ตอนที่ 41 นางงาม ดุ ลี้ลับ
เดิมที เย่ว์หยางคิดว่าคงจะใช้วิธีเทเลพอร์ตไปที่หอทงเทียนโดยตรง อย่างไรก็ตาม เขาพบว่ากรณีนี้ใช้ไม่ได้ เมื่อตอนที่เขาไปถึงตำแหน่งประตูเทเลพอร์ต
นักรบทุกคนที่ต้องการเทเลพอร์ตไปยังหอทงเทียนต้องไปที่ค่ายช่างอู่ก่อนเพื่อพักและลงทะเบียนด้วยตนเอง จากนั้นพวกเขาต้องทดสอบความแข็งแกร่งและสัตว์อสูรของเขาต้องถูกตรวจสอบ ผู้ที่อ่อนแอหรือไม่มีความแข็งแกร่งเพียงพอจะถูกปฏิเสธไม่ให้เข้าหอทงเทียน แน่นอนว่า เหตุผลหลักที่ต้องทำอย่างนั้นเพื่อป้องกันไม่ให้มีการบูชายัญเหมือนอย่างที่เสียหั่วทำ อันจะก่อปัญหาให้หอทงเทียน สิ่งเหล่านี้ทั้งหมดจะถูกตรวจสอบอย่างละเอียดขณะที่นักรบพักอยู่ในค่ายช่างอู่..
ตอนแรก เย่ว์หยางกังวลอยู่บ้างว่าความลับที่เขาเป็นนักสู้ชั้นปราณก่อกำเนิดจะถูกพบ อย่างไรก็ตาม พอเห็นกระบวนการตรวจสอบ ความกังวลของเขาก็หายไปอย่างรวดเร็ว
การตรวจสอบนี้เป็นวิธีการขั้นสูงกว่าการตรวจสอบความปลอดภัยตามสนามบินบนโลกมาก แค่เข้าไปยืนในวงกลมแสง จากนั้นอาการป่วย ความอ่อนแอและการนับถือปีศาจจะถูกเผยออกมาทันที
ง่าย เร็ว และถูกต้อง
“โจรน้อย, เจ้าชื่ออะไร?” สาวงามหุ่นยั่วยวนทำหน้าที่รับลงทะเบียนถาม ขณะที่เย่ว์หยางเหม่อมองเคลิบเคลิ้มเมื่อถึงคราวเขาลงทะเบียน
“ไตตัน” เย่ว์หยางกลืนน้ำลายเอื๊อกเบาๆ
ตาโต อก จี-คัพระดับตำนาน!
นี่หาได้ยากจริงๆ โฉมงามที่อยู่ต่อหน้าเขาเป็นยิ่งกว่านั้น แรงโน้มถ่วงของแผ่นดินมังกรทะยานคงน้อยเป็นพิเศษหรือนี่? เย่ว์หยางสงสัยว่าแรงดึงดูดโลกคงไม่มีผลต่ออกอวบอั๋นของสาวงามนางนี้ อกของนางดูเหมือนจะท้าทายแรงโน้มถ่วงน่าดู เพราะมันดูดีมีชีวิตชีวาจริงๆ
ถ้าแม่สาวงามผู้นี้สวมชุดที่หลวมกว่านี้ คงจะดียิ่งกว่า
แค่สายตาที่เร่าร้อน ชุดที่รัดรูป ห่อไหล่ที่เล็ก ขาว มน จะทำให้อกนางดูใหญ่ขึ้น
บางทีนางคงเคยเห็นสายตาหื่นของคนอื่นๆ มาแล้ว นางจึงไม่ถือสาท่าทีงุ่มง่ามของเย่ว์หยาง
“ไตตันเหรอ? ทำไม่เจ้าถึงไม่ตั้งชื่อมังกรหรือช้างเลยล่ะ? ข้าคิดว่าชื่อที่เหมาะกับเจ้ามากที่สุดก็คือ ขี้โม้อันดับ 1 (ชุ่ยหนิว)” พอแม่นางทรงโตที่โต๊ะลงทะเบียนได้ยินชื่อเขา นางเริ่มหัวเราะไม่มียั้ง ไม่เหมือนกับนางโจรตางาม ดูเหมือนว่าคนงามทรงโตคงจะรู้เรื่องยักษ์ไตตันผู้แข็งแกร่งเป็นอย่างดี
