ตอนที่ 21 เขาจูบข้า… เขากล้าดียังไง
“ปล่อยเมิ่งหานของข้า!!!”
อารมณ์ของหลิงอ่าวเทียนระเบิดออกมาอย่างสมบูรณ์
เจียงมู่กล้าจูบริมฝีปากเล็กๆของเสวี่ยเมิ่งหานต่อหน้าเขา!
"ข้าจะฆ่าเจ้า!!!"
เขากระโจนเข้าใส่เจียงมู่ราวกับสิงโตคลั่ง
หึๆ
หากเจ้าไม่สอนบทเรียนให้ตัวร้ายเช่นข้า ถ้าอย่างงั้นเจ้าที่เป็นพระเอกจะเทียบสุนัขได้หรือ?
"จูบ!"
ริมฝีปากของเจียงมู่ออกผละออกจากริมฝีปากเล็ก ๆ ของ เสวี่ยเมิ่งหาน
“หรงเอ๋อ หลีกทาง เปิ้นจงจะจัดการมันเอง!”
เขารีบหยุดติงหนานหรงที่พร้อมที่จะเคลื่อนไหว
หากนางเคลื่อนไหว มันจะไม่ใช่เนื้อเรื่องของเขาอีกต่อไป
เขาผลักสวี่ยเมิ่งหานที่ราวกับถูกฟ้าผ่าออกไป และพุ่งกระโจนเข้าหาหลิงอ่าวเทียนและคำรามออกมา
“เปิ้นจงจะทุบตีเจ้าให้ตาย ไอ้คนบ้านนอก!!”
บูม บูม บูม!
ทั้งสองปะทะกันด้วยหมัดต่อหมัดอย่างดุเดือด
"อั๊ก----“เจียงมู่ถูกชกเข้าที่ท้องถูกส่งบินกลับและร้องออกมาด้วย 'ความเจ็บปวด'
ในที่สุดเขาก็บินเข้าสู่แขนอันอ่อนนุ่มของติงหนานหรง
ในขณะที่หลิงอ่าวเทียนเอาชนะเจียงมู่ได้ เขารู้สึกเหมือนมีคนต่อยเข้าที่ท้องทำให้เขายิ้มด้วยความเจ็บปวด
แต่ตอนนี้เขาโกรธมากและไม่สนอะไรทั้งนั้น
หลิงอ่าวเทียน โกรธจัดในขณะที่เขาหมอบลงและเหยียดแขน ใช้วิชาวิญญาณชั่วร้าย
“หมัดวารีพิษเทพนาคา!”
รัศมีพลังงานวิญญาณของเขาเพิ่มขึ้นพร้อมกับร่องรอยพลังงานชั่วร้ายที่ยากจะลบเลือน
และบนแขนแต่ละข้างของเขามีงูสีดำพันวน
งูน้ำสีดำโอบรอบตัแขนตั้งแต่ปลายข้อศอกจนถึงกำปั้น ร่างเงาของงูเปิดปากที่ราวกับหุบเหวและจ้องมองไปที่เจียงมู่ด้วยรูม่านตาสีทอง
ราวกับจ้องมองไปยังศัตรูคู่อาฆาตจากชาติปางก่อน!
[เจ้าต้องการที่วางยาพิษเขา?]
ในความคิดของ หลิงอ่าวเทียน เสียงของเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ ที่แหบแห้งและเย็นชาก็ดังขึ้น น้ำเสียงของนางเต็มไปด้วยความสงสัยและความไม่พอใจ
“ไม่ต้องห่วง อาจารย์! ศิษย์จะควบคุมปริมาณพิษ อย่างมากสุดก็มีแค่มือของเขาเท่านั้นที่โดนพิษ!”
“ศิษย์จะทำให้คนสกุลเจียงต้องชดใช้ที่มันกล้าดูหมิ่นเมิ่งหาน!”
เชี่ย!
พระเอกคนนี้พยายามจะทำให้ข้าพิการใช่ไหม!
เมื่อมองไปที่งูน้ำสีดำสองตัวที่มีรูม่านตาสีทองบนแขนของหลิงอ่าวเทียน เจียงมู่ก็ตกใจ
เขาย่อมรู้จักวิชานี้ดี
หมัดวารีพิษเทพนาคา
นี่คือวิชาพลังวิญญาณที่อาจารย์เทพปีศาจ ของ หลิงอ่าวเทียน ได้สอนเขา
พิษที่อยู่ในงูน้ำสีดำรูม่านตาสีทองนั้นรุนแรงมาก แม้เพียงเล็กน้อยก็สามารภทำให้คนเป็นอัมพาตครึ่งซีกได้ วิชาที่ชั่วร้ายนี้เป็นหนึ่งในไพ่ตายของหลิง อ้าวเทียน
เขาคาดไม่ถึงว่ามันจะถูกใช้กับตัวเอง
นี่ไม่ใช่ส่วนหนึ่งของเนื้อเรื่องดั้งเดิม!
ใจของ เจียงมู่ เริ่มกังวลอีกครั้ง
ในแผนเดิม หลิงอ่าวเทียน เอาแต่ทุบตีเขาอย่างโหดเหี้ยมและไม่เคยใช้ไพ่ลับนี้เลย
ต้องเป็นเพราะ เสวี่ยเมิ่งหาน บิดเบี้ยวเลยทำให้หลิงอ่าวเทียนเบี่ยงเบนเช่นกันใช่ไหม
“อ๊าาา”
หลิงอ่าวเทียน คำรามในขณะที่เขาพุ่งเข้าหาเจียงมู่เหมือนลูกธนูด้วยความเร็วสูงสุด
ไม่มีทางอื่นนอกจากเลิกคิดและเผชิญหน้ากับเขาโดยตรง
บูม บูม บูม!!!
“เปิ้นจงจะฆ่าเจ้า!”
ทั้งสองโจมตีกันด้วยหมัดต่อหมัดอย่างดุเดือดอีกครั้ง
ในที่สุดหมัดทั้งสองก็ปะทะกันและงูสีดำบนแขนของหลิง อ่าวเทียน ก็สามารถพันรอบแขนของ เจียงมู่ ได้ทันที
ทันทีหลังจากนั้น ทั้งคู่ก็กระเด็นถอยห่างออกจากกัน
"นี่มันอะไรกัน!"
เจียงมู่ มองไปที่แขนทั้งสองข้างด้วย 'ความตกใจ'
งูน้ำสีดำสองตัวพันรอบแขนของเขาอย่างหนาแน่น และพวกมันก็เริ่มซึมเข้าสู่ผิวหนังของเขาผ่านแขนเสื้ออย่างช้าๆ
ในที่สุด งูน้ำสีดำทั้งสองตัวก็หายเข้าไปในแขนของเขาอย่างไร้ร่องรอย
“มือของข้า!”
เจียงมู่ ยังคงมีสีหน้า 'หวาดกลัว' บนใบหน้าของเขา
มือของเขาค่อยๆ ห้อยลงไปด้านข้างและเริ่มสั่นอย่างควบคุมไม่ได้
“สารเลว! เจ้าทำอะไรกับมือข้า!!!”
แม้ว่าภายนอก เจียงมู่i จะแสดงออกถึงความโกรธและตื่นตระหนก
อย่างไรก็ตาม เขาดูดซับและกลั่นพิษจากอสรพิษดำตัวนี้อย่างเงียบ ๆ และปลูกยาระเบิดพิษภายในตันเถียนของเขา
โชคดีที่ไม่เป็นไร….
ถ้าไม่ใช่เพราะ ร่างกายที่แบกรับพิษได้นับอนันต์ มือของเขาคงไร้ประโยชน์
เจียงมู่ แอบดีใจในใจ
หลิงอ่าวเทียน หัวเราะอย่างเย็นชาในขณะที่เขาจ้องมองที่มือของเจียงมู่ที่สั่นเทา
“หมัดวารีพิษเทพนาคา เป็นทักษะลับของข้า หลังจากโดนท่านี้ แขนของเจ้า ไม่เพียงแต่เจ้าจะสูญเสียการเคลื่อนไหว แต่ยังจะดูดซับและใช้พลังวิญญาณขณะที่เจ้าฝึกฝน ทำให้การฝึกฝนของเจ้าช้าลง ลงหลายเท่า!”
"อะไร! เจ้า …. เจ้าปีศาจร้าย!”
“ฮิๆ ปีศาจร้าย? ถ้าไม่ใช่เพราะเจ้าช่วยชีวิต เมิ่งหาน ข้าจะทุบตีเจ้าจนกว่าจะกลายเป็นเถ้าธุลี! และตอนนี้การสูญเสียมือของเจ้าคือราคาที่ต้องจ่ายสำหรับการดูหมิ่นเมิ่งหาน!”
“รีบนำยาแก้พิษมาให้เปิ้นจงผู้นี้ซะ!”
เจียงมู่ 'หวาดกลัว' มากจนร่างกายของเขาสั่น
ในสายตาของติงหนานหรง นางไม่รู้ว่าเขาหวาดกลัวจริงๆหรือไม่
นางมองไปที่มือที่สั่นเทาของ เจียงมู่ จากนั้นที่ เสวี่ยเมิ่งหาน ซึ่งยืนนิ่งอยู่ข้างๆนาง
ในที่สุดนางก็มองไปที่ หลิงอ่าวเทียน ซึ่งยิ้มอย่างเย้ยหยันอยู่ฝั่งตรงข้าม
นี่ควรเป็นส่งที่ในบันทึกได้เขียนไว้…. เนื้อเรื่องหลักที่สอง?
นางจึงดูละครต่อด้วยความอยากรู้อยากเห็น
“ไปไม่ได้ที่จะให้ยาแก้พิษกับเจ้า”
หลิงอ่าวเทียน มองไปที่ เจียงมู่ ที่ไม่พอใจด้วยความยินดีอย่างยิ่งในใจ
จากนั้นเขาก็กล่าวอย่างเฉยเมย
“พิษของข้า แม้เพียงเล็กน้อยก็เพียงพอที่จะทำให้แขนทั้งสองข้างเป็นอัมพาต แต่ถ้าเจ้าไม่รักษาทันเวลา และถ้าเจ้าใช้พลังวิญญาณอย่างไม่ระมัดระวัง มันจะเลวร้ายยิ่งกว่าการเป็นอัมพาต”
เหตุผลที่เขายกประเด็นนี้ขึ้นมา
ประการหนึ่ง เป็นเพราะเจียงมู่ไม่สามารถถูกฆ่าได้ ท้ายที่สุดก็ยังมีติงหนานหรง
ประการที่สอง ด้วยการให้ความหวังอันริบหรี่แก่ เจียงมู่ ว่าเขาจะมุ่งเน้นไปที่การรักษามือของเขาและไม่มีเวลามารบกวน เสวี่ยเมิ่งหาน
ในอีกสี่วันข้างหน้า เขา หลิงอ่าวเทียน จะต้องออกไปแก้แค้นศัตรูของเขาและจะไม่สามารถดูแล เสวี่ยเมิ่งหาน ได้
ตามที่คาดไว้ เมื่อ เจียงมู่ ได้ยินสิ่งนี้ แสงแห่งความหวังก็ส่องประกายในดวงตาของเขาทันที และเขารีบถาม
"อะไร! เจ้ากำลังบอกว่ามันรักษาได้เหรอ?”
“มันขึ้นอยู่กับเจ้าที่จะเชื่อหรือไม่”
หลิงอ่าวเทียน หัวเราะเยาะและพูด
“ข้าแนะนำให้เจ้าอย่าเข้าร่วมในฤดูล่าสัตว์ รีบกลับไปรักษาพิษซะ ถ้าปล่อยไว้นานเกินไป ข้าก็รับประกันไม่ได้…”
ก่อนที่เขาจะพูดจบประโยต เจียงมู่ก็ดูเหมือนจะคว้าฟางช่วยชีวิตไว้ได้และสั่งติงหนานหรงซึ่งอยู่ข้างๆ “หรงเอ๋อ! เร็วเข้า รีบส่งข้ากลับไปที่เรือบินเดี๋ยวนี้!”
ขณะที่เขาพูด เขาก็เดินไปที่รถเข็นของเขาและนั่งลง รอให้ ติงหนานหรงผลักเขากลับไปที่เรือบินส่วนตัว
เขาไม่ลืมที่จะทิ้งคำพูดที่โหดร้ายเอาไว้ “หลิง อ่าวเทียน ใช่มั้ย? ครั้งต่อไป เปิ้นจงคนนี้จะฆ่าเจ้าแน่นอน!”
นั่นคือตอนจบ?
ติงหนานหรงรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย
เนื่องจากไม่มีละครให้ดูอีกต่อไป นางจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากผลักเจียงมู่กลับไปที่เรือบินส่วนตัวอย่างรวดเร็ว
“เมิ่งหาน เจ้าสบายดีไหม!”
หลังจากที่เจียงมู่และติงหนานหรงจากไป หลิงอ่าวเทียนก็ก้าวเข้ามาปลอบประโยนเสวี่ยเมิ่งหาน
เมื่อเห็นท่าทางงุนงงของนาง หัวใจของเขาก็เจ็บปวดเล็กน้อย
“เมิงหาน เชื่อข้าเถอะ สักวันหนึ่ง ข้าจะตัดมือและเท้าของเจียงมู่ออกและให้มันชดใช้ที่กล้าจูบเจ้า!”
“เขาจูบข้า… เขากล้าดียังไง…”
เสวี่ยเมิ่งหานพึมพำ แต่ยังไม่ตื่นจากความงุนงง
หลิงอ่าวเทียน ได้ยินไม่ชัดนักและถามให้ดังขึ้นเล็กน้อย “เมิ่งหาน เจ้าพูดอะไรเหรอ?”
"ฮะ? ไม่… ไม่มีอะไร ข้า… ข้าจะกลับไปที่เรือเหาะ นายน้อยหลิง ไม่ต้องไปส่งข้า!”
เสวี่ยเมิ่งหานผู้ซึ่งตกอยู่ทในความงุนงงเป็นเวลานานในที่สุดก็ตื่นขึ้น
นางใช้มือทั้งสองข้างปิดหน้าที่แดงก่ำขณะที่นางก้าวบันไดดอกบัวราวกับควบม้ารีบไปทางเรือเหาะเมือง
เสวี่ย (บันไดดอกบัว ท่าเดินที่สวยงามของผู้หญิง) (ควบม้า เป็นคำแสลงหมายถึง อย่างรวดเร็ว)
“อาจารย์ เมิ่งหาน นาง…”
เมื่อมองไปที่ด้านหลังที่ตื่นตระหนกของ เสวี่ยเมิ่งหาน หลิงอ่าวเทียน ก็ไม่เข้าใจว่าทำไม
[ก็แค่ผู้หญิงโง่ๆ คนหนึ่งที่อยู่ในฤดูใบไม้ผลิ] (ฤดูใบไม้ผลิ หมายถึง ความรัก)
“……”
หลิงอ่าวเทียน พูดไม่ออก
[อย่าลืมเรื่องสำคัญ เจ้ามาที่นี่เพื่อแก้แค้น]
[ปีศาจต้นไม้พิษเลือดริมทะเลสาบนั่น มันยังไม่ตาย ไปฆ่ามันและปรับแต่งพิษเพื่อทำให้หมัดวารีพิษของเจ้าแข็งแกร่งขึ้น]
"…ขอรับ!"
***
เรือบินส่วนตัว ภายในห้องสุดหรู
“หรงเอ๋อ เจ้าออกไปได้แล้ว ข้าขออยู่คนเดียว”
หลังจากที่ ติงหนานหรงเข็น เจียงมู่ เข้าไปในห้อง เขาก็นั่งบนรถเข็นถูขมับและเริ่มคิดอย่างหนัก
เกี่ยวกับเนื้อเรื่องของวันนี้
เขาต้องแยกแยะและดูว่าเขาสามารถหาสาเหตุของเนื้อเรื่องที่บิดเบี้ยวได้หรือไม่
นอกจากนี้เขายังจูบ เสวี่ยเมิ่งหาน
นี่เป็นจูบแรกของ เสวี่ยเมิ่งหาน!
แม้ว่าจะเป็นเรื่องที่เร่งด่วนและขาดความอดทนในตอนนั้นก็ตาม
แต่มันอาจนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในทัศนคติของ เสวี่ยเมิ่งหาน ที่มีต่อตัวเขาเอง ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่
ในทางกลับกันจะส่งผลต่อเนื้อเรื่องในภายหลัง
“ไม่กินยาเหรอ?”
เมื่อมองไปที่มือของเขาที่สามารถขยับได้แล้ว ติงหนานหรงค่อนข้างอยากรู้อยากเห็น
อาจจะเป็นพิษปลอม
เขารักษาเสวี่ยเมิ่งหานจากพิษของปีศาจต้นไม้ด้วยปากของเขา
และตัวเขาเองก็ดูเหมือนจะไม่ได้รับผลกระทบจากพิษของหลิงอ่าวเทียน
เขาต้องกำลังปกปิดความลับที่ไม่มีใครรู้
“ไม่ ข้า… โอ้ เดี๋ยวข้าจะทาเอง”
เจียงมู่ เปลี่ยนน้ำเสียงของเขาทันทีและกลับมาแสร้งทำเป็นมือสั่น
แม้ว่ามือของเขาเองจะไม่เป็นไรแล้วก็ตาม
แต่ ติงหนานหรงไม่รู้
ในความคิดของนาง เขา เจียงมู่เป็นคนงี่เง่า ในเมื่อมือของเขาได้รับพิษ เป็นไปไม่ได้ที่พวกมันจะดีขึ้นโดยไม่มีเหตุผล
“ท่านจะทาเองเหรอ”
เมื่อมองไปที่มือของเขาที่สั่นไม่หยุด ติงหนานหรงก็อยากจะหัวเราะออกมาดัง ๆ
มันเป็นการแสดงที่ดีเลยทีเดียว
"…ใช่." เจียงมู่ตอบกลับอย่างเจ็บปวด
“ยาอยู่ที่ไหน” ติงหนานหรงถามอย่างขี้เล่น
“เอ่อ….”
เกิดอะไรขึ้น นางไปเอาคำพูดมากมายขนาดนี้มาจากไหน
“แน่นอนว่ามันอยู่ในแหวนมิติ ออกไปเถอะ ข้าจะล้างพิษ” เจียงมู่ คร่ำครวญและกระตุ้นให้นางออกไปอีกครั้ง
“แต่ท่านไม่ได้สวมแหวน ข้าวของทุกอย่าง แม้แต่ชุดชั้นในก็อยู่กับข้า ท่านโกหก ท่านจะโกหกทำไม”
ดวงตาที่สวยงามของ ติงหนานหรงเผยให้เห็นร่องรอยของความสนุกสนานเล็กน้อย
ยิ่ง เจียงมู่ ปกปิดมันมากเท่าไหร่ นางก็ยิ่งอยากรู้อยากเห็นมากขึ้นเท่านั้น
นางตัดสินใจว่านางจะขุดคุ้ยความลับของเขาออกมาให้ได้