ตอนที่49: ชื่อของชั้นก็คือ....(2)
“เจ้าตัวเล็ก...ช่วยพูดอีกรอบได้มั้ย?”
“เห. นี่นายคิดว่าชั้นอายเรื่องความสูงตัวเองเหรอ? ดูชั้นสิ. ชั้นนี่แหละคือความหมายของคำว่าน่ารักและเซ็กซี่รวมกัน”
“เพ้ออะไรอยู่, มีแค่พวกโลลิค่อนเท่านั้นแหละที่จะชอบเธอ”
“ฮ่าๆๆๆ~! ให้ชั้นพูดอีกรอบไหมว่าชั้นเกิดมาจากวิญญาณของนาย? คงไม่ต้องให้อธิบายเพิ่มเนอะ?”
แม้ว่าพวกเขาจะเถียงกันไม่ตกฟาก แต่รอยยิ้มบนใบหน้าก็ไม่เคยหายไปเลย. ถ้าใครมาเห็นก็คงว่าพิลึกสุดๆ.
“เหอะ. ชั้นว่าเธอน่าจะโดนตีบ้าง”
“ย๊า~! กลัวจังเลย” เธอแกล้งทำหน้ากลัวจากนั้นก็โบกมือแล้วก็มีดาบปรากฎออกมา “ก็มาสิ. บางทีถ้าอัดนายอีกหน่อยคงจะได้ยินชื่อชั้นแน่, เพราะกว่าจะมานี่ได้ก็คงโดนมาบ้างแล้วสินะ?”
ดาบในมือของเธอนั้นแตกต่างจากของโกโจ. มันเป็นดาบโค้งยาวโดยมีด้ามจับเป็นสีขาวและดำ.
พวกเขาจ้องตากันอยู่ครู่หนึ่งก่อนโกโจจะค่อยๆใจเย็นลง.
คำพูดของเธอนั้นไม่ได้จะดูหมิ่นแต่ดูเหมือนมีความขมขื่นซ่อนอยู่.
“อะไร? ไม่สู้แล้วเหรอ?”
โกโจจ้องเธอไปพักหนึ่งก่อนจะส่ายหน้าหนีแล้วมองไปรอบๆแทน.
ขาว. สีขาวโพลนไปหมด.
ถึงเขาเพิ่งจะเข้ามาที่นี่ได้ไม่นาน แต่ก็เริ่มรู้สึกว่าจะเป็นบ้าแล้ว.
แล้วถ้าเป็นเธอล่ะ?
ยิ่งไปกว่านั้นเขาก็จำคำพูดก่อนหน้าของเธอได้.
“นายยังไม่ได้ยินชื่อของชั้นสินะ”
การที่มีคนเรียกซ้ำแล้วซ้ำเล่าแต่คนคนนั้นไม่สนใจมันจะรู้สึกยังไงกันนะ?
จะรู้สึกแย่แค่ไหนถ้าคนที่เมินนั้นเป็นคนที่ทำให้มีตัวตนขึ้นมา คนที่สนิทกันมากที่สุด?
เธอจะรู้สึกเจ็บปวด, เศร้าโศรก, โมโหและสิ้นหวังขณะที่อยู่คนเดียวในโลกนี้แค่ไหนกันนะ?
พอคิดมาถึงข้อนี้แล้ว ความโกรธในหัวของโกโจก็หายไปและถูกแทนที่ด้วยความรู้สึกผิดแทน.
“พอที!”
เขาหลุดจากภวังค์เมื่อได้ยินเสียงตะโกนนั้น.
เขาก้มมามองเด็กผู้หญิงตรงหน้าอีกครั้ง.
ดาบในมือของเธอได้หายไปแล้วและเธอกำลังหันหลังให้เขาอยู่.
“ชั้นไม่ได้ต้องการให้นายสงสาร. ชั้นไม่ได้ตกต่ำขนาดนั้น”
“เธออ่านใจชั้นได้หรอ?” โกโจถามออกไปเบาๆ.
“อ่านใจ? ไม่, แค่นายกับชั้นเราแบ่งปันความรู้สึกแบบเดียวกัน. ก็ครั้งหนึ่งเราเคยเป็นหนึ่งเดียวกันนี่นะ. แต่เสียดายที่ดูเหมือนว่าตอนนี้มีแค่ชั้นเท่านั้นที่แบ่งปันคนเดียว”
เธอส่ายหัวแล้วเดินกลับไปทางบัลลังก์จากนั้นก็นั่งลง.
