ตอนที่ 2-9 การทดสอบความถนัดทางเวท (2)
“จำไว้ว่า เมื่อทดสอบความบริสุทธิ์ของพลังจิต เจ้าต้องอดทนเข้าไว้ ต้านทานไว้ให้นานเท่าที่ทำได้” เดลิน โคเวิร์ทพูดหนักแน่น “ข้าไม่รู้เรื่องธาตุลมมากนัก ดังนั้นเจ้าจะต้องไปสถาบันจอมเวท ด้วยความเข้ากันได้กับธาตุที่แข็งแกร่งมากขนาดนั้นคงจะเป็นเรื่องเสียเปล่าแน่นอน ถ้าเจ้าไม่ฝึกเวทธาตุลมด้วย”
ลินลี่ย์เข้าใจเรื่องนี้ได้ดี
“เชิญเข้ามาในวงเวท” บุรุษศีรษะล้านใช้คำว่า “เชิญ” เพิ่มขึ้นให้ลินลี่ย์
แม่แต่พวกขุนนางอยู่อยู่ใกล้ๆ เริ่มมองลินลี่ย์ด้วยมุมมองใหม่ สำหรับคนที่มีความเข้ากันได้กับธาตุอย่างยอดเยี่ยมก็หมายความว่าพวกเขาสามารถสร้างพลังเวทได้ในช่วงเวลาสั้นๆเวลาที่เหลือสามารถใช้ฝึกพลังจิตได้ อนาคตของเขาไม่มีขีดจำกัดแน่นอน
ลินลี่ย์ก้าวเข้าไปในวงเวท
ทันใดนั้นวงเวทเปล่งรังสีขาวและจากนั้นเป็นความรู้สึกกดดันท่วมทับวิญญาณลินลี่ย์ทันที
เวทธาตุแสง – กำราบ
“อ่อนจังเทียบกับแรงกดดันของมังกรดำจากเมื่อครึ่งปีที่แล้ว ไม่ได้ใกล้เคียงในระดับเดียวกันเลย” ลินลี่ย์ผ่อนคลายพอจะคิดถึงเรื่องนั้น
ขณะที่เวลาผ่านไป รังสีวงเวทก็เพิ่มความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ และแรงกดก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆเช่นกัน ทุกคนในหอประชุมใหญ่กลั้นหายใจขณะที่ทุกคนมองเห็นชัดเจนในอนาคตว่าเด็กที่แต่งชุดธรรมดานี้จะกลายเป็นจอมเวททรงพลังแน่นอน
“มีใครรู้จักเด็กคนนั้นบ้างไหม?เขาเป็นคนจากตระกูลใด?” พวกขุนนางที่อยู่ข้างหน้าซุบซิบกันเอง
ถ้าพวกเขาผูกมิตรกับเด็กผู้มีศักยภาพน่าอัศจรรย์นี้ได้ พวกเขาอาจได้พันธมิตรที่น่ากลัวในอนาคต
“เขาชื่อลินลี่ย์หรือ?”พวกตัวแทนรับสมัครของสถาบันจอมเวทรู้จักชื่อของเขาจากผู้ดำเนินการทดสอบ
ผู้รับสมัครของสถาบันจอมเวทกลุ่มใหญ่ที่เดิมทีนั่งอยู่ตรงนั้นต่างยิ้มมองดู สถาบันจอมเวทที่ไหนบ้างเล่าไม่ต้องการรับสมัครอัจฉริยะอยางนี้?
