ตอนที่ 37 พลังร่างกระเรียนทวีคูณ
ถังเทียนรู้สึกว่าชัยชนะรอบนี้เป็นความประมาท
จนกระทั่งกรรมการประกาศว่าเขาเป็นผู้ชนะ เขาก็ยังงงอยู่ อย่างไรก็ตาม พอตั้งสติได้เขาคิดถามเหตุผลตี๋หานยอมแพ้ แต่ตี๋หานจากไปแล้ว ทิ้งเขาไว้เบื้องหลัง ไม่รู้ว่าทำไม แต่ถังเทียนรู้สึกว่าตี๋หานมีปัญหาอย่างหนึ่ง มีบางอย่างผิดปกติเกี่ยวกับเขา
แต่นี่มาจากสัญชาตญาณและในใจของเขา การจะเข้าใจสถานการณ์ที่ซับซ้อนในเชิงปฏิบัติแล้วเป็นไปไม่ได้
การแข่งขันครั้งนี้สร้างความสำราญให้ผู้ชมส่วนใหญ่
แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ ถังเทียนชนะ
คนที่ไม่เข้าใจตี๋หานล้วนตกใจเพราะพลังที่เขาแสดงออกมา ในทางตรงกันข้าม พลังของถังเทียนก็ได้รับการยอมรับจากคนอื่นอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกรุ่นพี่ที่ได้รับการจัดอันดับที่อยู่เบื้องหลังการกระจายข่าวทุกวิธี
ถังเทียนเต็มไปด้วยทักษะแน่นอน
ไม่มีอะไรที่ต้องสงสัยเรื่องนั้น แต่ตอนนี้ปัญหาก็คือไม่มีใครเห็นพลังของถังเทียนได้ชัด
ในขณะนี้ ถังเทียนใช้แต่เพียงหมัดประกายไฟระดับสองและวิชาตัวเบาปักหลักกลางหาววิทยายุทธที่เขาใช้นั้นมีข้อจำกัด ทุกคนยอมรับลักษณะทั้งสองอย่างของเขาคือหนึ่งพื้นฐานของเขาแข็งแกร่งดุจหินและมีขอบเขตที่ไม่ธรรมดา และอีกประการหนึ่ง หมัดประกายไฟของเขาเป็นหมัดประกายไฟที่สมบูรณ์แบบ
แม้แต่หวังเจิ้นก็ยังชมหมัดประกายไฟของเขาไม่หยุด ถังเทียนรับตำแหน่งใหม่ในชีวิต และกลายเป็นมือหนึ่งวิชาหมัดประกายไฟในเมืองซิงฟงได้เต็มที่
แต่ก็จำกัดในเรื่องนี้เท่านั้น
ในการแข่งขันครั้งก่อนคู่ต่อสู้ฝีมืออ่อนเกินไป ถังเทียนจึงคว้าชัยชนะได้รวดเร็วและง่ายดาย ในครั้งนี้พลังของตี๋หานบังคับให้ถังเทียนต้องใช้พลังมากขึ้น แต่ไม่ทราบว่าด้วยเหตุผลกลใด จู่ๆ ตี๋หานยอมแพ้
เปรียบเทียบกันแล้ว พลังของตี๋หานสงบและเด็ดขาดทำให้ทุกคนคิดกันว่าคนผู้นี้มีพรสวรรค์ที่ประหลาด
เมื่อเทียบกับชัยชนะที่น่าทึ่งของถังเทียน ชัยชนะของอาโมรี่ไม่ได้เพิ่มความขัดแย้งใดๆ พลังของเขาเหนือล้ำคู่ต่อสู้ทุกคนที่ได้พบ เขาใช้เพียงสามดาบก็จบการต่อสู้ได้
หลังจากผ่านรอบคัดเลือกสองรอบ ทั้งสองคนก็เข้าสู่รอบการแข่งขันจริง
ผู้เฒ่าเว่ยไม่สามารถมีความสุขได้เลยและเขาถูกทั้งสองคนหยอกล้อเรื่อย
ได้แข่งขันเพียงสองรอบ และการแข่งขันจริงจะเริ่มในอีกหนึ่งสัปดาห์ต่อไป ทั้งสองคนต้องใช้เวลาหนึ่งสัปดาห์ให้คุ้ม
※※※※※※※※※※※※※※※※
ถังเทียนนั่งขัดสมาธิพลังงานรอบๆ ตัวไหลเข้าไปในตัวเขาอย่างต่อเนื่องและเปลี่ยนเป็นพลังปราณเที่ยงแท้ แอ่งตันเถียงชั้นที่สามของเขาสามารถรองรับได้มากเป็นทวีคูณ ขณะเมื่อเขามุ่งมั่นอยู่ในแอ่งตันเถียนชั้นที่สาม
ข้างหลังประตูดาวกางเขนมีพลังงานหนาแน่น คู่มือปราณกระเรียนเป็นวิชาพลังภายในโบราณ และมีพลังมากกว่า,มีผลมากกว่า มีมูลค่าทางตลาดวิชาฝึกฝนพลังภายในมากที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อถังเทียนฝึกร่างกระเรียนคัมภีร์ปราณกระเรียนก็มีผลเป็นสองเท่าและแม้กระทั่งเป็นสามเท่า
ขณะที่ถังเทียนยังคงเสริมพลังร่างกระเรียนนั้น ปราณคัมภีร์กระเรียนก็เริ่มอัดแน่นไปด้วยพลังงาน ตอนนี้ เขาเพียงแค่นั่งครึ่งชั่วโมงก็สามารถฟื้นคืนพลังกลับมาได้จนเป็นปกติ นี่เป็นเหตุให้เขาฝึกฝนได้เร็วขึ้น
เขาฝึกวิชาแปดก้าวไล่จับจักจั่น,ฝ่ามือสลายเงา, วิชาพลังห่วงโซ่,วิชาหมัดพิฆาตน้อยและวิชากรงเล็บเหยี่ยวในระดับผู้ใหญ่
ในบรรดาวิชาเหล่านั้นถังเทียนใช้เวลากับวิชาหมัดพิฆาตน้อยมากที่สุด และฝึกได้เกือบถึงระดับเคล็ดสังหารถล่มทลาย
แต่ในวันนี้เขาไม่ได้ฝึกเคล็ดถล่มทลายเหมือนอย่างที่เคยทำมาก่อนที่เบื้องหลังประตูดาวกางเขน เขานั่งขัดสมาธิและกระตุ้นพลังปราณกระเรียนอย่างต่อเนื่อง ทันใดนั้นเขารู้สึกว่าพลังปราณเที่ยงแท้ของตัวเขาหายไป
พลังปราณเที่ยงแท้โคจรไปตามเส้นปราณก่อตัวเป็นร่างกระเรียน มันโคจรไปช้าๆ แต่มั่นคง พลังปราณเที่ยงแท้ยังโคจรเข้าไปในเส้นเดินปราณเหล่านั้นที่ไม่เคยเปิดออกมาก่อน มันค่อนข้างต้องใช้เวลาเนื่องจากเขาเริ่มฝึกคัมภีร์ปราณกระเรียน นอกจากนี้ เขายังฝึกเป็นประจำทั้งวันและทั้งคืน และพลังงานเบื้องหลังประตูดาวกางเขนก็มีหนาแน่นมาก แอ่งตันเถียนชั้นที่สามเชื่อมเข้ากับเส้นชีพจรทั้งหมด เหมือนกับว่าพลังปราณเที่ยงแท้มาจากทั่วทุกมุมของร่ากายเขาได้เชื่อมโยงไว้แล้ว
ในระหว่างช่องเดินปราณร่างกระเรียนปรากฏเป็นภาพแจ่มชัดและเหมือนมีชีวิต
รูปร่างของนกกระเรียนดูเหมือนลูกนกคล้ายกับลูกเจี๊ยบที่ขนของมันยังงอกไม่มาก
พลังเที่ยงแท้ยังคงถูกใช้ต่อเนื่องและไหลมารวมตัวเป็นชั้นปราณเที่ยงแท้ชั้นแล้วชั้นเล่า มันเหมือนลูกกระเรียนอ่อนที่กำลังขยับปีก ความรู้สึกรับรู้ที่ไม่อาจอธิบายได้และน่าเบิกบานใจโคจรผ่านเส้นเดินปราณกึ้ง! ถังเทียนรู้สึกราวกับมีบางอย่างเปิดออกกระทันหัน โดยมิทันรู้ตัว แอ่งตันเถียนที่สามของเขาก็ท่วมท้นและบ่าลงไปข้างล่างกลับไปยังแอ่งตันเถียนที่สอง
ไม่ดีแน่!
ถังเทียนตะลึง ปกติ พลังปราณเที่ยงแท้มีแต่จะโคจรขึ้นและไม่เคยย้อนกลับ ดังนั้น จึงถูกเรียกว่าการปีนบันไดสวรรค์ถังเทียนมิเคยได้ยินว่าปราณเที่ยงแท้จริงไหลลงจากบนลงล่างมาก่อน?
และเมื่อมาถึงขั้นนี้ ไม่ว่าถังเทียนจะกระตุ้นอย่างไร พลังปราณเที่ยงแท้มีแต่จะเพิ่มและบ่าลงมาอย่างต่อเนื่อง
จิตใจของถังเทียนว่างเปล่า แอ่งตันเถียนที่สามบรรจุปราณเที่ยงแท้ระดับสามไว้ และว่าแอ่งตันเถียนที่สองจะเก็บกักปราณเที่ยงแท้ระดับสอง นี่คือความจริง
การที่ปราณเที่ยงแท้ระดับสามไหลย้อนไปที่แอ่งตันเถียนที่สองจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป?
เทียบกับแอ่งตันเถียนที่สามแล้ว แอ่งตันเถียนที่สองนั้นเล็กกว่ามาก
ในเวลาอันรวดเร็วแอ่งตันเถียนที่สองก็ยังคงท่วมท้น จะเกิดอะไรขึ้นต่อไป ถังเทียนตะลึงยิ่งกว่าเดิม
กึก กึก กึก!
ปราณเที่ยงแท้ระดับที่สามเริ่มหยุดชะงักเหมือนน้ำแข็งขณะที่ไหลก่อเป็นกำแพงของแอ่ง และเริ่มงอกเป็นผลึกอย่างรวดเร็ว ในชั่วพริบตากำแพงของแอ่งตันเถียงที่สองก็เพิ่มสูงขึ้นเป็นทวีคูณกว่าแต่ก่อน
การงอกขึ้นของแก้วผลึกยังไม่หยุดขณะที่ยังคงไหลเอ่อเพิ่มสูงต่อไป
กระบวนการทั้งหมดกินเวลาหนึ่งชั่วโมง
เมื่อทุกอย่างเสร็จสิ้นความสามารถของแอ่งตันเถียนที่สองเพิ่มมากขึ้นถึงห้าเท่า
ที่ผ่านมาแอ่งตันเถียนที่สองมีขนาดหนึ่งในสิบของขนาดแอ่งตันเถียนที่สาม แต่ตอนนี้กลับมีขนาดเล็กกว่าแอ่งตันเถียนที่สามครึ่งหนึ่งเท่านั้น
ทันใดนั้น ถังเทียนตระหนักได้ว่าก็หมายความว่าพลังปราณเที่ยงแท้จะยิ่งใหญ่มากกว่าแต่ก่อนมิใช่หรือ?
พอคิดได้เช่นนี้ถังเทียนดีใจยิ่งขึ้น
การเพิ่มพูนของปราณเที่ยงแท้ต้องอาศัยเวลาจึงจะเพิ่มขึ้นไปตามลำดับการระเบิดปราณเที่ยงแท้ฉับพลันเช่นนี้ ถังเทียนไม่เคยพบเห็นมาก่อน เขาเริ่มฝึกคัมภีร์ปราณกระเรียนเมื่อที่กระเรียนร้องเสียงก้องภายในหูนั้นเบามาก ปราณเที่ยงแท้ก็เริ่มที่ใช้งานเมื่อมีความตั้งใจใช้มัน
พลังงานเก็บโคจรอยู่ภายในร่างกายผ่านเส้นเดินปราณกลายเป็นพลังปราณเที่ยงแท้ปราณเที่ยงแท้ที่เหมือนด้ายยังคงไหลเข้าสู่แอ่งตันถันเทียนที่สองอย่างต่อเนื่อง
แอ่งตันเถียนที่สองก็ค่อยๆเพิ่มพูนจนเต็มขณะที่ถังเทียนต้องการจบการฝึกฝนที่น่าอัศจรรย์นี้ ปราณเที่ยงแท้ภายในแอ่งตันเถียนที่สองก็เริ่มไหลเข้าสู่เส้นชีพจรที่เชื่อมโยงกัน
ปัง
พลังปราณเที่ยงแท้ระดับสามไหลตรงเข้าเส้นปราณชั้นที่สอง เหมือนกับไข่มุกที่กลิ้งบนกองน้ำมัน แรงระเบิดเป็นชุดต่อเนื่องที่รุนแรงก็ระเบิดออกด้วยพลังที่มิอาจต่อต้านได้
ระเบิดแต่ละครั้งทำให้ร่างของถังเทียนสั่นเทิ้ม
เหมือนกับว่าร่างของถังเทียนถูกเขย่าเหมือนร่อนด้วยตะแกรง
เมื่อพลังปราณเที่ยงแท้ระดับสามไหลไปตามเส้นปราณระดับต่ำ มันกวาดทุกสิ่งทุกอย่างจนไม่เหลืออะไรกีดขวางเลยแม้แต่น้อย
ใจของถังเทียนกำลังพลุ่งพล่าน เขาไม่สามารถตอบสนองได้แต่อย่างใด
หลังจากผ่านไปหนึ่งนาทีเส้นปราณชั้นสองก็ปลอดโปร่งเต็มที่ แม้กระทั่งเส้นปราณที่ไม่ได้ใช้งานต่างถูกเปิดใช้โดยปราณแท้จริง
พลังปราณเที่ยงแท้เริ่มสงบลง
ถังเทียนกลับคืนสู่สภาพเป็นจริง ขณะที่ใจของเขารั้งกลับมาจากเส้นปราณมาอยู่ที่ตัวเขา เขาถึงกับตะลึง
เส้นปราณชั้นสองทั้งหมดเปิดโล่งปลอดโปร่งและได้ก่อตัวเป็นร่างกระเรียนอีกตัวหนึ่ง
นี่คือร่างกระเรียนอีกเหมือนกันหรือนี่...?
※※※※※※※※※※※※※※
หมู่ดาวกระเรียนฟ้า
ห่างไกลออกไป ณยอดเขากระเรียน มีกระท่อมไม้เก่าแก่หลังหนึ่งชายชราผมขาวโพลนกำลังนั่งขัดสมาธิอยู่บนพื้น จู่ๆ เขาลืมตากว้าง นัยน์ตาขุ่นมัวพลันมีประกายเจิดจ้า
เขาพึมพำ“ร่างกระเรียนที่สอง... พลังร่างกระเรียนทวีคูณ...มีบางคนกำลังฝึกฝนพลังร่างกระเรียนทวีคูณ”
เขาลุกขึ้นยืนทันที ชุดของเขาขยับและมีกลิ่นอายประหลาดเปล่งออก
ครืน..
ประตูไม้เปิดออกเอง
เขาสาวเท้าเดินไม่กี่ก้าวก็ออกมาจากกระท่อมไม้
แสงอาทิตย์ส่องต้องร่างของเขา สร้างความอบอุ่นและทั่วทั้งหุบเขาเต็มไปด้วยกลิ่นหญ้า ทันใดนั้นเขารู้สึกว่านัยน์ตาของเขากลับสู่ความสงบอีกครั้งเขาเดินไปตามทางน้อยลัดเลาะไปตามหุบเขา
ปากทางเข้าหุบเขามีศิษย์ในชุดขาวยืนเฝ้า เมื่อพวกเขาเห็นว่าเป็นผู้อาวุโส พวกเขาถึงกับตกใจ
หลังจากนั้นไม่นานพวกลูกศิษย์จึงได้สติและตื่นเต้นทันที พวกเขาแสดงความคารวะ “ผู้อาวุโสกระเรียน! ท่านจะออกไปแล้วหรือ?”
“ถ่ายทอดประกาศิตกระเรียนขาวออกไป ศิษย์ทุกคนตั้งแต่ระดับผู้อาวุโสขึ้นไป ให้มาประชุมที่หอกระเรียน” ชายชราสั่งการ
ศิษย์ทั้งสองหน้าซีดเผือด ประกาศิตกระเรียนขาวคือคำสั่งประชุมสำนักกระเรียนเร่งด่วน นอกจากมีเรื่องเกี่ยวพันถึงความเป็นความตายแล้วจะไม่ถูกใช้ออกมา
หรือว่ามีมีผู้ทรงพลังอื่นๆ ต้องการโจมตีหมู่ดาวกระเรียนฟ้า?
ทั้งสองคนไม่กล้าย้อนถามอะไรมากได้แต่รับคำ “ขอรับ!”
หลังจากที่พวกเขาใช้ปราณของเขาบินไปที่ดาดฟ้ามีนกกระเรียนที่สง่างามมาก 2-3 ตัวอยู่บนดาดฟ้า ทั้งสองคนขึ้นไปขี่กระเรียนเตรียมมุ่งหน้าไปที่ภูเขาและเข้าหุบเขาไป จากนั้น กระเรียนทั้งสองกระพือปีกและบินหายเข้าไปในกลีบเมฆ
หลังจากนั้นเมฆที่สงบก็เริ่มปั่นป่วนกระเรียนขาวทะยานออกมาจากอากาศทีละตัวๆ และเข้าไปในกลุ่มเมฆจากทุกทิศทาง บนหลังกระเรียนแต่ละตัวจะมีศิษย์ท่าทางกระวนกระวายนั่งอยู่
หมู่ดาวกระเรียนฟ้าที่สงบสุขพลันเต็มไปด้วยบรรยากาศที่สั่นประสาท
ผู้อาวุโสเดินลงมาตามทางทีละก้าวและยังรักษาท่วงท่าใจเย็นไว้ได้
สามวันต่อมา
ศิษย์ทุกคนมาประชุมที่หอกระเรียนที่สง่างาม ทุกคนมีสีหน้าเคร่งขรึม หอกระเรียนขนาดมหึมาเงียบราวกับป่าช้าและเต็มไปด้วยบรรยากาศที่น่ากังวล
ที่ชั้นบนของหอกระเรียน ผู้เฒ่ากระเรียนนั่งขัดสมาธิอยู่ที่ด้านล่างเหล่าผู้อาวุโสต่างก็ตื่นเต้นกังวลใจ
หลังจากเก็บตัวมาสิบปีจู่ๆ เขาก็ออกมากะทันหัน ทั่วทั้งสำนักกระเรียนดูเหมือนจะได้พบเสาหลักของพวกเขาแล้ว แต่ผู้อาวุโสกระเรียนกลับใช้ประกาศิตกระเรียนขาวสั่งให้พวกเขามาประชุมกันเพื่อปรึกษาคงต้องมีเรื่องใหญ่เกิดขึ้น
ผู้อาวุโสกระเรียนลืมตาและจ้องมองเหล่าผู้อาวุโสของสำนักกระเรียนทุกคนและพูดช้าๆ
“เมื่อสามวันก่อน มีอาการตอบสนองบางอย่างในใจข้า มีบางคนสามารถฝึกฝนพลังร่างกระเรียนทวีคูณได้”
สีหน้าของผู้อาวุโสทั้งหมดชะงักค้างไปครู่หนึ่ง
ความเงียบที่น่าอึดอัดเป็นไปอยู่เพียงสิบวินาทีก่อนจะมีเสียงระเบ็งเซ็งแซ่
“เป็นไปได้ยังไง”
“พลังร่างกระเรียนทวีคูณ!”
“วิชาตกทอด! นี่คือวิชาตกทอดของสำนักกระเรียนเรา”
…
ผู้อาวุโสทุกคนพากันตื่นเต้นความสับสนวุ่นวายเกิดขึ้นเนื่องจากข่าวนี้สร้างความตื่นตะลึงให้กับพวกเขาเกินกว่าจะนึกภาพออก
เมื่อมองลงไปที่เหล่าศิษย์อาวุโสที่ต่างก็ตื่นเต้นผู้อาวุโสกระเรียนถอนหายใจเบาๆ จนกระทั่งถึงวันนี้ วิชาตกทอดของสำนักกระเรียนหายสาบสูญไป สถานการณ์ปัจจุบันของสำนักกระเรียนได้รับผลกระทบจากการนี้ เคล็ดสำคัญของวิชาร่างกระเรียนเป็นความลับของสำนักกระเรียนและมันหายสาบสูญไปนานถึงเก้าร้อยปี
ศิษย์สำนักกระเรียนทุกรุ่นพยายามฝึกวิชาร่างกระเรียนแต่เดิมให้ชำนาญ แต่ไม่มีใครในพวกเขาทำได้สำเร็จ
แปรเปลี่ยนเป็นร่างกระเรียนไม่มีผู้ใดฝึกถึงขั้นนี้ได้
พวกเขาไม่เคยเห็นวิชาร่างกระเรียนมานานถึงเก้าร้อยปีแล้ว
แต่ตอนนี้มีใครบางคนฝึกฝนพลังร่างกระเรียนทวีคูณได้ พลังร่างกระเรียนทวีคูณเป็นวิชาฝึกฝนร่างกระเรียนระดับสูงสุด ต้องเป็นคนที่ฝึกฝนร่างกระเรียนได้ถึงสองร่างเท่านั้น
พลังร่างกระเรียนทวีคูณ!
เป็นชื่อที่ทำให้ทุกคนกระตือรือร้นได้ไม่ว่าจะอยู่ไกลแค่ไหน
ผู้เฒ่ากระเรียนยกมือ เสียงที่จอแจจึงเงียบลงทันทีแต่หน้าของพวกเขากลายเป็นสีแดง