ตอนที่ 52 แผนที่สมบัติลับ
กระดิ่งนี้เป็นของที่ต้องใช้ ทำไมมันถึงทำตกเอาไว้?
เย่ว์หยางคิดหาเหตุผลไม่ออก หลังจากคิดอยู่นานจนหัวแทบระเบิด
แต่เขารีบวิ่งไปที่มันอย่างรวดเร็ว เก็บกระดิ่งทองขึ้นมา แม้ว่าเขาไม่รู้ว่าจะใช้มันทำอะไร แต่เย่ว์หยางแน่ใจว่ามันเป็นสมบัติชิ้นหนึ่ง
มันมีน้ำหนักเล็กน้อยเมื่อเขาหยิบขึ้นมา เขารู้สึกว่ากระดิ่งทองเต็มไปด้วยพลังงานและมีอำนาจลึกลับอยู่ภายใน
ทักษะญาณทิพย์ของเย่ว์หยาง ใช้ประโยชน์ได้เหลือเชื่อในสถานการณ์แบบนี้
สมบัตินี้มันใช้ทำอะไรได้บ้าง?
หลังจากเพ่งสมาธิอยู่นาน เย่ว์หยางก็ยังเห็นกระดิ่งทองเหมือนเดิมไม่สามารถเห็นทะลุอะไรได้ ภายใต้ความมุ่งมั่นแน่วแน่ของเขา ในที่สุด เขาก็เข้าใจคุณสมบัติพื้นฐานส่วนใหญ่ของกระดิ่งทอง ทันใดนั้นนอกจากความรู้ที่กระดิ่งทองปล่อยเข้ามาในใจเขา ความเข้าใจที่เกิดขึ้นในใจเขาเหมือนกับการตรัสรู้ เย่ว์หยางหวาดหวั่นต่อโลกแห่งจิตวิญญาณทั้งหมดของเขา พื้นที่รับรู้ในใจเขาขยายตัวอย่างมาก รู้สึกว่ามันไม่มีขีดจำกัด และทำให้เขารู้สึกว่าจะบินไปไหนก็ได้ที่เขาพอใจ เป็นความรู้สึกที่น่าอัศจรรย์อย่างมาก เป็นความรู้สึกที่แสดงออกมาไม่ได้ เหมือนกับดื่มน้ำซุปอุ่นในยามที่ทั้งหนาวทั้งหิว ทำให้ผ่อนคลายทั้งกายและใจ เหมือนกับความรู้สึกที่อยู่ในห้องร้อน อบอ้าว แล้วอยู่ๆ ก็เปิดหน้าต่างออก ปล่อยให้อากาศสดชื่นเข้ามาภายใน แล้วฉีดน้ำเย็นฉ่ำไปทั่วร่าง ปลดปล่อยผู้คนให้พ้นจากอันตราย
ถ้าจะใช้คำๆ เดียวมาอธิบายอาการเช่นนี้ได้ ก็คือ มันสดชื่น
เมื่อเย่ว์หยางลืมตา เขารู้สึกว่าสายตาเห็นได้ชัดดีกว่าเดิม และแม้แต่รายละเอียดปลีกย่อยที่เขาไม่สามารถเห็นได้เมื่อก่อนก็สามารถเห็นได้ชัดเจน
ความเปลี่ยนแปลงลมหายใจของสิ่งมีชีวิตที่ปกติจะมองข้ามก็ใช้สายตามองดูได้โดยง่าย
ทันใดนั้นคัมภีร์อัญเชิญสีทองแดงก็ปรากฏ และขณะที่เย่ว์หยางลืมตามองดู
เป็นไปตามคาด ทักษะญาณทิพย์ได้ยกระดับขึ้นแล้ว
ยกระดับญาณทิพย์จากระดับ 1 เป็น 2
ความจริง ทักษะธรรมชาติญาณทิพย์ได้ก้าวหน้าไปครั้งหนึ่งแล้วระหว่างต่อสู้ที่ป่าบันเทิงเมืองไป๋ฉือ ที่ซึ่งอูอี้เรียกกระทิงเถื่อนชั้นทองแดงออกมา และมันใช้เนตรประหารกับเงาปีศาจของเย่ว์หยาง อย่างไรก็ตาม มันยังไม่มากพอเพิ่มระดับได้ ตอนนี้ หลังจากเห็นของรางวัลเป็นครั้งที่สอง ทักษะญาณทิพย์จึงเพิ่มระดับได้ในที่สุด และนี่ทำให้เย่ว์หยางยินดีอยู่ภายในใจ
เย่ว์หยางรู้สึกว่าทักษะญาณทิพย์เพิ่มความกล้าแข็งมากขึ้น แล้วยังปลุกเอาความสามารถพิเศษบางประการขึ้นมา เพียงแต่ยังไม่มีโอกาสใช้ เขาไม่สามารถตรวจสอบได้ว่าเป็นความสามารถชนิดไหนกันแน่
“เอ่?”