“เอาล่ะ, โกโจ ซาโตรุ. ในเมื่อเราจะไม่สู้กัน นายช่วยออกไปได้ไหมคะ? ชั้นเบื่อที่จะต้องคอยตะโกนให้คนที่ไม่อยากฟังชั้นอีกต่อไปแล้ว.
เธอเอามือไปเท้าศีรษะ.
โกโจไม่ตอบอะไรกลับ แม้ว่าเขาจะไม่รู้สึกแบบเดียวกับเธอในตอนนี้แต่เขาก็เข้าใจโดยสัญชาติญาณ.
ถ้าเขาออกไปจากที่นี่ล่ะก็...เขาจะไม่มีวันได้ปลุกชิไคอีก.
“ให้ตายสิ. ผมรู้สึกเหมือนพ่อแย่ๆที่เอาแต่รังแกลูกเลยแหะ”
เขาเกาหัวแล้วเดินไปทางบัลลังก์นั้น. เขานั่งลงเพื่อมองหน้าของเด็กผู้หญิงคนนั้น.
เขาเอามือไปลูบหัวเธอแล้วยิ้มให้,
“ดูเหมือนว่าผมมีเรื่องต้องจัดการกับการใช้ดาบฟันวิญญาณนะ”
เขาไม่ขอโทษใดๆ. เขาพอจะเข้าใจนิสัยของเธอแล้ว.
เด็กคนนี้ก็มีเกียรติของตัวเอง. เธอไม่ต้องการความสงสารจากเขา. เพราะมีแต่พวกอ่อนแอเท่านั้นที่ต้องการความสงสาร.
“คือว่านะ. โลกนี้น่ะมีแต่คนแกร่งๆเต็มไปหมด. แกร่งเสียจนพวกเราอาจจะท้อไปเลยล่ะ....น่าสนุกเลยว่ามั้ย?”
“…”
“สู้ไปเรื่อยๆ, เติบโตไปเรื่อยๆ, ไต่ขึ้นไปเรื่อยๆ, ถึงจะช้าแต่ผมมั่นใจว่าวันหนึ่ง ผมจะได้ยืนอยู่จุดที่สูงที่สุดและสามารถพูดได้อีกครั้งว่าเป็นคนที่แกร่งที่สุดด้วย”
“..”
“ผมน่ะแข็งแกร่ง, แข็งแกร่งกว่าคนทั่วไป. แต่แล้วยังไงล่ะ? ทำไมผมต้องเอาตัวเองไปเทียบกับคนทั่วไปด้วย? จุดจุดเดียวที่ผมคู่ควรก็คือจุดที่สูงที่สุด”
สายตาของเขาลุกโชนไปด้วยไฟแห่งความทะเยอทะยาน. ความเย่อหยิ่งและทะนงตัวเห็นได้ชัดในโลกนี้.
ไม่สนว่าเขาจะเจอกับอะไรและจะใช้เวลานานแค่ไหน.
“แต่ตอนนี้ นั่นมันก็แค่ความฝันเท่านั้นแหละนะ”
“แล้วยังไงล่ะ?”
เด็กผู้หญิงผมสีเงินเอ่ยปากออกมาในที่สุด. เสียงของเธอแฝงไปด้วยความสั่นกลัว เธอรู้สึกมีหวังแต่ก็หวาดกลัวว่าจะผิดหวังอีกครั้ง.
“การยืนอยู่จุดสูงสุดคนเดียวมันเหงา รู้มั้ย? ถ้ามีคนมาแบ่งปันวิวด้วยก็คงดี?นอกจากครึ่งหนึ่งของผมแล้วจะมีใครเหมาะอีกล่ะ?”
เธอเริ่มยิ้มออกมา,
“แล้วถ้าสุดท้ายแล้ว, นายทำไม่ได้ล่ะ?”
“ทำไม่ได้? เธอคิดว่าผมเป็นใครกัน? ผมคือโกโจ ซาโตรุ. ผู้ใช้ไสยเวทย์ที่แกร่งที่สุดและอีกไม่นาน, ก็จะเป็นยมทูตที่แกร่งที่สุดด้วย. ทำไม่ได้ ไม่มีอยู่ในพจนานุกรมของผมหรอกนะ”
โกโจยิ้มด้วยความมั่นใจอยู่เสมอขณะที่กล่าว.
“ฮ่าฮ่าฮ่า~!”
เธอหัวเราะออกมาด้วยความดีใจ.
เมื่อเธอหยุดหัวเราะ เธอก็ปัดมือเขาออกแล้วลุกขึ้น.
เธอลดผ้าปิดตาลงจนเห็นนัยตาสีชาดดั่งอัญมณี.
“ถ้างั้น, ราชินีคนนี้จะมอบโอกาสสุดท้ายให้นายเอง.”
เธอเอามือไปทาบอกแล้วผายอย่างภาคภูมิ “ชั้นคือดาบที่แกร่งที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย, และผู้ใช้ของชั้นก็คู่ควรที่จะเป็นยมทูตที่แกร่งที่สุดด้วยเช่นกัน”
“ไม่มีใครคู่ควรอีกแล้ว”
“ถ้าอย่างนั้น, จำไว้ให้ดีล่ะ. ชื่อของชั้นคือ...”
---
ตั้งแต่ที่โกโจหลับตาลง เวลาก็ผ่านไปแค่ชั่วครู่เท่านั้น.
รังสีของเขาที่ปกติก็อยู่ในระดับรองหัวหน้าอยู่แล้ว ค่อยๆขยายขึ้นจนอัดแน่นไปทั่วทุกมุมของห้อง.
แรงดันวิญญาณของเขาเริ่มหนักขึ้นจนขนาดอุโนะฮานะเองก็เริ่มรู้สึกไม่สบายตัวหน่อยๆ.
แต่ยิ่งเธอรู้สึกแบบนั้น รอยยิ้มที่ใบหน้าเธอก็เริ่มน่ากลัวมากขึ้นจนเธอเกือบจะหัวเราะด้วยความบ้าคลั่งออกมา.
ถึงเธอจะไม่ได้ใช้ชิไคและบังไค แต่ความรู้สึกนี้แปลว่าโกโจได้ทำลายขีดจำกัดและสามารถทัดเทียมกับหัวหน้าได้แล้ว. แถมเขายังไม่ได้ปลดปล่อยชิไคเลยด้วย.
เมื่อเขาลืมตาขึ้นมา อุโนะฮานะก็รู้สึกแปล๊บไปทั่วตัว.
“ขอโทษที่ทำให้รอครับ”
หัวใจของอุโนะฮานะเต้นรัวอย่างบ้าคลั่ง.
เธอกลืนน้ำลายแล้วพยายามรั้งใจไม่ให้เข้าไปฟันเขา
ตอนนี้เธอเหมือนกับคนที่กำลังหลงทางอยู่ในทะเลทราย และเจอโอเอซิสเข้าแล้วแต่พยายามรั้งตัวเองไว้ไม่ให้ดื่มน้ำ.
“ปลุกได้รึป่าวคะ?”
โกโจไม่ตอบแต่กำดาบแน่นขึ้น.
“ต่อเลยไหมครับ?”
มันคือสิ่งเดียวที่อุโนะฮานะต้องการจะได้ยิน.
เธอพุ่งเข้าใส่เขาด้วยความเร็วที่เหนือกว่าที่ผ่านมาจากนั้นก็เหวี่ยงดาบออกไป.
แต่ขณะที่ดาบจะถึงตัวเขานั้น เธอก็หยุดชะงักไปจากนั้นก็ถอยออกมาอย่างรวดเร็ว.
เธอไม่รู้ว่าทำไม แต่สัญชาติญาณของเธอบอกเธอว่าไม่ว่าอะไรกำลังจะเกิดขึ้น มันคือภัยต่อเธอ.
โกโจไม่ได้มองไปหาเธอ เขากำลังนึกถึงชื่อของเด็กผู้หญิงผมสีเงินและประโยคประโยคหนึ่ง.
ประโยคในวันวานที่ชวนให้เขายิ้มได้. เพียงแค่ครั้งนี้ต่างไปนิดหน่อยเท่านั้น.
“เหนือฟ้า ใต้หล้า, เราสองประเสริฐสุด, เท็นโกคุ โนะ โคโก!”
*เท็นโกคุ โนะ โคโก = จักรพรรดินีแห่งสวรรค์/ราชินีแห่งสวรรค์*
*หากจำตอนที่โกโจสู้กับพ่อของเมงุมิได้ นี่คือประโยคที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ตอนประสูติ*