรียญทอง  คนธรรมดาไม่ยินยอมสละเงินสะสมมากมายขนาดนั้น

หมื่นเหรียญทอง  ถ้าแบ่งใส่ถุงขนาดกำมือก็จะใส่ได้เป็นร้อยถุง แม้แต่ถ้าเป็นกระสอบข้าวสารก็คงจะใส่ได้ครึ่งกระสอบ มันหนักมาก

“ร้อยเหรียญทอง หายไปเพราะเรื่องเช่นนั้น”  พอเดินออกจากสาขาของธนาคารทองสี่จักรวรรดิในสถาบันเอินส์  ลินลี่ย์อดถอนหายใจไม่ได้  ตอนนี้ที่หน้าอกของเขามีบัตรเครดิตเวทที่เป็นของเขาเอง

ลินลี่ย์รู้ว่าขณะที่เขายังคงอยู่ที่สถาบันเอินส์ต่อไป ถ้าเขาวางกองเหรียญทองกองใหญ่ไว้ในหอพักของเขา  ก็จะไม่ปลอดภัย  วิธีที่ปลอดภัยที่สุดก็คือเก็บทั้งหมดไว้ในบัตรเครดิตเวท

เป็นที่รู้กันว่าราคาในการทำบัตรเครดิตเวทไม่ใช่น้อยๆ อาจารย์โกลด์สมิธใช้เวลาพัฒนาเป็นศตวรรษ  และบัตรแต่ละใบจะตอบสนองลายนิ้วมือของเจ้าของโดยเฉพาะ  ดังนั้น บัตรเครดิตเวททุกใบจะถูกเจ้าของเดิมใช้เท่านั้น

นี่คือเหตุผลว่าทำไมบัตรเครดิตเวทจึงมีมูลค่าร้อยเหรียญทอง

“ด้วยเงินหมื่นเหรียญทอง ค่าใช้จ่ายในการอยู่ที่สถาบันเอินส์ก็คงยิ่งกว่าพอเพียง  เงินที่เหลือจำนวนมากนี้ข้าสามารถใช้ช่วยเหลือท่านพ่อข้าได้เช่นกัน” ลินลี่ย์รู้สึกมีความสุข

เยลวางมือบนบ่าของลินลี่ย์  และเขาผิวปากเบาๆขณะที่แอบมองแรนด์และพี่น้องของเขาอย่างสะใจ

แรนด์และสหายอีกสามคนได้นำเงินค่าใช้จ่ายของพวกเขามาให้  และพวกเขาทั้งสี่คนอาจมีเงินเหลือเพียงพันเหรียญทองแต่โชคดีที่ปีการศึกษากำลังจะจบลง

เรย์โนลด์และจอร์จทั้งคู่ยิ้มอย่างใจเย็นเช่นกัน  และหยอกล้อลินเลี่ย์เล่นอยู่ด้านข้าง

ในความจริงไม่ว่าจะเป็นเรย์โนลด์ ไม่ว่าจะเป็นจอร์จต่างก็อึดอัดมากับอดีตที่ผ่านมา

“น้องรอง น้องสามและน้องสี่พรุ่งนี้สิ้นเดือนแล้ว พ่อของข้าจะมาเยี่ยม  ตอนนั้นข้าจะจัดเตรียมรถม้าและคนคุ้มกันมาด้วย เราสี่พี่น้องจะไปเที่ยวที่ไหนดี” เยลเสนอแนะ

“นครหลวงศักดิ์สิทธิ์?”

เรย์โนลด์,จอร์จและลินลี่ย์มีนัยน์ตาเป็นประกาย

นครเฟนไล  เมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์ ไม่ใช่เมืองธรรมดา

“นครศักดิ์สิทธิ์ เป็นความคิดที่เยี่ยม  ระยะทางจากจักรวรรดิโอเบรียนมาจนถึงนี่  ข้าเคยอยู่ในเมืองเฟนไลสองวัน  ยังไม่มีโอกาสไปเที่ยวสถานที่ต่างๆเลย”  เรย์โนลด์รีบพูด

จอร์จและลินลี่ย์พยักหน้ากันทั้งสองคน

“นครศักดิ์สิทธิ์มีที่ให้เที่ยวชมมากมาย  พรุ่งนี้ข้าจะพาพวกเจ้าออกไปเผชิญโลกกว้างเอง”เยลพูดเป็นนัยๆ

…………..

