บทที่ 109 สุดยอดวิชาศักดิ์สิทธิ์ของสถาบัน
“เจ้าได้เรียนรู้วิชาต่างๆ มากกว่า 30 ประเภทใช่ไหม?”
ซุนม่อเปลี่ยนหัวข้อออกไป
“ข้าได้เรียนรู้มากกว่า 80 ชนิด ข้าคิดว่าข้าจำได้ไม่ชัด!”
ลู่จื่อรั่วต้องการหาวิชาฝึกปรือที่เหมาะกับตัวเองอยู่เสมอ แต่ไม่ว่านางจะฝึกฝนอย่างไร ความพยายามของนางก็มักจะจบลงด้วยความล้มเหลวเสมอ
เมื่อได้ยินตัวเลข หลี่จื่อฉีก็จ้องไปที่เด็กสาวมะละกอด้วยความตกใจ
“มิน่าเล่า เจ้าถึงยังไม่ถึงขอบเขตการปรับสภาพร่างกาย เจ้าเสียเวลากับการฝึกฝนหลายชนิดเกินไปในคราวเดียวใช่หรือไม่”
“เปล่า ท่านพ่อบอกว่าข้าโง่เกินไป!”
น้ำเสียงของลู่จื่อรั่วเริ่มหม่นหมอง ครั้งแรกที่นางได้ยินบิดานางพูดแบบนั้น นางมีอาการทางจิตหนักมากจนป่วยตลอดทั้งเดือน อันที่จริงนางเกือบตาย
หลี่จื่อฉีเงียบไป ด้วยความเฉลียวฉลาดของนาง นางจึงเข้าใจว่าซุนม่อกำลังเปลี่ยนหัวข้อนี้ออกไปโดยตั้งใจ นี่หมายความว่าร่างกายของลู่จื่อรั่วนั้นแย่มากจนเขาไม่มีทางพูดได้โดยตรง
“ไม่ต้องกังวล ข้าจะให้วิชาฝึกปรือที่ทรงพลังอย่างยิ่งแก่เจ้า เมื่อเจ้าเรียนรู้แล้ว เจ้าจะไม่มีใครเทียบได้ภายใต้สวรรค์”
ซุนม่อชอบนักเรียนที่ขยัน บริสุทธิ์ และน่ารักอย่างลู่จื่อรั่ว ดังนั้นเขาจึงไม่อยากเห็นนางเศร้า
"อ๋า?"
ลู่จื่อรั่วลุกขึ้นนั่งด้วยความตกใจ นางกอดแขนของซุนม่อและถามอย่างเร่งรีบ
“มันทรงพลังขนาดไหนกันแน่?”
โชคดีที่ดวงตาของซุนม่อถูกปิดไว้หรือสิ่งต่างๆ จะดูอึดอัดจริงๆ
การที่เด็กสาวมะละกอลุกนั่งโดยกะทันหันทำให้ทรวงอกตระหง่านของนางกระเพื่อมขึ้นลง ถ้าหน้าอกของนางกระทบหน้าใครสักคน คนๆ นั้นจะเป็นลมอย่างแน่นอน
ริมฝีปากของหลี่จื่อฉีกระตุกเมื่อความอิจฉาเกิดขึ้นในใจของนาง
ซุนม่อรู้สึกได้ถึงเนื้อนุ่มสองกองกดลงบนแขนของเขา ในฐานะที่เป็นสุนัขโสด เขาไม่เข้าใจว่าพวกมันคืออะไรในตอนแรก แต่หลังจากนั้นไม่นานเขาก็ตระหนักได้ ดังนั้นเขาจึงเอื้อมมือออกไปและดันเด็กสาวมะละกอออกไปเบาๆ
“มันแข็งแกร่งขนาดไหนกันแน่”
ลู่จื่อรั่วไม่เข้าใจเจตนาของซุนม่อ และกอดแขนของเขาแน่นยิ่งขึ้น นอกจากนี้ น้ำเสียงของนางก็เต็มไปด้วยความจริงจังเล็กน้อยเช่นกัน
นางเป็นเหมือนแมวบ้านที่หิวโหยที่กำลังร้องหาอาหารจากเจ้าของ
“วิชาฝึกปรือชั้นเซียน ระดับไม่มีใดเทียบ”
ซุนม่อยอมแพ้และยอมให้ลู่จื่อรั่วโอบแขนของเขา
"อา?"
ลู่จื่อรั่วตกตะลึง ในเมืองต่างๆ ของเก้าแคว้น วิชาฝึกปรือในระดับนี้ดีที่สุด แต่ละคนถือได้ว่าเป็นสมบัติมรดกตกทอดของตระกูลก็ว่าได้
หลี่จื่อฉีก็ตกตะลึงเมื่อนางจ้องไปที่ซุนม่ออย่างตะลึงงันและสงสัยว่านางได้ยินผิดหรือเปล่า สำหรับวิชาฝึกปรือในระดับนี้ นั่นอาจถือได้ว่าเป็นสมบัติล้ำค่าที่สุดในอาณาจักรต้าถัง
“เป็นยังไงบ้าง? แรงไปหรือเปล่า”
ซุนม่อหยอกล้อ
“น่าทึ่งมาก แต่ข้าเกรงว่าข้าจะไม่เข้าใจ…”
ลู่จื่อรั่วทำหน้าเศร้าและมีสีหน้าไม่พอใจ
“ข้ามันโง่เกินไป”
“ไม่เป็นไร ความพยายามสามารถชดเชยทุกสิ่งได้!”
ซุนม่อยื่นมืออีกข้างออกตามสัญชาตญาณโดยต้องการจะสัมผัสหัวของลู่จื่อรั่ว อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเขาถูกปิดตา มือของเขาจึงสัมผัสแต่อากาศ
เด็กสาวมะละกอเข้าใจดี นางเอนตัวลงและปล่อยให้ซุนม่อลูบหัวของนาง นอกจากนี้นางยังพริ้มตาอย่างสบายใจ
เมื่อได้ยินการสนทนาระหว่างพวกเขาทั้งสอง หลี่จื่อฉีก็รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ นางเพิ่งกลับมารู้สึกตัวหลังจากได้ยินคำว่า 'วิชาฝึกปรือชั้นเซียนระดับที่ไม่มีใครเทียบ'
(โอ้สวรรค์ นั่นคือวิชาฝึกปรือระดับสูงสุดในเก้าแว่นแคว้นแผ่นดินใหญ่ อาจารย์ซุนกำลังจะสอนให้กับลู่จื่อรั่วหรือไม่ นอกจากนี้ปฏิกิริยาแรกของลู่จื่อรั่ว คือ…?)
(จริงๆนางไม่ได้ตกใจแต่นางกังวลว่านางจะไม่สามารถเข้าใจมันได้!)
(นี่ล้อเล่นอะไรกันแน่เนี่ย? ท่านกำลังพูดถึงหนึ่งในวิชาฝึกปรือระดับสูงสุดและไม่ใช่วิชาขยะที่ท่านสามารถซื้อได้ตามร้านค้าริมถนนด้วยเหรียญทองแดงหลายสิบเหรียญ!)
(พวกนางสองคนจะใจเย็นได้ยังไง)
“จื่อฉี เจ้าก็ต้องเรียนด้วย!”
ซุนม่อกังวลว่าหลี่จื่อฉีจะรู้สึกว่าเขาลำเอียง ดังนั้นเขาจึงรีบเสริม
หลี่จื่อฉีไม่รู้จะตอบอย่างไร จากความรู้และความเข้าใจของนางที่มีต่อซุนม่อ บอกกับนางว่าเขาไม่ได้โกหก
อย่างไรก็ตาม เหตุผลของนางบอกกับนางว่าเรื่องนี้เกินจริงเกินไปจริงๆ
นางรู้สึกว่านางต้องดื่มน้ำหนึ่งแก้วเพื่อทำให้ประสาทสงบลง
“อย่างไรก็ตาม ชื่อวิทยายุทธ์นั้นคืออะไร?”
ลู่จื่อรั่วอยากรู้
“วิชาเซียนมหาจักรวาลไร้ลักษณ์!”
ซุนม่อพูดอย่างไม่ตั้งใจ แต่หลี่จื่อฉีที่อยู่ข้างๆ ไอและสำลักน้ำที่นางดื่มไปในปากทันที
นางยังสำลัก!
“แคก แคก พูดอะไรนะอาจารย์? แคก…ข้าได้ยินผิดหรือเปล่า?”
หลี่จื่อฉีไออย่างรุนแรง
“เจ้าเคยได้ยินเกี่ยวกับวิชาเซียนมหาจักรวาลไร้ลักษณ์มาก่อนหรือไม่?”
