ตอนที่ 36 ยอมยกธง
เมื่อเข็มทั้งห้าเล่มหายไปในอากาศ เสียงร้องด้วยความประหลาดใจดังออกมาจากแท่นผู้ชม
เป็นวิชาที่แปลกประหลาด
เมิ่งหวีและคนอื่นที่เห็นภาพนี้ประจักษ์ก็มีสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อยด้วยวิทยายุทธที่แปลกประหลาดอย่างนั้น ไม่เคยมีใครป้องกันได้
ตี๋หานเป็นคนกระดูกแข็งอยู่แล้ว
นี่คือเหตุผลแน่นอนที่การแข่งขันนี้ดึงดูดยอดฝีมือมากมายให้มาดู ตี๋หานเป็นผู้ที่มีชื่อเสียงอยู่แล้ว แต่เขามักทำงานตามลำพังเสมอ ไม่มีใครรู้ว่าเขาแข็งแกร่งขนาดไหน ตรงกันข้ามนักเรียนยอดฝีมือที่มีชื่อทั้งสามคือซือหม่าเซียงซาน,หานปิงหนิงและหวังเจิ้นเห็นบางอย่างในตัวถังเทียน การต่อสู้ครั้งนี้เป็นการทดสอบที่ดีที่สุดของเขา
ไม่ว่าจะเป็นตี๋หานหรือถังเทียน พวกเขาทั้งสองเหมือนจะมีความลึกลับ เมื่อทั้งสองที่เป็นผู้ลึกลับมาพบกันจึงเป็นธรรมดาที่จะดึงดูดคนอื่นๆ ให้มาดู
การจู่โจมของตี๋หานไม่ธรรมดา หลายคนคิด ถ้าพวกเขาต้องสู้ด้วยจะเกิดอะไรขึ้น? พวกเขาได้ข้อสรุปอย่างรวดเร็ว ถ้าพวกเขาพบคนที่มีวิทยายุทธแปลกแบบนั้นอย่างตี๋หานก็คงยากที่จะเอาชนะเขาได้
แล้วปฏิกิริยาของถังเทียนเป็นอย่างไร?
ทุกคนสงสัย
ถังเทียนถอยเหมือนฟ้าแล่บ หมัดของเขาเริ่มทยอยต่อยออกในระดับความเร็วที่น่าทึ่ง เงาหมัดแน่นขนัดเต็มพื้นที่ว่างข้างหน้าเขาเหมือนกับเป็นกำแพง
แคร้ง!
ประกายไฟแล่บออกขณะที่เข็มน้ำปะทะกำแพงหมัดและถูกขับกระเด็นทันที ถุงมือโลหะดำบนมือของถังเทียนเต็มไปด้วยพลังป้องกันที่โดดเด่น เมื่อเข็มน้ำกระแทกใส่ถุงมือก็ไม่ทิ้งร่องรอยอะไรไว้
ยังคงเป็นเพียงหมัดประกายไฟ!
ผู้ชมบนแท่นชมดูพากันประหลาดใจกันหมด แต่คิดในอีกแง่หนึ่ง แผนการสู้ของถังเทียนไม่นับว่าดีนัก ยังคงเป็นจริงเป็นจังอยู่ดี
มีเพียงหวังเจิ้นที่สีหน้าตื่นเต้นเล็กน้อย นัยน์ตาเขาเป็นประกายแหลมคม
หมัดประกายไฟที่สมบูรณ์เต็มร้อย
และในเวลานี้ ถังเทียนไม่ได้อยู่ในสภาวะคลั่งด้วยนี่แสดงว่าถังเทียนฝึกฝนวิชาหมัดประกายไฟจนอยู่ในระดับสมบูรณ์แบบ หวังเจิ้นรู้ดีว่ามันก้าวหน้าได้ยากเมื่อมีคนเชี่ยวชาญหมัดประกายไฟราวๆ 85%ความก้าวหน้าจำเป็นต้องใช้หยาดเหงื่อและความพยายามเป็นสองเท่า
เมื่อหวังเจิ้นฝึกหมัดประกายไฟได้สมบูรณ์ 87%เขาก็หยุดการฝึกไว้ ไม่ใช่เพราะเขาไม่ก้าวหน้าอีกต่อไป แต่เป็นเพราะความก้าวหน้าทุกครั้งต้องใช้เวลามาก แทนที่จะใช้เวลาฝึกหมัดประกายไฟคงจะดีกว่าที่จะใช้เวลาฝึกวิทยายุทธระดับสาม เพื่อที่ว่าพลังจะได้เพิ่มขึ้นเร็ว
มีหลายคนตัดสินใจอย่างเดียวกันนำระดับวิชาต่อสู้มาเพิ่มขึ้นไปอีกระดับหนึ่ง ขณะที่ทำให้ความแตกต่างของพลังผู้ฝึกแตกต่างกันใหญ่หลวง นี่คงจะชัดเจนยิ่งขึ้นเมื่อระดับวิทยายุทธสูงขึ้น
ร้อยเปอร์เซ็นต์เชียวหรือ!
เขาไม่อยากเชื่อเลยว่าถังเทียนสามารถฝึกหมัดประกายไฟจนอยู่ในระดับสมบูรณ์แบบ
ทั้งที่สายตาเบิกกว้าง หวังเจิ้นขยี้ตาดูเขาเป็นผู้มีชื่อเสียงทางหมัดประกายไฟและรู้สึกถึงมันได้ ครั้งแรกที่เขาเห็นถังเทียนใช้หมัดประกายไฟ หวังเจิ้นตกใจมากแม้ว่าถังเทียนจะอยู่ในสภาวะคลุ้มคลั่ง
หมัดประกายไฟที่สมบูรณ์แบบ เป็นไปได้ยังไง?
หมัดของถังเทียนหายไปในกลางอากาศทันทีทันใดและปรากฏอีกครั้งโดยไม่มีร่องรอย และเมื่อหมัดปรากฏเสียงทึบของกำปั้นก็ระเบิดออกมาทันที
กำแพงหมัดประกายไฟ!
แข็งแกร่งและทรงพลัง
ไม่ได้ใช้พลังปราณเที่ยงแท้ และต้องพึ่งพาพลังกล้ามเนื้อแขนล้วนๆ และมีอัตราสำเร็จที่น่าทึ่ง พื้นฐานของเขาแข็งแกร่งมาก
สิบสองหมัดในหนึ่งวินาที
ในเสี้ยววินาที หวังเจิ้นสามารถคาดอัตราหมัดที่ถังเทียนปล่อยออกไปได้ หน้าของเขาเคร่งขรึม ขณะที่เขาไม่สามารถทำได้ในระดับที่น่าทึ่งอย่างนั้น
เมื่อถังเทียนวางแนวกำแพงหมัดประกายไฟ ไม่ใช่แต่เพียงสีหน้าของหวังเจิ้นเท่านั้นที่เคร่งเครียด แม้แต่ถังเทียนก็เช่นกัน ยอดฝีมือคนไหนเล่าที่จะไม่จ้องมองหน้าเขา? แม้ว่าจะใช้เทคนิควิทยายุทธพื้นฐานและวิทยายุทธระดับสองก็ยังสามารถใช้พลังของกล้ามเนื้อเข้าสู้และแม้แต่เทคนิควิทยายุทธระดับสูงก็สามารถไปเน้นที่การใช้พลังปราณเที่ยงแท้ก็ได้ ร่างกายมักเป็นส่วนหนึ่งพื้นฐานของวิชายุทธ ซึ่งก็เป็นแหล่งของปราณเที่ยงแท้นั่นเอง
คุณสมบัติของร่างกายจะส่งผลต่อพลังเที่ยงแท้และวิชาต่อสู้
อิทธิพลดังกล่าวเกิดขึ้นทั่วร่างกายแต่ยังไม่ชัดเจนพอ และไม่ใช่ว่าจะไม่มีผู้ใดรู้ แต่เมื่อพวกเขาเทียบกับความมุ่งมั่นที่ต้องใช้ไป ส่วนใหญ่มักเลือกสิ่งที่เป็นประโยชน์มากและเห็นผลได้เร็ว
อย่างไรก็ตาม รากฐานที่มั่นคง... ไม่สิ รากฐานที่สมบูรณ์แบบเช่นนั้น
นับเป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้เห็นประจักษ์
นั่นทำให้ทุกคนตกตะลึงกันหมด ดังนั้นเหตุการณ์กลับกลายเป็นว่าคนผู้มีพื้นฐานแข็งแกร่งสามารถพึ่งพาพลังของกล้ามเนื้อเพื่อทำสิ่งที่น่าอัศจรรย์ออกหมัดสิบสองหมัดในหนึ่งวินาที ถ้าไปถึงสุดยอดของพื้นฐานนี้ พอถังเทียนใช้ปราณเที่ยงแท้อย่างนั้นเขาจะออกหมัดได้กี่หมัดในคราวเดียว?
มันเป็นเหมือนเข็มพิษที่ฝังรากลงในหัวใจพวกเขา ตราบใดที่พวกเขายังคิดเช่นนี้ ก็คงไม่สลายหายไป
นับเป็นครั้งแรกที่มีความเปลี่ยนแปลงบนใบหน้าของตี๋หาน
คู่ต่อสู้กำลังใช้วิทยายุทธระดับสองทำลายวิชาพิรุณโปรยปราย ไม่มีอะไรน่าทึ่งเกี่ยวกับวิทยายุทธของเขา มีแค่คำเดียวคือ รวดเร็ว
แต่เพราะคำว่า “รวดเร็ว” คำเดียว ตี๋หานถึงกับตกอยู่ใต้แรงกดดันหนักหน่วง
ไม่มีการใช้ลูกไม้ตื้นๆ ก็หมายความว่าเขามีพลังอย่างแน่นอน หมายความว่าเขามีความแข็งแกร่งน่าประทับใจ พลังเช่นนั้นอาจจะไม่ยืดหยุ่น แต่เห็นได้ชัดว่ารับมือได้ยากและสามารถสร้างความกลัวให้กับคนอื่นได้
ตี๋หานมีประสบการณ์ต่อสู้มาโชกโชน มีศัตรูนับไม่ถ้วนที่เขาต่อสู้ด้วยและตายในเงื้อมมือเขา แต่เขาเกลียดศัตรูแบบนี้
โธ่เว้ย!
ตี๋หานควบคุมเข็มน้ำทั้งห้าเล่มในอากาศคอยยักย้ายหลบเลี่ยงเหมือนอินทรีในท้องฟ้าตราบใดที่ถังเทียนผิดพลาดเพียงเล็กน้อย มันจะหายไปในอากาศทั้งหมด
ในช่วงเวลานั้น ปฏิกิริยาตอบสนองของถังเทียนไม่ได้ช้าแต่อย่างใด เขาสร้างกำแพงหมัดประกายไฟด้วยหมัดวินาทีละสิบสองหมัดจนเหมือนผนังทองแดง และเข็มน้ำไม่มีโอกาสทำอะไรได้ กำแพงหมัดประกายไฟคลุมเต็มพื้นที่ ดูเหมือนถังเทียนจะไม่ธรรมดา แม้ผ่านไปสิบรอบก็ไม่มีท่าทีเหนื่อยล้าแต่ประการใด
ตี๋หานหยีตา นิ้วของเขาสั่นเพียงเล็กน้อย เข็มน้ำทั้งห้าเล่มก็กลับมาอยู่ข้างตัวเขาอย่างเงียบกริบ
เขาจ้องมองอย่างระมัดระวัง
กับบรรยากาศต่อสู้เช่นนี้ เริ่มจะขยายออกไป ตี๋หานรั้งพลังกลับมา ในพริบตาถังเทียนก็รู้สึกได้ถึงโอกาสบุก
ไม่มีการลังเลใจแม้แต่น้อย เขาวางเท้าขวาไปข้างหน้าอย่างมั่นคงโน้มตัวและพุ่งออกไป
ขาของถังเทียนแข็งแรงและทรงพลัง ไม่มีอะไรต้องสงสัยคุณสมบัติร่างกายที่เกือบสมบูรณ์แบบปลดปล่อยพลังได้มหาศาลทำให้ถังเทียนดูเหมือนเสือดาวปราดเปรียวและเขาก็รวดเร็วอย่างน่าทึ่ง
ตี๋หานลืมตาโพลง ขยับนิ้วทั้งห้าเล็กน้อย ปราณเที่ยงแท้พุ่งฝ่าอากาศไปเงียบๆ
เข็มน้ำทั้งห้าละลายอย่างนุ่มนวลขณะที่มันไหลไปตามร่องรอยปราณเที่ยงแท้และขยายออกไปโดยปริยาย
พริบตาเดียว ด้ายน้ำทั้งห้าสายบางเบาดุจเส้นผมก็สานกันเป็นแหได้สมบูรณ์แบบ
แหพิรุณ
ด้ายน้ำเหล่านี้บางเหมือนเส้นผม และคม, เหนียวเหมือนสายเปียโน ถ้าศัตรูใช้ศีรษะกระแทกใส่ก็อาจถูกตัดได้ทันที ตี๋หานใช้สิ่งนี้ลอบสังหารยอดฝีมือระดับสูงมาก่อนน่าเสียดายที่ไม่ใช่วันฝนตก
ถังเทียนเพิ่งวิ่งออกไปได้รู้สึกถึงสังหรณ์อันตราย เขาย่ำฝีเท้าลงกับพื้นอย่างหนักและหยุดยั้งตัวเองไว้ได้
ถังเทียนสำรวจรอบตัว
หัวใจตี๋หานเต้นผาง เขาพบเจอได้อย่างไร?
นี่ชักจะน่ากลัวแล้ว
มีเจตนาลวงแฝงอยู่ในท่วงท่าถอยหนีของเขาก่อนนั้น จากจุดนี้เห็นได้ว่าเขาเข้าใจถึงการใช้ปราณอย่างลึกซึ้ง เขาถอยไปเพื่อเปิดโอกาสให้ถังเทียนบุก ตี๋หานเจ้าเล่ห์เมื่อต้องใช้กลยุทธต่อสู้ ว่ากันตามเหตุผลเมื่อคนผู้หนึ่งถูกข่มไว้เป็นเวลานานและมีโอกาสจะรุกโต้ตอบ พวกเขาจะไม่มีความลังเลใจเลย เมื่อนักสู้ตกเป็นเบี้ยล่างก็จะทำให้เขาหงุดหงิดขึ้นและพวกเขามักจะประมาทต่ออันตรายรอบตัว
แต่การตอบสนองของถังเทียนตอนแรกยังไม่เกินคาดหมายของตี๋หาน
แต่ถังเทียนหยุดยั้งตัวเองโดยไม่ลังเลใจและยอมเสียโอกาสรุกคืนสร้างความประหลาดใจให้ตี๋หาน
พลังแหพิรุณไม่อาจดูถูกกันได้ แต่ทันทีที่คู่ต่อสู้ลดความเร็วของตนเอง พลังของมันก็แทบเป็นศูนย์
เขาเป็นคู่ต่อกรที่สู้ได้ยาก
ตี๋หานเริ่มปวดหัว เนื่องจากเป็นครั้งแรกที่เขาพบคนอย่างถังเทียนที่แข็งแกร่งและดุดัน แต่ดูเหมือนจะไม่มีข้อบกพร่องอย่างเห็นได้ชัด พื้นฐานของเขาแข็งแกร่งมากแต่เขาก็ยังมีสัญชาตญาณของสัตว์ร้าย ช่างน่ากลัวเสียจริง
ในโลกนี้ ยังมีคนพรรค์นี้อยู่ด้วยจริงๆ
ถ้าเขาต้องการจะซุ่มทำร้าย ตี๋หานต้องใช้ประโยชน์ของภูมิประเทศ, สภาพแวดล้อมรอบด้าน ฯลฯและคิดหาวิธีการ แต่ถ้าต้องสู้กับคู่ต่อสู้ที่ดุดันแบบนั้นในที่เปิดเผย นี่มันหาเรื่องซวยชัดๆ
แม้ว่าด้ายน้ำจะเป็นอาวุธที่ดี โปร่งใสและแทบจะสังเกตไม่ออก แต่เมื่อถังเทียนยับยั้งตัวเองได้และมองอย่างระมัดระวัง เขาจะค้นพบความคงอยู่ของมันได้เร็ว
สีหน้าของถังเทียนเปลี่ยนไป ถ้าเขาวิ่งเข้าใส่แบบนี้ เขาคงตายแน่
ศัตรูเจ้าเล่ห์ยิ่งนัก
ถังเทียนใจตกเล็กน้อย วิธีการของคู่ต่อสู้เหมือนกับพวกแมลงวัน เปลี่ยนแปลงได้ในแต่ละครั้งต่างจากที่เขาคิดว่า เป็นครั้งแรกที่ถังเทียนพบศัตรูเช่นนี้
ใบหน้าของถังเทียนเต็มไปด้วยความระมัดระวัง เขาค่อยๆ ขยับเข้าไปใกล้และจับตามองคู่ต่อสู้ของเขา ตราบใดที่เขาเข้าใกล้ได้อีกนิดเขาจะโจมตีศัตรูอย่างดุดัน
ทันใดนั้น ตี๋หานยกมือข้างหนึ่ง “ฉันขอยอมแพ้”
เขายอมแพ้....