บนหน้าเปล่าของคัมภีร์อัญเชิญ บางทีระหว่างที่ยกระดับทักษะญาณทิพย์ หรือบางทีก็คงช่วงเวลายกขั้นคัมภีร์ทองแดงจากขั้นนเริ่มต้นเป็นขั้นกลาง คุณสมบัติพื้นฐานของกระดิ่งทองอาจถูกส่งผ่านคำที่แสดงในหน้าเปล่าก็ได้ เมื่อเย่ว์หยางมองดูมัน มันก็แตกต่างจากสิ่งที่เขารู้สึกได้จากกระดิ่งทอง กระดิ่งทอง, เครื่องประดับสัตว์อสูร, อย่างเบา ระดับทอง ผนึกคำสาปได้ 3 ชั้น ประเมินผล…ทอง – 1 ดาว
ภายในใจเย่ว์หยาง สิ่งที่เขาเห็นจากทักษะญาณทิพย์ยังคงมีหัวข้อแปลกที่เรียกว่า “อุปกรณ์อ่านอักขระโบราณ”
บางที คงเพราะระดับของคัมภีร์ชั้นทองแดงยังต่ำเกินไป ระบบการทำงานของมันยังไม่สมบูรณ์ ดังนั้นจึงไม่สามารถใช้งานได้ทุกอย่าง
เพราะมันเป็นเครื่องประดับของสัตว์อสูร เย่ว์หยางจึงยื่นกระดิ่งทองให้เสี่ยวเหวินหลี
ปีศาจอสรพิษน้อยรับมันมาและใช้มือน้อยๆ ของเธอเขย่ามันไม่กี่ครั้ง นอกจากเสียงกรุ๊งกริ๊งที่ชัดเจน ก็ไม่มีอะไรสนุกให้เล่นอีก เธอทำตาโตปริบๆ จากนั้นยื่นกระดิ่งคืนเย่ว์หยาง
ชัดเจนแล้ว เธอไม่ชอบกระดิ่งมากขนาดนั้น
เจ้าไม่ชอบความจริงที่ว่าของระดับเกรดทองมันยังสุดยอดไม่พอ และเจ้าต้องการของระดับเพชรใช่ไหม?
เย่ว์หยางถึงกับเหงื่อโชก
แค่กระดิ่งทองนี้ก็ต้องใช้ความพยายามอย่างเต็มที่กว่าจะได้มันมา ถือว่าเป็นความผิดปกติของหอทงเทียนแล้ว แม้จะยังไม่พูดถึงจำนวนที่แท้จริงของสัตว์อสูร ขนาดตัวหัวหน้ายังแข็งแกร่งมากจนคนพูดไม่ออก แล้วจะสู้เพื่อเอาของรางวัลง่ายๆ ได้อย่างไร? ขณะที่เย่ว์หยางเห็นเสี่ยวเหวินหลีไม่ต้องการมัน เขาคิดในใจว่า เอาของชิ้นนี้แขวนไว้ที่คอของโคเงาก็คงจะดูดีขึ้นเหมือนกัน
ตรงกันข้ามกับอารมณ์ที่ไม่ใส่ใจของเสี่ยวเหวินหลี โคเงาแสดงอารมณ์ที่แตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง
โคเงาไม่ได้คิดอะไร แต่เข้ามาหยิบกระดิ่งเองด้วยสัญชาตญาณของนาง
ทันทีที่นางสั่นกระดิ่ง กระดิ่งก็ฉายแสงสีขาวและกลายรูปเป็นฝนแสง มันลอยผ่านร่างกายที่ขาดรุ่งริ่งของโคเงา ถึงตอนนี้เย่ว์หยางจึงตระหนักได้ว่ากระดิ่งทองนี้จะสร้างแสงศักดิ์สิทธิ์ที่มีผลพิเศษต่อการรักษา ผลการรักษาด้วยกระดิ่งทองนั้นสุดยอดจริงๆ ชั่วเวลาเพียงไม่นาน บาดแผลของโคเงาที่ลึกจนมองเห็นกระดูกก็ค่อยๆ สมานตัวจนตื้นและหายไปในที่สุด แม้แต่ฮุยไท่หลางที่อาการเป็นตายเท่ากันยังค่อยๆ กลับมาลุกยืนได้ แม้ว่ามันจะดูอ่อนเพลียอยู่บ้างเล็กน้อย แต่ก็ค่อยๆ ฟื้นตัวตามลักษณะหมาป่าสายพันธุ์แมลงสาบ
