ตอนที่แล้วยอดอาจารย์มหาเมตตา ตอนที่ 39 กระบี่เมฆาม่วงปรากฏ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปยอดอาจารย์มหาเมตตา ตอนที่ 41 กำราบ

ยอดอาจารย์มหาเมตตา ตอนที่ 40 การรวมตัวของอัจฉริยะ


ยอดอาจารย์มหาเมตตา ตอนที่ 40 การรวมตัวของอัจฉริยะ

“ท่านพ่อ เราควรทำอย่างไรต่อไป” บรรยากาศในที่เกิดเหตุค่อนข้างกดดัน หยางเสี่ยวเดินไปยังด้านข้างของบิดาและถามเบาๆ

“ฮึ่ม เจ้าลูกอกตัญญู กล้าดีอย่างไรถึงถามเช่นกัน บอกแล้วว่าให้หักห้ามใจ ไม่เพียงแต่เจ้าไม่ฟังเท่านั้น เจ้ากลับทำให้เรื่องย่ำแย่กว่าเดิม ทั้งยังยั่วยุยักษ์ใหญ่อย่าง สำนักเยียวยาสวรรค์”

“ทว่ากลับถามข้าว่าข้าควรทำอย่างไร โชคดีที่อาจารย์ของพวกเขาไม่ได้อยู่ที่นี่ มิฉะนั้นภูเขาสวรรค์ก็อาจไม่สามารถปกป้องเจ้าได้”

หยางเหอรู้สึกโกรธเกรี้ยวกับลูกชายเป็นอย่างมาก และเขาก็รู้สึกกลัวมากจนใบหน้าของเขาซีดเซียวและเต็มไปด้วยความเสียใจ

หยางเหอไม่สนใจสิ่งที่ลูกชายได้กระทำ สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้คือการจัดการเรื่องนี้ ไม่ว่ายังไงเขาก็เป็นหัวหน้าตระกูลและมีใบหน้าด้านหนาไม่น้อย

ทันใดนั้นใบหน้าที่ตึงเครียดของเขาก็เผยรอยยิ้มออกมาและกล่าวว่า “กลับกลายเป็นศิษย์ที่โดดเด่นของสำนักเยียวยาสวรรค์! ข้าและฉีอู๋ฮุ่ยมีความสัมพันธุ์ที่ดีต่อกัน พวกเจ้ากล่าวก่อนหน้านี้ว่าพวกเจ้ามาจากสำนักเยียวยาสวรรค์ พวกเราคงไม่ลงมือจนเกิดความเข้าใจผิดครั้งใหญ่เช่นนี้ มันเป็นความผิดของข้าเองที่สายตาไม่ดีนัก ข้าเกือบจะสร้างหายนะครั้งใหญ่เสียแล้ว…”

หยางเหอดูเสียใจเป็นอย่างมาก ทักษะการเสแสร้งของเขายอดเยี่ยมเช่นกัน แม้แต่เซียวจ้านก็ยังประทับใจ กระทั่งยอมรับว่าตนด้อยกว่าอีกฝ่ายในเรื่องนี้

หลินชิงจู้ไม่ได้กล่าวอะไรเมื่อเห็นว่าหยางเหอพบข้อแก้ตัว ท้ายที่สุดนางไม่ต้องการสร้างหายนะ

เย่ชิวยังไม่ได้กลับมา การทำให้อีกฝ่ายโกรธนั้นไม่ใช่หนทางที่ดีนะ

“แปะ แปะ แปะ”

ในขณะนี้เองก็มีเสียงปรบมือดังมาจากหลังคาใกล้เคียง

ทุกคนมองตามอย่างสงสัย ไม่รู้ว่าตอนไหนกันถึงมีคนสามคนยืนอยู่บนหลังคา มีชายหนุ่มคนหนึ่งนั่งอยู่บนหลังคาด้วยความสง่าวาม พร้อมกับชายชราสองคนกำลังยืนอยู่ข้างหลังเขา

ชายหนุ่มสวมชุดเขียวตัดขาว เขามีกลิ่นที่ไม่ธรรมดาเป็นอย่างมาก ชายเสื้อของเขาปลิวไสวไปตามสายลมดูราวกับเทพเซียน

“น่าทึ่ง น่าทึ่ง… ช่างน่าตื่นเต้นจริง ๆ ข้าไม่ได้เคยคาดหวังเลยว่าจะได้เห็นการแสดงที่ดีเช่นนี้ในเมืองกวงหลิงอันเล็กจ้อยแห่งนี้” ชายหนุ่มยิ้มและหยอกล้อ ทั้งยังยกนิ้วให้หยางเหอสำหรับการกระทำของเขาในตอนนี้

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ทำให้ผู้คนสงสัยก็คือหยางเหอไม่ได้โกรธที่ถูกยั่วยุแต่อย่างใด ทว่าเขาแสดงความหวาดกลัวออกมาแทน

จ้าวว่านเอ๋อสับสนเป็นอย่างมาก “ชายคนนี้คือใคร”

หลินชิงจู้ส่ายหัวของนาง นางไม่รู้จักเขาเช่นกัน อย่างไรก็ตามเซียวอี้ที่อยู่ข้าง ๆ นางกลับแสดงความหวาดกลัวเช่นกัน “บุตรศักดิ์สิทธิ์ เหออู๋ซวง…”

“เจ้าหมายถึงอะไร” หลินชิงจู้ขมวดคิ้วชื่อนี้ฟังดูน่าเกรงขามไม่น้อย

เซียวอี้อธิบายทันที “ชายนี้มาจากตระกูลโบราณ ตระกูลเหอโบราณ เขาเกิดมาพร้อมกับกายาศักดิ์สิทธิ์ เขาเป็นบุตรศักดิ์สิทธิ์เพียงคนเดียวของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ภูเขาสวรรค์ในปัจจุบัน เมื่ออายุยังน้อยเขาได้บรรลุขอบเขตสวรรค์ขั้นที่ 9 แล้ว”

“เขามีพรสวรรค์ที่ไม่ธรรมดา เป็นบุตรศักดิ์สิทธิ์ได้รับการกล่าวขานว่ามีโอกาสสูงสุดในการบรรลุขอบเขตจักรพรรดิยุทธ ทั้งยังมีด้วยนักบุญหญิงแห่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์ทะเลสาบหยกเทพธิดาฝูเหยา ลู่เหยียนแห่งห้องโถงสูงสุด ฯลฯ…”

นี่เป็นครั้งแรกที่หลินชิงจู้และจ้าวว่านเอ๋อได้ยินเรื่องเช่นนี้ พวกเขาต่างมองหน้ากัน

“ขอบเขตสวรรค์ขั้นที่ 9 ไม่แปลกใจเลย ทว่าหลิวชิงเฟิงศิษย์พี่ใหญ่แห่งสำนักเยียวยาสวรรค์อยู่เพียงขอบเขตสวรรค์ขั้นที่ 5 เท่านั้น ทว่าเขามาถึงขั้นที่ 9 แล้ว…”

หลินชิงจู้รู้สึกถึงแรงกดดันที่เพิ่มขึ้นมหาศาล

ก่อนที่นางจะออกจากภูเขา เย่ชิวได้บอกตนว่านอกเหนือจากการฝึกฝนแล้ว การเดินทางครั้งนี้จะทำให้นางได้เปิดโลกทัศน์ให้กว้างขึ้น ได้รับโอกาสสัมผัสถึงรุ่งโรจน์ของอัจฉริยะรุ่นเดียวกันเหล่านี้

เขายังบอกนางว่าอย่าชะล่าใจเพียงเพราะความสำเร็จอันเล็กน้อยของนาง ต้องเข้าใจว่าเหนือฟ้ายังมีฟ้าเสมอ

