ตอนที่แล้วตอนที่ 30 เปิดงานยิ่งใหญ่
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 32 วิชาพลองวายุมายา

ตอนที่ 31 จุดชมดูของคนดัง


“พี่ใหญ่ซือหม่า เราไม่ต้องลับๆ ล่อๆ นักก็ได้”เสิ่นหยวนสัมผัสหน้ากากที่สวมบนใบหน้าไว้ด้วยความรู้สึกไม่สบายใจอย่างมากและไม่อาจพูดออกมาได้มากนัก

“ต้องไม่ให้เด่น ไม่ให้เป็นที่สนใจ”  ซือหม่าเซียงซานพูดเบา เขาสวมหน้ากากและแต่งตัวงดงามดูเป็นผู้หญิงคนที่ไม่รู้จักเขา อาจจะคิดว่าเขาเป็นผู้หญิง

สายตาเสิ่นหยวนมองดูหน้ากากของเซียงซาน และเขารู้สึกเหมือนอยากจะอาเจียน   นิสัยของศิษย์พี่ซือหม่าเหมือนกะเทย  โชคดีที่หน้ากากของเราธรรมดามากกว่าเป็นแค่หน้ากากตัวตลกธรรมดาเท่านั้น

“เราไปดูคนที่เอาชนะนายได้กันเถอะ”  เสียงเซียงซานดังลอดออกมาจากเบื้องหลังหน้ากาก ฟังลำบากทำให้เสิ่นหยวนครั่นเนื้อครั่นตัวไปหมด

พลังของศิษย์พี่ซือหม่าลึกล้ำสุดหยั่งคาดมากถึงขนาดที่อาจารย์ใหญ่ปฏิบัติต่อเขาเป็นอย่างดี

เสิ่นหยวนเพิ่งออกมาจากการกักกัน  และถูกศิษย์พี่ซือหม่าฉุดดึงมาด้วย

จู่ๆ เซียงซานก็หยุดเดินและหันไปดูรอบๆ

เอ๋?

เสิ่นหยวนพลอยถูกดึงความสนใจไปด้วย และหันไปดูรอบๆ เช่นกัน

ด้านหลังไม่ไกลจากพวกเขาเป็นสตรีสามคนสวมหมวกสานไม้ไผ่มีผ้าคลุมบังหน้าจ้องมองมาทางนี้

“หานปิงหนิง”  เซียงซานลอบบอกตนเอง

เสิ่นหยวนหนังตากระตุกและหน้าเปลี่ยน ทั่วทั้งเมืองซิงฟงมีคนอยู่เพียงสองคนที่สามารถสู้กับศิษย์พี่ซือหม่าได้ก็คือหานปิงหนิงและเหลียงชิว เสิ่นหยวนเคยแลกเปลี่ยนขอคำชี้แนะจากศิษย์พี่ซือหม่ามาก่อน และพลังของศิษย์พี่ซือหม่าทำให้เขารู้สึกว่ามิอาจต้านทานได้

แต่หานปิงหนิงเป็นนักเรียนยุทธผู้สามารถต่อสู้กับศิษย์พี่ซือหม่าได้โดยตรง

ทำไมเธอมาอยู่ที่นี่?

※※※※※※※※※※※※※※※

ไฉเสวี่ยเป็นเหมือนนกที่ออกจากกรง เธอเป็นคนที่ร่าเริงมากและแม้ว่าเธอจะสวมหมวกไผ่สานมีผ้าคลุม แต่ความเยาว์วัยและความกระตือรือร้นของเธอก็มิอาจบดบังไว้ได้“ศิษย์พี่ยอดเยี่ยมจริงๆ! อาจารย์ใหญ่เห็นด้วยที่ให้เราออกมาในวันนี้  ฉันคาดไม่ถึงเลยว่าจะเป็นเช่นนั้นไปได้”

“แม้ว่าจะไม่มีอะไรให้ดูระหว่างแข่งขันคัดเลือกเบื้องต้น  แต่ก็ยังดีที่ได้ออกมาสูดอากาศ”  เหอเสี่ยวฉินก็มีความสุขเหมือนกัน  หลายวันมานี้อาจารย์ใหญ่ลงมาดูแลการฝึกฝนของพวกเธอด้วยตนเอง ทำให้ทุกคนบ่นไม่หยุด

ความจริงศิษย์พี่หานพาพวกเธอไปพบอาจารย์ใหญ่อ้างว่าเธอต้องการพาศิษย์น้องๆไปดูการแข่งขันคัดเลือกเบื้องต้นในงานชุมนุมวิทยายุทธ  พอถึงจุดตรงนี้ พวกเธอถึงกับกังวลมาก ศิษย์พี่คงหาข้ออ้างเพื่อออกไปนอกโรงเรียนมากกว่า

ทำไมอาจารย์ใหญ่ถึงได้เห็นด้วยกับข้ออ้างขอไปดูการแข่งขันรอบคัดเลือกเบื้องต้น?