“อะฮู้วว! ฮุยไท่หลางยืนขึ้นแล้ววิ่งตรงไปที่หัวงูขาดแล้วกัดมันอย่างเกลียดชัง
ดูเหมือนฮุยไท่หลางจะเป็นหมาป่าใจแคบที่ไม่ยอมลืมความบาดหมางของมัน มันไม่ได้ดีกว่าความแค้นที่เย่ว์หยางทิ่มแทงคนอื่นลับหลังเลย
เย่ว์หยางรู้สึกว่าตอนนี้เขาควรไปดูที่ห้องขวา ยังคงมีอักขระบอดอยู่ข้างใน แม้ว่าเขาจะหามันมาสู้กับไคเมรา 3 หัวไม่ทันเวลาก็ตาม แต่ว่าตอนนี้ไคเมรา 3 หัวจากไปแล้ว ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะคลาดกับสิ่งนี้ สำหรับคทาใบ้ เป็นของที่ใช้ได้ครั้งเดียว หลังจากผ่านไป 10 นาทีแล้วคทาก็จะสูญเสียพลังอำนาจไปทั้งหมดและเป็นชิ้นตกอยู่บนพื้น เป็นขยะที่เปราะบางยิ่งกว่าเศษขนมปัง
ห้องโถงด้านขวายังมีนักรบหัวแกะอยู่กลุ่มหนึ่ง
พวกมันอดทนกว่าหมอผีหัวแกะ แต่โคเงาและเสี่ยวเหวินหลีจัดการจนพวกมันแตกพ่ายไปอย่างรวดเร็ว
สิ่งที่ทำให้เย่ว์หยางประหลาดใจก็คือไม่จำเป็นต้องมีการไขปริศนาใดๆ ในห้องด้านขวา และหินอักขระบอดลอยตัวอยู่ในตำแหน่งที่มองเห็นได้ชัดเหนือหม้อพลังงานที่มีฐานตั้ง
“นี่จะใช่กลไกกับดักไหมนะ?” เย่ว์หยางนึกหาวิธีทดสอบมากมายหลายวิธีจนกลายเป็นสงสัยกระทั่งเรื่องเล็กน้อยทุกอย่าง และเห็นว่ามันง่ายเกินไป เขาค้นดูในห้องโถงอย่างพิถีพิถัน และพบกะโหลก 5 หัวที่แตกไปครึ่งหนึ่ง อาวุธที่มีสนิมสึกกร่อนไม่กี่ชิ้น หัวลูกศรและแหวนเงิน
แหวนเงินมีรูปบิดเบี้ยวและใช้ไม่ได้แล้ว น่าผิดหวัง เย่ว์หยางโยนมันทิ้งไป
ในที่สุด เขาก็จับจ้องไปที่หม้อพลังงาน
“จะเก็บของหรือจะถอยดี หนึ่งเหรียญทองจะต้องจ่ายเป็นค่าพลังงานแต่ละครั้ง” นี่คือประโยคที่สลักไว้บนหม้อน้ำพลังงาน พอเย่ว์หยางเห็นแล้ว เขาชูนิ้วกลางให้มันทันที “อย่างนี้มันรังแกคนจนไม่ใช่เหรอ? จะมีไอ้โง่ที่ไหนใส่ของเอาไว้ข้างใน ก็เหมือนเสียเงินเปล่าไม่ใช่หรือ?.. เอ่ นั่นก็ไม่ถูกนะ ถ้านี่เป็นที่เก็บของรางวัล อย่างนั้นก็คงไม่เหมือนอย่างนี้กระมัง? ยกตัวอย่าง ถ้าคนแข็งแกร่งคนหนึ่งจากตระกูลมีชื่อเข้ามาข้างในแล้วเอาสิ่งประดิษฐ์วางไว้ข้างในล่ะ จากนั้นก็ไม่ยอมให้ลูกหลานที่มีระดับฝีมือต่ำใช้มันสั่งให้อสูรชั้นหัวหน้าทำงาน?”