ถังเทียนตกตะลึง จนถึงตอนนี้คู่ต่อสู้มักจะได้เปรียบกว่า ทำไมเขาถึงตัดสินใจยอมแพ้?
ผู้ชมบนแท่นคนดูพากันตกตะลึงที่เหตุการณ์กลับกลายกระทันหัน
บรรยากาศเต็มไปด้วยความเงียบก่อนที่เสียงคำรามไม่พอใจจะระเบิดออกมา
“อะไรกันวะนี่! ทำไมนายยอมแพ้เล่า?”
“ใช่แล้วตี๋หานมีพลังเหนือกว่าถังเทียนอย่างชัดเจน! แต่ทำไมเขายอมแพ้เสียเล่า?”
“ความลับดำมืด! ต้องมีความลับอยู่เป็นแน่”
……
หมิงกวงตกใจอย่างเห็นได้ชัด เพราะสิ่งที่ปรากฏอยู่เบื้องหน้าเขา เขาไม่อาจอดกลั้นได้อีกต่อไป “ตี๋หานบ้าไปแล้วหรือ? เขายอมแพ้ได้ยังไง?”
หวังเจิ้นยังมีสีหน้านิ่ง “อย่าเป็นศัตรูกับตี๋หาน คนผู้นี้อันตรายมาก”
“อันตรายมากหรือ?” หมิงกวงไม่เห็นด้วย“เขามีอันตรายอะไรมากนักหนา? เขาไม่มีความต้องการจะเอาชนะ คนอย่างเขายังจะทำอะไรได้?”
“เขาเป็นนักฆ่า” หวังเจิ้นพูดอย่างหวาดๆ “สำหรับนักฆ่าคนหนึ่งจะสู้ประลองแข่งขันนับเป็นเรื่องโง่ที่สุดตี๋หานต้องการชัยชนะ แต่เป็นไปไม่ได้แล้วอยู่แล้ว ตี๋หานก็สามารถเห็นได้เช่นกัน ฉันคาดว่าเขาไม่ต้องการเปิดเผยวิธีการของเขาทั้งหมด ขณะที่หลายๆ อย่างไม่เป็นใจให้เขา เขาจึงถอนตัวโดยไม่ลังเลใจและไม่รู้สึกฝืนใจสักนิด นักฆ่าอย่างนั้นนับว่าอันตรายมาก”
“เป็นไปไม่ได้ที่ตี๋หานจะคว้าชัยชนะได้หรือ?” หมิงกวงตกใจ “ทำไมฉันไม่เห็นอย่างนั้นเล่า? ตี๋หานมีวิธีการไม่สิ้นสุด”
“นี่คือความยิ่งใหญ่ของตี๋หาน นายไม่เห็นเอง ไม่เห็นทั้งถังเทียนด้วยแต่เขาสามารถคาดคำนวณว่าสถานการณ์ของเขาจะดำเนินไปยังไงดังนั้นเขาจึงตัดสินใจแน่วแน่โดยไม่มีความลังเล พิจารณาตั้งแต่เริ่มต้นแล้ว ยอมแพ้ตอนนี้ดีที่สุด ดีกว่าไปเข้าใจในท้ายที่สุด”เสียงของหวังเจิ้นเต็มไปด้วยความชื่นชม “ถ้าไม่ใช่เป็นการแข่งขัน แต่เป็นการสู้เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายผลสุดท้ายคงยากจะบอกได้”
“ฉันไม่เข้าใจ... ถังเทียนแข็งแกร่งขนาดนั้นเชียวหรือ?” หมิงกวงพึมพำตี๋หานมองดูถังเทียนอย่างมึนงง ใจเขาค่อยผ่อนคลายขณะที่เขาไม่เคยคิดว่าเขาต้องมาเผชิญกับคู่ต่อสู้ที่แข่งแกร่งขนาดนั้นตั้งแต่แรก ดูเหมือนเขาต้องคิดหาทางอื่นต่อไป