ลินลี่ย์ยืนอยู่ตามลำพังในวงเวทยังคงต่อต้านแรงกดกำราบต่อไป
ลินลี่ย์กำลังหายใจหนักหน่วงและทันทีนั้นจิตใจเขารู้สึกพร่ามัว แรงกดดันวิญญาณที่ทรงพลังกำลังกดทับเขาเหมือนกับภูเขา และพลังกดดันนั้นยังเพิ่มต่อเนื่องขึ้นอีก แต่ลินลี่ย์ก็ยังทนต่อไป
“ยิ่งเราทนได้นานเราก็สามารถเข้าสถาบันจอมเวทดีๆ ได้” ลินลี่ย์กัดฟัน
จากนั้น เมื่อแรงกดดันสูงถึงระดับหนึ่ง ในที่สุดลินลี่ย์ก็ต่อต้านไม่ไหว เขาคุกเข่าข้างหนึ่ง เขากำหมัดแน่นอยู่บนพื้น
สายตาทุกคนหันไปมองผู้เฒ่าศีรษะล้าน
เขามีความสุขจนหน้าแดงมากขึ้น ผู้เฒ่าศีรษะล้านประกาศด้วยเสียงแจ่มชัด “ความบริสุทธิ์ของพลังวิญญาณสิบแปดเท่าของคนวัยเดียวกันถือว่าเป็นระดับที่สูง ความบริสุทธิ์วิญญาณสูง และความเข้ากันได้กับธาตุยอดเยี่ยม”
พอถึงตอนนี้ ผู้รับสมัครของสถาบันจอมเวทต่างๆ ก็พุ่งเข้ามา “สวัสดี, ลินลี่ย์ข้ามาจากสถาบันเวทแลนเดอร์ สถาบันเวทแลนเดอร์ของเรามีความจำนงจะรับเจ้าเข้าในโรงเรียนของเรา ตราบใดที่เจ้าสมัครเข้าเรียนในโรงเรียนเราเจ้าจะได้เรียนฟรีไม่ต้องเสียค่าเล่าเรียน และทุกๆปีเราจะให้เจ้าพันเหรียญทองสำหรับค่าอยู่อาศัย เราจะเชิญครูจอมเวทที่มีทักษะโดยเฉพาะมาฝึกให้เจ้าเป็นการเฉพาะบุคคล”
“ลินลี่ย์, ข้ามาจากสถาบันเวทเวลลิง เรา.....”
…..
พอเห็นฝูงคนรุมล้อมรอบตัวเขาและปฏิบัติต่อเขาอย่างอบอุ่น ลินลี่ย์ตะลึงไปนาน ขณะที่ในใจของเขาเขาถอนหายใจด้วยความตื่นเต้น เพียงชั่วพริบตา ผู้รับสมัครมากมายก็รู้จักชื่อของเขา นี่น่าทึ่งมาก
“นี่ทุกท่าน, ขอเชิญกลับไปที่นั่งของพวกท่านด้วย เราจำเป็นต้องทำการสอบต่อไป” บุรุษชราศีรษะล้านพูดเสียงนุ่มนวล
เขาสามารถเย่อหยิ่งต่อคนธรรมดาทั่วไปได้ แต่เขาต้องสุภาพต่อตัวแทนสถาบันเวทที่ทรงพลัง
“ลินลี่ย์! สถาบันเอินส์ของเรามีความเต็มใจจะเชิญเจ้าให้เป็นหนึ่งในนักเรียนของเรา” ในที่ไกลออกไปมีอีกเสียงหนึ่งดังขึ้นและเมื่อเสียงนั้นดังขึ้น หอประชุมทั้งหมดก็เงียบลง แม้แต่ผู้อาวุโสศีรษะล้านก็หยุดพูด
ลินลี่ย์หันไปดู
บุรุษวัยกลางคนชุดขาวเดินเข้ามา เขายิ้มพลางพูด“ความเข้ากันได้กับธาตุยอดเยี่ยม ความบริสุทธิ์ของวิญญาณสูง และเป็นประเภทสองสายธาตุ ลินลี่ย์ สถาบันเอินส์ของเรายินดีต้อนรับเจ้าขอให้มาร่วมกับเรา ไม่ทราบว่าเจ้ายินดีจะเข้าสถาบันเอินส์ของเราหรือไม่?”
ฮิลแมนที่อยู่ใกล้ๆ ยืนจ้องตะลึงอยู่เงียบๆ เขาวิ่งมายืนข้างๆ ลินลี่ย์ทันที และตื่นเต้นจนมือสั่น
สถาบันเอินส์?
เข้าสถาบันเวทอันดับหนึ่งของทวีปยูลาน สถาบันเอินส์? นี่แสดงว่ายังไง?
แสดงว่าทันทีที่เขาเรียนจบ แม้ว่าเขาจะเป็นแค่นักเรียนธรรมดา เขาสามารถได้รับบรรดาศักดิ์เอิร์ลในอาณาจักรใกล้ๆ ได้ง่าย ถ้าเขาเป็นนักเรียนชั้นยอดแม้แต่สี่จักรวรรดิใหญ่ก็ยินดีต้อนรับเขาแน่นอน
ทั่วทั้งทวีปยูลานที่กว้างขวาง แต่ละปีสถาบันเอินส์จะรับนักเรียนเพียงร้อยคน
หนึ่งร้อยคนต่อหนึ่งปีหมายความว่ายังไง?
นักเรียนทุกคนที่เข้าเรียนในสถาบันเอินส์ถูกเรียกว่าเป็นอัจฉริยะ!