ซุนม่ออยากรู้ เมื่อเขาเห็นว่าหลี่จื่อฉีกระวนกระวายใจเพียงใด เห็นได้ชัดว่านางรู้ที่มาของวิชานี้
“ข้าเคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อน หากชื่อถูกต้อง ก็คงไม่ใช่อะไรอื่นนอกจากวิทยายุทธ์ขั้นสูงสุดของสถาบันชิงเทียน เฉพาะนักเรียนที่มีความสามารถและภักดีที่สุดเท่านั้นที่มีคุณสมบัติในการเรียนรู้”
หลี่จื่อฉีอธิบาย
สถาบันชิงเทียนอยู่ในแคว้นจิง เป็นหนึ่งในเก้าสถาบันยิ่งใหญ่ การดำรงอยู่ที่มีอันดับสูงสุด นอกจากนี้ การจัดอันดับนี้ได้รับการยอมรับจากสาธารณชน
“วิทยายุทธ์นี้สามารถสอนได้เฉพาะนักเรียนที่ภักดีที่สุดเท่านั้น ถ้าไม่อย่างนั้น จะเป็นอย่างไรถ้าพวกเขาทรยศต่อสถาบันหลังจากที่ได้เรียนรู้ศิลปะนี้”
ลู่จื่อรั่วรู้สึกว่าคำอธิบายของหลี่จื่อฉีไม่ถูกต้อง แต่เมื่อหลี่จื่อฉีพูดจนถึงตรงนี้ ลู่จื่อรั่ว ก็เหลือบมองอาจารย์ของพวกนางโดยไม่รู้ตัว
(อ๋อ อาจารย์ซุนรู้เรื่องนี้ได้ยังไง เขาเป็นคนทรยศของสถาบันนั้นเหรอ)
(ไม่ อาจารย์ไม่ใช่คนแบบนั้น!)
(ต้องมีความลับที่ซ่อนอยู่ภายในอย่างมโหฬาร!)
“ท่านไม่เข้าใจความหมายของข้า มีเงื่อนไขที่ยากลำบากสำหรับคนที่จะเป็นอาจารย์ใหญ่ของสถาบันชิงเทียนและนั่นก็คือการฝึกฝนวิชานี้ นี่คือเหตุผลที่สำหรับนักเรียนที่มีคุณสมบัติที่จะเรียนรู้วิชานี้ พวกเขาทั้งหมดเป็นผู้สมัครรับตำแหน่งอาจารย์ใหญ่ในอนาคตของสถาบันชิงเทียน”
เสียงของหลี่จื่อฉีสั่น
สำหรับผู้ที่ได้รับเลือกให้เป็นอาจารย์ใหญ่ในอนาคตของสถาบันชิงเทียน ไม่ต้องสงสัยเลยว่าพวกเขามีความสามารถแค่ไหน แต่ตอนนี้ซุนม่อบอกว่าเขารู้จักวิชาเซียนขั้นสุดยอดนี้แล้ว!
ริมฝีปากของหลี่จื่อฉีขยับ นางเกือบจะถามว่าซุนม่อกำลังโกหกพวกนางหรือไม่ แม้ว่าซุนม่อจะเป็นลูกชายของอาจารย์ใหญ่ของสถาบันชิงเทียนคนปัจจุบัน แต่ถ้าพรสวรรค์ของเขาไม่เพียงพอ เขาก็คงไม่มีคุณสมบัติที่จะฝึกฝนวิชานี้
เดี๋ยวก่อน เป็นไปได้ไหมว่าซุนม่อเป็นลูกชายนอสมรสของอาจารย์ใหญ่คนนั้น เพราะเขาไม่ต้องการถูกจดจำ เขาจึงมาที่สถาบันจงโจวที่นี่?
ในทันทีนั้นความคิดที่เต็มไปด้วยอารมณ์ก็ปรากฏขึ้นในจิตใจของหลี่จื่อฉี
“อาจารย์ ท่านเรียนรู้วิชานี้ได้อย่างไร? ถูกใครหลอกมาหรือเปล่า?”
หลังจากเกิดทฤษฎีมากมายผุดขึ้นในหัวของนาง หลี่จื่อฉียังคงรู้สึกว่านี่เป็นคำตอบที่สมเหตุสมผลที่สุด
ในตลาดมืดของประเทศต่างๆ ของเก้าแคว้น มีคัมภีร์ฝึกปรือปลอมทุกประเภท ไม่ว่าจะเพื่อทำร้ายผู้คนหรือหลอกลวงพวกเขา
ทุกปีจะมีคนหนุ่มสาวที่โดนโกงเพราะต้องการเสี่ยงโชค
“ข้าโง่ขนาดนั้นเลยเหรอ?
ซุนม่อกลอกตา
“เกินไป...”
หลี่จื่อฉีทึ้งผมของนางด้วยความหงุดหงิด นางไม่เข้าใจ
“ไม่ต้องคิดอีกต่อไป วิชานี้เป็นของจริงและข้าก็ฝึกฝนมาเป็นเวลานานแล้ว!”
ซุนม่อยิ่งอยากรู้ตัวตนของบุคคลหลักที่อยู่เบื้องหลังดาบไม้มากขึ้น
“โธ่! ข้าจะเลิกคิดเรื่องนี้เสียที คำพูดของอาจารย์ถูกต้องที่สุด!”
ลู่จื่อรั่วเกลียดการคิดมากที่สุด ตอนนี้นางมีความสุขมาก ตราบใดที่นางเรียนรู้วิชาเซียนมหาจักรวาลไร้ลักษณ์ นางจะมีพลังมากขึ้น
ครั้งหน้าเมื่อนางได้พบกับบิดาของนางอีกครั้ง เขาจะเห็นด้วยกับนางอย่างแน่นอน
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ อ้อมแขนของซุนม่อที่โอบกอดของลู่จื่อรั่วก็ยิ่งแน่นขึ้น
ติง!
คะแนนความประทับใจจาก ลู่จื่อรั่ว +50 มิตรภาพ (538/1,000).
“ท่านอาจารย์ ท่านกำลังสอนพวกเราจริงๆ หรือ?”
หลี่จื่อฉีหยุดครู่หนึ่ง นางยังคงรู้สึกไม่เชื่อ
“วิชาเซียนมหาจักรวาลไร้ลักษณ์?”
“มันเป็นเพียงวิชาฝึกปรือชั้นเซียน ระดับที่ไม่มีใครเทียบ? เจ้าไม่จำเป็นต้องถามเรื่องนี้ต่อได้ไหม?”
ซุนม่อผลักลู่จื่อรั่วออกไปอย่างนุ่มนวล
“นอนลงเถอะ การนวดยังไม่จบ!”
เมื่อเห็นว่าซุนม่อไม่เต็มใจที่จะพูดต่อ หลี่จื่อฉีก็อายที่จะพูด แต่หัวใจของนางยังคงอึดอัดราวกับมีอุ้งเท้าแมวกดใส่ และยังคงคำนึง
เขาหมายความว่าอย่างไรโดย 'มันก็แค่วิชาชั้นเซียนระดับที่ไม่มีใครเทียบ' หรอกหรือ? นั่นเป็นวิชาศักดิ์สิทธิ์ขั้นสูงสุดของสถาบันชิงเทียน ไม่ใช่หรือ! ถ้าข่าวของคนที่รู้จักวิชานี้แพร่กระจายออกไป จะวุ่นวายขนาดไหน?
หลี่จื่อฉีตกใจเพราะนางรู้ว่าวิชาฝึกปรือชั้นเซียนระดับที่ไม่มีใครเทียบเป็นสมบัติที่หายากมาก แต่สำหรับซุนม่อ นั่นเป็นเพียงวิชาฝึกปรือที่ทรงพลัง
ไม่สำคัญ เขาจะสอนให้นักเรียนของเขา!
ตราบใดที่เขามีทักษะเทพมหาเวทไวโรจนนิรันดร์ ซุนม่อสามารถได้รับวิทยายุทธ์อะไรก็ได้ที่เขาต้องการ นี่คือเหตุผลที่เขาสามารถสงบสติอารมณ์ได้
หลังจากเคล็ดการนวดแผนโบราณสิ้นสุดลง เด็กสาวทั้งสองยังไม่ประสบความสำเร็จ และทำให้ซุนม่อรู้สึกหดหู่เล็กน้อย
“ตอนนี้ข้ารู้สึกสบายมาก!”
ลู่จื่อรั่ว เหยียดแขนของนางไปด้านหลัง ทำให้บริเวณหน้าอกของนาง 'ขยาย' ใบหน้าของนางดูมีความสุข
“เก็บของแล้วไปกินข้าวกัน!”
ซุนม่อกำลังหิว
ตลอดช่วงอาหารกลางวันหลี่จื่อฉีอยู่ในภวังค์ สำหรับลู่จื่อรั่วนางยังคงส่งอาหารให้ซุนม่อ จากจานไปที่ชามของเขา
“เอาล่ะจื่อฉี และจื่อรั่ว ไม่จำเป็นต้องใช้รูปแบบที่เคารพนับถือของคำว่า 'ท่านอาจารย์' เพื่อพูดกับข้าในอนาคต นั่นเป็นทางการเกินไป”
ซุนม่อกล่าว เมื่อได้ยินเช่นนั้น เขารู้สึกเหมือนมีอายุมากกว่าสิบปี
"โอ้!"
หลี่จื่อฉีพยักหน้า แต่นางยังคงฟุ้งซ่าน
ติง!
