ยอดอาจารย์มหาเมตตา ตอนที่ 42 ไม่สามารถพูดคุยกันได้
ยอดอาจารย์มหาเมตตา ตอนที่ 42 ไม่สามารถพูดคุยกันได้
ฝูงชนอ้าปากค้าง ยอดฝีมือสามคนจากภูเขาสวรรค์ถูกกดดันภายใต้กระบี่นั้น
ต้องรู้ว่าในสามคนนี้มีปรมาจารย์ยุทธอยู่ด้วยเช่นกัน
“นี่คือปรมาจารย์ขุนขาที่มีชื่อเสียงของสำนักเยียวยาสวรรค์ เย่ชิวใช่หรือไม่ เขายังหนุ่มอย่างที่ข่าวลือว่าไว้อย่างแท้จริง…”
ฝูเหยากล่าวชื่นชม นางเคยได้ยินเกี่ยวกับการกระทำของเย่ชิวมาก่อน ตอนแรกนางไม่เชื่อ ทว่าตอนนี้นางเห็นเย่ชิวกำรับหลี่เต๋าหยวนได้อย่างง่ายดายด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว นางรู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก
“อย่างไรก็ตาม พวกเขาไม่ได้บอกว่าเขาอยู่ขอบเขตชีวาเร้นลับขั้นที่ 5 เท่านั้นหรือ เหตุใดจู่ ๆ เขาถึงกลายเป็นปรมาจารย์ยุทธ”
หานเซิงอี้ก็ส่ายหัวเช่นกัน เขาไม่รู้จักเย่ชิวดีนักและได้แต่ถอนหายใจ “สำนักเยียวยาสวรรค์ได้ผลิตยอดฝีมือขอบเขตปรมาจารย์ยุทธมาอีกคน ยุคของพวกเขากำลังเฟื่องฟูและมีโอกาสผงาดขึ้นอีกครั้ง ฝีมือกระบี่ของบุคคลผู้นี้ไม่ได้ธรรมดา แม้แต่ข้าก็ยากจะต่อกร”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ฝูเหยามองเขาด้วยความประหลาดใจและกล่าวว่า “ไม่มีทาง อาจารย์ลุงฮัน เป็นไปได้ไหมว่าเขาเป็นปรมาจารย์ยุทธขั้นต้นที่สามารถเทียบได้กับปรมาจารย์ยุทธขั้นกลางเช่นทาง”
“ข้าคิดว่าเหนือกว่านั้น เจตนากระบี่ของเขาน่าสะพรึงกลัวเกินไป ไม่ต้องพูดถึงข้า มองดูสหายเก่าที่อยู่ตรงข้ามข้าสิ พวกเขาทั้งหมดต่างดูหวาดกลัว”
ฝูเหยามองตามด้วยความสงสัยหลังจากได้ยินคำกล่าวของหานเซิงอี้ เช่นเดียวกับที่เขาพูด เหออู๋ซวงและยอดฝีมือที่อยู่เบื้องหลังกู่ไห่ถังต่างเปิดเผยให้เห็นถึงความหวาดกลัวเช่นกัน
เห็นได้ชัดว่าตอนนี้พวกเขาทั้งหมดตกตะลึงกับกระบี่ของเย่ชิว
ในขณะนี้ เย่ชิวดูราวกับมือกระบี่เซียนจากสวรรค์ ไม่มีผู้ใดเทียบได้
แรงกดดันที่น่าตกใจนั้นทำให้ทุกคนเงยหน้าขึ้นได้ยาก ทันใดนั้น ทุกคนก็หวนกลับนึกถึงไปนึกถึงเหตุการณ์ที่ซวนเทียนเจินเหรินกำราบพวกเขาในครั้งนั้น
“เป็นไปตามคาด! เทพเย่ช่างสุดยอดยิ่งนัก…” เซียวอี้สรรเสริญเยินยอเขาทันที เมื่อเขาเห็นเย่ชิวปรากฏตัว เขาก็รู้สึกโล่งใจ “นี่คือยอดฝีมือที่แท้จริง ดูจากท่าทาง นิสัยใจคอและความน่าเกรงขามของเขา ฮ่าฮ่า ใครจะกล้ายั่วยุพวกเราอีก”
เหตุใดหลายคนจึงรู้สึกว่าหลังจากที่เย่ชิวมาถึง ผู้ที่มีความสุขที่สุดนั้นไม่ใช่จ้าวว่านเอ๋อและหลินชิงจู้แต่เป็นเขา
จ้าวว่านเอ๋อปิดปากของนางและหัวเราะคิกคัก หลินชิงจู้มองไปยังเขาด้วยความดูถูกเหยียดหยามและโค้งคำนับให้เย่ชิว “คำนับท่านอาจารย์!”
เย่ชิวพยักหน้า “เอาล่ะ ลุกขึ้น!”
เย่ชิวจ้องมองหลี่ชางกงและอีกสองคนอย่างเย็นชา ความโกรธเกรี้ยวได้เพิ่มขึ้นในใจของเขา เขาจากไปเพียงช่วงสั้น ๆ ทว่าเขาไม่คาดคิดเลยว่าศิษย์ของเขาจะถูกรังแกเช่นนี้ ยิ่งไปกว่านั้น อีกฝ่ายกล้าที่จะโอ้อวดอย่างไร้ยางอายและไม่ได้ไว้หน้าเมิ่งเทียนเจิ้งด้วยซ้ำ
“เมื่อครู่นี้เจ้าบอกว่าแม้ว่าเจ้าสำนักเยียวยาสวรรค์ของข้าจะอยู่ที่นี่ เขาก็ต้องแสดงความเคารพเจ้างั้นหรือ ข้าสามารถถือว่าสิ่งนี้เป็นการยั่วยุจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์ภูเขาสวรรค์ของพวกเจ้าได้หรือไม่” เย่ชิวกล่าวอย่างไร้ความรู้สึก ทำให้หลี่ชางกงรู้สึกว่าสถานการณ์เริ่มเลวร้ายขึ้นทุกที
ในทางกลับกัน สีหน้าของหลี่เต๋าหยวนเปลี่ยนเป็นซีดเซียว เขาแค่แสร้งทำ ทว่าเขากลับโดนสวนกลับเอาคืน ช่างน่าอับอายเกินไป
เขาจะกล้าให้เมิ่งเทียนเจิ้งปฏิบัติต่อเขาด้วยความเคารพได้อย่างไรกัน เมิ่งเทียนเจิ้งคือใคร นั่นคือยอดฝีมือขอบเขตปรมาจารย์ยุทธขั้นสูงสุด เป็นบุคคลที่อาจได้รับการพิจารณาว่าอยู่ยงคงกระพันภายใต้ขอบเขตยอดยุทธ
“สหายเต๋าเย่ ทั้งหมดนี้เป็นความเข้าใจผิด ศิษย์พี่ไม่ได้หมายความเช่นนั้น เขาแค่พูดลอย ๆ โปรดอย่าเก็บมาใส่ใจ” หลี่ชางกงรีบอธิบายพร้อมสาปแช่งหลี่เต้าหยวนอยู่ภายในใจ
เขากำลังจะสามารถคลี่คลายปัญหานี้ได้ ใครจะไปคิดว่าจู่ ๆ หลี่เต๋าหยวนจะพ่นคำพูดไร้สาระเช่นนี้ออกมา ใครจะไปรู้ว่าเมิ่งเทียนเจิ้งจะตามไปสังหารพวกตนทั้งสามหรือไม่หากเขาได้ยินเช่นนี้
ต้องรู้ว่าเมื่อเมิ่งเทียนเจิ้งอายุยังน้อย เขามีอารมณ์ดุร้ายเป็นอย่างมาก และยังต่อสู้กับใครก็ตามที่เขาพบเจอ อย่างไรก็ตาม หลังจากที่เข้ารับตำแหน่งเจ้าสำนักเยียวยาสวรรค์ อารมณ์ของเขาก็สงบลงเล็กน้อย ทว่าเขาก็ไม่ใช่คนดีขนาดนั้น
“เข้าใจผิดหรือ” เย่ชิวหัวเราะเยาะและค่อย ๆ ลงมาจากด้านบน “ข้าไม่คิดเช่นนั้น หากข้าไม่มาวันนี้ ศิษย์ทั้งสองของข้าจะไม่ถูกเจ้าสังหารหรือ พวกเจ้าสามสหายช่างไร้ยางอายเสียจริง ไม่คิดว่าจะรังแกเด็กและกล่าวบิดเบือนเช่นนี้”
คำพูดเพียงไม่กี่คำหลี่ชางกงก็รู้สึกละอายใจอย่างยิ่ง เขาไม่ได้รังแกผู้อ่อนแอ ทว่าเป็นหลี่เต๋าหยวนที่แสร้งทำ
หลี่ชางกงยังคงคิดอยู่ในใจว่าจะจบเรื่องนี้อย่างไร ฉันพลัน หลี่เต้าหยวนกลับพ่นวาจาไร้สาระมาอีกคำ “แล้วหากวันนี้ข้ารังแกพวกเขาล่ะ”
ในฐานะปรมาจารย์ยุทธ เขามีความภาคภูมิใจในตนเอง เขาไม่เชื่อว่าเขาจะพ่ายแพ้เย่ชิวผู้ที่ซึ่งอยู่ในขอบเขตปรมาจารย์ยุทธเช่นกัน
“ดี ดีมาก… ไม่สามรถพูดคุยกันได้”
เย่ชิวกางมือออก เนื่องจากไม่สามารถพูดคุยกันได้ เขาต้องลงมือ ลูกศิษย์ของเขาถูกรังแก ในฐานะอาจารย์ หากเขาไม่สามารถแม้แต่จะตอบโต้ เขาจะเป็นอาจารย์ได้อย่างไร
ทันทีที่เขาพูดจบ พืชพรรณทั้งหมดที่อยู่ในรัศมีหลายสิบลี้ก็เคลื่อนไหวในทันที
เจตนากระบี่ที่น่าตะลึงก็ได้ปรากฏขึ้น บรรยากาศรอบข้างเย็นลง ภายใต้ความกดดันนี้ ทุกคนต่างเปียกโชกไปด้วยเหงื่ออันเย็นยะเยือก
ในฐานะที่เป็นผู้คลั่งไคล้กระบี่ เหออู๋ซวรีบงลุกขึ้นจากหลังคาทันทีหลังจากสัมผัสได้ถึงเจตนาของกระบี่นี้
“ไม่คาดคิดว่าเต๋ากระบี่ของชายคนนั้นมาถึงระดับดังกล่าวแล้ว เขาไม่ได้ด้อยกว่าซวนเทียนเจินเหรินในตอนนั้นเลย”
“สิ่งนี้น่าสนใจมากขึ้นยิ่งนัก! พวกท่านรู้สึกได้หรือไม่ว่ามีเจตนากระบี่ที่น่าอัศจรรย์ปลดปล่อยออกมาจากพืชพรรณโดยรอบ ราวกับว่ากระบี่ของเขากำลังควบคุมบริเวณนี้”
ชายชราที่อยู่ข้างหลังเหออู๋ซวงอธิบายด้วยรอยยิ้ม เขาอดไม่ได้ที่อยากประลองฝีมือกับยอดฝีมือเช่นนี้
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่จำลองการต่อสู้อยู่ภายในหัว เขาก็ยอมแพ้เพราะเขาไม่สามารถเอาชนะเย่ชิวได้แม้แต่น้อย
หลี่ชางกงและอีกสองคนที่เหลือหน้าซีดเมื่อเผชิญหน้ากับกระบี่นี้ ทั้งสองคนต่างสาปแช่งหลี่เต๋าหยวนหลายร้อยครั้งอยู่ภายในใจ อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ไม่สามารถหันหลังกลับได้อีกต่อไป ดังนั้นพวกเขาจึงป้องกันอย่างสุดกำลัง
“จัดขบวน!”
พวกเขาทั้งสามมีความเข้าใจกันยอดเยี่ยม เพียงแค่ชำเลืองมองกัน ก็สามารถทำงานประสานกันได้ดีอย่างยิ่ง
ในชั่วพริบตา ค่ายกลสวรรค์ปฐพีอัจฉิรยะก็ได้ก่อตัวขึ้น ปราณที่น่าตกใจได้กระจายออกไปและทำการขัดขวางปราณกระบี่ของเย่ชิวด้วยความโกรธ
เย่ชิวไม่ได้เคลื่อนไหว ตั้งแต่ต้นจนจบเขาไม่ได้ใช้อาวุธใด ๆ เขาอาศัยเพียงพืชพรรณในการควบคุมการต่อสู้ครั้งนี้
การควบคุมดังกล่าวล้วนทำให้ทุกคนตกตะลึง
เย่ชิววางมือขวาบนหน้าอกของเขาและโจมตีทันที
พริบตา ปราณกระบี่นับพันก็ได้ฟันลงมาจากท้องฟ้า เงากระบี่ขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นมามหาศาล
“ป้องกัน!” หลี่เต๋าหยวนปล่อยเสียงคำรามอย่างโกรธเกรี้ยวพร้อมใช้สุดกำลัง พร้อมหลี่ชางกงและหลี่ซานซีที่ช่วยเหลือเขา เขาได้ป้องกันกระบี่ด้วยพลังทั้งหมดที่มี
ภายใต้ปราณกระบี่นี้ ทุกคนต่างยืนขึ้น ดวงตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความนับถือ
“สวรรค์ นี่คือเคล็ดวิชากระบี่ขั้นสูงสุดที่แท้จริง”
ปัง…
เสียงอึกทึกดังขึ้นพร้อมกับฝุ่นที่ฟุ้งกระจาย เย่ชิวได้ร่อนลงมาจากท้องฟ้า
เมื่อฝุ่นสลายไป ร่างสามร่างก็ล้มลงกับพื้น
“อั่ก…” หลี่เต้าหยวนกระอักเลือดออกมา ในขณะนี้มีเพียงความหวาดกลัวในใจของเขาเท่านั้น เขาไม่ได้หยิ่งยโสเหมือนเมื่อก่อนอีกต่อไป เขาไม่สามารถต้านทานการโจมตีจากคู่ต่อสู้ได้เลยแม้แต่ครั้งเดียว ความมั่นใจของเขาถูกทำลายและหัวใจเต๋าของเขาก็ถูกสั่นคลอน มีความเสี่ยงที่ขอบเขตของเขาอาจจะล่มสลายได้
“ท่านอาจารย์…” เมื่อเห็นหลี่ชางกงล้มลงกับพื้น หยางเสี่ยวรู้สึกร้อนรนด้วยความวิตกกังวลขณะที่เขาจ้องมองไปยังเย่ชิว “ข้าจะสู้กับเจ้าเอง”
เขาชักกระบี่และพุ่งเข้าหาเย่ชิวทันที ขณะที่กระบี่แทงตรงไปยังหน้าอกของเย่ชิว มันกลับถูกหยุดห่างออกไปหนึ่งนิ้วโดยไม่คาดคิด
เย่ชิวเหลือบมองเขาอย่างเย็นชาและโบกมือส่งเขากระเด็นกลับไป
“ฮ่าฮ่า เด็กคนนี้ไม่รู้จักความยิ่งใหญ่ของสวรรค์และปฐพีจริง ๆ นั่นคือปรมาจารย์ยุทธ! เขานั้นเป็นเพียงผู้ฝึกตนตัวน้อยที่ยังไม่ถึงขอบเขตสวรรค์ด้วยซ้ำ ทว่ากลับกล้าที่จะโจมตีปรมาจารย์ยุทธอย่างไร้สมอง แม้จะอยู่ห่างออกไปเพียงหนึ่งนิ้ว แต่ก็เหมือนสุดขอบฟ้า เจ้าไม่สามารถสัมผัสได้”
“นี่คือเขตแดนห้วงมิติหลังจากบรรลุขอบเขตอนันตะมรรคา”
บนหลังคา เหออู๋ซวงอธิบายด้วยรอยยิ้มเย้ยหยัน
เขาเข้าใกล้ขอบเขตอนันตะมรรคาแล้ว ดังนั้นเขาจึงไวต่อเขตแดนนี้มาก
อาจกล่าวได้ว่าช่องว่างระหว่างขอบเขตสวรรค์และขอบเขตอนันตะมรรคาเป็นช่องว่างที่กว้างใหญ่มาก