แต่พวกเธอก็คาดไม่ถึงเลยว่าอาจารย์ใหญ่จะเห็นด้วยและแนะนำให้พวกเธอไปดูการต่อสู้อย่างระมัดระวัง

ไฉเสวี่ยและเหอเสี่ยวฉินต่างงงงวยทั้งคู่  ดูการต่อสู้อย่างระมัดระวังน่ะหรือ?มีอะไรน่าดูในการแข่งขันรอบคัดเลือกเบื้องต้นในงานชุมนุมวิทยายุทธ?

“ศิษย์พี่! เราจะไปดูคัดเลือกที่สนามไหน?” ไฉเสวี่ยถามด้วยความสงสัย

หานปิงหนิงเตรียมจะตอบ จู่ๆ เธอก็มีความรู้สึกอยู่ในใจ เธอหยุดเดินและยกมือมองไปข้างหน้าไฉเสวี่ยและเหอเสี่ยวฉินที่ยืนอยู่ข้างเธอก็รู้สึกถึงบางอย่างที่แปลกดังนั้นพวกเธอจึงมองตามสายตาของหานปิงหนิง สายตาของพวกเธอคมเหมือนกระบี่ขณะมองผ่านม่านผ้าบางๆ

ไม่ไกลออกไปบุรุษสองคนสวมหน้ากากก็มองตรงมาที่พวกเธอ

“ซือหม่าเซียงซาน” น้ำเสียงเยือกเย็นของหานปิงหนิงทำให้หน้าของไฉเสวี่ยและเหอเสี่ยวฉินเปลี่ยนไปมาก

คำเพียงสี่พยางค์และคนที่สวมหน้ากากประหลาดดูเหมือนจะเพิ่มความน่ากลัวยิ่งขึ้น

ทั้งสองฝ่ายต่างมองกันและกันแต่ไกล

“เฮ้, เฮ้!” หลังจากที่หน้ากากนั้นมีเสียงหัวเราะประหลาดออกมาซือหม่าเซียงซานดูเหมือนจะพบเรื่องราวที่น่าสนใจ

“เรื่องนี้น่าสนใจ”  หานปิงหนิงพูดน้ำเสียงเย็นชาเบื้องผ้าคลุม  วี่แววสนุกสนานปรากฏอยู่ในนัยน์ตางดงามของเธอ

ความเป็นปฏิปักษ์ที่ทั้งสองฝ่ายแสดงต่อกันจางหายไปในอากาศทันที

ซือหม่าเซียงซานมองดูพวกเธอก่อนเขาจะหายไปในฝูงผู้คนพร้อมกับเสิ่นหยวน

ประกายตาหวาดกลัวยังหลงเหลืออยู่ในดวงตาของไฉเสวี่ยและเหอเสี่ยวฉิน  ทั้งสองคนมองหน้ากันเองอย่างผิดหวัง  ก่อนหน้านี้พวกเธอไม่เข้าใจถึงเหตุผลที่ศิษย์พี่พาพวกเธอออกมาดูการแข่งขันคัดตัวเบื้องต้นหรือว่าทำไมอาจารย์ใหญ่ถึงเห็นชอบอย่างง่ายดายเช่นนี้  แต่ตอนนี้ พวกเธอพบว่าซือหม่เซียงซานแห่งสถาบันเทียนจิงถึงกับมาเองเป็นการส่วนตัว  ดังนั้นต้องมีผู้แข็งแกร่งทรงพลังที่นี่แน่

แต่ว่า ผู้แข็งแกร่งทรงพลังปรากฏตัวในเมืองซิงฟงตั้งแต่เมื่อไหรกัน?

“ศิษย์พี่....”

ไฉเสวี่ยและเหอเสี่ยวฉินพูดพร้อมกัน

“ไปกันเถอะ” หานปิงหนิงพูดน้ำเสียงเย็นชาและเดินต่อไปข้างหน้า

ไฉเสวี่ยและเหอเสี่ยวฉินรีบเดินตามไปให้ทันเธอ

※※※※※※※※※※※※※※

“ดูเหมือนจะเป็นที่นี้นะ” หวังเจิ้นพูดลอยๆ

หมิงกวงลดเสียงทันที “พี่เจิ้นดูเหมือนมีคนตามหลังพวกเรามามากเลยนะ”

“หลายคนเชียวเหรอ?” หวังเจิ้นตอบและทำปากอ้าค้าง “สบายใจได้นั่นไม่เกี่ยวอะไรกับเรา”

“ไม่เกี่ยวอะไรกับเรา...” กวงหมิงไม่เข้าใจทำไมพี่เจิ้นถึงได้มั่นใจอย่างนั้น

“มาเถอะ เข้ามาเถอะ” หวังเจิ้นไปที่แท่นผู้ชมโดยไม่เหลียวหลัง

ใจของหมิงกวงยมีข้อสงสัยมาก  แม้ว่าพี่เจิ้นจะมีอารมณ์ดีสนใจเข้าชมการแข่งขันคัดตัวเบื้องต้นเป็นการส่วนตัว  แต่เรื่องอย่างนั้นไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

คนแบบไหนกันที่คู่ควรให้พี่เจิ้นต้องเดินทางมาด้วยตัวเอง?

หวังเจิ้นและหมิงกวงทำตัวง่ายที่สุดไม่มีคนอื่นอยู่จุดคนดู  หมิงกวงมองไปรอบๆแท่นผู้ชม “พี่เจิ้น เรามาผิดที่หรือเปล่า?”

“โอว, ไม่น่าจะผิดหรอกนะ” หวังเจิ้นตอบ

หมิงกวงยังคงส่ายศีรษะ  แท่นคนชมดูเล็กจนน่าอนาถ และไม่มีคนสักคน มีการแข่งขันรอบคัดตัวเบื้องต้นมากเกินไปและการแข่งขันจะเริ่มในเวลาเดียวกันยิ่งกว่านั้น นักสู้ส่วนใหญ่ฝีมือจะต่ำกว่ามาตรฐาน  ดังนั้นจึงเป็นธรรมดาที่ไม่มีผู้ชมแต่อย่างใด

ควั่บ

คนกลุ่มใหญ่วิ่งตามเข้ามา  เมื่อพวกเขาเห็นหวังเจิ้นและหมิงกวง นัยน์ตาพวกเขาเป็นประกายและเข้ามารุมล้อมทันที  แท่นชมดูขนาดเล็กจึงมีผู้ชมทยอยเข้ามา

หมิงกวงมองเห็นคนวิ่งเข้ามาทำให้เขารู้สึกหนังศีรษะชาขึ้นมาทันที “พี่เจิ้น พวกเขาตามเรามาถึงนี่จริงๆ ด้วย”

“โอว.. ก็ดีแล้วนี่” หวังเจิ้นตอบเฉื่อยชา สายตาเขาจ้องเขม็งมองดูถังเทียนที่นอนกรนสนั่นอยู่มุมเวที

“ขอโทษค่ะคุณคือหมิงกวงนักเรียนจากสถาบันเหมิ่งโซ่วใช่ไหมคะ?”  เด็กสาวงดงามคนหนึ่งเบียดตัวขอทางเดินเข้ามาและมองดูหมิงกวงด้วยสายตาเทิดทูน

หมิงกวงที่อารมณ์ไม่ดีมาตลอดถึงกับรู้สึกดีขึ้นทันที  ขณะที่เขาเตรียมตัวทำท่าสง่างามเขาชำเลืองมองไปที่ทางเข้าและตาค้างทันที

หือ?

ดูเหมือนหวังเจิ้นก็รู้สึกเช่นเดียวกัน  เขาหันไปมองที่ทางเข้า

※※※※※※※※※※※※※※※

“ทำไมถึงมีคนมากนักนะ!” เสิ่นหยวนตกใจ นี่เป็นแข่งขันรอบคัดตัวเบื้องต้นแต่แท่นผู้ชมก็เต็มเสียแล้ว ไม่มีเหตุผลเอาเสียเลย

ทางเข้าสู่แท่นคนดูแคบเป็นคอขวด  พวกเขาไม่สามารถเบียดผ่านเข้าไปได้

ในเวลานี้ หานปิงหนิงและศิษย์น้องจากสถาบันเป่ยเยี่ยนเลี่ยงมาทางด้านข้าง

“ช่างบังเอิญจริง  ผมไม่เคยคิดเลยว่าคุณหนูปิงหนิงจะสนใจถังเทียนด้วย”  ซือหม่าเซียงซานยิ้มแย้มคำพูดของเขาทำให้เธอเย็นสันหลังวาบ

“รุ่นพี่ซือหม่าก็มาด้วยไม่ใช่หรือ?”  หานปิงหนิงพูดเสียงเฉื่อยชาโดยไม่มีทีท่าใดๆ

ไฉเสวี่ยและเหอเสี่ยวฉินจ้องดูนักเรียนจากสถาบันเทียนจิงด้วยแววตาไม่เป็นมิตร  สถาบันเทียนจิงและเป่ยเยี่ยนทั้งสองสถาบันไม่ค่อยเป็นมิตรกันอยู่แล้วในฐานะที่สองสถาบันได้รับการจัดอันดับอยู่ในอันดับหนึ่งและสอง

“โปรดอภัยให้ผมด้วย ผมจะเปิดทางให้คุณเอง คุณหนูหนิง”  ซือหม่ายิ้มเป็นนัยเขาสาวเท้าเดินนำหน้าไปที่แท่นผู้ชม

ฝีเท้าซือหม่าเซียงซานเบามากไม่ก่อให้เกิดเสียงแต่อย่างใดเลย เหมือนกับว่ามีรัศมีที่มืดมัวคลุมเงาของเขา  นี่เป็นปราณที่อันตรายมากที่ครอบคลุมพื้นที่ต่อสู้ได้ทันที

ทันทีนั้น กลุ่มคนที่ออแน่นอยู่ที่ทางเข้าแท่นผู้ชมถึงกับหน้าซีดเผือดพวกเขาหันหน้าไปมองดูซือหม่าเซียงซานด้วยความกลัว

“ขอโทษนะครับ” เสียงของซือหม่าเซียงซานสุภาพนุ่มนวลแต่เสียงของเขากลับได้ยินทั่วทั้งลาน

ทุกคนเปิดทางให้โดยไม่รู้ตัว

จากนั้นซือหม่าเซียงซานเบี่ยงตัวมาด้านข้างแล้วทำท่าเชิญ

หานปิงหนิงพยักหน้าขอบคุณเขาจากนั้นเธอเดินไปตามพื้นที่เล็กๆ ในจุดชมดูคนที่ขวางทางอยู่หลีกทางให้อย่างง่ายดาย

สตรีคลุมหน้าลึกลับทั้งสามและบุรุษสวมหน้ากากอีกสองคนปรากฏตัวในแท่นชมดูเล็กๆอย่างคาดไม่ถึง  ดึงดูดสายตาคนทั้งหมดทันที

ทั้งห้าคนไม่เคยคิดว่าจุดชมดูการแข่งขันคัดตัวเบื้องต้นจะเล็กมากซึ่งสามารถรองรับผู้ชมได้เพียง 2-3 ร้อยคน ส่วนที่ๆ พวกเขาเองใช้แข่งขันมีจุดชมดูที่จุผู้คนได้เป็นพัน  ดังนั้นพวกเขาจึงปลอมตัวหวังว่าจะไม่ดึงดูดความสนใจใดๆ

อย่างไรก็ตามในลานที่จุผู้ชมได้สองร้อยคนนี้ คนห้าคนนี้เป็นเหมือนพระจันทร์ในคืนมืดมิด และพวกเขาดูเด่นยิ่งนัก

หลังจากนั้นพวกเขาก็เห็นหวังเจิ้นและหมิงกวง

หวังเจิ้นจำพวกเขาสองคนได้ทันที  เขาถามอย่างไม่แน่ใจว่า “ทำไมพวกนายแต่งตัวแบบนี้?”