เช้าตรู่วันต่อมาเยลและคนอื่นๆ ทั้งหมดทานอาหารเช้าด้วยกันและจากนั้นก็ตรงไปที่ประตูใหญ่ของสถาบันเอินส์ และรอรถม้าโดยสารของเยล

หลังจากรอนานสองชั่วโมงรถม้าโดยสารก็ยังไม่มา

“”จี๊ด, จี๊ด”  บีบีเกาะอยู่บนไหล่ของลินลี่ย์เริ่มส่งเสียงร้อง

“บีบีหมดความอดทนแล้ว  เยลเจ้าลากพวกเราทุกคนมารอตั้งแต่เช้าตรู่  แต่รถม้าก็ยังไม่มาเลย”  เรย์โนลด์พูดอย่างไม่สบายใจ  ขณะที่เยลหัวเราะเป็นเชิงขอโทษ  “ข้าไม่รู้อะไรอื่น  พวกเขาน่าจะมาถึงที่นี่ในตอนนี้แล้ว”  ลินลี่ย์ลูบศีรษะบีบี

“นั่นไงพวกเขามาแล้ว”  ทันใดนั้นเยลตะโกนดังลั่น

จอร์จ,เรย์โนลด์และลินลี่ย์ทุกคนแทบจะหลับอยู่แล้วจึงหันหน้าไปดู  จากที่ไกลมีรถม้าสี่คันและคนคุ้มกันจำนวนมากรีบเร่งมาทางพวกเขา  ที่เหนือขบวน มีกริฟฟินเจ็ดหรือแปดตัวและผู้ขับขี่เป็นร้อย  และเกินกว่าสิบกำลังขับขี่อสูรเวทอย่างเช่น  กระทิงเหล็กกระหายเลือดหรือหมาป่าสายลม

“โอว..ผู้คุ้มกันของเยลดูน่าเกรงขามมากนะ”  ลินลี่ย์อดทึ่งไม่ได้  ตาของเรย์โนลด์และจอร์จเป็นประกาย

เดลินโคเวิร์ทนั่งอยู่ข้างๆ ลินลี่ย์ มองดูดวงอาทิตย์ พอเห็นกองทหารม้า ตาของเขาเป็นประกายเช่นกัน  ในช่วงเวลาสั้นๆรถม้าทั้งสี่และผู้ขับขี่สัตว์เป็นร้อยมาถึงประตูใหญ่  นักเวทสามคนออกมาทักทายพวกเขาที่ประตู

บุรุษวัยกลางคนคนหนึ่งก้าวออกมาอยู่ข้างหน้ารถม้าทั้งสี่  ก่อนที่จะพูดกับนักเวททั้งสามเขาก้าวเข้ามาหาเยล

“ลุงรอง ทำไมลุงมาช้านักเล่า?”  เยลพูดอย่างไม่สบายใจ

ลุงรองของเยลผู้นี้หัวเราะทันทีและพูด“ฮ่าฮ่า   เจ้าเริ่มใจร้อนแล้วหรือ?  ก็ได้ รถม้าของพวกเจ้าทุกคนพร้อมแล้ว  คันสุดท้ายเต็มไปด้วยสินค้า  ข้าจะจัดการเอาของออก จากนั้นเจ้าจะได้มีที่นั่ง  พวกเจ้าจะเข้าไปนครศักดิ์สิทธิ์กันใช่ไหม?”

“คาส, พาคนอีกสามคนไปกับเจ้า  เจ้าต้องรับหน้าที่คุ้มครองคุณชายเยล”  ลุงรองออกคำสั่ง

ในที่ห่างออกไป สารถีศีรษะล้านลงมาจากหลังม้าทันทีเดินมาอยู่ต่อหน้าเยลและคำนับเขา “คาส, ขอคารวะคุณชาย”

ที่อยู่ข้างๆลินลี่ย์ นัยน์ตาเดลิน โคเวิร์ทเป็นประกายและเขาพูดว่า “ลินลี่ย์,  คนของพี่น้องเจ้าผู้นี้ไม่ธรรมดาแน่นอนดูจากวิธีที่เขาลงจากหลังม้าและนัยน์ตาเขา ข้ารู้สึกได้ว่าคาสผู้นี้เชี่ยวชาญเป็นอย่างดี อาจจะเก่งกว่าลุงฮิลแมนของเจ้า  นอกจากนี้เหยี่ยวที่อยู่บนไหล่ของเขาอาจเป็นอสูรเวทระดับเจ็ด เหยี่ยวสายฟ้าตาน้ำเงิน”

สำหรับคาสที่ถูกเดลินโคเวิร์ทยกย่องว่าเป็นยอดฝีมือก็หมายความว่าไม่ธรรมดาแน่นอน

“ลินลี่ย์ ไปกันเถอะขึ้นรถม้าเร็วๆ ไปนครศักดิ์สิทธิ์กัน” เยลเรียก

ลินลี่ย์และคนอื่นอีกสามคนเข้าไปในรถม้าพร้อมกัน  ข้างในนั้นมีพื้นที่ว่างมาก  และทั้งสี่คนไม่ได้เบียดอะไรกันมาก  ทันใดนั้น สารถีรถม้าก็เริ่มบ่ายหน้าตรงไปที่นครศักดิ์สิทธิ์

คาสและสารถีอีกสามคนจะติดตามอยู่ด้านหลัง

ในตู้ภายในรถม้าโดยสารมีผลไม้ น้ำผึ้งและไวน์ สี่พี่น้องเริ่มกินและดื่มและคุยกันอยู่ภายในรถม้า  สถาบันเอินส์อยู่ห่างจากเมืองเฟนไลเพียงยี่สิบกิโลเมตร  ดังนั้นหลังจากผ่านไปประมาณครึ่งชั่วโมงพวกเขาก็มาถึง

พวกเขาออกจากรถม้า

ภายใต้การคุ้มครองของคาสและคนอื่นๆอีกสามคน  กลุ่มของลินลี่ย์ก็เริ่มท่องเมืองเฟนไล

“เฮ้, ทุกคนจะไปที่ไหนกันดี? นครเฟนไลมีสถานที่สนุกมากมายอย่างเหลือเชื่อ  ทิศตะวันออกของนครเฟนไลมีสถานที่หรูหราให้จับจ่ายเงินทองมีพนักงานต้อนรับสาวสวยด้วย ขณะที่ทางตะวันตกของนครเฟนไลมีพิพิธภัณฑ์ศิลปะหลายแห่ง  เช่นหอศิลป์พรูกซ์ที่โด่งดัง”  เยลคุ้นเคยกับนครเฟนไลเป็นอย่างดี

“พนักงานสาวสวย? ก็ได้ ก็ได้, ไปทางตะวันออกของนครเฟนไลกันเถอะ”  นัยน์ตาที่ซุกซนของเรย์โนลด์ฉายแววเป็นประกาย

“ยังเป็นเวลาบ่ายอยู่เลย  สถานที่เหล่านั้นจะสนุกแค่ตอนย่ำค่ำ  แต่แน่นอนว่า เราอาจไปในเวลานี้ก็ได้”  เยลพูดเฮฮา

ลินลี่ย์รู้สึกถึงข้อจำกัดบางอย่างเกี่ยวกับสถานที่แบบนี้จึงพูดว่า “เยล, เรื่องนั้นเอาไว้ก่อนสถานที่เช่นนั้นจะมีประโยชน์อะไรสำหรับเด็กอย่างเรา?  เมื่อกี๊นี้เจ้าพูดถึงหอศิลป์พรูกซ์ไม่ใช่เหรอ?เนื่องจากชื่อหอศิลป์พรูกซ์ตั้งขึ้นตามชื่อปรมาจารย์พรูกซ์ผู้โด่งดัง  ก็ต้องเป็นที่ไม่ธรรมดาแน่นอน  เราไปดูกันเถอะ”

พรูกซ์นักแกะสลักมือหนึ่งในประวัติศาสตร์แห่งทวีปยูลาน

“ปรมาจารย์พรูกซ์?  ข้าเคยได้ยินชื่อของเขาเช่นกัน  ในอดีตผลงานแกะสลักของเขาชิ้นหนึ่งขายออกไปได้ราคาหลายล้านเหรียญทอง  ชื่องานสลัก”ความหวัง“ราคาก็ตั้งหลายล้านเหรียญทอง,  พระเจ้า!รวยมากจริงๆ”  เรย์โนลด์ถอนหายใจ

จอร์จหัวเราะอย่างมั่นใจ“ในประวัติศาสตร์ของการแกะสลักตั้งแต่เริ่มต้นจนกระทั่งถึงบัดนี้  มีงานแกะสลักหินมานับไม่ถ้วน  สิบสุดยอดงานแกะสลักแต่ละชิ้นจะมีมูลค่าเป็นล้านเหรียญทอง และงานแกะสลักสิบสุดยอดเหล่านั้นมีอยู่สามชิ้นเป็นผลงานของปรมาจารย์พรูกซ์ เขาได้รับการจัดอันดับให้เป็นบุคคลอันดับหนึ่งในประวัติศาสตร์งานสลักหิน”

ลินลี่ย์สูดลมหายใจอย่างหนาวเหน็บ

เป็นล้านเหรียญทองเชียวหรือ?

ช่างเป็นเงินจำนวนมหาศาล แม้ว่าตระกูลของเขาจะขายบ้านโบราณของพวกเขาออกไป  อย่างมากก็คงได้เงินแค่แสนเหรียญทอง

“ไปดูกันเถอะ” ลินลี่ย์พูดทันที

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด