ยอดอาจารย์มหาเมตตา ตอนที่ 43 สตรีผู้ชั่วร้ายอีกคน
ยอดอาจารย์มหาเมตตา ตอนที่ 43 สตรีผู้ชั่วร้ายอีกคน
“เจ้า… เจ้ากล้าดีอย่างไรถึงทำร้ายลูกชายของข้า” หยางเหอโกรธจัดเมื่อเห็นลูกชายถูกทุบตี เขาชักหอกออกมาโจมตีทันที
ทว่าก็เหมือนกับก่อนหน้านี้ เย่ชิวเพียงโบกมือเบา ๆ ส่งเขากระเด็นออกไป
เมื่อเผชิญกับความแข็งแกร่งที่แท้จริง การโจมตีใด ๆ ก็เหมือนกับการชกกำแพง
“อั่ก…” หลังจากถูกโจมตีอย่างหนัก หยางเหอกสิ้นหวัง เขาเต็มไปด้วยความเสียใจ
ความผิดพลาดเพียงครั้งเดียวได้นำพาความพินาศมาสู่ตระกูลอย่างไม่อาจแก้ไขได้ เขากลายเป็นคนบาปของตระกูลโดยสมบูรณ์
“นี่คือตระกูลใหญ่ของเมืองกวงหลิงงั้นหรือ ช่างเป็นกบก้นบ่อที่น่าขันนัก…”
เย่ชิวมองไปยังหยางเหออย่างใจเย็นและกำลังจะปลิดชีวิตสุนัขของเขา
“ศิษย์น้องเย่ โปรดยั้งมือ”
“อืม” เย่ชิวมองไปยังท้องฟ้าด้วยความสับสน ไม่นานแสงวาบก็พุ่งมา ชายวัยกลางคนในชุดคลุมเต๋าได้เดินเข้ามา
“ชายคนนี้คือใคร”
ทุกคนมองด้วยความสงสัย
ดวงตาของหานเซิงอี้เปลี่ยนเป็นเฉียบคมมากและจดจำตัวตนของบุคคลด้านบนได้ทันที “สำนักเยียวยาสวรรค์ ฉีอู๋ฮุ่ย! เหตุใดเขาถึงมาอยู่ที่นี่…”
“ฉีอู๋ฮุ่ย! นั่นคือปรมาจารย์แห่งขุนเขากระบี่เร้นลับ ซึ่งเป็นยอดฝีมือระดับปรมาจารย์ยุทธหรอกหรือ” ฝูเหยาถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น นางไม่คาดคิดว่าปรมาจารย์ยุทธสองคนจากสำนักเยียวยาสวรรค์จะมาปรากฏตัวพร้อมกันในวันนี้
หานเซิงอี้พยักหน้าและกล่าวว่า “เป็นเขาเอง ชายคนนี้ทรงอำนาจและมีอารมณ์ที่แปลกประหลาด มักจะแสวงหาการแก้แค้นกับเรื่องที่เล็กน้อยที่สุด”
ฝูเหยาพยักหน้า
“ฉีอู๋ฮุ่ย” เย่ชิวขมวดคิ้วและค่อย ๆ ลดมือลง เหตุใดเขาถึงมาที่นี่
“ศิษย์พี่ฉีมีอะไรหรือไม่” เย่ชิวกล่าวอย่างไม่พอใจ เขาและฉีอู๋ฮุ่ยนั้นไม่ถูกกันตั้งแต่แรก ทว่าเมื่ออยู่ด้านนอกพวกเขาเป็นตัวแทนของสำนักเยียวยาสวรรค์ ดังนั้นเขาจึงต้องแสดงความเคารพต่อกันบ้าง
เป็นเรื่องปกติที่สุดปรมาจารย์ขุนเขาทั้งเจ็ดนั้นเป็นคู่แข่งกัน อย่างไรก็ตาม พวกเขายังคงเป็นหนึ่งเดียวกันหากเป็นเรื่องของชื่อเสียงสำนักเยียวยาสวรรค์
ฉีอู๋ฮุ่ยร่อนลงข้าง ๆ เย่ชิวและหยางเหอ
หยางเหอมีความสุขมากที่ได้เห็นฉีอู๋ฮุ่ย “ปรมาจารย์ฉี ช่วยข้าด้วย…”
ฉีอู๋ฮุ่ยไม่ได้มีสีหน้าที่ดีนักและมองไปยังหยางเหอด้วยความดูถูกเหยียดหยาม
ในขณะนี้ฉีอู๋ฮุ่ยต้องการที่จะสาปแช่งเขาอย่างสุดใจ
หยางเหอได้ยั่วยุเย่ชิวผู้ที่เป็นอริกับเขาตั้งแต่แรก หากเย่ชิวยกประเด็นนี้ขึ้นมาเอาเรื่อง เขาจะไม่เสียเปรียบหรอกหรือ
แม้ว่าเขาจะไม่พอใจขนาดไหนก็ตาม แต่ฉีอู๋ฮุ่ยก็ไม่มีทางเลือกนอกจากเข้ามายุ่งเกี่ยว ท้ายที่สุดแล้วเขายังต้องพึ่งพาธุรกิจของตระกูลหยางเพื่อหากำไร
ขุนเขาทั้งเจ็ดล้วนเกี่ยวข้องกับตระกูลใหญ่ต่าง ๆ ในดินแดนรกร้างตะวันออก ทรัพยากรและความมั่งคั่งส่วนใหญ่ที่จำเป็นสำหรับขุนเขาล้วนมาจากตระกูลเหล่านี้
ยกเว้นขุนเขาเมฆาม่วง ซึ่งไม่ได้ใช้เงินเพราะมีคนเพียงน้อยนิด
“ศิษย์น้องเย่! ชายคนนี้เป็นสหายของข้ามาหลายปี ข้าสงสัยว่าเหตุใดเขาถึงให้เจ้าขุ่นเคืองได้ เหตุใดเจ้าไม่ไว้ชีวิตเขาเพื่อหน้าข้าบ้าง” ฉีอู๋ฮุ่ยกล่าวอย่างจริงใจ
ในวันนี้เขาได้ตระหนักว่าเย่ชิวได้อยู่ในระดับเดียวกับเขาแล้ว ยิ่งฉีอู๋ฮุ่ยเฝ้าดูการต่อสู้จากบนท้องฟ้ามากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งตกใจมากขึ้นเท่านั้น
ชายหนุ่มที่เขาดูถูกมาตลอดได้บรรลุขอบเขตปรมาจารย์ยุทธโดยไม่มีใครรับรู้
ฉีอู๋ฮุ่ยรู้สึกประหม่าในใจลึก ๆ หากเย่ชิวได้รับเวลาเพิ่มอีก ไม่ใช่ว่าเย่ชิวจะเหนือกว่าเขาหรอกหรือ เป็นไปได้ไหมว่าขุนเขากระบี่เร้นลับถูกกำหนดให้กลายเป็นขั้นบันไดแห่งความรุ่งโรจน์ให้ขุนเขาเมฆาม่วงได้เหยียบย่ำ
เดิมทีเขาคิดว่าหลังจากสหายเต๋าซวนเทียนเสียชีวิตไป ในที่สุดเขาก็นำพาขุนเขากระบี่เร้นลับให้ทะยานฟ้าได้ อย่างไรก็ตามการปรากฏขึ้นของเย่ชิวได้ตบหน้าเขาอีกครั้ง
สีหน้าของเย่ชิวเปลี่ยนเย็นชาและกล่าวว่า “เพื่อท่าน? ข้าเกรงว่ามันคงไม่เหมาะนักหากต้องปล่อยเขาไปเพียงคำพูดไม่กี่คำ ศิษย์ของขุนเขาเมฆาม่วงสามารถกลั่นแกล้งได้เหมือนหมาเหมือนแมวยามใดก็ได้หรือ”
สีหน้าฉีอู๋ฮุ่ยซีดเซียว เขารู้ว่าการพูดคุยกับเย่ชิวไม่ได้เรียบง่ายนัก
บัดซบ หากเขาไม่พยายามเกลี้ยกล่อม ตระกูลหยางคงจะไม่สามารถอยู่รอดได้
เจ้าสารเลว เหตุใดเขาถึงยั่วยุชายคนนี้อย่างไร้เหตุผลเช่นนี้ เขาจงใจตลบหลังข้าหรือ
“ศิษย์น้องเย่กล่าวถูกแล้ว! หลังจากที่ข้าเข้าใจรายละเอียดของเรื่องนี้แล้ว ข้าจะมอบคำอธิบายที่เหมาะสมแก่เจ้าอย่างแน่นอน”
ฉีอู๋ฮุ่ยกัดฟันและหันกลับมาเพื่อทำความเข้าใจสถานการณ์กับหยางเหอ
เย่ชิวไม่ได้รีบร้อน เขาเดินกลับไปหาลูกศิษย์ของเขาอย่างใจเย็น เขาต้องการดูว่า ฉีอู๋ฮุ่ยต้องการทำอะไร
“นี่ไม่ใช่นายน้อยเซียวหรอกหรือ ไม่เจอเพียงสองสามวันไม่คิดว่าจะได้เห็นมุมใหม่ของเจ้าทันที”
ทันทีที่เขากลับมาข้างกายศิษย์ของเขา เขาเห็นเซียวอี้กำลังยืนตัวสั่นอยู่ข้างพวกนาง เย่ชิวก็อดใจที่จะหยอกล้าเขาไม่ได้เช่นกัน
“ฮ่าฮ่า…” เซียวอี้ตัวสั่นเมื่อเย่ชิวเรียกชื่อเขา เขารีบหัวเราะเบา ๆ และกล่าวว่า “ผู้อาวุโส ท่านคงล้อเล่น นี่คือสิ่งที่ข้าควรทำ”
เย่ชิวยิ้มและไม่กล่าวอะไร ตอนนี้หลินชิงจู้ได้อธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นกับเขาแล้ว เย่ชิว รู้สึกประหลาดใจมากกับการกระทำของเซียวอี้ อย่างไรก็ตาม หลังจากครุ่นคิด เขาก็รับรู้ว่าเซียวอี้ต้องการล้างบาปของตนเอง
อืม… เขาไม่ได้ก่ออาชญากรรมชั่วร้ายตั้งแต่แรก เนื่องจากเขาปฏิบัติตัวดี ข้าจะยกโทษให้เขาก่อนและจับตาดูต่อไป
“ข้าคือหัวหน้าตระกูลเซียว เซียวจ้าน! คำนับเย่เจินเหริน” ในขณะนี้ เซียวจ้านเดินเข้ามาและกล่าวด้วยความเคารพ
เขาเห็นหยางเหอถูกเย่ชิวตบกระเด็นอย่างง่ายดาย เขาเคารพในความแข็งแกร่งของเย่ชิวเท่านั้น แม้แต่คนโง่ก็ยังรู้ว่าต้องทำอย่างไรเมื่ออยู่ต่อหน้ายอดฝีมือเช่นนี้
ครั้งนี้เขาเลือกได้ถูกทางแล้ว
“เจ้าไม่เลวเลย ทั้งหมดนี้ต้องขอบคุณเจ้าที่คอยปกป้องศิษย์ทั้งสองคนของข้าในตอนนี้ ข้าจะจดจำตระกูลเซียวไว้…”
เซียวจ้านรู้สึกยินดีเมื่อได้ยินสิ่งนี้ คำพูดของเย่ชิวเป็นยอมรับทางอ้อมว่าตระกูลเซียวของพวกเขาสามารถเกาะแข้งเกาะขาขุนเขาเมฆาม่วงได้แล้ว
“นี่คือเรื่องเล็กน้อย นี่คือสิ่งที่ข้าควรทำ ลูกชายของข้าได้ทำให้ท่านขุ่นเคือง ข้าหวังว่าท่านจะไม่ใส่ใจเรื่องนัก”
เย่ชิวยิ้มและมองไปยังเซียวอี้ ทำให้อีกฝ่ายประหม่า “ข้าได้ยินมาว่าลูกของเจ้าเป็นคนกตัญญูมาก ข้าสงสัยว่ามันเป็นเรื่องจริงหรือไม่”
หัวใจของเซียวอี้บีบรัดแน่นขึ้นเมื่อได้ยินสิ่งนี้ ราวกับกำลังโดนไต่สวน หากมีเหตุผิดพลาดจะต้องโดนประหารทันที เขารีบมองไปยังบิดาของเขาด้วยความร้อนรน
ท่านพ่อ ได้โปรดอย่าหลอกลวง
ข้าเป็นคนที่กตัญญูเป็นอย่างมาก
“ฮ่าฮ่า ข้ารู้เจตนาของเย่เจินเหรินแล้ว ลูกชายของข้านั้นมีเหตุผลมากขึ้นหลังจากคำสอนของท่าน”
เซียวจ้านไม่เข้าใจเช่นกันว่าตัวเองหมายถึงอะไร ทว่าเขากลับหัวเราะกลบเกลื่อน
“เอาล่ะ ดียิ่ง…” เย่ชิวพยักหน้าด้วยความโล่งใจ หลังจากพูดคุยกันอยู่พักหนึ่ง ร่างหลายร่างก็ค่อย ๆ ร่อนลงมาจากหลังคา
“ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ทะเลสาบสวรรค์ เหออู๋ซวง คำนับเย่เจินเหริน…”
“ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ทะเลสาบหยก ฝูเหยา คำนับเย่เจินเหริน...”
“สถาบันจูลู่ กู่ไห่ถัง คำนับเย่เจินเหริน…”
เย่ชิวตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง เขามองไปยังชายหนุ่มและสตรีรูปงามที่อยู่ตรงหน้าและรู้สึกสับสนเล็กน้อย
หลินชิงจู้กระซิบข้างหูของเขา “ท่านอาจารย์ เหออู๋ซวงได้ช่วยเราก่อนหน้านี้”
“เช่นนั้น” เย่ชิวมองไปยังเหออู๋ซวงด้วยความประหลาดใจและหัวใจของเขาก็สั่นสะท้าน “กายาจักรพรรดิโดยกำเนิด!”
เย่ชิวรู้สึกประหลาดใจ เขาเคยได้ยินว่าเหออู๋ซวงยังหนุ่ม เป็นคนไร้ความกังวล เข้ากับคนอื่นได้ง่ายและมีแนวโน้มที่จะบรรลุขอบเขตจักรพรรดิยุทธมากที่สุด
หากเป็นนิยายเรื่องอื่น เขาจะต้องเป็นพระเอกอย่างแน่นอน
นี่คือทายาทที่แท้จริงของตระกูลใหญ่ มีความสามารถล้นหลามและมีศีลธรรม เรียกได้ว่าสมบูรณ์แบบเลยทีเดียว
เมื่อมองไปยังฝูเหยา เย่ชิวก็สูดหายใจเข้าอีกครั้ง บัดซบ! นางเทียบได้กับหมิงเยว่
ความงามของฝูเหยาไม่ได้ด้อยกว่าจ้าวว่านเอ๋อ หากนางเป็นผู้ใหญ่มากกว่านี้ นางอาจเทียบกับหมิงเยว่ได้
เย่ชิวเพลิดเพลินกับภาพที่เห็นและแอบชื่นชม อย่างไรก็ตาม เขาได้ปิดบังมันไว้อย่างดี อีกฝ่ายไม่สมารถค้นพบได้
จากนั้นเขาก็มองไปยังกู่ไห่ถังที่อยู่ข้างนาง พรสวรรค์ของชายคนนี้ก็ไม่เลวเช่นกัน
“เจ้าคือบุตรศักดิ์สิทธิ์เหออู๋ซวงหรือ” เย่ชิวจ้องมองไปยังเหออู๋ซวงและกล่าวต่อว่า “ข้าเคยได้ยินชื่อเสียงของเจ้ามาก่อน เจ้ายังหนุ่มและมีอนาคตที่ดี”
“ฮ่าฮ่า ท่านต้องล้อเล่นแล้ว ข้าจะกล้าโอ้อวดต่อหน้าท่านได้อย่างไร” เหออู๋ซวงยิ้มอย่างนอบน้อม เคล็ดวิชากระบี่ที่เย่ชิวแสดงในนั้นช่างน่าทึ่งเกินไป
นี่คือเคล็ดวิชากระบี่ที่เขาอยากเรียนรู้ยิ่งนัก ทว่าน่าเสียดายที่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ทะเลสาบสวรรค์ไม่มีเคล็ดวิชากระบี่เช่นนี้
สำหรับอัจฉริยะกระบี่ที่หมกมุ่นอยู่กับกระบี่ เคล็ดวิชากระบี่เช่นนี้ดึงดูดความสนใจของเขาได้เป็นอย่างมาก
ดังนั้นทันทีที่เรื่องจบลง เขาแทบรอไม่ไหวที่จะลงมาพูดคุยกับเย่ชิว เพื่อลองดูว่าตนจะสามารถเรียนรู้อะไรจากเย่ชิวได้บ้าง