“ข้ามีชื่อเล่นใช้เรียกพี่ชายว่า อาหนิวแล้ว ท่านรู้เรื่องนั้นได้ไง?” หนังหน้าของเย่ว์หยางหนากว่ากำแพงเมืองอยู่แล้ว แม้เวลาพูดหน้าของเขาไม่แดงแม้แต่น้อย
“เจ้ามีธุระที่นี่หรือ จะไปหอทงเทียนตามลำพังใช่ไหม?” ถ้าคนอื่นถาม เขาอาจตอบไปว่า “ไม่ใช่เรื่องของท่าน” แต่เสียงของสาวงามช่างนุ่มนวลและกระเส่าสะท้านอารมณ์ นี่เป็นเพราะคนเรามักเพ้อฝันและจินตนาการได้ง่าย เย่ว์หยางแอบกลืนน้ำลายเอื๊อกอีกครั้ง
“ตั้งแต่ข้ามาจากบ้านนอก ข้าไม่เคยพบเห็นโลกภายนอกมาก่อน หลังจากได้ยินได้ฟังจากลูกชายลุงกำนันว่า หอทงเทียนมีสาวงามอยู่มากหลาย ข้าจึงตัดสินใจมาหาหาเมียที่นี่ให้ได้สักคน จึงยอมอดออมเงินไว้แล้วก็มาที่นี่” พระอาทิตย์คงขึ้นทางทิศตะวันตก ถ้าหากเย่ว์หยางพูดความจริง
“เด็กบ้านนอกพาหมาป่าปีศาจชั้นทองแดงเที่ยวไปนี่นะ? เอ่, มันยังไม่ได้ทำสัญญาใช่ไหม?” ในที่สุดสาวงามก็เหลือบตาหวานเยิ้มจ้องดูเย่ว์หยาง
“เจ้าหมาตัวนี้ข้าเลี้ยงไว้เฝ้าบ้าน” ว่าแล้วก็ถีบฮุยไท่หลางจนกระเด็น
“บู๋วว” ฮุยไท่หลางรับมุขกับเขาพยายามเห่าให้เหมือนสุนัขบ้าน อย่างไรก็ตาม ทักษะภาษาหมาต่างประเทศของมันยังไม่ผ่านระดับ 6 มันจึงเห่าแบบหมาป่าแทน เพราะเหตุนี้ถึงทำให้เย่ว์หยางไม่พอใจอย่างมาก
สาวงามยื่นมือที่ขาวราวกลีบบัวของนางและโบกคทาแก้วผลึกขนาดเล็กของนางตรงหน้าหมาป่า
เย่ว์หยางพบว่ามี 3 ประกาย มีรอยสีฟ้าอ่อนบนคทาแก้วผลึก ต่ำลงมามีเครื่องหมายตราประจำตำแหน่งสีทองรูปหัวสุนัขป่า เขาไม่เข้าใจความสำคัญของมัน อย่างไรก็ตาม หญิงงามนางนั้นพยักหน้าและชื่นชมว่า “แม้ว่าระดับ 3 ชั้นทองแดงจะต่ำไปนิด แต่มันมีศักยภาพ นอกจากนี้มันยังเชื่องและหัวไว ถ้าเจ้าพัฒนามันได้ดีๆ อาจเป็นไปได้ว่ามันจะขึ้นไปอยู่ระดับชั้น 6 ดาวก็ได้
พอนักรบข้างหลังเย่ว์หยางได้ยินว่าระดับชั้นของหมาป่าคือ 6 ดาว ถึงกับปากอ้าค้างทันที
คนมากกว่ามากเหลือบตามองมาที่ผู้หญิงน่าหลงใหลอย่างกระหายทันที ด้วยความปรารถนาอยากได้เหมือนคนตระหนี่พบสมบัติลับ
เย่ว์หยางเคยได้ยินเย่ว์ปิงพูดถึงชั้นระดับดาวของสัตว์อสูรมาก่อน แต่เย่ว์ปิงรู้แต่ว่ามีการแบ่งได้ถึง 10 ดาว นางไม่รู้การแบ่งกลุ่มตามระดับความแข็งแกร่ง ดังนั้นเย่ว์หยางจึงไม่เข้าใจเช่นกัน เนื่องจากคัมภีร์อัญเชิญไม่ได้มีความรู้อย่างนั้น
เมื่อเขาได้ยินสาวงามพูดถึงมัน เย่ว์หยางถามอย่างสงสัย “การจัดอันดับสัตว์อสูรเป็นยังไงหรือ?
“เจ้าเป็นคนบ้านนอกจริงๆ ไม่ใช่หรือ? ไม่รู้แม้แต่เรื่องอย่างนี้หรือ?” หญิงงามหัวเราะทั้งพริ้งเพริศทั้งน่าหลงใหลราวกับดอกไม้งาม เหมือนกับว่าเสียงหัวเราะของนางสามารถขโมยจิตวิญญาณคนได้ “ส่วนการจัดอันดับดาวของสัตว์อสูร ขึ้นอยู่กับความแข็งแกร่งของมันโดยรวม นักรบทั่วไปคนหนึ่งจะให้ความสำคัญสายพันธุ์ของสัตว์อสูร ตำแหน่งอันดับ และลักษณะที่ไม่ซ้ำกัน ความรู้สึก ศักยภาพ และรูปทรงที่ใกล้เคียงมนุษย์เป็นลักษณะที่ทำให้ได้คะแนนสำคัญ อย่างไรก็ตาม ลักษณะเหล่านี้ไม่ได้หมายความจะมีคะแนนมากมาย มันยังคงแบ่งได้ดังนี้ คือ นอกจากพวกสัตว์ 10 ดาวแล้ว พวกที่ต่ำกว่า 3 ดาวจัดว่าเป็นพวกขยะ พวก 3-4 ดาว จัดว่าเป็นพวกความสามารถต่ำ 5-6 ดาวจัดว่าพอใช้ได้ ถ้าเจ้าต้องการเสี่ยงโชคในหอทงเทียนและพยายามหาสาวแต่งงานให้ได้ก่อนจะกลับบ้าน สัตว์อสูรตัวนี้ก็เพียงพอแล้ว ถ้าเจ้าต้องการสร้างชื่อและหารายได้ผลกำไร อย่างนั้นเจ้าต้องมีสัตว์อสูรอย่างน้อย 7 ดาว ถ้าเจ้าได้ 8 ดาวสักตัว อย่างนั้นข้าก็ยินดีด้วย เพราะกษัตริย์ทุกแว่นแคว้นจะพยายามให้ธิดาของตนแต่งกับเจ้า จะหาภรรยาก็ง่าย แม้แต่จะสร้างฮาเร็มก็ไม่เป็นปัญหา
“ถ้าอย่างนั้น 9-10 ดาวล่ะ?” หัวใจเย่ว์หยางเริ่มต้นแรง
โคเถื่อนเงาจะได้สักกี่ดาว, ดอกหนามทอง, และเสี่ยวเหวินหลีล่ะ? โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เสี่ยวเหวินหลี เธอเพิ่งจะเกิดใหม่ ก็ยังมีทักษะรบระดับสูง มีปัญญา มีศักยภาพและอยู่ในรูปมนุษย์ เธอมีคัมภีร์อัญเชิญระดับเพชร เธออย่างน้อยก็ต้อง 8 ดาวหรือสูงกว่า จริงไหม
ต้นดอกหนามทองตอนนี้ที่เห็นได้ชัดคือยังไม่แข็งแกร่งนัก แต่ทันทีที่แปลงเป็นนางปีศาจดอกหนามความแข็งแกร่งของมันจะเพิ่มขึ้น
สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือว่าหลังจากเปลี่ยนรูปครั้งสุดท้ายแล้วนางพญาดอกหนามมงกุฏทอง ก็จะมีระดับไม่ต่ำทรามแน่นอน
เหมือนกับเงาปีศาจ เย่ว์หยางรู้สึกว่ามันมีพื้นที่มากให้เติบโต ตอนนี้มันรวมร่างจนเป็นโคเถื่อนเงาไปแล้ว แต่นั่นจะไม่ใช่แค่เพียงตัวเดียว ในอนาคตมันอาจแย่งร่างสิ่งมีชีวิตมาได้อีกหลายรูปแบบแน่นอน ในกรณีนั้นอาจได้เป็นปีศาจเงา เทพเงา, และมังกรเงาก็ได้กระมัง?
คิดได้อย่างนี้แล้ว หัวใจเย่ว์หยางเริ่มจะเพ้อฝัน และเขาก็มีความสุขอย่างยิ่ง
ฮุยไท่หลางเป็นสัตว์อสูรที่อ่อนแอที่สุดของเขา แต่มันอยู่ระดับ 6 ดาวไปแล้ว ดูเหมือนว่าอนาคตของเขาคงจะรุ่งเรืองแน่ โดยเฉพาะคำพูดของสาวงามทรงโต ที่ว่า ต่อให้สร้างฮาเร็มก็ไม่เป็นปัญหา!
“9 ดาว ได้แก่สัตว์อสูรศักดิ์สิทธิ์ และ 10 ดาว ได้แก่สัตว์อสูรในตำนาน มีคำกล่าวว่า อสูรกระทั่งที่อยู่เหนือสัตว์อสูรในตำนานก็มีอยู่ แต่สัตว์อสูรเหล่านี้ไม่ได้พบเห็นในทวีปมังกรทะยานมาเป็นพันๆ ปีแล้ว ดังนั้นจึงไม่ได้จัดเข้าไว้ในระดับดาว แน่นอนว่า นี่คือหลักการโดยทั่วไปที่จัดโดยนักสู้แห่งแผ่นดินมังกรทะยาน มีสัตว์อสูรไม่กี่อย่างที่ไม่มีเหตุผที่จะจัดระดับได้ แต่ส่วนใหญ่ที่จัดได้แล้วค่อนข้างจะแม่นยำ” หญิงงามทรงโตใช้สายตาหยาดเยิ้มจ้องเย่ว์หยางอีกครั้ง
“ขอบคุณท่าน, ถ้าข้าหาแม่นางดีๆ แต่งงานได้ อย่างนั้นข้าจะส่งบัตรเชิญให้ท่านมาร่วมดื่มฉลองงานแต่งงานของข้าแน่นอน” เย่ว์หยางพบว่าเขาคงอยู่สนทนากับสาวสวยทรงโตนานไม่ได้แล้ว ดูเหมือนนางคงจะไม่ธรรมดาและเขาคงไม่ยอมให้นางตรวจสอบเขาจนพบความแข็งแกร่งที่แท้จริงของเขาแน่
“แม้ว่าหนุ่มสาวสมัยนี้จะไม่ได้รับการอบรมมารยาทมาดี แต่เจ้า ก็ยังเหลาะแหละไม่จริงจังเอาเสียเลย!” หญิงงามแสดงความเห็นกับเย่ว์หยางในทำนองตำหนิสั่งสอน
นั่นคือการวางท่าทีที่น่ารักพอๆ กับการแสดงสีหน้างดงามแล้วจู่ๆ ก็นบึ้งตึงจนแทบฆ่าคนทั้งห้องได้ทันที
หัวใจของเย่ว์หยางแทบเต้นผางทันที
หญิงงามมอบบัตรแก้วให้เย่ว์หยางแล้วกล่าวว่า “พ่อหนุ่มบ้านนอก! เจ้าโง่มากเลยนะ เจ้าไม่มีแม้แต่คนรับรองให้เจ้า แล้วยังต้องการไปผจญภัยในหอทงเทียนอีกหรือ? ลืมเรื่องนั้นไปเลย อย่างนั้นข้าก็แค่ส่งเจ้าเข้าไปในหอทงเทียน จากนี้ไป เจ้าจำเป็นต้องรายงานผลแห่งภูมิปัญญาของเจ้าต่อข้าอย่างน้อยปีละครั้ง เข้าใจไหม?”
นักรบทั้งห้องมองดูบัตรแก้วในมือเย่ว์หยาง พากันตะลึงงันไปทุกคน
แม้ว่าเย่ว์หยางจะไม่รู้ว่าบัตรแก้วนี้มีความหมายอะไร แต่นักรบเหล่านั้นรู้
นี่คือหลักฐานว่าเป็นผู้ได้รับอนุญาตให้เข้าหอทงเทียน หลักฐานนั้นแบ่งออกเป็นระดับต่างๆ คือ บัตรทองแดง, เงิน, ทอง, แก้ว และเพชร บัตรทองแดงคือหลักฐานพื้นฐานที่ยอมให้นักรบระดับสามัญเข้าหอทงเทียนชั้นที่หนึ่ง ถ้านักรบคนหนึ่งทำภารกิจสำเร็จในชั้นแรกได้ถึง 100 อย่างหรือผ่านงานกลั่นกรองอย่างเข้มข้น 10 อย่างก็จะได้เข้าสู่หอทงเทียนชั้นที่ 2 และได้รับการยกระดับเป็นบัตรเงิน ส่วนบัตรทองได้มายากยิ่งกว่า โดยจะต้องเข้าไปที่หอทงเทียนชั้นที่ 3 และยิ่งไปกว่านั้น ต้องมีขั้นนักสู้มากกว่าระดับวีรบุรุษ (3) อีกด้วย ความต้องการที่สำคัญที่สุดเพื่อเลื่อนเป็นชั้นบัตรทอง ก็คือ มีส่วนร่วมสร้างความชอบกับประเทศได้ถึง 1000 หน่วย จะขาดไปสักอย่างไม่ได้
แต่ตอนนี้ หญิงงามมอบบัตรแก้วให้โจรน้อยผู้นี้อย่างง่ายๆ ทั้งยังไม่มีเงื่อนไขอะไรอีกด้วย นี่ทำให้ผู้คนแทบเป็นบ้าด้วยความอิจฉาแล้ว
บัตรแก้ว ว่ากันว่า มีแต่เสนาบดีคนสำคัญของประเทศ ชนชั้นสูง เจ้าสำนักยอดฝีมือ หรือยอดอัจฉริยะผู้มีฝีมือหยั่งไม่ถึง เป็นไปได้หรือว่า เจ้าเด็กขี้โม้นี่จะกลายเป็นยอดอัจฉริยะไปได้?
เย่ว์หยางไม่ยอมให้โอกาสให้พวกนั้นคาดเดาต่อไป แต่โบกมือส่งจูบให้สาวงามทรงโตแล้วเดินออกมาเฉยโดยไม่มีอะไรขัดขวาง
สาวงามหุ่นยั่วยวนมองตามหลังเขาไปแล้วหัวเราะ “บังเอิญข้าไม่สามารถตามไปดูพลังของหนุ่มบ้านนอกผู้นี้เสียด้วย พ่อหนุ่มคนนี้ แปลกจริงๆ น่าสนใจจริงๆ!”
“แม่หญิงทรงโต, ข้าก็ต้องการบัตรแก้วด้วย เจ้าเด็กหน้าอ่อนนั่นดูน่าสนใจแค่เพียงภายนอกเท่านั้น แต่จริงๆ แล้วยังใช้ไม่ได้ ของเจ้าหนูนั่นยังแแข็งสู้ข้าไม่ได้หรอก ข้ารับประกันความพึงพอใจได้เลย” บุรุษสูงล่ำสันกล้ามเป็นมัดๆ ยิ้มขณะเดินเข้ามาหาหญิงงาม
“เจ้าหน้าที่! ลากมันออกไป ซ้อมให้น่วมจนกว่าจะเป็นผัก ถ้ามันทนไม่ได้ถูกซ้อมจนตาย ให้โยนออกไปข้างนอก ปล่อยให้เป็นอาหารสุนัขป่าต่อไป” เทวทูตมีปีกแดงดุจสีเลือด 6 ข้างปรากฏตัวข้างหลังหญิงงาม พร้อมกับผลักฝ่ามือออกไป ทำให้บุรุษสูงล่ำปลิวออกไปข้างนอก “บึ้ม” เขากระแทกกับกำแพงทะลุออกไปที่ประตูและล้มอยู่ข้างนอกถนนใหญ่
“เจ้ารนหาที่ตายหรือ?” องครักษ์เกราะทองพอได้ยินว่าเกิดเรื่องขึ้นจึงเริ่มเข้ามา แล้วพาบุรุษล่ำสันไปซ้อมต่อจนน่วม
นักสู้ที่รายล้อมเข้ามาหันไปมองหญิงงามหุ่นยั่วยวน ที่ตอนนี้นอนระทวยอ้าปากหาวอย่างเบื่อหน่ายที่โต๊ะตรงกันข้าม พวกเขาหวาดกลัวมากจนแทบจะปัสสาวะรดกางเกงตัวเอง จริงๆ แล้วนางเป็นนักสู้ระดับใดกันแน่?
***********************