เมื่อเทียบกับแรงกดดันของหลินชิงจู้แล้วจ้าวว่านเอ๋อนั้นสบายกว่ามาก เนื่องจากหลินชิงจู้เป็นศิษย์พี่ใหญ่ นางเป็นตัวแทนชื่อเสียงของขุนเขาเมฆาม่วง ดังนั้นแรงกดดันจึงสูงมาก อย่างไรก็ตาม จ้าวว่านเอ๋อแตกต่างออกไป นอกจากจะประหลาดใจแล้ว นางยังอยากรู้อยากเห็นอีกด้วย

การปรากฏตัวอย่างกะทันหันของเหอู๋ซวงทำลายความเงียบงันทันที ทุกคนต่างหายใจหนักขึ้น ทั้งมองไปยังสามคนด้านบนอย่างกระวนกระวายใจ สิ่งที่ทำให้พวกเขาหวาดกลัวไม่ใช่เหออู๋ซวง แต่เป็นชายชราสองผู้ที่อยู่ข้างหลังเขา

เมื่อพิจารณาจากออร่าแล้ว แท้จริงแล้วมีผู้ที่มาถึงขอบเขตปรมาจารย์ยุทธแล้ว

“ฟู่ว…”

“ขอบเขตปรมาจารย์ยุทธ!”

“เขาคู่ควรแล้วที่เป็นบุตรศักดิ์สิทธิ์ทายาทสายตรงของตระกูลโบราณเหอ แม้ว่าจะเดินทางก็ยังมียอดฝีมือระดับปรมาจารย์ยุทธคอยปกป้องเขา”

เซียวจ้านแอบสูดอากาศเย็นเข้าไป แม้ว่าเขาจะแข็งแกร่งขึ้นเมื่อเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่ง ทว่าเขาก็คงพ่ายแพ้อย่างไวหากได้ปะทะกับปรมาจารย์ยุทธ

นี่เป็นเรื่องที่เหนือสามัญสำนัก

เป็นเรื่องปกติที่ผู้ที่มีพรสวรรคเช่นนี้จะได้รับความคุ้มครองจากยอดฝีมือผู้แข็งแกร่ง เมื่อคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ ยอดฝีมือขอบเขตปรมาจารย์ยุทธก็คงจะเป็นผู้อาวุโสของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ทะเลสาบสวรรค์

ตอนนี้หยางเหอรู้สึกหวาดกลัวจนแทบเสียสติ ไม่รู้ว่าจะตอบสนองต่อคำเย้ยหยันของเหออู๋ซวงอย่างไร

ทันใดนั้น แสงสว่างอีกดวงก็สว่างวาบขึ้นและร่างหลายร่างก็ปรากฏขึ้นที่อีกด้านของห้องใต้หลังคา

ทุกคนต่างมองดูและตกตะลึง

บนหลังคามีสาวงามลอยอยู่บนอากาศด้วยเท้าเปล่า

ทุกคนสามารถสัมผัสได้ถึงพลังกฎที่หมุนรอบตัวนางนั้นเป็นกลิ่นอายที่เข้ากับขอบเขตอนันตะมรรคาเป็นอย่างยิ่ง

“ฟู่ว… เหตุใดเทพธิดาฝูเหยาถึงอยู่ที่นี่”

คำพูดของเซียวอี้ทำลายความเงียบลง

สตรีบนหลังคาไม่ใช่ใครอื่นนอกจากเทพธิดาฝูเหยาแห่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์ทะเลสาบหยก เทพธิดาในฝันของชายหนุ่มนับล้าน ความงามของนางไม่ได้ด้อยไปกว่าหลินชิงจู้ เลยแม้แต่น้อย บางทีอาจมีเพียงจ้าวว่านเอ๋อเท่านั้นที่เทียบนางแทบได้

นี่เป็นเพราะรัศมีอันสูงส่งที่นางเปล่งออกมานั้นรุนแรงเกินไป หลินชิงจู้นั้นเกิดมาในครอบครัวที่ยากจน นางจึงรู้สึกด้อยกว่าโดยธรรมชาติ ดังนั้นนางจึงถอยออกมาเล็กน้อย