“ภารกิจใหม่ออกแล้ว: โปรดช่วยให้นักเรียนของเจ้าได้รับชัยชนะในการประลองกับนักเรียนของเกาเปินในเดือนหน้า จะมีรางวัลให้ตามผลลัพธ์”
จู่ๆระบบก็ออกภารกิจ ซุนม่อตกใจมากจนแทบจะกลืนตะเกียบที่เขาใช้อยู่
“ระบบ เจ้าหยุดพรวดพราดแบบนี้ ได้ไหม”
ซุนม่อบ่น โชคดีที่ไม่มีการลงโทษหากภารกิจล้มเหลว ท้ายที่สุดแล้ว ภารกิจนี้ยากมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่เขาตรวจร่างกายของเด็กสาวมะละกอ เขารู้สึกว่าลูกศิษย์ของเขาจะต้องแพ้การประลองอย่างแน่นอน
ติง!
“หมายเหตุ: หากภารกิจล้มเหลวจะมีการลงโทษ!”
“เชี่ย..เอ๊ย!”
ซุนม่อโกรธจนเกือบทุบชาม
“ระบบ เจ้าจงใจทำสิ่งนี้ใช่ไหม? เจ้าเจตนาจะทำเช่นนี้ใช่มั้ย? จะมีสักวันที่ข้าจะดึงเจ้าออกมาและเฆี่ยนตีเจ้าให้สะใจสักครั้ง!”
ซุนม่อไม่มีอารมณ์จะกินอีกต่อไป หลังจากนั้น เขาไม่ได้กลับไปโรงเรียนและไปที่บ้านของหลี่จื่อฉี แทน
“ข้าจะพยายามฝ่าอุปสรรคยกระดับ อย่ารบกวนข้า!”
หลังจากที่ซุนม่อสั่งสอนเรื่องนี้ เขาได้ส่งต่อส่วนหนึ่งของเนื้อหาสำหรับฝึกวิชามหาจักรวาลไร้ลักษณ์
“ไปฝึกซะ!”
“นี่…นี่คือ…”
หลี่จื่อฉีรู้สึกตื่นตระหนก เด็กสาวมะละกองุ่มง่ามน่ารักไม่โต้ตอบ หรือจะพูดให้ตรงกว่านั้น นางจำไม่ได้
“ใช่ สิ่งที่เจ้าคิดนั้นถูกต้อง นี่เป็นระดับแรกของวิชาสูงสุดของสถาบันนั้น หากเจ้าไม่สามารถเชี่ยวชาญระดับแรกได้ ก็ไม่จำเป็นต้องคิดเกี่ยวกับการเรียนรู้ระดับที่สอง”
ซุนม่อไม่ได้ให้เคล็ดสำหรับระดับที่สองแก่พวกนางเพราะเขาต้องการใช้เป็นเหยื่อล่อเพื่อกระตุ้นให้พวกนางฝึกฝนด้วยความมานะพยายามมากขึ้น
“ข้าจะตั้งใจฝึกฝนอย่างแน่นอน!”
หลี่จื่อฉี ตบหน้าอกของนางและรับประกันด้วยเสียงอันดัง
ติง!
คะแนนความประทับใจจาก หลี่จื่อฉี +50 กระชับมิตร (281/1,000)
“อืมม!”
ซุนม่อพยักหน้าในขณะที่ครุ่นคิดอย่างเงียบๆ
“ข้าทำผิดต่อเจ้า เจ้าไม่ใช่สาวเหล็ก (แบนราบสิ้นเชิง) เจ้าเป็นไข่ดาวน้อยแทน แม้ว่าเจ้าจะมีบางอย่าง แต่ท้ายที่สุด เจ้าก็ยังผอมเกินไป”
ซุนม่อไม่ได้ไปที่ปีกตะวันออก เขานั่งตรงในลานบ้านและหยิบผลดาราจันทร์ออกมา อย่างไรก็ตาม เขาไม่รีบร้อนที่จะบริโภคมัน เขาวางมันไว้ที่ด้านข้างและทำสมาธิเพื่อทำให้จิตใจสงบก่อน
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาพยายามทะลวงด่านหลังจากมาถึงโลกนี้ ซุนม่อผู้ระมัดระวังอยู่เสมอ เริ่มระลึกถึงความรู้ทั้งหมดของเขาเกี่ยวกับขอบเขตจุดอัคคีผลาญโลหิต
หลังจากทบทวนความรู้ในใจสามครั้งและมั่นใจว่าไม่มีสิ่งใดที่เขามองข้ามไป เขาก็หยิบผลดาราจันทร์ขึ้นมาแล้วใส่เข้าไปในปากของเขา