ตอนที่ 44 ต้องรอด
เย่ว์หยางก้มลงมองก็พบว่าเขายืนอยู่บนหน้าของบุรุษคนหนึ่ง
เหงื่อตก เขารีบลงมาทันที
เขาก้าวลงจากหน้าของบุรุษผอมในชุดมอมแมมเหมือนขอทาน เขานอนเหยียดแขนขาอยู่บนพื้น แม้เย่ว์หยางจะลงจากหน้าเขาแล้ว เขาก็ยังไม่ลุกขึ้น พอเห็นว่าดูเหมือนเขาจะไม่ได้รับบาดเจ็บ เป็นแค่นอนอยู่บนพื้นเหมือนว่าอยู่ในบ่อโคลนเคลื่อนไหวไม่ได้ เย่ว์หยางอยากรู้เรื่องเขาจึงถามเขา “เกิดอะไรขึ้นกับเจ้า?”
“อย่าได้ถาม…ข้าขายหน้าหอทงเทียนจริงๆ” บุรุษหนุ่มผอมส่ายหน้าถอนหายใจ
“เจ้าเสียพนันเงินออมทั้งชีวิตหรือ?” เย่ว์หยางขมวดคิ้วเล็กน้อย
“ไม่หรอก ข้าเตรียมตัวมา 5 ปีและรวบรวมความแข็งแกร่งให้มากเท่าที่จะทำได้ ข้าผ่านเส้นทางหุบเขายู่หลงเข้าสู่แดนดาวหาประสบการณ์ ตอนแรกทั้งหมดเป็นไปอย่างราบรื่น ข้ามั่นใจเต็มเปี่ยมว่าข้าจะสามารถได้รับผลไม้ภูมิปัญญา ข้าไม่คาดคิดเลยว่าจะไม่สามารถแม้แต่จะผ่านวิหาร 12 นักษัตร สถานที่ท้าทายที่ง่ายที่สุด สัตว์อสูรทั้งสองของข้าคือ หมาป่าพิษระดับ 3 และพระยาวานรทองแขนยาวของข้าตาย.. แม้ด้วยการเตรียมตัวอย่างดีถึง 5 ปี ข้าสูญเสียทุกสิ่งภายในวันเดียว เจ้าเชื่อไหมล่ะ? เจ้าคิดหรือว่าข้าต้องการนอนอยู่ตรงนี้ เพื่อรอความตาย? ข้าไม่เหลือศักดิ์ศรีใดๆ ที่จะพกพากลับบ้านแล้ว เจ้าอาจไม่เชื่อก็ได้ แต่ตระกูลของข้ามีพรสวรรค์โดดเด่นที่สุด พ่อแม่ข้าคาดหวังข้าไว้อย่างมาก ข้าไม่กล้าไปสู้หน้าเพื่อเห็นสีหน้าผิดหวังของพวกท่าน เจ้าอยากรู้ไหมว่าข้าเขียนถึงตระกูลข้าอย่างไร? ข้าโกหกพ่อแม่ข้าบอกว่าข้ากำลังก้าวหน้าที่นี่ได้ดีเลยทีเดียวและการฝึกฝนของข้าก็เป็นไปด้วยดี สัตว์อสูรทั้งสองของข้าเพิ่มระดับแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ และเพื่อนร่วมกลุ่มของข้าให้ความยอมรับนับถือข้าอย่างดี ในความเป็นจริงแล้ว ข้า.. ข้าโดนเจ้าพวกนั้นขับออกจากกลุ่ม” น้ำเสียงของบุรุษผอมเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง มันทำให้รู้สึกเหมือนว่าใจตายด้านแล้ว เหลือแต่ขี้เถ้า แม้ว่าเขาจะมีรอยยิ้มบนใบหน้า แต่ก็เป็นการยิ้มเยาะตัวเอง
พอได้ยินคนผอมพูด เย่ว์หยางถึงกับสะท้านใจ
เย่ว์ปิง นางเป็นผู้หญิงเด็ดเดี่ยว แม้จะถูกขับออกจากกลุ่มของนาง นางจะเหมือนคนผอมผู้นี้ในตอนนี้ ที่สัตว์อสูรของนางตายหมดหรือเปล่า?
นางคงเหมือนกับบุรุษผู้นี้ที่สูญเสียทุกอย่าง ไม่มีศักดิ์ศรีที่จะกลับบ้าน อดอาหารกระทั่งนอนอยู่บนพื้นรอความตายแล้วยังเขียนจดหมายไปบ้านบอกว่าทุกอย่างเป็นไปด้วยดีหรือ?
พอคิดได้ดังนี้แล้ว จิตใจเย่ว์หยางกังวลทันที เขาต้องตามหาเย่ว์ปิงโดยเร็ว จะไม่ยอมให้มีอะไรเกิดขึ้นกับนาง เขาไม่ยอมให้นางนอนรอความตายอย่างบุรุษคนนี้แน่ เขาจะต้องพานางกลับบ้านแล้วให้หญิงงามปลอบโยนนางให้ดี
เย่ว์หยางเคยได้ยินเย่ว์ปิงพูดเรื่องเส้นทางหุบเขายู่หลงและแดนดาวในจดหมายนาง คาดว่าการฝึกของนางกำลังก้าวหน้าเหมือนอย่างที่บุรุษผู้นี้เอ่ยอ้าง
“เจ้าคุ้นเคยกับเส้นทางหุบเขายู่หลงและแดนดาวไหม?” เย่ว์หยางถามเพื่อทำความเข้าใจสถานการณ์จากบุรุษผู้นี้ก่อน
“เฮ้อ, ข้าจะไม่คุ้นเคยกับมันได้อย่างไร? ก็ข้าใช้เวลา 2 ปีแนะนำคนในนี้ ข้าสามารถหลับตาพาเจ้าไปซิงยู่จากชั้นต่างๆในหอทงเทียนนี่ได้ เจ้าต้องการให้ข้าพาเจ้าไปที่นั่นหรือ? ข้ารู้ทางลัดที่ง่ายที่สุด ข้าไม่ต้องการเงินหรอก แต่ต้องการแค่อาหารเติมท้องเท่านั้น ถ้าเจ้าฝึกฝนสำเร็จภารกิจ ช่วยให้รางวัลข้าหน่อยก็ยังดี” เมื่อเขาพูดเรื่องรางวัล ความรู้สึกเยาะเย้ยตนเองปรากฏบนใบหน้าเขายิ่งขึ้น
“เจ้ารู้ไหมว่ากลุ่มฝึกฝนของสถาบันช่างจิงอยู่ที่ไหน? เย่ว์หยางถามอีกครั้ง
“สถาบันช่างจิงมีกลุ่มฝึกหัดเล็กๆ อยู่ 10 กลุ่ม เจ้ากำลังตามหาทีมไหน?” คนผอมพยายามรวบรวมเรี่ยวแรง ดูเหมือนว่าเขาคงไม่ได้กินอะไรมาหลายวัน เขาหิวจนไม่มีเรี่ยวแรง แม้จะยืนก็ยังเซเล็กน้อย
“ข้าคิดว่าทีมชื่อว่า กุหลาบสถาบันนะ ความจริงแล้วข้าก็ไม่ได้ตามหาทีมนี้หรอก แต่หาคนในทีมมากกว่า ขณะที่นำทางที่นี่ เจ้าเคยได้ยินว่ามีเด็กผู้หญิงชื่อเย่ว์ปิงบ้างไหม? นางถูกขับออกจากกลุ่มเหมือนกับเจ้านั่นแหละ เคยเห็นนางไหม? เย่ว์หยางห่วงจริงๆ ว่าเย่ว์ปิงจะพลาดพลั้งเกินขอบเขตจนต้องเป็นคนนำทางเพื่อแลกอาหาร
“เย่ว์ปิงเหรอ? ข้าไม่เคยได้ยินชื่อนางมาก่อน และข้าก็ไม่เคยพบทีมฝึกฝนที่ชื่อว่ากุหลาบสถาบันมาก่อน” บุรุษผอมส่ายศีรษะ
“…” เย่ว์หยางได้ยินดังนั้นก็ยิ่งกังวลเพิ่มขึ้นอีก
เด็กผู้หญิงที่ดื้ออย่างเย่ว์ปิงนั้นไม่มีอะไร ยังจะดีกว่าเกิดเรื่องร้ายๆ กับนาง
มิฉะนั้น เขาจะกลับไปอธิบายให้หญิงงามได้อย่างไร? แม้ว่าเขาจะใช้เวลากับเย่ว์ปิงได้ไม่นาน เขาก็รู้สึกว่านางเหมือนกับน้องสาวของเขา
ยังไม่จำเป็นต้องรีบฝึกฝน เรื่องจำเป็นมากกว่าคือตามหาเย่ว์ปิงก่อน
ในใจเขา ภาพของเย่ว์ปิงในชุดดำปรากฏขึ้นมา รู้สึกเหมือนว่านี่ช่างโชคร้ายจริง ที่น้องสาวปากแข็งจำเป็นต้องได้รับการปกป้องจากพี่ชายคนนี้…
“อย่างไรก็ตาม เจ้าไม่จำเป็นต้องกังวลไป นักเรียนสถาบันช่างจิง เก่งสุดยอดกันทุกคนอยู่แล้ว ไม่เหมือนข้า แม้ว่าพวกเขาจะล้มเหลวในการฝึก สถาบันคงจะได้เตรียมการไว้สำหรับพวกเขา ข้ารู้ว่าไม่มีเด็กผู้หญิงที่ชื่อเย่ว์ปิงรวมกับกลุ่มทั้งหมดที่นำมาที่นี่” คนผอมฉลาดมากและเห็นแววกังวลในใจของเย่ว์หยาง
“เอาอย่างนี้เป็นไง? ถ้าเจ้าช่วยข้าหานางได้ไวๆ ข้าจะให้ค่าจ้างท่านอย่างงาม ถ้าเจ้าสามารถหานางพบได้ภายในวันเดียว ข้าจะให้เจ้า 10 เหรียญทอง และถ้าต้องใช้เวลาเพิ่มขึ้น ข้าจะหักวันละ 1 เหรียญทอง ข้าไม่สนว่าเจ้าจะทำอย่างไรหรือใช้วิธีอะไร แต่ข้าแค่ต้องการเจอนางไว้ๆ” เย่ว์หยางเงียบไปชั่วขณะ ก่อนจะใช้ทองเพื่อเปิดเส้นทาง นอกจากนี้ เขาคงคิดเรื่องเหล่านี้หลังจากหาเย่ว์ปิงพบแล้ว
“ข้าจะพยายามอย่างดีที่สุด อย่างไรก็ตาม เจ้าสำรองเงินให้ข้าก่อนได้ไหม? ข้าไม่กลัวว่าเจ้าจะเยาะเย้ยข้านะ แต่ข้าไม่ได้กินอะไรมาหลายวันแล้ว ขอสัก 2-3 เหรียญทองแดงก็ได้ ข้าหิวเกินกว่าจะขยับไปไหนได้” เขามองเย่ว์หยางอย่างคาดหวัง เย่ว์หยางเคยเห็นใบหน้าที่คาดหวังเหมือนกกับฮุยไท่หลางยามเมื่อเขาจะเอาหินทุ่มให้มันตาย
นี่คือความต้องการจะรอด
มันเป็นแรงปรารถนาที่จะรอดแม้ในสถานการณ์สิ้นหวัง แม้ว่าเขาจะไม่เหลือเรี่ยวแรงต่อสู้ ในใจของเขา เขายังหวังว่าจะเกิดปาฏิหาริย์
ใจเย่ว์หยางหวั่นไหวเล็กน้อย เขาพยักหน้า เขาไม่ได้ให้แค่เหรียญแดงเดียว แต่กลับให้ 100 ทองแดงแก่เขา “นี่เป็นค่าแรงท่านสำหรับวันนี้ ไปดูแลตัวเองให้ดีก่อน ข้าจะรอครึ่งชั่วโมง”
หลังจากคนผอมรับทรัพย์จนกระเป๋าหนักแล้ว นัยตาเขาเริ่มแดงระเรื่อ เขาไม่ได้พูดอะไรสักคำ แต่พยักหน้าแข็งขันกำกระเป๋าในมือแน่น
เขาไม่ได้พูดแม้แต่คำเดียวก่อนจะจากไปอย่างรวดเร็ว
หากมองให้ดีๆ จะเห็นน้ำตาเป็นสายหยดลงบนเท้าของบุรุษผู้นี้
เย่ว์หยางมองตามหลังบุรุษคนนั้้นแล้วถอนหายใจเบาๆ นี่คือคนที่เรียกว่าอัจฉริยะ บางทีอัจฉริยะผู้ล้มเหลวผู้นี้ ครั้งหนึ่งเคยแบกความหวังของตระกูลของเขาอย่างเคร่งเครียดก็ได้ อย่างไรก็ตาม หลังจากสูญเสียสัตว์อสูรของเขา เขากลายเป็นขยะที่ไม่มีอะไร ไม่มีแม้แต่สถานที่เรียกว่าบ้าน คนผอมผู้นี้และเจ้าเด็กที่น่าสงสารที่โดดแม่น้ำตายคงมีบางอย่างระหว่างเขาที่เหมือนกัน เจ้าเด็กที่น่าสงสารแม้กำเนิดในตระกูลเย่ว์ หนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่ ก็ไม่สามารถทำสัญญากับคัมภีร์ได้ เขาไม่ได้มีสัตว์อสูรจึงกลายเป็นขยะที่ยิ่งใหญ่ของตระกูลไป ในที่สุดก็จำนนต่อแรงกดดันของตระกูลและแยกตัวออกมาจากการมีส่วนร่วม เขาเลือกที่จะจบชีวิตตนเองโดยโดดแม่น้ำตาย ช่างคล้ายกับคนผอมที่นอนรอความตายที่นี่ ทำอะไรไม่ถูก ไม่กล้าเผชิญหน้าใครไม่ใช่หรือ?
ก่อนที่เจ้าเด็กที่น่าสงสารจะโดดน้ำตาย นัยตาเขาได้ฉายแววเข้มแข็ง ผลาญความหวังที่จะมีชีวิตหรือเปล่า?
ตัวเขาเองคาดว่าเป็นปาฏิหาริย์สำหรับเขาหรือเปล่า?
อย่างไรก็ตาม ไม่มีใครช่วยเขาได้ในที่สุด ก่อนเขาตาย เย่ว์หยางครอบครองสถานะของเขา และเจ้าขยะของตระกูลเย่ว์นี้สามารถพูดได้ว่าเกิดใหม่แล้ว แต่คนที่เกิดใหม่ในที่นี่ก็คือตัวเย่ว์หยางเอง นักเดินทางข้ามมิติที่โชคดีกว่าเจ้าเด็กน่าสงสาร เขาได้รับมรดกตกทอดทุกอย่างที่เป็นของเจ้าเด็กผู้น่าสงสาร รักชอบหญิงงามและความรักความอบอุ่นของตระกูลของนาง ขณะเดียวกัน เขาก็ยังคงทำสิ่งที่เจ้าเด็กน่าสงสารไม่เคยทำได้ เขาทำสัญญากับคัมภีร์และได้รับอสูรผู้พิทักษ์ ทักษะดาราแฝดปราณก่อกำเนิดและเสี่ยวเหวินหลีและอื่นๆ อีกมาก
“เอาละ! ข้าอาจไม่สามารถช่วยเจ้ากับเรื่องที่เกิดขึ้นในอดีต แต่ข้าจะดูแลเย่ว์ปิงและคนอื่นๆ แทนเจ้า ข้าจะทำให้พวกเขาภูมิใจเจ้า และให้เกียรติชื่อของเจ้า แม้เจ้าจะเป็นขยะก็เถอะ ข้าจะช่วยให้เจ้าได้รู้ความจริง เจ้าไม่ใช่คนไร้ประโยชน์ เจ้าแค่ไม่มีโชคเพียงพอเท่านั้น”
ขณะที่เย่ว์หยางมองไปในท้องฟ้า ดูเหมือนเขาจะเห็นบุรุษที่ดูคล้ายเขายิ้มสดใสเหมือนดวงอาทิตย์และโบกมือร่ำลาอยู่
บางที เขาได้มาเพราะความปรารถนาของเจ้าคนที่น่าสงสารก็ได้
เจ้าคนที่น่าสงสารคงต้องหวังว่า ใครสักคนที่โชคดีอย่างเขา จะแทนที่เติมเต็มความสำเร็จที่ไม่มีวันเป็นจริงให้กับเขาได้
*********************