ขณะที่เขาคิดอย่างนี้ เย่ว์หยางเกือบจะน้ำลายไหล
ถ้าแค่เหรียญทองเดียว เขามีเงินสำรอง
ก่อนอื่น เย่ว์หยางคว้าหินอักระบอดมาไว้ในมือ จากนั้นโยนเหรียญทองลงในหม้อพลังงาน
พลังคลื่นก่อตัวเป็นรูปแสงปรากฏอยู่ในหม้อพลังงาน จากนั้นจดหมายฉบับหนึ่งก็ลอยขึ้นมาตรงจุดที่ซึ่งแต่เดิมมีหินอักขระบอดลอยอยู่ และหมึกในจดหมายยังไม่ทันแห้ง ลายมือเปื้อนเลือดสามารถมองเห็นได้ชัดเจน
“จดหมายเหรอ?” พอไม่เห็นสิ่งประดิษฐ์ลอยขึ้นมาจากหม้อพลังงาน เย่ว์หยางผิดหวังเล็กน้อย
พอรู้สึกไม่ยินยอมพร้อมใจ เขาโยนเหรียญทองลงไปในหม้อพลังงานอีก 2-3 เหรียญ อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เขาได้รับก็คือจดหมายหรือไม่ก็แหวนแต่งงาน มีดสั้น สุดท้ายมีกระทั่งไข่สัตว์อสูรที่ยังไม่ฟัก หลังจากเสียทองไป 15 เหรียญ ไม่มีสัญญาณของสิ่งประดิษฐ์ใดๆ เลย เย่ว์หยางรู้สึกว่าเขาเสียเวลาไปมากมาย จึงเปิดจดหมายดู เนื้อหาของจดหมายทั้งหมดก็คือพินัยกรรม เย่ว์หยางกระพริบตาปริบๆ นอกจากหวังว่าคนรุ่นต่อไปจะมาเห็นจดหมายนี้ และให้ผู้คนพูดถึงข้อความในจดหมายหรือของรางวัลที่จำได้ ในจดหมายไม่มีประโยคอะไรที่สร้างความสนใจให้เย่ว์หยาง
มีเพียงจดหมายฉบับหนึ่งที่ผู้เขียน ได้เขียนไว้อย่างเย่อหยิ่ง “เจ้าต้องการสมบัติของข้าหรือ? ถ้าเจ้าต้องการมัน ข้าให้เจ้าได้ จงไปค้นหามันในหุบเขามรณะ ของอะไรก็ตามที่เจ้าเอามาจากที่นั่นด้จะทำให้ผู้คนบ้าเพราะมันได้”
เย่ว์หยางดูแล้วก็โวยวายขึ้นว่า “พระเจ้า! ท่านคิดว่าตัวเองเป็นโกลด์ ดี โรเจอร์จากเรื่องวันพีซหรือนี่?”
อย่างไรก็ตาม คนผู้นี้ไม่เพียงแต่มีแผนที่วาดไว้บนกระดาษเท่านั้น แต่ยังคงมีไข่ที่มีคุณภาพระดับสูงที่ประเมินแล้วอาจถึงระดับ 5 ดาวก็ได้ ดูเหมือนจะมีสิ่งนั้น หุบเขามรณะเป็นสถานที่เยี่ยงไรกันแน่? แม้ว่าเย่ว์หยางจะอยู่ในแผ่นดินมังกรทะยานมาได้ไม่กี่เดือน แต่เกี่ยวกับสถานที่แบบนั้น เขาได้ยินมามากหลายครั้งแล้ว อีกชื่อหนึ่งของหุบเขามรณะก็คือ “สุสานนักสู้” แม้แต่นักสู้ระดับ 6 ขั้นผู้แก่กล้ายังหน้าถอดสีเมื่อได้ยินชื่อของมัน
เป็นไปได้ว่ามีสมบัติซ่อนอยู่ในหุบเขามรณะจริงหรือ?
เย่ว์หยางจินตนาการถึงสมบัติจำพวกทองกองอยู่ในที่นั้นและสมบัติส่วนใหญ่เป็นสิ่งประดิษฐ์ ในกลางห้อง มีสาวมังกรนอนเปลือยกายอยู่ในนั้น เปล่าเปลี่ยวเดียวดายกำลังรอให้เขาเข้าไปปลอบใจนาง พระเจ้า.. ในหัวของเย่ว์หยางยังเต็มไปด้วยเรื่องลามกมิได้ขาด….
**********************