ตอนที่ 45 ตามหาเย่ว์ปิง
หลังจากผ่านไปราว 20 นาที คนผอมก็กลับมา
เขาไม่ได้กลับมาตามลำพัง ข้างหลังเขา มีคนหนุ่มสวมชุดเก่าขาดคล้ายๆ เขาอีก 5 คนตามมาด้วย
หนึ่งในนั้นดูเหมือนจะใส่แว่นข้างเดียวและมีภาพวาดในมือของเขา แขนขาวของเขามารอยเปื้อนหมึก โดยไม่พูดสักคำ เขายื่นภาพให้เยว์หยาง ขณะที่เย่ว์หยางรับภาพวาดมาดูพบว่ามีคนอยู่ในภาพวาดคือเยว์ปิงในชุดดำ แม้ว่านางจะมีผ้าคลุมหน้า แต่เสน่ห์ของนางก็มากพอที่จะทำให้เขาระบุสถานะนางได้อย่างรวดเร็ว ถ้าหมึกที่ใช้วาดยังคงไม่เปียก เย่ว์หยางสงสัยว่าภาพวาดที่ประณีตนี้คงใช้เวลาวาด 10 วันหรือครึ่งเดือนจึงจะเสร็จสมบรูณ์
"ภาพวาดนี้อาจไม่คอยเหมือนนัก ตอนนี้ คุณณชายให้เวลาข้าสัก 5 นาทีเองและข้าก็ไม่เคยเห็นแม่นางเยว์ปิงที่ท่านตามหาเป็นส่วนตัวเสียด้วยแม้ได้รับคำอธิบายจากเฮ่อสื่อหยุนกับฉินหยางก็ยากจะวาดออกมาให้แม่นยำได้" คนใส่แว่นอธิบายอย่างไม่สบายใจ
"ไม่เลย, ท่านวาดภาพนางได้ดีมาก" เย่ว์หยางทึ่งอยู่ในใจ แม้จะแค่อาศัยเฉพาะคำอธิบาย เป็นไปได้ที่จะวาดภาพนางได้แม่นยำเชียวหรือ?
ยิ่งไปกว่านั้น บุรุษผู้นี้ทำงานเสร็จในเวลา 5 นาที
หากไม่ต้องพิจารณาถึงอะไรอื่น บุรุษผู้นี้เป็นอัจฉริยะด้านวาดภาพแน่นอน
เย่ว์หยางไม่ต้องการยกย่องเขาตอนนี้เขาหันไปที่คนอื่นอีก 4 คนและถามขึ้นอย่างรวดเร็วว่า "พวกท่านเคยเห็นเย่ว์ปิงไหม? เป็นพวกท่านทั้งสองหรือเปล่า? เมื่อครั้งล่าสุดที่ท่านเห็นนางใช่ไหม
บุรุษตัวเตี้ยและผิวซีดชื่อเหอซื่อหยุนตอบว่า ครึ่งเดือนที่แล้ว ฉินหยางกับข้ากำลังไปบันทึกหาค่าจ้างกับผู้คนที่แม่น้ำฉางลั่วเดิมที่ไม่มีใครสังเกตหรอว่าทีมกุหลาบกำลังเดินทาง แต่เราได้ยินคุณชายหยานจากตระกูลหยานได้รับยกย่องให้เป็นหัวหน้าทีมกุหลาบ, คุณชายเฉินถู, คุณชายสี่ เย่ว์เยี่ยนของตระกูลเย่ว์ที่ยังปรากฏอยู่ตอนนั้น ขณะเราเขียนอยู่เพลินๆ บังเอิญเราได้ยินพวกเขาคุยกันเรื่องคุณชายสามตระกูลเย่ว์เอ่อ.. พวกเขาพูดเรื่องต่างๆ ที่ไม่น่าพอใจ คุณหนูที่อยู่ในชุดสีดำ คุณหนูเย่ว์ปิง ก็โพล่งขึ้นมาและเริ่มเถียงกัพวกเขา..."
เมื่อเหอซื่อหยุนกำลังคุยเรื่องคุณชายสามตระกูลเย่ว์ พวกเขาทั้ง 6 มองมาที่เย่ว์อย่างกังวลเล็กน้อย
ทุกคนเหมือนจะเป็นคนฉลาดและคาดเดาสถานะของเย่ว์หยางได้บ้างแล้ว
พวกเขาอาจไม่รู้จักเย่ว์หยางและไม่สามารถมองเห็นใบหน้าเบื้องหลังหน้ากากของเขาได้ แต่พวกเขาก็รู้จักวิธีคาดเดา ก็จะมีใครเล่าที่ห่วงใยตามหาเย่ว์ปิง?
คนผู้นี้แม้ว่าจะไม่ใช่พี่ชายของเย่ว์ปิง เขาก็น่าจะเป็นหนึ่งในกุลบุตรตระกูลเย่ว์แน่นอน.. ผู้ที่ไม่รู้จักว่ากุลบุตรตระกูลเย่ว์มีใครบ้างคงไม่มี? กุลบุตรคนโตเย่ว์เทียนและกุลบุตรคนที่สี่ เย่ว์เหยียนชื่อที่สร้างความหวั่นไหวในสถาบันฉางจิงและแม้ในหอทงเทียน พวกเขาเป็นผู้นำของคนรุ่นใหม่ กุลบุตรคนที่ห้าเย่ว์ถิงเป็นหัวหน้าองครักษ์คุ้มกันองค์หญิงหวงชื่อหลานเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะทิ้งองค์หญิงแล้วมาที่นี่ กุบุตรคนที่หกเย่ว์เป๋า ยังเด็กเกินไปอายุเขาเพียง 16 ปี ขณะที่กุลบุตรคนที่เก้าเย่ว์เฟิงยังเล็กอยู่
นอกจากกุลบุตรคนที่สามของตระกูลเย่ว์ผู้เต็มไปด้วยความลึกลับ ผู้ซึ่งไม่ได้รับการยอมรับจากทุกคนหรือไม่?
ดังนั้นเหอซื่อหยุนจึงไม่ได้เล่ารายละเอียดถึงเหตุการณ์ที่หยานโพ่วจุน, เฉินถูและเย่ว์เยี่ยนล้อเลียนเย่ว์หยางทั้งหมดแต่กลับข้ามเนื้อหาไปทั้งหมด
แม้กระนั้น พวกเขาก็ยังมองมาที่เย่ว์หยางอย่างกังวล กลัวว่าเขาคงจะโกรธ
"เหตุการณ์ต่อไปล่ะ?" เย่ว์หยางไม่ใส่ใจเรื่องที่คนอื่นล้อเลียนเขาลับหลัง เขาถือว่าทุกคนที่ว่าเขาเป็นแค่ขยะก็เป็นเหมือนกับลมร้อนเพราะในความจริงเขาคืออัจฉริยะผู้โชคดีคนหนึ่ง ทำไมต้องไหวั่นเกรงกับเรื่องที่คนอื่นคุยกันเล่า? แม้ว่าเขาจะเก็บความจริงนั้นจนฟันร่วงและทำให้มันต้องกลืนเลือดลงท้องตัวเองให้จงได้แต่ตอนนี้ เรื่องที่สำคัญที่สุดก็คือตามหาเย่ว์ปิง ตราบเท่าที่นางยังปลอดภัย นั่นคือสิ่งที่สำคัญยิ่งกว่าอะไรอื่น เกี่ยวกับการฝึกฝน ความแข็งแกร่งที่เย่ว์หยางมีในปัจจุบันสามารถช่วยให้เย่ว์ปิงผ่านชั้นต่างๆได้
หากกล่าวว่าเย่ว์หยางเริ่มหวงแหนเย่ว์ปิงและคนอื่นๆ เมื่อเขาข้ามมิติมายังโลกนี้เป็นครั้งแรกก็ว่าได้เพราะปัจจุบันเขาหลอมรวมเป็นครอบครัวของหญิงงามไปแล้ว
ในใจเขา ถือว่าเย่ว์ปิงคือน้องสาวแท้ๆ ของตนไปแล้ว
ถ้าเย่ว์หยางพบเย่ว์ปิงตอนนี้โดยนิสัยของเขาจะให้คำแนะนำและช่วยให้ก้าวหน้าอย่างมาก
"เย่ว์ปิงคงเถียงไม่ชนะและคงเริ่มสู้แบบนักรบได้ นางอัญเชิญนักรบมนุษย์พฤกษาได้ 2 ตนและเกือบจะฆ่าราชสีห์แมงป่องของฉินถูได้ แต่หลังจากนั้น หยานโพ่วจุนร่วมต่อสู้ด้วย เขาแข็งแกร่งมาก และในสถานการณ์ 1 ต่อ 2 ก็เอาชนะคุณหนูเย่ว์ปิงได้ เหตุการณ์ที่ตามมาคือเฉินถูขับนางออกจากกลุ่ม..." บุรุษผิวคล้ำฉินหยางอธิบายขั้นตอนการเผชิญหน้าอย่างกระชับ
"ช่วงเวลานั้นเย่ว์เยี่ยนทำอะไรอยู่?" เย่ว์หยางรู้ว่า แม้ฉินหยางจะอธิบายอย่างกระชับแต่ขั้นตอนการต่อสู้ต้องเข้มข้นแน่ๆ บุรุษ 2 คนข่มขู่ผู้หญิงตัวเล็กอย่างเย่ว์ปิงทำให้ผู้คนโกรธแค้นได้จริงๆ
ดูผิวเผินเย่ว์หยางไม่แสดงอารมณ์ออกทางสีหน้า แต่รังสีอำมหิตเริ่มคุอยู่ในใจ
เขาเปลี่ยนหัวข้อไปที่บุคคลสำคัญก็คือเย่ว์เยี่ยน คนผู้นี้เป็นหนึ่งในผู้เยาว์ตระกูลเย่ว์ หลังจากเห็นญาติถูกคนอื่นรังแก ยังจะยืนดูอยู่เฉยๆ อีกหรือ? คำตอบของเย่ว์ปิงครั้งล่าสุดตั้งข้อสังเกตลับๆ ว่าเย่ว์เยี่ยนคือคนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องร้ายเหล่านี้และสร้างเรื่องขัดแย้งจนเหตุการณ์เลวร้าย ถ้าไม่ใช่เพราะเย่ว์เยี่ยนทำเรื่องร้ายๆ อย่างต่อเนื่องจนเป็นการทำร้ายจิตใจของเย่ว์ปิงให้เศร้าโศกแล้ว นางจะเอาเรื่องแบบนั้นมาบอกให้มารดาทราบได้ง่ายๆ อย่างไร
".." เฮ่อซื่อหยุนลังเลเล็กน้อยแต่ก็ตัดสินใจในที่สุดพูดถึงเหตุการณ์ทั้งหมด
"อย่างนั้นหรอกหรือ? ช่างเป็นพี่ชายที่แสนดีเสียจริง" เย่ว์หยางหัวเราะเยือกเย็น
ในใจเขาเย่ว์หยางแทบไม่อาจยับยั้งความต้องการจะไปหาเย่ว์เยี่ยนและต่อยตีมันสักหมื่นครั้ง
อย่างไรก็ตาม ความแค้นนี้สามารถรอได้ ยิ่งกว่านั้น พวกเขาก็เป็นคนตระกูลเดียวกัน ไม่ช้าก็เร็วคงได้มีโอกาสเอาของโปรดไปคืนเจ้าคนน่ารังเกียจที่ชื่อเย่ว์เยี่ยนแน่ๆ เขาเอาชนะเบ่ว์เยี่ยนและคนอื่นๆ ในการประลองฝีมือรุ่นเยาว์ประจำปีของตระกูล ขาจะเหยียบพวกมันล้างแค้นให้เย่ว์ปิง
บุรุษทั้ง 6 แอบถอนหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อพวกเขาเห็นเย่ว์หยางไม่แสดงอารมณ์อะไรออกมา
พวกเขายืนยันข้อสังเกตในใจของพวกเขาหลังจากมองหน้ากันและกัน
บุรุษผู้นี้มาตามหาเย่ว์ปิงด้วยความห่วงใยต้องเป็นคุณชายสามแห่งตระกูลเย่ว์ที่ร่ำลือกันแน่ ถ้าใช่เขาจริงๆ อย่างนั้นเรื่องราวทั้งหลายที่ตามมาก็จะง่าย ตราบใดที่หาเย่ว์ปิงได้พบเร็วๆ ในฐานะที่เป็นพี่ชายของเย่ว์ปิงเขาจะไม่กลับคำเรื่องค่าตอบแทนแน่นอน ที่สำคัญที่สุด คุณชายผู้นี้ใจกว้าง เขาให้เกียรติคนอื่นและเป็นลูกค้าที่ดีซึ่งหาไม่ได้ง่ายนัก
"ท่านซื่อเย่คงใช่ไหม?" เย่ว์หยางยอมรับความสามารถของบุรุษผอมผู้นี้อย่างๆ บุรุษผู้นี้เป็นอัจฉริยะมีปฏิกิริยะตอบสนองไม่ธรรมดาและมีประสิทธิภาพในการทำงานจริงๆ แม้ว่าเย่ว์หยางจะมอบหมายงานที่ให้เขาเพียงครึ่งชั่วโมง เขากลับหาคนที่เขาต้องการมากที่สุดมาได้ เย่ว์หยางยื่นมาออกมาแตะไหล่ของบุรุษผอมเบาๆ "ท่านทำได้ดีจริงๆ ตอนนี้ เราต้องหาเย่ว์ปิงให้พบโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ถ้าไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับนางข้าจะให้รางวัลพวกท่านเป็นสองเท่าจากที่เคยสัญญาไว้โอว.. จริงสิพวกท่านเป็นใครกันบ้าง?"
มีอยู่เพียงสองคนที่ไม่ปริปากพูดอะไรเลย พวกเขาเป็นพี่น้องฝาแฝดที่มีลักษณะเหมือนกันจนยากจะแยกแยะได้
บุรุษสองคนนี้สวมเสื้อผ้าคร่ำคร่าเหมือนกัน อย่างไรก็ตาม บนหลังของพวกเขาสะพายดาบโค้ง 2 เล่ม คนซ้ายและคนขวาในบรรดาคนทั้ง 6 พวกเขาทั้ง 2 เท่านั้นที่มีอาวุธคู่มือเย่ว์หยางพบว่านี่แปลกประหลาด สองคนนี้มาที่นี่เพื่ออะไร?
ถ้าบุรุษผอมเย่คงเป็นคนนำทาง เหวินซิ่วเป็นช่างวาดและเหอซื่อหยุนกลับฉินหยางเป็นประจักษ์พยาน อย่างนั้นแฝดทั้ง 2 มาที่นี่เพื่ออะไร
“ข้าซื่อหลี่เซียและนั่นน้องของข้าหลี่เกอเราทั้งคู่เป็นนักสู้ชั้นผู้กล้าระดับ 2 ขั้นสูง สัตว์อสูรของเราคือคาไมทาจิวายุเย่คงคาดว่าเย่ว์ปิงคงอยู่ที่แดนดาวแส้นทางผ่านไปเพื่อฝึกฝนเราคุ้มกันท่านได้ตอนที่ข้ามหมู่บ้านยู่หลง ถ้าเราตายในการต่อสู้ท่านจะไม่ตกอยู่ในอันตรายถึงตาย” เกือยไม่มั่นใจเมือ่บุรุษคนซ้ายมือหลี่เซียพูดอย่างนี้
เย่คงผู้นี้อาจคิดมากไปหรือเปล่า?
เป็นไปได้ว่าเย่คงได้ยินว่าเขาก็แค่ขยะก็เลยรู้สึกว่ามีพลังต่อสู้ไม่พอ จึงได้คิดหาคนคุ้มครองมาให้เขา?
เย่คงเห็นว่าสีหน้าของเย่ว์หยางเปลี่ยนไปเล็กน้อยจึงได้อธิบายกับเขาอย่างไม่สบายใจว่า “อย่าห่วงเรื่องเงินค่าจ้างพวกเขาเลย พวกเราทั้ง 6 คนจะรับครั้งเดียวแล้วค่อยมาแบ่งกัน แม้ว่าท่านจะมีหมาป่าปีศาจหลังเหล็กตัวหนึ่ง แต่ในหอทงเทียนสัตว์ที่ไม่ได้ทำสัญญาอาจหลบหนีไปได้ง่ายๆ ข้ากลับรับประกันได้ว่าความสามารถในการต่อสู้ของพวกเขา มากกว่าระดับจริงๆ ของพวกเขา เพียงแต่พวกเขาไม่มีเงินไปที่สมาคมทหารรับเจ้าเพื่อเพิ่มคะแนนความสามารถ ถ้ามีกัน 6 คน เหวินอยู่โมสามารถไปที่สามารถคมรับจ้างหาคนมารับภารกิจได้ เฮ่อซื่อหยุนสามารถออกไปยังพื้นที่เทียนเป่าม, เทียนหัวและเทียนจีเพื่อสอบถามเรื่องเย่ว์ปิง ฉินหยางสามารถไปเร่งฉางลั่ว ฉางเซอ, และฉางหงให้คอยตะเวนดู เมื่อเรารีบเร่งไปที่แดนดาว ถ้าพวกเขาพบอะไร พวกเขาก็จะไปที่สมาคมทหารรับจ้างเพื่อส่งข่าวให้เรา ขณะเดียวกัน พวกเขาจะช่วยกันหาความเคลื่อนไหวล่าสุดจากเฉินถู่และหยานโพ่วจุนเพื่อป้องกันไม่ให้พวกเขาพบกันอีก”
เมื่อเย่ว์หยางได้ยินดังนี้ เขาพยักหน้าเบาๆ
อย่างไรก็ตาม ตอนนี้เขามีคำถามอยู่คำหนึ่ง นอกจากหญิงงามทรงโต, คนอ้วน, และคนของเย่คงแล้วสามารถเห็นความแข็งแกร่งที่แท้ของฮุยไท่หลาง เขารู้สึกว่าฮุยไท่หลางมันต้องการพลังปราณก่อกำเนิดในเวลาใดเวลาหนึ่งก็ได้ จึงตามพัวพันไม่ยอมไปจากเย่ว์หยางแน่นอน
ฮุยไท่หลางจะไม่จากไปแม้หลังจากได้รับบาดเจ็บอย่างหนักไม่จำเป็นต้องกังวลว่ามันจะหักหลังหนีเย่ว์หยางไป
“เราต้องการงานชิ้นหนึ่งจริงๆ” คนทั้งหกจ้องเย่ว์หยางอย่างมีความหวังเต็มเปี่ยม
“สำหรับพวกท่านทุกคน นี่อาจเป็นงานอย่างหนึ่ง อย่างไรก็ตาม สำหรับข้า นี่คือชีวิตเย่ว์ปิง ข้าขอร้องให้พวกท่านออกไปช่วยกันทุกคน” แน่นอน เย่ว์หยางไม่สนว่าเย่คงจะขอใช้คนเท่าไหร่ ในทางตรงกันข้าม สำหรับเขาแล้วได้คนมากจะช่วยให้การค้นหาเย่ว์ปิงได้ดีกว่า เขาเองก็ต้องการใช้หนทางที่เร็วที่สุดเพื่อตามหาน้องสาวผู้ดื้อดึงนางนั้นให้พบ
“โปรดมั่นใจ สำหรับพวกเรา งานนี้เทียบเท่าชีวิตเราพอๆ กับที่เราจะต้องอดตายกันทั้งหมด” เย่คงมองเย่ว์หยางพยักหน้าอย่างหนักแน่น