ตอนที่ 40 เผชิญโจวเผิงอีกครา
“ถังเทียน! เธอต้องระวังให้ดี คนจากองค์กรวิญญาณมืดอันตรายมาก” มารดาของหนานหนานกังวลห่วงใยเขาและกลับเข้าไปในบ้านหลังจากนั้นจึงกลับออกมาพร้อมกับกระปุกเล็กๆ ในมือเธอ “เธอช่วยเราไว้หลายครั้งแล้วและยังช่วยหนานหนานอีกด้วย ฉันไม่มีอะไรอย่างอื่นจะให้เธอ นี่คือขี้ผึ้งนางพญาผึ้งใบไผ่ เธอเก็บเอาไว้ให้ดี คงเพียงพอช่วยเธอได้สักระยะหนึ่ง”
“หนานหนาน, บอกลาพี่ใหญ่สิลูก เราจะไปกันแล้ว” มารดาหนานหนานยืนยันหนักแน่น
หนานหนานร้องเบาๆก่อนจะร้องไห้โฮ..
ถังเทียนรู้สึกปวดใจเขาได้แต่ใช้มือลูบศีรษะของหนานหนาน และรู้สึกเหมือนมีอะไรจุกอยู่ที่คอ แม้ว่าพวกเขาจะพบกันในช่วงเวลาสั้นสั้น แต่หนานหนานน่ารักและไร้เดียงสามากและถังเทียนก็เอ็นดูเธอมาก
มารดาของหนานหนานก็รู้สึกเสียใจเช่นกัน แต่เธอแข็งใจอุ้มหนานหนานกล่าวลาถังเทียนและหมุนตัวหายลับไปในทะเลไผ่
ได้ยินเสียงร้องไห้ของหนานหนานห่างออกไปเรื่อยๆ หัวใจถังเทียนหัวใจหงุดหงิดและรู้สึกสูญเสีย
เมื่อมองร่างบนพื้นหัวใจเขาเต็มไปด้วยความโกรธ ไม่ว่าเจ้าสุนัขวิญญาณมืดจะเป็นตัวอะไร เขาจะจดจำชื่อเอาไว้ ด้วยความโกรธ ถังเทียนแก้ผ้าบุรุษชุดดำตั้งแต่ศีรษะจนจรดเท้าไม่เหลืออะไร ก่อนจะโยนศพลงไปในบึง
ถังเทียนมุ่งหน้ากลับไปสถาบันคาราเมลพร้อมกับสัมภาระหอบใหญ่บนหลังเขา
ผู้เฒ่าเว่ยกลับมาถึงสถาบันคาราเมลแล้วกำลังย่างเนื้ออย่างสบายใจ ขณะที่อาโมรี่นั่งยองๆ อยู่ข้างๆ มองดูเขา ถังเทียนหน้าดำคร่ำเครียดเดินมาอยู่ต่อหน้าทั้งสองและโยนห่อของลงบนพื้น
สิ่งของที่อยู่ในห่อกลิ้งออกมา
เมื่อผู้เฒ่าเว่ยมองเห็นป้ายทองแดงมือเขาชะงักค้าง เขาลุกขึ้นและเดินมาดูสิ่งของบนพื้น และนั่งยองๆ คุ้ยดูสิ่งของ
“ดูเหมือนว่าแกหาเรื่องยุ่งยากหนักเสียแล้วคราวนี้”
เสียงของผู้เฒ่าเว่ยไม่มีความรู้สึก ความสุขหรือความโกรธไม่เด่นชัดนักอยู่ในสายตาลึกซึ้งของเขา
“นี่, ปู่, ปู่รู้อะไรเกี่ยวกับวิญญาณมืดแน่ ใช่ไหม?” ถังเทียนจ้องดูผู้เฒ่าเว่ย
ผู้เฒ่าเว่ยมองเห็นความโกรธและความอำมหิตอยู่สายตายของถังเทียนแต่หัวเราะและพูด “ฉันรู้อยู่เพียงเล็กน้อย วิญญาณมืดคือองค์กรเก่าแก่โบราณมาก โอว,แกจะบอกก็ได้ว่าเป็นองค์เก่าแก่ที่สุด พวกมันเคร่งครัดมากด้วยสัมพันธ์ที่ยุ่งเหยิงและซับซ้อนภายใน ในประวัติศาสตร์ของสวรรค์วิถีทั้งหมดแกสามารถเห็นเงาได้ทุกที่ พวกมันเที่ยวและเดินอยู่ในความมืด จัดการเรื่องราวโดยไม่คำนึงถึงวิธีการแล้วถ้าแกตกเป็นเป้าหมายของพวกมัน แปดหรือเก้าในสิบแกมีโอกาสตายอย่างน่าสยดสยอง หนุ่มน้อยแกแส่หาปัญหาใหญ่เข้าให้แล้ว”
“พวกมันกำลังตามหาฉัน” ถังเทียนไม่ปิดบันอีกต่อไป “พวกมันคงตามหาสมบัติของแม่ฉัน ป้ายความเพียรแห่งดาวกางเขนใต้”
ป้ายความเพียรแห่งดาวกางเขนใต้ได้ผสานเข้าในตัวเขาไปแล้วและเขาไม่กังวลว่าใครจะมาเอาไปจากเขาได้
“หมู่ดาวกางเขนใต้?”ผู้เฒ่าเว่ยมองอย่างงุนงง “หมู่ดาวกางเขนใต้คือหมู่ดาวที่เล็กที่สุดมีอะไรที่พวกวิญญาณมืดต้องสนใจมันด้วย?”
พอเห็นถังเทียนสีหน้าว่างเปล่า ผู้เฒ่าเว่ยจึงอธิบาย“หมู่ดาวที่ใหญ่กว่าและแข็งแกร่งกว่า มีโอกาสสูงที่จะผลิตสมบัติดวงดาวที่ทรงพลังออกมาได้ หมู่ดาวกางเขนใต้เป็นหมู่ดาวที่เล็กที่สุด และสมบัติดวงดาวนี้ไม่น่าจะแข็งแกร่งมาก องค์การวิญญาณมืดสนใจและมองหาสมบัติดวงดาวที่น่ากลัว วิทยายุทธที่ทรงพลัง เว้นเสียแต่ป้ายความเพียรแห่งดาวกางเขนใต้จะมีความลับบางอย่าง?”
ถังเทียนส่ายศีรษะ“ฉันไม่รู้, แต่ฉันพบตี๋หาน แม้ว่าเขาไม่ได้โผล่หน้าให้เห็นก็ตาม แต่ต้องเป็นเขาแน่ๆ”
“ตี๋หาน?” ผู้เฒ่าเว่ยมีสีหน้ากังวล “พวกวิญญาณมืดส่งคนเข้าร่วมงานชุมนุมวิทยายุทธด้วยหรือ? เอ...นี่ก็แปลก พวกเขาสนใจป้ายแห่งความเพียรดาวกางเขนใต้และงานชุมนุมวิทยายุทธด้วยหรือนี่?”
อาโมรี่กำลังกอดเนื้อย่างขณะกินอย่างดุเดือดและไม่สนใจบทสนทนาของผู้เฒ่าเว่ยและถังเทียน
ถังเทียนรู้สึกหงุดหงิด เขาทึ้งศีรษะตนเองด้วยใบหน้าหมองคล้ำ การแยกจากหนานหนานทำให้เขารู้สึกเศร้า เขาไม่กลัวพวกวิญญาณมืดตามพัวพันป้ายความเพียรแห่งดาวกางเขนใต้ แต่ใครจะรู้ว่าผู้เฒ่าเว่ยกลับยกย่องพลังของพวกวิญญาณมืด
ยกตัวอย่างว่าป้ายแห่งความเพียรแห่งดาวกางเขนใต้ ถ้าเป็นเหมือนที่ผู้เฒ่าเว่ยพูด และมีความลับซุกซ่อนอยู่ในนั้น พวกวิญญาณมืดคงช่วยเขาค้นหาว่ามันคืออะไรกันแน่
สำหรับเรื่องอื่น หมัดเท่านั้นจะใช้แก้ปัญหาเหล่านั้น
ตราบใดที่เราเพียรฝึกฝนอย่างหนัก และทำให้เราแข็งแกร่งยิ่งขึ้น วิญญาณมืดก็จะช่วยให้ราค้นหาความลับของป้ายความเพียรแห่งดาวกางเขนใต้
พอคิดไปทำนองนี้แล้วอารมณ์ของถังเทียนค่อยสดชื่นมีความสุขขึ้น โดยไม่ต้องใช้สมองคิดอะไรกันมาก แค่ฝึกให้เหมือนกับว่าชีวิตของเขาขึ้นอยู่กับการนี้ นี่คือสิ่งที่เขาทำได้ดีที่สุด
“ฉันรู้สึกว่าระดับของคนผู้นี้ไม่ค่อยทรงพลังเท่าไหร่” ถังเทียนชี้ไปที่แผ่นทองแดงบนพื้น การต่อสู้จริงที่เขาเผชิญหน้า ทำให้เขารู้สึกว่าหมัดสายฟ้าสังหารเหมาะกับวิชาลอบจู่โจมในบรรดาวิชาฝีมือของเขามากที่สุด ถ้าหมัดสายฟ้าใช้ลอบจู่โจม ก็จะประสบความสำเร็จได้ทุกครั้ง