พวกเขาไม่ได้รู้สึกแปลกหน้าซึ่งกันและกันเพราะเคยประฝีมือกันหลายครั้งหวังเจิ้นเป็นหนึ่งในคนที่มีชื่อเสียงในสถาบันเหมิ่งโซ่ว  สถานะและประสบการณ์ของทั้งสองคนต่างกันไม่มาก

คนอื่นๆที่อยู่ในจุดชมดูพยายามฟังอย่างตั้งใจ เพราะหวังเจิ้นพูดด้วยน้ำเสียงคุ้นเคยอย่างนั้น  ห้าคนนี้ต้องมาจากสถาบันที่โดดเด่นเป็นแน่

แต่ไม่ว่าจะเป็นทั้งซือหม่าเซียงซานหรือหานปิงหนิงถูกหวังเจิ้นทักทายจนพูดไม่ออก  จะยังทำเป็นไม่รู้จักพวกเขาได้อีกหรือ?

“ศิษย์พี่หวังเจิ้น” หานปิงหนิงทักทายตามมารยาทและปลดผ้าคลุมออก  ไฉเสวี่ยและเหอเสี่ยวฉินรีบทำตามและถอดหมวกสานออก

จุดชมดูโกลาหลทันที

“คุณหนูปิงหนิง!”

“แม่เทพธิดา!”

..

ท่ามกลางเสียงจ้อกแจ้กจอแจแก้วหูแทบแตกแต่หานปิงหนิงยังคงแสดงสีหน้าห่างเหินเหมือนเดิม

“พี่เจิ้น นายชอบทำให้ฉันลำบากใจอยู่เรื่อยนะ” ซือหม่าเซียงซานถอนหายใจอย่างรำคาญและถอดหน้ากากออก

จากเสียงอึกทึกจอแจและตื่นเต้นก็หยุดกึกทันทีคนดูอื่นๆ สีหน้าชะงักค้าง

ซือหม่าเซียงซาน

ลานแข่งขันเงียบกริบเหมือนป่าช้า

ความกลัวที่เหมือนโรคระบาดแผ่ลามไปปรากฎบนใบหน้าและนัยน์ตาของคนเหล่านี้

ซือหม่าเซียงซานยิ้มจนตาหยี  เขาดูเหมือนคนธรรมดามากอ่อนโยนและเป็นมิตร

แต่ไม่มีผู้ใดคิดแบบนั้น

ซือหม่าเซียงซาน

ตั้งแต่เชียนฮุ่ยไปจากเมืองชิงฟง ซือหม่าเซียงซานก็ครองตำแหน่งอันดับหนึ่งในเมืองซิงฟง แต่เขาได้รับการตอบรับที่แตกต่างจากเชียนฮุ่ย  ซือหม่าเซียงซานนั้นอำมหิต สามารถทำให้เด็กๆที่ร้องไห้ถึงกับหยุดร้องได้

โหดร้าย, อำมหิต, โมโหร้ายและบ้าบิ่น

เขาแข็งแกร่ง มีนิสัยแปลกทำให้ทุกคนกลัวเมื่อเขาปรากฏตัวขึ้น

นี่มันแข่งขันรอบคัดตัวเบื้องต้นแบบไหนกันแน่

ในท่ามกลางความเงียบเหมือนป่าช้าถังเทียนลืมตาอย่างมึนงง

หือ, คนพวกนี้มาจากไหนกันเยอะแยะ

ถังเทียนมองไปที่จุดผู้ชมทั้งที่ตายังสะลึมสะลือ  ทันใดนั้น เขาสังเกตเห็นหานปิงหนิง

ถังเทียนค่อยรู้สึกกระชุ่มกระชวยขึ้นมาทันทีและชูแขนทั้งสองมาทางจุดผู้ชมแล้วตะโกนลั่น

“อ่าฮะ คุณผู้หญิง! เธอมาเป็นพยานชมดูการต่อสู้ของหนุ่มน้อยชาวฟ้าด้วยเหรอนี่?ฮะฮะฮะคุณหนูนี่ช่างตาถึงจริงๆ”

พอถังเทียนตะโกนทำลายความเงียบ  บรรยากาศที่อึมครึมระคนหวาดกลัวก็หายไปทันที

ทุกคนจับตามองดูหานปิงหนิง

ดูเหมือนว่าหน้าของหานปิงหนิงไม่เปลี่ยนแต่คนบางส่วนมองไม่เห็นว่านิ้วมือที่จับกระบี่ของเธอเปลี่ยนเป็นขาวซีดนี่เป็นครั้งแรกที่เธออยากแทรกแผ่นดินหนียิ่งนัก

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด