ยอดอาจารย์มหาเมตตา ตอนที่ 47 ข้าคือผู้ฝึกตน ข้าไม่สนใจเงินทอง
ยอดอาจารย์มหาเมตตา ตอนที่ 47 ข้าคือผู้ฝึกตน ข้าไม่สนใจเงินทอง
“ศิษย์พี่หญิง เหตุใดเราไม่ลองประมือกันสักรอบล่ะ” ทันทีที่นางเรียนรู้ฝ่ามือดอกเหมย จ้าวว่านเอ๋อก็กระตือรือร้นที่จะต่อสู้กับหลินชิงจู้เป็นอย่างมาก นางไม่ต้องการต่อสู้กับเย่ชิว เพราะนั่นก็เหมือนกับการชกกำแพง
หลินชิงจู้เป็นตัวเลือกที่ดีกว่า เมื่อขอบเขตของนางถูกระงับลงมา ความแตกต่างระหว่างพวกเขาทั้งสองก็มีไม่มากนัก
ความแตกต่างที่ใหญ่ที่สุดคือหลินชิงจู้ได้เรียนรู้วิชากระบี่เมฆาม่วงมาก่อนและมีความเข้าใจที่ลึกซึ้งและมีประสบการณ์ต่อสู้มากกว่า
เมื่อเห็นว่านางอยากลอง หลินชิงจู้ก็ไม่ปฏิเสธและกล่าวว่า “เอาล่ะ เข้ามาเลย”
เย่ชิวมองดูพวกเขาแลกหมัดกันและเล่นกันอย่างมีความสุข กลายเป็นอาจารย์ผู้ถูกละเลยอีกครั้ง
ให้ตายเถอะ นี่ข้าคิดอะไรอยู่ ศิษย์ของข้าพร้อมใจกันช่วยเหลือเกื้อกูลกัน ข้าควรจะมีความสุข ข้าจะอิจฉาลูกศิษย์ได้อย่างไร ข้าเป็นอาจารย์ของพวกเขา ไม่คาดคิดว่าจะมีความคิดประหลาดเช่นนี้
มุมปากของเย่ชิวกระตุกขณะที่เขาสาปแช่งอยู่ภายในใจ
[ ติ๊ง… ]
[ท่านมอบเคล็ดวิชาฝ่ามือดอกเหมยแก่ลูกศิษย์ของท่าน ได้กระตุ้นระบบตอบแทนหมื่นเท่า ]
[ ท่านต้องการเปิดใช้งานระบบตอบแทนหมื่นเท่าหรือไม่ ]
“เปิดใช้งาน”
[ ขอแสดงความยินดี ท่านกระตุ้นการตอบแทน 10,000 เท่า ท่านได้รับ เคล็ดวิชาระดับเทพเจ้าฝ่ามืออนันตจักรวาล ]
เย่ชิว “!!!”
“มารดามันเถอะ…”
ในชั่วพริบตา ห้าวันก็ได้ผันผ่านไป
เช้านี้ เย่ชิวนั่งสมาธิในห้องโถงฝึกซ้อม
“ใช่… เช่นนี่แหละ ปล่อยวางทุกอย่างลง”
เย่ชิวลืมตาขึ้นและมองดู
คนกลุ่มหนึ่งกำลังแบกของกองโตขึ้นมาบนภูเขาด้วยความยากลำบาก พวกเขาวางกล่องสิ่งของไว้บนลานหน้าห้องฝึกซ้อใ
“พวกเจ้าคือ”
เย่ชิวเดินออกไปด้วยความอยากรู้อยากเห็นและตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเขาเห็นเซียวอี้อยู่ข้างหลัง ทำให้มุมปากของเขากระตุก
“ฮิฮิ ผู้อาวุโส ท่านไม่คาดคิดว่าจะเป็นข้าใช่หรือไม่” เซียวอี้เดินมาหาด้วยความไร้ยางอายโดยมีหลิวชิงเฟิงอยู่ข้าง ๆ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่านี่คือผู้ที่พาพวกเขาขึ้นมาบนภูเขา
“อาจารย์ลุง นี่คือนายน้อยเซียวมาจากตระกูลเซียวแห่งเมืองกวงหลิง จู่ ๆ เขาก็บอกว่าเขาต้องการแสดงความเคารพต่อท่าน เขาต้องการส่งสมบัติบางอย่างมายังขุนเขาเมฆาม่วง ดังนั้นเจ้าสำนักจึงขอให้ข้านำทางพวกเขามา”
เย่ชิวพยักหน้าและมองไปยังเซียวอี้ “เจ้าต้องการมอบสมบัติอะไรแก่ข้า อย่าบอกนะว่าเจ้าอยากติดสินบน”
“ผู้อาวุโส ท่านเข้าใจข้าผิดแล้ว ครั้งนี้ข้าได้รับความไว้วางใจจากท่านพ่อให้มามอบสมบัติบางส่วนมายังขุนเขาเมฆาม่วง เพื่อตอบแทนคำสอนของผู้อาวุโส” เซียวอี้ตบหน้าอกของเขาและอธิบายด้วยรอยยิ้ม
“สมบัติหรือ” เย่ชิวตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง เขาเดินไปยังกล่องและเปิดดู
ในชั่วพริบตา แสงสีทองก็ส่องประกายจนเกือบทำให้ดวงตาของเขามืดบอด
เงินเยอะยิ่งนัก! เย่ชิวตกใจเป็นอย่างมาก เขาไม่เคยเห็นทองคำมากมายขนาดนี้มาก่อนในชีวิต
มารดามันเถอะ นี่คือเศรษฐีอย่างแท้จริง! พวกเขามอบทองคำหนึ่งหมื่นตำลึงให้ทันที
ไม่น่าแปลกใจเลยที่ปรมาจารย์ขุนคนอื่น ๆ ชอบลงภูเขาเมื่อพวกเขาไม่มีอะไรทำและรักษาความสัมพันธ์ฉันมิตรกับตระกูลใหญ่ที่อยู่เชิงเขาไว้
เพราะมีเงินจำนวนมากมายเช่นนี้นี่เอง
“แม้เจ้า ข้ากำลังฝันอยู่หรือ” เย่ชิวถามตนเอง ขุนเขาเมฆาม่วงล้วนยากจน กระทั่งเหลือเพียงภูเขาเพียงลูกเดียว เขาไม่เคยเห็นเงินมากมายขนาดนี้มาก่อน เขากำลังกังวลเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายของขุนเขาอยู่พอดี ไม่ได้คาดคิดเลยว่าให้เซียวจ้านจะแก้ปัญหานี้ให้เขาได้ทันควัน
อืม ไม่เลว ไม่เลว ดูเหมือนว่านี่จะเป็นวิธีที่ร่ำรวยได้อย่างง่ายดาย หัวใจของเขาเต็มไปด้วยความสุข ทว่าการสีหน้าของเขาสงบราวกับสุนัขแก่ก็ว่าได้
เย่ชิวมองไปยังเซียวอี้ซึ่งกำลังโอ้อวดถึงความมั่งคั่งและกล่าวด้วยท่าทางสงบ “เอาล่ะ นายน้อยเซียวช่างมีน้ำใจเสียจริง! ทว่าพวกเราผู้ฝึกตนไม่เคยสนใจในทรัพย์สินทางโลกเหล่านี้”
“อย่างไรก็ตาม มันคงจะเป็นการดูหมิ่นเกินไปหากข้าไม่ยอมรับเพราะตระกูล เซียวนั้นจริงใจขนาดนั้น เช่นนั้นข้าจะยอมรับไปอย่างไม่เต็มใจนัก”
มุมปากของหลิวชิงเฟิงกระตุกจนพูดไม่ออก
เขานักถือเย่ชิวจากใจของเขาอย่างแท้จริง คนอื่นอาจจะไม่รู้ แต่เขารู้ เพราะเขาคือผู้ที่มาที่ขุนเขาเมฆาม่วงมากที่สุด
ขุนเขาเมฆาม่วงในปัจจุบันยากจนเป็นอย่างมาก กระทั่งเหลือกระท่อมไม้เพียงไม่กี่หลังเท่านั้น พวกเขาจะลังเลเมื่อได้รับทรัพย์ก้อนโตได้อย่างไร
นี่มัน ช่างมากมายยิ่งนัก
หลิวชิงเฟิงรู้สึกประหลาดใจมากยิ่งขึ้นหลังจากสาปแช่งอยู่ภายในใจ เขาเคยได้ยินเกี่ยวกับตระกูลเซียวแห่งเมืองกวงหลิงมาก่อนเช่นกัน ความแข็งแกร่งของพวกเขาไม่เลว ทว่าเขาไม่สามารถทำความเข้าใจได้ว่าตระกูลเซียวผูกมิตรกับเย่ชิวได้อย่างไร
อืม ดูเหมือนว่าจะคล้ายกับที่ข้าเดาไว้ก่อนหน้านี้ อาจารย์ลุงที่อายุน้อยที่สุดของ สำนักเยียวยาสวรรค์นั้นไม่ได้เรียบง่ายอย่างที่คิด
คราวนี้ หลิวชิงเฟิงมีความเข้าใจใหม่เกี่ยวกับเย่ชิว เขาจำเป็นต้องจะสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับอาจารย์ลุงที่อายุน้อยที่สุดของสำนักเยียวยาสวรรค์ไว้
หลิวชิงเฟิงสามารถรับรู้ได้ ทว่าเซียวอี้กลับไม่รู้อะไร เซียวอี้รู้สึกได้ทันทีว่าภาพลักษณ์ของเย่ชิวได้เพิ่มขึ้นอีกครั้ง นี่คือยอดฝีมือที่แท้จริง แม้จะอยู่ต่อหน้าทองคำหมื่นตำลึงก็ยังคงสงบไม่หวั่นไหวแม้แต่น้อย
“ฮิฮิ ผู้อาวุโสเป็นอย่างที่ท่านพ่อข้าพูด ยอดฝีมือที่แท้จริงจะไม่สนใจของนอกกายเหล่านี้”
“ดังนั้น เขาจึงขอให้ข้านำอาหารพิเศษบางอย่างมามอบให้ผู้อาวุโส หนึ่งในนั้นคือ ชาวิญญาณขม ซึ่งเป็นชาเอกลักษณ์เฉพาะของดินแดนหนาวเหน็บนอกเมืองกวงหลิงของเรา”
“ทั้งยังมีสมบัติมากมาย นอกจากนี้ ข้าได้รับคำสั่งให้สร้างโถงฝึกซ้อมที่หรูหราสำหรับผู้อาวุโสอีกด้วย”
“อืม” ดวงตาของเย่ชิวเป็นประกาย โอ้ไม่เลว ข้าสามารถเป็นสหายกับเซียวจ้านได้ ชายคนนี้ค่อนข้างมีเหตุผลไม่น้อย
สถานการณ์เลวร้ายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเย่ชิวคือกระท่อมไม้ขนาดเล็กที่ไร้สาระเหล่านี้ที่สหายเต๋าซวนเทียนได้ทิ้งไว้
ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม เขาก็ยังคงเป็นปรมาจารย์ขุนเขาและเป็นปรมาจารย์ยุทธ ทว่าสภาพความเป็นอยู่ของเขากับแย่ยิ่งเสียกว่าชาวบ้านที่อยู่ที่เชิงเขาเสียอีก เขาจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนหากข่าวนี้แพร่ออกไป
“เนื่องจากบิดาของเจ้าได้ไตร่ตรองดีแล้ว เช่นนั้นก็ให้กระทำตามที่เห็นสมควร อันที่จริง ในฐานะของผู้ฝึกตร ข้าไม่ได้ยึดติดเกี่ยวกับสิ่งเหล่านี้ ดังนั้นให้ปรับปรุงอย่างเรียบง่ายพอ” เย่ชิวกล่าวอย่างใจเย็น สีหน้าของเขาดูสงบราวกับยอดฝีมือที่อาศัยอยู่อย่างสันโดษบนภูเขาอย่างโดนเดียว
ทว่าหลิวชิงเฟิงชื่นชมเขาอยู่ภายในใจนับร้อยครั้ง ข้าไม่ได้คาดหวังว่าอาจารย์ลุงเย่จะสงบได้ขนาดนี้เมื่อเผชิญกับความมั่งคั่งเช่นนี้ ไม่น่าแปลกใจเลยที่เขาสามารถอดทนได้นานหลายปีโดยไม่เปิดเผยความแข็งแกร่งของเขาแม้แต่น้อย เป็นเช่นนี้นี่เอง…
เซียวอี้ไม่รู้เกี่ยวกับความคิดที่ซับซ้อนเหล่านี้ เมื่อเขาได้ยินว่าเย่ชิวอนุญาต เขาก็แทบรอไม่ไหวที่จะโอ้อวด
นี่เป็นโอกาสเดียวของเขา หากเขาทำได้ดี ไม่เพียงแต่สิ่งนี้จะช่วยเหลือตระกูลของเขาได้มากเท่านั้น บางทีหากเย่ชิวอารมณ์ดี เขาอาจสอนเคล็ดวิชาลับบางอย่างให้เขา
“มา มา มา พวกเจ้ากำลังรออะไรอยู่ เริ่มทำงานได้แล้ว ข้าจะให้เวลาพวกเจ้าหนึ่งเดือนในการซ่อมแซมห้องโถงฝึกซ้อมของผู้อาวุโส”
เซียวอี้เริ่มสร้างโถงฝึกซ้อมของขุนเขาเมฆาม่วงขึ้นใหม่อย่างกล้าหาญ
ต้องบอกว่าทรัพยากรทางการเงินของตระกูลเซียวนั้นเพียงพอเกินไปจริง ๆ หลังจากลงทุนเงินจำนวนมาก คนงานจำนวนมากก็ได้ขึ้นไปยังภูเขาและเริ่มบูรณะขุนเขาเมฆาม่วงใหม่ทั้งหมด
ในไม่ช้า ภายใต้คำแนะนำของเย่ชิว ห้องฝึกซ้อมใหม่ได้รับเลือกให้ตั้งอยู่ในป่าท้อบนภูเขาทางเหนือ เป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งการบ่มเพาะที่อยู่ภายใต้ทะเลดอกไม้
เย่ชิวกลับไปยังห้องฝึกซ้อมเดิมในขณะที่เขามองดูเซียวอี้ที่ยุ่งวุ่นวาย คอยสั่งคนงาน
เย่ชิวอารมณ์ดีเป็นอย่างมาก
ฮิฮิ ในที่สุดข้าก็มีบ้านดี ๆ ให้อยู่เสียที! อะแฮ่ม ไม่ ข้าต้องใจร่ม ๆ ข้าไม่สามารถแสดงให้คนอื่นเห็นว่าข้ามีความสุขได้ บ้านไม่กี่หลังเป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น
ความคิดของเย่ชิวล่องลอยไปในขณะที่เขานั่งอยู่บนเก้าอี้ เขาตั้งหน้าตั้งตารอห้องฝึกซ้อมใหม่ของเขา
“อาจารย์ลุงเย่…” หลิวชิงเฟิงเดินเข้ามาอย่างช้า ๆ และกล่าวออกมาเบา ๆ
“เอล่ะ ชิงเฟิง เจ้ามีอะไรหรือไม่” เย่ชิวกลับมามีสติสัมปชัญญะดังเดิม เหตุใดเด็กน้อยคนนี้ถึงไม่จากไปกัน
เย่ชิวพึงพอใจกับหลิวชิงเฟิงมาก ท้ายที่สุด เด็กคนนี้อาจกล่าวได้ว่าเป็นผู้ที่เขาคุ้นเคยมากที่สุดในสำนักเยียวยาสวรรค์นอกเหนือจากศิษย์สองคนของเขา
ในช่วงสิบปีที่ผ่านมา แทบจะไม่มีใครมายังขุนเขาเมฆาม่วงยกเว้นชายคนนี้
หลิวชิงเฟิงยิ้มและกล่าวอย่างใจเย็นว่า “ข้าได้ยินมาว่าอาจารย์ลุงเย่ได้รับศิษย์คนใหม่แล้ว ข้าสงสัยว่านางอยู่ที่ไหน เหตุใดข้าไม่เคยเห็นศิษย์น้องคนใหม่”
ก่อนมาที่นี่ เมิ่งเทียนเจิ้งได้บอกเขาว่าจงให้สนใจศิษย์ทั้งสองคนของเย่ชิวเป็นพิเศษและจับตาดูว่าทั้งคู่พัฒนาขึ้นมากเพียงใด
ท้ายที่สุดแล้ว การเปิดตัวของเย่ชิวที่อัศจรรย์เช่นนี้ทำให้เมิ่งเทียนเจิ้งตกตะลึงเป็นอย่างมาก
ดังนั้นเขาจึงให้ความสนใจขุนเขาเมฆาม่วงเป็นพิเศษ
เมิ่งเทียนเจิ้งอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับศิษย์น้องคนนี้เป็นอย่างมาก เขาอยู่ในขอบเขตของปรมาจารย์ยุทธ ทว่าเขากลับปิดบังไว้นานถึงสิบปีโดยไม่ถูกเปิดเผยเลยแม้แต่น้อย
เมิ่งเทียนเจิ้งกระทั่งเห็นว่าความหวังของสำนักเยียวยาสวรรค์ได้เพิ่มขึ้นอีกครั้ง
“พวกเขากำลังฝึกฝนอยู่บนหน้าผา พวกเขาควรจะกลับมาในไม่ช้า”
เย่ชิวคำนวณเวลาและตอบกลับอย่างใจเย็น เมื่อเขากล่าวจบ ร่างงามสองร่างก็วิ่งเข้ามาทันที