“ลินลี่ย์, ตอบรับเขาซะ” ฮิลแมนพูดอย่างตื่นเต้น
ลินลี่ย์ก็ตื่นเต้นเช่นกัน แต่หัวของเขาปลอดโปร่ง และภายนอกเขายังดูใจเย็น ลินลี่ย์รู้ดีว่าการกลายเป็นสมาชิกของสถาบันเอินส์และด้วยคำแนะนำของเดลินโคเวิร์ท ภายในไม่กี่สิบปีคงไม่ใช่เรื่องยากที่เขาจะกลายเป็นจอมเวทระดับเจ็ดหรือระดับแปด
ตระกูลของเขาจะกลับมารุ่งเรืองอีกครั้ง
“ขอรับ, เป็นเกียรติของข้าที่จะได้เข้าศึกษาในสถาบันเอินส์” ลินลี่ย์พูดอย่างสุภาพ
บุรุษชุดขาวประหลาดใจกับความสงบของลินลี่ย์แต่ก็ยังคงยิ้ม “ลินลีย์,ข้าจะให้ข้อมูลและรายละเอียดสถาบันแก่เจ้า เมื่อถึงเวลา ก็แค่นำหลักฐานยืนยันไปที่สถาบัน และทดสอบแบบนี้อีกครั้งเจ้าก็จะกลายเป็นนักเรียนของสถาบันเราอย่างเป็นทางการ”
ไม่มีประโยชน์ที่จะลองและหาคนอื่นมาทดสอบแทนท่าน เพราะว่าแต่ละโรงเรียนก็จะมีการทดสอบสำรองเช่นกัน
“ในแต่ละปีการศึกษา จะแบ่งออกเป็นสองเทอมเทอมแรกจะเริ่มต้นในวันที่เก้ากุมภาพันธ์ ตราบใดที่เจ้ามาถึงวันที่เก้ากุมภาพันธ์ ก็ไม่เป็นไร นี่คือหลักฐานยืนยันสถานะของเจ้า จัดได้ว่าเป็นหลักฐานรับตัวเจ้า” บุรุษชุดขาวนำจดหมายปิดผนึกสีแดงออกมาจากแขนเสื้อ
ความจริง ทันทีที่รู้ผลทดสอบของลินลี่ย์ เขาได้บันทึกรายละเอียดของลินลี่ย์ไว้ในกระดาษจดหมาย เพราะบุรุษชุดขาวเชื่อโดยไม่มีข้อสงสัยว่าจะไม่มีผู้ใดปฏิเสธข้อเสนอของสถาบันเอินส์
“ขอบคุณ” ลินลี่ย์รับจดหมาย
ภายนอกลินลี่ย์ไม่ได้ดูตื่นเต้นนัก แต่ฮิลแมนตื่นเต้นจนควบคุมตนเองไม่ได้ นักเรียนสถาบันเอินส์ ใครบ้างที่ไม่ให้เกียรติพวกเขา? อนาคตของลินลี่ย์แทบจะเดาได้แล้ว
“ลุงฮิลแมน! ไปกันเถอะ” ลินลี่ย์เก็บจดหมายแดงไว้ในเสื้อเขาและจากนั้นก็ออกไปจากหอประชุมใหญ่พร้อมกับฮิลแมน
แม้ว่าจะมีคนเป็นจำนวนมาก แต่ทุกคนในหอประชุมใหญ่ ตั้งแต่คนธรรมดาจนถึงขุนนาง ทั้งหมดถอยเปิดทางให้เขาผ่านไปได้ แม้ว่าพวกขุนนางเหล่านั้นจะเคยดูแคลนลินลี่ย์ว่าเป็นเด็กบ้านนอกแต่ตอนนี้ทุกคนกำลังยิ้มให้เขาด้วยท่าทางเป็นมิตร ท่าทีของพวกเขาดูดีจนน่าประหลาด
นี่เป็นการแสดงออกง่ายๆ ถึงสถานะที่นักเรียนสถาบันเอินส์ได้รับ
ขณะที่ถูกกลุ่มขุนนาง, ชาวบ้านและเจ้าหน้าที่โบสถ์มองดูอยู่ลินลี่ย์และฮิลแมนก็ออกไปจากโบสถ์
“จี๊ดดดดด!” หลังจากออกมาจากโบสถ์ หนูเงาน้อยส่งเสียงลั่นมันรู้สึกได้ถึงความตื่นเต้นของลินลี่ย์
พอถึงตอนนี้ลินลี่ย์ปล่อยให้ความตื่นเต้นปรากฏอยู่บนใบหน้า เขากำหมัดทันทีนัยน์ตาของเขาเป็นประกายกระตือรือร้น หันไปมองฮิลแมน เขารีบพูดว่า“ลุงฮิลแมน ไปกันเถอะ, กลับเมืองอู่ซันกันเถอะ! ข้าอยากให้ท่านพ่อทราบข่าว!”