“เหตุใดจึงมีบุคคลในตำนานมากมายมาเยือนเมืองกวงหลิง” ในขณะนี้เซียวอี้รู้สึกหวาดกลัวเป็นอย่างมาก

ไม่ว่าพวกเขาจะหยิ่งผยองเพียงใด พวกเขาก็ทำได้หยิ่งผยองได้ในเมืองกวงหลิงเท่านั้น หากเจอคนเหล่านี้ไม่ว่าจะกินหัวใจสิงโตมาก็ต้องยอมจำนาน

เมื่อเหออู๋ซวงเห็นฝูเหยาเขาเพียงเหลือบมองนางก่อนจะกล่าวกับหยางเหอว่า “หัวหน้าหยาง เจ้าแสดงให้เราเห็นถึงความหมายของคำว่าไร้ยางอายในวันนี้ ข้าละอายใจ ข้าละอายใจอย่างแท้จริง เมื่อเทียบกับหัวหน้าหยางแล้วพวกเรายังเด็กเกินไป”

ริมฝีปากของหยางเหอกระตุก เขารู้ว่าเหออู๋ซวงจงใจเยาะเย้ยเขา แต่เขาทำได้เพียงรู้สึกโกรธอยู่ในใจไม่กล้าพูดอะไรออกมา ตอนนี้เขาไม่แน่ใจเลยแม้แต่น้อย เหตุใดนายน้อยเหล่านี้ถึงมาเยือนที่เมืองกวงหลิง

แรงกดดันของทุกคนทวีคูณขึ้นอีกครั้ง คนเดียวที่สามารถสงบสติอารมณ์ได้น่าจะเป็นจ้าวว่านเอ๋อ เนื่องจากเบื้องหลังของนางนั้นไม่ได้เรียบง่ายอย่างที่เห็น

“นายน้อยต้องล้อเล่นแล้ว ข้าจะกล้าทำให้ตนเองอับอายต่อหน้าท่านได้อย่างไร”

หยางเหอยังคงต้องการที่จะอธิบายบางอย่าง แต่เหออู๋ซวงโบกมือและขัดจังหวะโดยไม่ได้ไว้หน้าเลยแม้แต่น้อย เขาไม่ต้องการได้ยินอะไรจากหยางเหอและไม่ต้องการรบกวนชายชราอีกต่อไป

เขามองไปยังหลินชิงจู้แทน ในตอนแรกเขารู้สึกทึ่งกับนิสัยที่เย็นชาและปลีกตัวของนาง ทว่าเขาแค่ประหลาดใจเท่านั้น

ในฐานะบุตรศักดิ์สิทธิ์ เขาไม่ใช่ผู้ชายที่นายน้อยเสเพลอย่างหยางเสี่ยวและเซียวอี้จะเปรียบเทียบได้ วิสัยทัศน์ของเขาสูงกว่ามาก หากอยากดึงดูดสายตาของเขาได้ นอกจากความสวยงามแล้ว ต้องมีความแข็งแกร่งด้วยเช่นกัน

“กระบี่เมฆาม่วง! ในตอนนั้นซวนเทียนเจินเหรินรุ่งโรจน์เป็นอย่างมาก ข้าไม่เคยคิดเลยว่ากระบี่ของเขาจะมาอยู่ในมือของคนรุ่นใหม่ในอีกหลายปีต่อมา”

เหออู๋ซวงแสดงท่าทางสมเพชและพูดว่า “สาวน้อย ข้าขอยืมกระบี่ดูหน่อยได้หรือไม่”

หลินชิงจู้รู้สึกสับสน กระบี่เมฆาม่วงในมือนางมีอะไรดีนักหนา “นี่เป็นเพียงสมบัติธรรมดา ไม่ใช่สมบัติวิญญาณด้วยซ้ำ”

เหออู๋ซวงไม่ปฏิเสธ เขาเพียงกล่าวว่า “แม้ว่าระดับของกระบี่นี้จะไม่สูงนัก แต่เจ้าของของมันเคยเป็นตัวตนที่หลายคนไม่สามารถเหิมเกริม”

5 2 โหวต
Article Rating
2 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด