ตอนที่ 2-17 ช่วงเวลาเรียนรู้ (1)
ฤดูใบไม้ผลิผ่านไปและฤดูใบไม้ร่วงเวียนมาถึง พริบตาเดียวลินลี่ย์ใช้เวลาอยู่ในสถาบันเอินส์ถึงครึ่งปีแล้ว
ช่วงวันเวลาเหล่านั้นในโรงเรียน ลินลี่ย์เป็นเหมือนคนที่กระหายน้ำในทะเลทรายดื่มกินความรู้เวทขั้นพื้นฐาน เกี่ยวกับเวทลม ความรู้และพลังของลินลี่ย์ยังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง และเดลินโคเวิร์ทได้ชี้แนะทุกอย่างบ่อยๆ เช่นกัน
วันนี้แสงตะวันสาดส่องดูงดงาม
สี่พี่น้องหอพัก 1987เพิ่งทานอาหารกลางวันเสร็จ พวกเขาอยู่ในชุดยาวสีท้องฟ้าซึ่งเป็นเครื่องแบบของสถาบัน เพราะฝึกฝนร่างกายอย่างต่อเนื่องรูปร่างลินลี่ย์จึงน่ามองน่าหลงใหลมาก ด้วยรูปร่างที่มีชุดยาวสีฟ้าคลุมอยู่นี่คือสาเหตุที่ทำให้เด็กผู้หญิงสองสามคนในชั้นเรียนเวทลมชอบคุยกับลินลี่ย์
ในตอนนี้สี่พี่น้องกำลังเดินทอดน่องคุยกัน
“จริงสิ, ลินลี่ย์ วันนี้พวกข้าที่เหลือจะเข้าไปร่วมงานรับน้องใหม่ เจ้าจะไปด้วยไหม?” จอร์จหัวเราะ
จอร์จชอบมีส่วนร่วมในชมรมนักเรียนและคบหามิตร และเขาจะเก่งมากในเรื่องในการหาข่าวและหาเพื่อนใหม่ แม้ว่าจะอยู่ในโรงเรียนมาเพียงครึ่งปีเท่านั้น แต่บรรดานักเรียนปีแรกของสถาบันเอินส์จอร์จกลายเป็นคนที่กระตือรือร้นและมีอิทธิพลคนหนึ่ง
“ไม่” คำตอบของลินลี่ย์ตรงไม่อ้อมค้อม
“ฮ่าฮ่า,ข้ารู้แล้วว่าลินลี่ย์คงไม่ไปแน่ๆ” เรย์โนลด์หัวเราะลั่น
เยลใช้แขนโอบไหล่ลินลี่ย์ถอนหายใจ “ลินลี่ย์, สหายรัก, ไม่จำเป็นต้องขยันขนาดนี้ก็ได้ เมื่อถึงเวลาเรียน ด้วยพรสวรรค์ของเจ้า ถ้าเจ้าใช้ความพยายามเพียงเล็กน้อย ในสามสิบปีเจ้าจะเป็นจอมเวทระดับหกได้ง่ายๆ ทำไมเจ้าต้องพากเพียรเป็นบ้าเป็นหลังขนาดนั้น? เจ้าควรจะเรียนรู้อย่างสบายๆและสนุกกับชีวิต มีเด็กผู้หญิงน่ารักหลายคนในงานรับน้องใหม่นะ เจ้าก็รู้”
“ใช่แล้ว เด็กผู้หญิงหลายคนน่ารักจริงๆ” เรย์โนลด์ทำตาโตและพยักหน้า
ลินลี่ย์ได้แต่ถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้
ภายใต้คำแนะนำของเยลเด็กที่ไร้เดียงสาอย่างเรย์โนลด์ก็เริ่มใจแตก
“เยล, เจ้ามันลามก เลิกกวนใจข้าได้แล้วตอนนี้ข้าจะไปฝึกต่อ พรุ่งนี้เป็นวันสิ้นเดือน ตอนนั้นข้าค่อยออกไปกับพวกเจ้า” ลินลี่ย์หัวเราะ สองวันสุดท้ายของเดือนลินลี่ย์ยอมให้ตัวเองได้พักผ่อนสองวัน
พอได้รับรู้อารมณ์ของลินลี่ย์ เยล, เรย์โนลด์และจอร์จก็พยักหน้ากันทุกคน
ลินลี่ย์เดินแยกออกมาทันทีแต่รีบมุ่งหน้าไปที่ภูเขาด้านหลังโรงเรียนอย่างเงียบๆ มีนักเรียนหลายพันอยู่ในสถาบันเอินส์และมีนักเวทหลายคนกำลังค้นคว้าเวทใหม่ๆ ที่นี่ นอกจากนี้ยังมีคนรับใช้จำนวนมาก ในช่วงเวลาสั้นๆ สถาบันเอินส์กลายเป็นสถานที่มีประชากรหนาแน่น
บนเส้นทางมุ่งหน้าสู่ภูเขา นักเรียนหลายคนที่อยู่ในชุดสีน้ำเงินก็สามารถมองเห็นได้เช่นกัน
“กรรรรร..” เสียงคำรามต่ำดังขึ้น
ลินลี่ย์หันไปมองข้างๆและนัยน์ตาของเขาเป็นประกาย “อสูรเวท!”
แผงขนคอที่เรียบลื่นขนสีฟ้าเนียน และขาใหญ่สี่ข้างที่ทรงพลัง ดวงตาเต็มไปด้วยความป่าเถื่อนและอำมหิตกรงเล็บทองส่องประกายเยือกเย็นทำให้คนที่มองเห็นหัวใจสั่นรัว
อสูรเวท หมาป่าสายลม
อสูรเวทที่น่ากลัวเคลื่อนไหวได้เร็วราวกับลมพัด
สิ่งที่น่าหวาดหวั่นที่สุดที่คนสามารถเผชิญหน้ากับอสูรเวทในป่าก็คือฝูงหมาป่าสายลม ถ้าท่านเผชิญกับมัน ด้วยความเร็วของพวกมันไม่มีทางที่ท่านจะหลบหนีได้เลย
บุรุษหนุ่มรูปงามผมดำนั่งอยู่บนหมาป่าสายลม บุรุษหนุ่มมองดูรอบๆ ตัวอย่างสุขใจดูเหมือนเขาจะภูมิใจมากที่มีอสูรเวทชั้นดีอย่างนั้น
“นี่คงเป็นอสูรเวทระดับห้าหรือระดับหก” ลินลี่ย์สรุป
ที่สถาบันเอินส์มีอยู่เพียงไม่กี่คนที่มีอสูรเวท นอกจากนักเวทผู้ได้รับเชิญให้มาสถาบันเอินส์ นักเรียนระดับห้าและระดับหกสามารถซื้อม้วนเวทผูกวิญญาณและฝึกอสูรเวทให้เชื่องและใช้เป็นพาหนะของพวกเขาได้
“เป็นแค่อสูรเวทตัวหนึ่ง ทำไมต้องกวนโมโหมากขนาดนั้นด้วย?” ลินลี่ย์มองอย่างเหยียดหยามไปที่นักเวทผู้หลงตัวเอง
หลังจากออกจากโรงเรียน ลินลี่ย์เข้าไปที่หุบเขาด้านหลังเขา
ภูเขาด้านหลังสถาบันเอินส์เป็นแนวเขากว้างนานมากแล้วที่อสูรเวทได้อาศัยอยู่ในภูเขานี้ แต่เมื่อเวลาผ่านไป อสูรเวทถูกนักเวทของสถาบันฆ่าตายหมด ตอนนี้ตอนนี้จึงมีสัตว์ป่าธรรมดาไม่กี่ตัวอาศัยอยู่ที่นี่
พอเข้าไปในภูเขาความเร็วของลินลี่ย์ก็เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
ปกติเขาเริ่มใช้เวทลมคาถาความเร็วเหนือเสียง ทำให้ตลอดทั้งร่างของเขาเบาเหมือนใบไม้ เหมือนกับวิญญาณเขาลดเลี้ยวไปตามเส้นทางในภูเขา หลังจากวิ่งมาหลายกิโลเมตร ลินลี่ย์ก็ไปถึงจุดหมายของเขาเป็นสถานที่ว่างติดลำธาร
“จี๊ด จี๊ด” บีบีร้องทักลินลี่ย์อย่างร่าเริง
ลินลี่ย์หัวเราะและพูดว่า“เจ้าต้องการออกไปเล่นเหรอ? ก็ได้แต่อย่าไปไกลนักนะ? ลินลี่ย์เชื่อใจบีบีมาก หนึ่งปีผ่านไปตั้งแต่เขาได้พบกับเจ้าตัวน้อย แต่บีบีก็ยังไม่โตขึ้นยังคงมีตัวขนาดยี่สิบเซนติเมตร มีแต่ความเร็วของมันที่เพิ่มขึ้นมากมาย
“นักเวทหรือ? บางทีนักรบระดับแปดก็สามารถจับหนูเงาน้อยได้ แต่จอมเวทระดับเซียนเท่านั้น ถึงจะสามารถทำอย่างเดียวได้” ลินลี่ย์ทราบดีว่าร่างกายของจอมเวททั้งหมดแข็งแกร่งขนาดไหน
หนูเงาน้อย บีบีพุ่งเข้าไปในป่าในภูเขา
“ปู่เดลิน ได้โปรดออกมาสอนข้าที” ลินลี่ย์พูดผ่านจิตทันที
หมอกสายหนึ่งลอยออกมาและกลายเป็นเดลิน โคเวิร์ท เดลินโคเวิร์ทกระพริบตาและจ้องมาทางลินลี่ย์ “ลินลี่ย์!เกิดอะไรขึ้น? เมื่อก่อนนั้น เจ้ามักจะไม่สนใจตาแก่ผู้นี้และเข้าสมาธิก่อนไม่ใช่หรือ? ทำไมเจ้าถึงเรียกข้าออกมาตอนนี้เล่า? ข้ากำลังหลับเพลินๆ ฮึ่ม..เจ้าทำฝันหวานของข้าป่นปี้หมด”
ลินลี่ย์เบะปาก
แม้ว่าปู่เดลินจะเป็นจอมเวทผู้วิเศษระดับเซียน หลังจากรู้จักกับเขาลินลี่ย์ก็ตระหนักว่าแม้ว่าภายนอกเขาจะดูใจดีและเป็นมิตร แต่ว่าภายในนั้น เขายังชอบกลั่นแกล้งเหมือนเด็ก
“ปู่เดลิน, ข้ารู้สึกเหมือนว่าข้าจะเข้าถึงขอบเขตจอมเวทระดับสองแล้ว ข้าอยากให้ท่านช่วยดูข้าด้วยตัวท่านเอง” ลินลี่ย์พูดในที่สุด
“จอมเวทระดับสองหรือ?”
เดลินโคเวิร์ทครุ่นคิดและประเมินดู “ฮืม.. ใช่แล้วมันผ่านไปได้ปีหนึ่งแล้วตั้งแต่เจ้าเริ่มเรียนกับข้า ก่อนอื่นให้ใช้เวทหินแตก เจ้าจงทำให้ดีที่สุด เข้าใจไหม?”
“เวทหินแตก” ถูกมองว่าเป็นคาถาที่เอาไว้ใช้วัดผล
มีเวทหินแตกซึ่งเป็นเวทระดับหนึ่ง แต่ก็ยังมีเวทระดับเซียนที่เรียกว่าเวทหินแตกเหมือนกัน เพียงแต่ชื่อที่เรียกกันก็คือเวทดาวตกสวรรค์ ตามปกติเมื่อความแข็งแกร่งของจอมเวทธาตุดินเพิ่มขึ้น พลังของเขาในการใช้เวทหินแตกก็จะเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน
“ได้เลย ปู่เดลิน”
ทันใดนั้นลินลี่ย์เริ่มร่ายเวทอย่างเงียบๆ ลินลี่ย์จำคำทั้งหมดได้นานแล้วถึงขนาดที่ท่องออกมาได้โดยไม่ต้องคิด ขณะที่ร่ายเวทต่อเนื่อง เลนลี่ย์สามารถรู้สึกได้ถึงพลังจิตของเขาทั้งหมดกำลังเข้าสู่สภาวะพิเศษ
พลังเวทดินที่เขาสะสมในอกเขาก็เริ่มไหลออกมาและพลังธาตุก็เริ่มรวมตัวเช่นกัน
ทันใดนั้นดินที่อยู่ใกล้ๆ ก็แตกกระจาย
ก้อนหินขนาดเท่าหัวกะโหลกห้าลูกลอยขึ้นและเริ่มวนรอบศีรษะลินลี่ย์ หินห้าก้อนทั้งหมดปกคลุมด้วยจุดแสงสีธาตุดิน และขณะที่นัยน์ตาของลินลี่ย์เริ่มเรืองแสง เขาตวาดเต็มที่ หินทั้งห้าก้อนพุ่งออกไปอย่างรวดเร็วพร้อมกับหอบเอาลมไปกับมันด้วย
“โครม!”
หินทั้งห้าก้อนที่ปกคลุมด้วยแสงธาตุดินกระแทกเข้าต้นไม้ใหญ่ ต้นไม้โอนเอน แต่ลำต้นไม่ได้สั่นมากนัก ในที่สุดก้อนหินทั้งห้าก้อนก็ร่วงลงมาบนพื้น
“อืม..ไม่เลว” เดลิน โคเวิร์ทตาเป็นประกาย “สามารถควบคุมก้อนหินทั้งห้าก้อนในคราวเดียวด้วยความเร็วที่น่าประทับใจขนาดนั้น ความจริงนั่นเป็นพลังของจอมเวทระดับสอง” เดลินโคเวิร์ทพอใจกับการร่ายเวทของลินลี่ย์เป็นอย่างมาก
ลินลี่ย์อดไม่ได้ที่จะยิ้มเช่นกัน
เขาเข้าใกล้เป้าหมายไปอีกก้าวแล้ว
ลินลี่ย์ไม่มีทางจะลืมคำพูดของบิดาเขาที่พูดกับเขาไว้ตอนที่เขาจากมา “ถ้าลูกไม่สามารถนำมันกลับมาได้ ต่อให้พ่อตาย พ่อจะไม่ยกโทษให้ลูก” คำพูดเหล่านี้เหมือนกับมีดคมที่แทงใจของลินลี่ย์และเขายังนึกถึงอยู่เสมอ
ตอนนี้ เดลินโคเวิร์ทหัวเราะอย่างมีความสุข “แต่ว่าลินลี่ย์ เจ้าต้องเข้าใจนะว่าจอมเวทระดับสองยังนับว่าเป็นเด็กน้อย เกี่ยวกับระบบการจัดลำดับของเรา นักเวทระดับหนึ่งหรือระดับสองถูกจัดเป็นนักเวทระดับเริ่มต้น นักเวทระดับสามและระดับสี่มองว่าเป็นนักเวทระดับกลางและนักเวทระดับห้าหรือหก ถูกมองว่าเป็นนักเวทระดับสูง นักเวทระดับเจ็ดเรียกว่าจอมเวทอาวุโส จอมเวทระดับแปดเรียกว่าอาจารย์จอมเวท จอมเวทระดับเก้าเรียกว่าปรมาจารย์เวท ระดับเจ็ดถึงระดับเก้าเป็นระดับที่สูงสุด เส้นทางที่เจ้าต้องเดินทางยังอีกไกลนัก”
“ข้าทราบ” ลินลี่ย์พยักหน้า
“ดี จงฝึกให้หนัก” เดลิน โคเวิร์ทกลับเข้าไปในแหวนมังกรอีกครั้ง
ลินลี่ย์ตั้งสติตนเองระงับความตื่นเต้นจากการได้เป็นจอมเวทระดับสอง เขานั่งสงบจิตใจอีกครั้ง และเข้าสมาธิ ความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้นทีละขั้นผ่านผลสำเร็จหลายครั้งครา
ห่างจากลินลี่ย์ไปสามกิโลเมตร
จอมเวทที่เป็นครูของลินลี่ย์เทรย์ จอมเวทระดับหกขมวดคิ้ว “หืม.. คาถาเวทดิน หินแตก?พลังขนาดนี้น่าจะเป็นจอมเวทระดับสอง จอมเวทระดับเริ่มต้นที่มาฝึกในหุบเขาเป็นใครกัน?
จากนั้นเทรย์ใช้เวทลมตรวจสอบ และได้รู้สึกถึงเวทดินซึ่งลินลี่ย์เพิ่งร่าย
จากแรงสั่นสะเทือนของเวท เทรย์ก็สามารถระบุได้ว่าเป็นเวทชนิดไหน
เทรย์เดินไปในทิศนั้นด้วยความสงสัยด้วยพลังเวทระดับหกของเขา เขาใช้เวทเหนือเสียงได้แข็งแกร่งกว่าลินลี่ย์มากนักเหมือนกับเมฆหมอกที่ผ่านไป เทรย์เคลื่อนผ่านภูเขาได้อย่างราบรื่นง่ายดาย
ในชั่วพริบตาเทรย์ก็มาถึงจุดที่ห่างจากลินลี่ย์สองร้อยเมตร
เขายืนอยู่ข้างต้นไม้ใหญ่ เทรย์เห็นลินลี่ย์จากที่ไกล
เป็นเขาเองหรือ?
ธรรมดาเทรย์จะจำนักเรียนของเขาเองได้ “เด็กคนนี้ชื่อลินลี่ย์ไม่เคยพูดในชั้นเรียนเลยแม้เมื่อถึงเวลาทดลองเวทใหม่ๆ คนอื่นๆพยายามจะทดลอง แต่เขาจะแค่ยืนมองจากที่ไกลไม่เคยแสดงพลังของตนเองออกมา ดูเหมือน...เด็กที่ชื่อลินลี่ย์นี้จะเป็นจอมเวทระดับสองไปแล้ว เราจำได้ว่าเขาเป็นหนึ่งในนักเรียนใหม่ของเรา คาดไม่ถึงเลยว่าเขาจะมีพรสวรรค์มาก”
ลินลี่ย์รู้วิธีร่ายเวทแล้ว ดังนั้นแน่นอนว่าเมื่อครูบอกให้นักเรียนอื่นทำดูเขาจะแค่ยืนมองเฉยๆ
ไม่เคยทำอะไรร่วมกับกลุ่ม ความลึกลับของลินลี่ย์เป็นที่รู้จักกันดีสำหรับทุกๆ คนที่รู้จักเขา “หึหึ,ดูเหมือนเราจะมีอัจฉริยะในหมู่ลูกศิษย์แล้วสินะ อืม.. ดูเหมือนปีนี้เราควรจะได้รับรางวัลเมื่อการแข่งขันนักเรียนปีหนึ่งเริ่มขึ้น” รอยยิ้มกว้างปรากฏบนใบหน้าของเทรย์ ขณะที่ในตอนนี้ ลินลี่ย์กำลังเข้าสมาธิอยู่ เขาสัมผัสรู้สิ่งใดไม่ได้ในระยะร้อยเมตรห่างจากตัวเขาไป