“เขาเป็นระดับทหารเลวของกลุ่มวิญญาณมืด” ผู้เฒ่าเว่ยชำเลืองมองดูของและพูดว่า“ในกลุ่มพวกวิญญาณมืด คนวงนอกจะไม่ได้รับพิจารณา พลังของวิญญาณมืดเป็นอะไรที่แกนึกภาพภายในไม่ออก พวกเขามีวิทยายุทธและสมบัติที่แตกต่างหลากหลาย สมาชิกวิญญาณมืดทุกคนต่อเมื่อทำภารกิจสำเร็จก็จะได้รับคะแนน พอสะสมคะแนนเพียงพอ พวกเขาสามารถแลกเปลี่ยนเป็นอะไรก็ได้ สาเหตุที่วิญญาณมืดหมกมุ่นอยู่กับสมบัติดวงดาวและวิชาต่อสู้ลึกลับ เป็นเพราะสิ่งเหล่านี้มีแรงดึงดูดพอให้เหล่านักสู้เสี่ยงชีวิตเพื่อได้มา ไม่เพียงแต่เท่านั้น ไม่ว่าแกต้องการอะไร ตราบที่แกสะสมคะแนนได้เพียงพอแกก็สามารถจัดหามาได้”
“แต่แกไม่ต้องกังวลมากเกินไป”ผู้เฒ่าเว่ยปลอบถังเทียน“ภายในองค์กรวิญญาณมืดประกอบด้วยหลายฝ่ายและมีความซับซ้อนมากกว่าองค์กรอื่นๆหลายครั้งที่การกระทำของพวกเขาไม่ได้มีความหมายที่ชัดแจ้งอะไรในฐานตัวแทนความทะเยอทะยานของวิญญาณมืด ถ้าพวกวิญญาณมืดสนใจป้ายความเพียรดาวกางเขนใต้ของแกจริงๆพวกมันคงไม่ส่งทหารเลวไม่กี่คนมาแน่”
ถังเทียนผิดหวังมาก“ไม่มีทาง, ป้ายความเพียรดาวกางเขนใต้ทรงพลังนัก แต่พวกมันสามารถกล่าวได้หรือ?”
อย่างไรก็ตาม, ในใจเขาเห็นด้วยกับที่ผู้เฒ่าเว่ยพูด เจ้าคนที่ตายด้วยเงื้อมมือของเขาน่าจะมีพลังพอๆ กับตี๋หาน แต่เพราะเรื่องนั้น ความคิดที่ยอดเยี่ยมที่เขาเพิ่งคิดออก จะให้เขาโยนทิ้งไปได้ลงคอเชียวหรือ?
“โธ่เว้ย!เราคิดเรื่องของพวกวิญญาณมืดมากไปแล้ว” ถังเทียนพึมพำกับตนเอง
ผู้เฒ่าเว่ยถาม“อย่าบอกนะว่าแกไม่กลัว?”
“ทำไมฉันต้องกลัวด้วย?” ถังเทียนมีท่าทีดูแคลนขณะมองดูผู้เฒ่าเว่ย เขาเท้าสะเอวมองดูพลางพูดด้วยความหยิ่ง“ฉันคือหนุ่มน้อยชาวฟ้า วิญญาณมืดก็เป็นเพียงหนึ่งในศัตรูที่ฉันจะเอาชนะตามรายทางเท่านั้นเอง”
ผู้เฒ่าเว่ยจ้องดูถังเทียนเป็นเวลานานก่อนเอามือตบหน้าผากตนเอง “คนหยิ่งยโสไม่มีอะไรต้องกลัว ฉันคิดผิดมาตลอดเวลา เจ้างั่งนี่ยังจะกลัวได้ยังไง...”
ถังเทียนเปลี่ยนความสนใจไปที่สินสงคราม และถามทันที “เฮ้, ผู้เฒ่า! ช่วยข้าดูหน่อยสิ ของเหล่านี้อะไรที่ใช้การได้บ้าง?”
“โอว, เก็บป้ายสำริดนี้ไว้ วิญญาณมืดจดจำป้ายไม่จำคน ถ้าแกฆ่าใครบางคนและเก็บป้ายของพวกมันไว้ วิญญาณมืดจะไม่สนใจ แต่ข้าคาดว่าเจ้านี่คงจะยากจน และมีคะแนนสะสมที่ไม่มาก แต่จากตรงนี้ แกจะได้รู้ วิญญาณมืดมีสิ่งทุ่นแรงมากมายเช่นกัน อย่างเช่นข้อมูล พลังรวบรวมข้อมูลของวิญญาณมืดนั้นไร้เทียมทาน ดาบคู่นี้นับว่าไม่เลวน่าจะระดับเดียวกับถุงมือเหล็กดำของแก โอ.. อันนี้ของดี ธนูในแขนเสื้อเล็กของหมู่ดาวซาจิทาเรียสเป็นสมบัติชั้นเหล็กดำ แกต้องฝึกใช้อาวุธลับให้ได้ก่อน จึงจะใช้ธนูนี้ได้ มีหินดวงดาวอยู่ 2-3 ก้อนระดับไม่สูงนักเอ่อ..แกเก็บไว้ใช้แลกซื้อสิ่งของก็ได้” ผู้เฒ่าเว่ยเป็นเหมือนนักธุรกิจเจ้าเล่ห์คนหนึ่ง
ถังเทียนหยิบธนูแขนเสื้อน้อยและผูกกับข้อมือและลองถ่ายพลังปราณเที่ยงแท้ลงไป
ด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์เขาเชื่อมปราณเข้ากับธนูลับแขนเสื้อ เพียงแค่คิดเท่านั้น ธนูเล็กถูกยิงออกมาอย่างรวดเร็วเหมือนกับลำแสงสีดำ
“เฮ้ เฮ้ เฮ้ ไอ้หนุ่ม นี่มันของเล่นอันตรายนะ” ผู้เฒ่าเว่ยเตือนทันที
ถังเทียนตามไปที่ตำแหน่งเงาดำและเมื่อเขาเห็นรูเล็กๆที่ต้นไม้ซึ่งอยู่ห่างไปสิบเมตร เขาถึงกับอ้าปากครั้ง ธนูแขนเสื้อสามารถทะลุต้นไม้หนาสองฟุตได้
“ของดีนี่หว่า!” ถังเทียนรีบเดินออกไปค้นหาธนูที่เขายิงออกไปทันที
ขณะที่รอถังเทียนค้นหาลูกธนู อาโมรี่ก็เรอออกมาดังราวกับสัตว์ป่าคำรามเรียกความรู้สึกของถังเทียนกลับมา สายตาของเขามองดูกระดูกขาเนื้อย่างที่อาโมรี่ถืออยู่ถึงกับตะลึง
กระดูกต้นขาชิ้นมหึมาของสัตว์ป่าไม่ทราบชนิดไม่เหลือแม้แต่เศษเนื้อติดอยู่มันถูกกวาดเรียบ
อาโมรี่มีท่าทีพึงพอใจ
“เจ้าวัวแมงวัน! บัดซบเอ๊ย! แกกินเนื้อย่างคนเดียวได้ไงฟระ”
เสียงตะโกนก้องด้วยความโกรธราวฟ้าผ่าของถังเทียนดังกึกก้องไปทั้งป่า
※※※※※※※※※※※※※※※※
“โหว การแข่งขันรอบจริงจะเริ่มวันนี้แล้ว มีคนตั้งมากมายแน่ะ” อาโมรี่มองดูไปรอบๆ
“ดูเหมือนจะเป็นอย่างนั้น” หน้าถังเทียนบิดเบี้ยวแม้ว่าเขาจะมีนิสัยห้าวหาญ แต่แรงกดดันจากฝูงชนโดยรอบทั้งที่เป็นพวกญาติๆ พี่น้อง เสื้อผ้าของเขายับย่นและรองเท้าก็เต็มไปด้วยรอยเท้าของคนอื่นเหยียบใส่
ทันใดนั้นเสียงเย็นชาเสียงหนึ่งดังมาจากหลังหูของถังเทียน “เฮ้ย เฮ้ย เฮ้ยนี่มันจอมเกเรถังของโรงเรียนเราไม่ใช่เหรอ? ทำไมแกยังดูเหมือนตกอยู่ในสถานการณ์ยุ่งยากนักเล่า?”
ถังเทียนหันหัวไปดู และเมื่อเขาเห็นโจวเผิง เขาก็หัวเราะ “ดีจริงๆ ฉันไม่อยากเชื่อเลยว่าแกจะส่งตัวเองมาขึ้นเขียงให้ฉันเอง”
เมื่อจบประโยคเขาเดินตรงไปหาโจวเผิง
โจวเผิงแค่นเสียงใส่เขาเหมือนกับว่าฟังเรื่องตลกเกี่ยวกับถังเทียน
มั่บ
ปรากฏมือใหญ่ข้างหนึ่งขวางหน้าถังเทียนไม่ให้ถังเทียนเข้าถึงโจวเผิงได้
ถังเทียนผลักมือนั้นออกไปทันที แต่มันหายไปต่อหน้าเขาทันที
วืดดดด
คลื่นอากาศกระแทกออกมาจากฝ่ามือนั้นสีหน้าถังเทียนเปลี่ยนเป็นเยือกเย็น ไวมาก
ด้วยท่าร่างปักหลักกลางหาวถังเทียนย่อตัวลง และคลื่นจากฝ่ามือพุ่งผ่านเหนือศีรษะเขาไป คลื่นจากฝ่ามือนี้ทำให้ถังเทียนถึงกับผมตั้งชัน แต่เขาไม่รู้สึกอะไร และการย่อตัวของเขาทำให้ระเบิดพลังออกไปได้เหมือนกับสปริง
ความเร็วของถังเทียนเพิ่มขึ้นฉับพลันและร่างของเขาในอากาศกลายเป็นเง่าร่างเลือนรางเหลือเพียงแต่ตาคู่หนึ่งขณะพุ่งผ่านอากาศที่เยือกเย็น
โจวเผิงรู้สึกว่าเขาตกเป็นเป้าหมายของสัตว์ป่า
อารมณ์ดุร้ายอำมหิตอบอวลอยู่ในอากาศพุ่งตรงเข้าหาเขา
โจวเผิงเบะปากแค่นเสียงเยาะเย้ยอีกครั้ง เขายกฝ่ามือและเล็งไปที่ภาพของถังเทียน
แสงสีเขียวเรืองขึ้นที่ฝ่ามือของโจวเผิง
ปัง!
ฝ่ามือและหมัดปะทะกัน ร่างของถังเทียนสั่นและไม่สามารถควบคุมขาขณะที่ถอยกลับไปได้
หลังจากถอยไปได้แปดก้าวเขาจึงยืนหยัดได้มั่นคง
แววตกใจปรากฏอยู่ทั่วใบหน้าของถังเทียน พลังของเจ้าเด็กนี่เพิ่มขึ้นมาก
“เป็นไงล่ะ จอมเกเรถัง ฉันก้าวหน้าขึ้นบ้างไหม? ฮึ ฮึ สบายใจได้ ฉันยังไม่โหดเหมือนแก ฉันจะค่อยๆ ทรมานแก กระบี่ใจไม้ของตระกูลโจวแกจะได้ลิ้มลองเป็นคนแรก แกไม่ภูมิใจหรือ?” โจวเผิงกล่าวด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล แต่เต็มไปด้วยความไร้น้ำใจและเย็นชา
จู่ๆถังเทียนก็หัวเราะขึ้น และทำหน้าล้อเลียนโจวเผิง
โจวเผิงตะลึง ทันใดนั้นเขารู้สึกเจ็บปวดที่ฝ่ามือ
เขาหงายฝ่ามือดูไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ หรืออย่างไร ดูเหมือนเขาถูกมีดบาดลึกถึงกระดูก
เลือดยังคงพุ่งออกจากบาดแผล กระทั่งแดงฉานไปทั้งมือ
โจวเผิงกรีดร้องด้วยความตื่นเต้นทันที