ตอนที่ 25 บึงหยกทะเลไผ่
สีหน้าของถังเทียนจริงจัง เขาบดหินข้างหน้าเขาด้วยหมัดเดียว
ปัง!
หินสั่นสะเทือน แล้วแตกออกเป็นหินบดก้อนเล็กนับไม่ถ้วน และทุกก้อนมีขนาดเท่าเกาลัด หินเหล่านี้ไม่เหมือนรูปแบบก้อนหินบดอื่นๆที่เกิดจากหมัดพิฆาตน้อย หินทุกก้อนเรียบลื่นเหมือนกับถูกมีดตัดมากกว่า
“พลังยอดเยี่ยม เราไม่อาจบอกได้เลย สงสัยสหายน้อยผู้นี้เป็นอัจฉริยะแน่!”
“สามารถอดทนฝึกฝนหนักได้นั่นก็เป็นอัจฉริยะแท้จริงแล้ว!”
“ครั้งนี้ผู้เฒ่าเว่ยได้สมบัติชิ้นใหญ่มาแล้ว”
……
ชาวเหมืองที่ล้อมรอบอุทานอย่างประหลาดใจ แม้ว่าถังเทียนจะใช้หมัดเดียวต่อยบดหิน มันเป็นก้อนขนาดเท่ากำปั้นที่เป็นเช่นนั้นเพราะพลังเที่ยงแท้ของเขายังอ่อนเกินไป
บรรลุวิชาหมัดพิฆาตน้อย ถังเทียนก็แทบได้รับตำแหน่งยอดฝีมือผู้ชำนาญได้แล้ว
“ไม่เลว” สือโท่วยิ้ม และพูดกับถังเทียน“แม้ว่าวิชาหมัดพิฆาตน้อยจะเป็นเพียงวิทยายุทธระดับสาม แต่พลังของมันค่อนข้างแข็งแกร่งแล้วแกจะค้นพบในเวลาต่อไป ว่าวิทยายุทธหลายชนิดจำเป็นต้องใช้พลังพังทลาย โดยเงื่อนไขที่แกสามารถดูดซับพลังพังทลายได้สมบูรณ์ วิทยายุทธระดับสูงทั้งหมดในอนาคตแกก็จะสามารถฝึกได้ง่าย คอยดูต่อไปเถอะ”
เขาเดินไปที่หินแกรนิตมหึมาสูงขนาดคนสองคนซ้อนตัวกัน
เขาอยู่ในท่านั่งม้า ตั้งหมัดระดับเอว สือโท่วมีสีหน้าจริงจัง
เขาระบายลมหายใจเสียงดัง ใช้หมัดขวาระเบิดพลังออกไปหนึ่งครั้ง
ปุ!
ด้วยความคาดหวังของถังเทียนขณะเขามองดูหมัดที่รุนแรง เสียงระเบิดบนหินแกรนิตเป็นเพียงสิ่งเดียวที่เกิดขึ้น
ก้อนหินขนาดใหญ่ไม่ขยับแม้แต่นิ้วเดียว
นี่มัน....
ถังเทียนงุนงงและสงสัย
ทันใดนั้น สิ่งที่น่าทึ่งก็เกิดขึ้น พวกเขาเห็นหินแกรนิตสูงขนาดสองคนต่อกัน พังทลายลงเป็นก้อนเล็กๆ นับไม่ถ้วนและดูเหมือนหิมะถล่ม มันพังครืนจนพื้นสั่นสะเทือนมีเสียงดังปังทำให้ฝุ่นลอยฟุ้งขึ้นมา
บุรุษร่างล่ำสันด้วยมัดกล้ามคนหนึ่งที่อยู่ใกล้คนหนึ่งใช้ฝ่ามือสร้างลมผลักฝุ่นให้กระจายออกไป
กองภูเขาหินบดลูกย่อมๆ อยู่ต่อหน้าถังเทียน
ถังเทียนจ้องมองกองหินอย่างว่างเปล่า รู้สึกตะลึงจนไม่รู้จะพูดยังไง ถ้าหมัดนี้โดนร่างใครสักคน นั่นคงเป็นเรื่องน่าสยดสยองยิ่งนัก
สือโท่วเกรงว่าถังเทียนจะตกใจมากเกินไป จึงปลอบเขา “ฉันฝึกฝนพลังทำลายนี้มาเกินกว่าสิบปี ตราบใดที่แกยังฝึกฝนขัดเกลาตัวเองอนาคตของแกก็จะเด่นล้ำเกินฉัน”
ถังเทียนกระโดดเข้าไปอยู่ข้างๆ สือโท่วอย่างตื่นเต้นด้วยใบหน้าที่แสดงความยกย่องเขาเต็มเปี่ยม นัยน์ตาเป็นประกาย “พี่สือโท่ว, สอนฉัน,สอนให้ฉันด้วย”
สือโท่วหัวเราะลั่น “ฉันโง่ในเรื่องการใช้คำพูดไม่อาจจะอธิบายให้เหมาะสมได้ ถ้าแกอยู่ที่นี่สักสิบปี และทุบหินทุกวัน แกจะแข็งแกร่งกว่าฉันแน่นอน
ถังเทียนส่ายศีรษะ “ไม่ได้หรอก ฉันต้องไปหาเชียนฮุ่ย”
แต่หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็กำหมัดแสดงความเคารพแล้วพูดจริงจังว่า “พี่สือโท่วพี่สบายใจได้เลย ฉันจะแซงพี่ให้ได้แน่นอน
ลักษณะของถังเทียนทำให้ทุกคนที่อยู่รอบๆ หัวเราะลั่น
แต่สือโท่วไม่ได้หัวเราะ และใช้ฝ่ามือของเขาลูบศีรษะของถังเทียนและตอบจริงจังว่า “เออ ฉันเชื่อแก”
เสียงหัวเราะขาดห้วงกะทันหัน เนื่องจากพวกเขาตกใจกับการกระทำของสือโท่ว
สือโท่วไม่ได้อธิบายแต่อย่างใด แต่หัวเราะอย่างเป็นกันเองและพูดให้กำลังใจ “ขอให้โชคดีนะ พ่อหนุ่มชาวฟ้า”
ถังเทียนชูมือทั้งสองและส่งเสียงฉลองชัย “วู้ววว, หนุ่มชาวฟ้า สู้เขาต่อไป”
※※※※※※※※※※※※※※※※※
อาโมรี่ถือดาบยักษ์ที่เปล่งรังสีดาบจางๆกล้ามเนื้อทุกมัดในตัวเขาเต็มไปด้วยพลังงาน และนัยน์ตาเขาเป็นประกาย
เขาชูยกมีดขึ้นสูง รังสีดาบสีเหลืองอ่อนกระพริบ
ดาบตัดลงไปที่วัสดุหิน
พอดาบที่ยกขึ้นและฟันลงไปรังสีดาบสีเหลืองก็กระพริบอีกครั้ง
อาโมรี่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่นกับดาบเหล็กใหญ่ในมือเขา และความรู้สึกมาดมั่น เขาตัดอย่างต่อเนื่อง 2-3 ครั้ง และหินสี่เหลี่ยมรูปอิฐบล็อคก็ปรากฏอยู่ต่อหน้าทุกคน
“อืม.. ถูกต้องครบถ้วน” สือโท่วตรวจสอบก้อนหินด้วยสีหน้าที่พอใจ
“ไชโย....”ถังเทียนกระโดดชูมือทั้งสองฉลองชัยอย่างร่าเริง
อาโมรี่มีรอยยิ้มโง่งมอยู่บนใบหน้า เขาคิดว่าช่วง 2-3วันที่ผ่านมานี้ค่อนข้างลำบาก ดาบเหล็กตัดหินให้เป็นเหลี่ยมดูเหมือนง่าย แต่ตรงกันข้าม มันไม่ง่ายเลย เหมืองหินต้องการหินบล็อกที่สวย ดังนั้นฝีมือคนงานจำเป็นต้องดีด้วย
ในตอนแรกเริ่มอาโมรี่ยังไม่คุ้นการใช้งานดาบ ความจริงเขาเพิ่งเริ่มฝึกวิชาดาบ แล้วจะใช้ดาบให้ได้ดีอย่างไรกัน, พิถีพิถันอย่างนั้นหรือ? นอกจากความจริงว่าหินแกรนิตนั้นแข็งมากและดาบนั้นจำเป็นต้องรวบรวมพลังเที่ยงแท้ให้เข้มข้นพอก่อนจึงจะสามารถตัดหินให้เป็นอิฐบล็อกได้ จำเป็นต้องควบคุมพลังปราณเที่ยงแท้ให้ดีถึงจะสร้างผลงานที่น่าทึ่งได้
ด้วยการฝึกแบบนี้เขาสามารถรู้สึกได้ชัดเจนถึงความแตกต่าง เนื่องจากวิชาดาบของเขาเองมีความก้าวหน้าอย่างเห็นได้ชัด
กลุ่มชาวเหมืองผู้มีร่างกายบึกบึนปฏิบัติกับเด็กหนุ่มทั้งสองคนด้วยความเอ็นดูไม่ปรบมือก็ผิวปาก
ผู้เฒ่าเว่ยปรากฏตัวมาตั้งแต่เมื่อใดไม่ทราบ
“ว่าไง, หนุ่มน้อย , ดูเหมือนว่าพวกแกจะทำได้ดีเชียวนะ”
ผู้เฒ่าเว่ยนัยน์ตาเป็นประกายอย่างมีความสุข ขณะที่คนอื่นๆ เข้ามาทักทายเขาทีละคน
สือโท่วหันไปคุยกับผู้เฒ่าเว่ย “แม้ว่าพวกเขาจะยังไม่โตเต็มที่บ้าง แต่ก็ถือว่าผ่านเจ้าหนูสองคนนี่นับว่ายอดเยี่ยม อดทนต่อการฝึกหนักได้ ผู้เฒ่าเว่ย! คุณได้สมบัติล้ำค่าเชียวนะ!”
รอยย่นบนใบหน้าผู้เฒ่าเว่ยเหยียดตรงและเขาพูดด้วยความภูมิใจ “พวกเขากำลังจะร้องไห้แล้ว ไปกันเถอะหนุ่มน้อย การฝึกฝนพิเศษที่นี่ของพวกแกจบลงแล้ว
ฝึกพิเศษที่นี่....
ถังเทียนและอาโมรี่มองหน้ากันเองอย่างกังวล เป็นไปได้ว่ายังมีการฝึกฝนพิเศษอย่างอื่นอีกหรือ?
“ถ้าพวกเขาสามารถฝึกได้สักครึ่งปี พวกเขาจะมีความก้าวหน้ามากมายมหาศาล” สือโท่วรู้สึกว่าเสียดายบ้าง
“มีเวลาไม่พอ” ผู้เฒ่าเว่ยพูดออกมาอย่างช่วยไม่ได้ “งานชุมนุมวิทยายุทธใกล้จะถึงแล้ว และเด็กทั้งสองยังมีบทฝึกพิเศษอื่นรออยู่อีก ประการแรก ต้องให้พวกเขามีประสบการณ์ทุกอย่างสักครั้งและครั้งต่อไปเมื่อพวกเขา เมื่อพวกเขามีเวลาฝึกหนัก พวกเขาจะเจียดเวลาไปเอง แต่คำแนะนำสำหรับตอนนี้ก็คือ พอก่อน”
สือโท่วพยักหน้า “คุณพูดถูก”
สือโท่วหันไปทางถังเทียนกล่าวว่า “เสี่ยวเทียน! จำไว้นะ เคล็ดสังหารของหมัดพิฆาตน้อยก็คือถล่มทลาย”
ถังเทียนพยักหน้าและรับคำอย่างจริงจัง “พี่สือโท่วฉันจะฝึกให้คล่องจนได้”
สือโท่วยิ้ม ทันใดนั้นเขาดึงของที่อยู่ด้านหลังเขาออกมาเห็นแต่เพียงว่าเขาเอากล่องไม้ที่หักๆ 2 กล่องยื่นส่งให้เขาพลางหัวเราะ
เมื่อเปิดกล่องไม้ทั้งสองดู ข้างในกลับเป็นถุงมือโลหะดำคู่หนึ่ง และอีกกล่องหนึ่งเป็นดาบยาวสีดำเล่มหนึ่ง
“นี่คือของขวัญสำหรับพวกแก หวังว่าพวกแกทั้งคู่คงจะชอบนะ”
สือโท่วมอบถุงมือและดาบยาวให้ถังเทียนและอาโมรี่ตามลำดับ
เมื่อเขาสวมถุงมือถังเทียนไม่สามารถรับน้ำหนักได้ มือของเขาถึงกับตกห้อยลง เพราะมันหนักมาก ไม่มีใครสามารถบอกได้ว่าถุงมือดำความจริงแล้วหนักเกินกว่า 15 กิโลกรัมทำให้ถังเทียนทึ่งมาก เขาต้องการเพียงลองถุงมือเท่านั้น แต่คาดไม่ถึงเลยว่าถุงมือมิเพียงแต่หนักมากเท่านั้น แต่ก็สวมได้พอดี
นิ้วทั้งหมดของเขาให้ความรู้สึกว่องไว ไม่มีผลต่อการเคลื่อนไหวของนิ้วมือเลย
อาโมรี่ลูบดาบดำยาวด้วยความรู้สึกชื่นชม เขาเชี่ยวชาญวิชาดาบมาหลายปีแล้ว แค่เพียงลักษณะที่เห็นเขาสามารถบอกได้ว่าดาบยาวดำนั้นเป็นของคุณภาพชั้นยอด
ผู้เฒ่าเว่ยพึมพำ “พวกแกลุ่มหลงมันแล้ว อาวุธทั้งสองนี้ก็คือชุดอาวุธโลหะดำจากกลุ่มดาวเตาหลอม (ฟอแนกซ์)”
“กลุ่มดาวเตาหลอม?” ถังเทียนถามด้วยความสงสัย
“ในกลุ่มดาวที่ไกลโพ้นออกไปอาวุธเหล่านี้คือผลิตภัณฑ์ชั้นยอด พวกแกทั้งคู่อย่าทำหายจะดีกว่าไม่เช่นนั้นพวกแกไม่มีทางหาซื้อได้จากที่ไหนได้เลย” ผู้เฒ่าเว่ยจ้องดูพวกเขา
“ก็หมายความว่ามันเป็นของล้ำค่ามากใช่ไหม?” อาโมรี่ถามเสียงอ่อย,มือทั้งสองกอดดาบดำไว้แน่น
“ฮ่าฮ่า!” สือโท่วหัวเราะลั่น “มันจะเสียของเปล่าๆ ถ้าปล่อยทิ้งไว้ที่นี่ พวกแกไม่ต้องคิดอะไรมาก อาวุธพวกนี้มันแช่ฝุ่นนานเกินไปแล้วมันไม่สมควรอยู่ที่นี่”
ถังเทียนและอาโมรี่ไม่เข้าใจ แต่รู้สึกว่าเบื้องหลังคำพูดของพี่สือโท่วมีความรู้สึกเสียใจแฝงอยู่ด้วย
ผู้เฒ่าเว่ยเงียบ
สือโท่วโบกมือ “ไปเถอะ,อย่าเสียเวลาอีกต่อไปเลย ถ้าพวกแกมีเวลาพออย่างนั้นก็แวะมาเที่ยวบ้างก็ได้”
แม้ว่าจะเป็นเวลาเพียงยี่สิบกว่าวันหลังจากที่ได้สนทนาโต้ตอบกัน ทุกคนก็สนิทกันมาก
พอผู้เฒ่าเว่ยกระตุ้นเตือน พวกเขาจึงพากันออกมาจากเหมืองหินอย่างไม่เต็มใจนัก
※※※※※※※※※※※※
“นี่ผู้เฒ่า! พี่สือโท่วกับพวกมาจากที่ไหนเหรอ? ฉันรู้สึกอยู่เสมอว่าพวกเขามีพลังแข็งแกร่ง?”
ระหว่างเดินทางถังเทียนอดที่จะถามผู้เฒ่าเว่ยอย่างช่วยไม่ได้
ผู้เฒ่าเว่ยมองดูเขา “ทำไมเจ้าเด็กอ่อนแอถึงได้เซ้าซี้ถามมากนักนะ?”
ถังเทียนจ้องทันที “ผู้เฒ่า! ปู่เรียกใครว่าเด็กอ่อนแอ”
อาโมรี่ที่อยู่ด้านข้างยกมือ “ปู่,เรื่องนั้นฉันเป็นพยานได้นะ ก้นของเจ้าถังพื้นฐานไม่เล็ก แน่นอน”
(*** คำสนทนานี้เป็นการเล่นคำ เด็กอ่อนแอในสำนวนจีนก็คือเด็กก้นเล็ก อาโมรี่พาซื่อจึงคิดว่าพวกเขาพูดกันถึงเรื่องก้นเด็ก***)
ก้น..ดูเหมือน..อะไรสักอย่าง.. อะไรที่ผิดปกติ...
ถังเทียนได้แต่เกาหัวแกรกๆ
ผู้เฒ่าเว่ยพูดขึ้นทันที “พวกแกต้องจำไว้ว่า พวกเขาเป็นกลุ่มลูกผู้ชายที่ควรแก่การยกย่อง ในโลกนี้มีคนที่อันตรายและเลวร้ายอยู่มากนัก แต่ก็ยังมีคนผู้ยึดถือความเชื่อมั่นและปณิธานของพวกเขาเองตลอดไป คนอย่างนี้คู่ควรกับการเคารพยกย่อง”
ถังเทียนเข้าใจครึ่งหนึ่งแต่อดลูบถุงมือที่เย็นดุจน้ำแข็งไม่ได้ ถุงมือที่แข็งและเย็นทำให้เขาเชื่อมั่นยิ่งนัก
“นี่ปู่! ต่อไปเราจะฝึกพิเศษอะไรกันอีก?” ถังเทียนถาม
“พวกแกจะได้พบในไม่ช้า” ผู้เฒ่าเว่ยตอบโดยไม่เหลียวหลัง
ในไม่ช้า พวกเขาก็มาถึงถ้ำแร่ และผู้เฒ่าเว่ยเหวี่ยงอาโมรี่ลงไปในถ้ำ
“อาโมรี่ วิชาดาบในวัยระดับแกนับว่าโดดเด่นมากแล้ว อย่างไรก็ตาม สิ่งที่แกยังขาดอยู่ไม่ใช่แค่เคล็ดวิชา แต่เป็นความเข้าใจระดับลึกซึ้งขึ้นไปอีก แกฝึกวิชาดาบสายธาตุดิน เครื่องบ่งชี้วิชาดาบสายธาตุดินทั้งหมดก็คือ เข้าใจถึงแก่นแม่พระธรณีของเรา ทันทีที่แกเข้าใจแก่นตรงนี้ได้แกจึงจะได้เริ่มฝึกดาบลมปฐพีที่แท้จริงได้”
แก่นแม่พระธรณีฟังดูเหมือนเป็นสิ่งที่น่าทึ่ง
แต่ความจริง ก็เป็นแค่เหมืองแร่...
ถังเทียนสบถเงียบๆ ในใจ
แน่นอนว่าเมื่อผู้เฒ่าเว่ยพาเขาไปยังที่หมาย ถังเทียนก็ไม่มีแรงสบถด่าสาปแช่งอีกต่อไป
ทะเลป่าไผ่ไม่มีที่สิ้นสุดกับเงาไผ่ที่ส่งเสียงหวีดหวิวจากลมพัดโกรก บางคราก็เห็นเป็นเงาคล้ายม่านผ้าฝ้ายแขวนและและหมวกไผ่อยู่ภายในทะเลไม้ไผ่ทั้งทางไปและทางออก
“เจ้าหนูถัง! วิชาตัวเบาของแกยังน่าเป็นห่วงและนั่นคือจุดอ่อนของแก บางทีแกคงจะได้ยินชื่อบึงหยกทะเลไผ่มาบ้างว่ามีผึ้งใบไผ่ซึ่งเป็นสิ่งมีชีวิตที่ค่ามาก เหล็กในและปีกใบไผ่ของพวกมัน ทั้งสองอย่างนี้มีค่ามาก มันมีมูลค่ามากในแง่ของการทำรายได้”
ทันทีที่ผู้เฒ่าเว่ยพูดถึงเรื่องเงิน นัยน์ตาของเขาเป็นประกายเหมือนทอง
“นี่คือพื้นที่ฝึกฝนมหาสมบัติของแกอย่างแน่นอน ไม่สิ นี่เอาไว้ให้แกได้ฝึกวิชาตัวเบา และแกยังคงเอาไว้ใช้ฝึกฝ่ามือสลายเงา เด็กน้อย แกต้องจำไว้นะการฝึกวิทยายุทธครั้งนี้ แกจะแพ้ไม่ได้ แกยังไม่มีวิชาฝ่ามือระดับสอง ฉันจะให้การ์ดวิญญาณวิชาฝ่ามือลอยลมเป็นของขวัญกับแก เป็นการ์ดระดับบรอนซ์ แต่อย่าดูถูกเสียล่ะ”
ผู้เฒ่าเว่ยให้กำลังใจ “พ่อหนุ่มชาวฟ้า, ขอให้โชคดี”
ทันทีที่เขาพูดจบ เงาของเขาหรี่ลงและเขาก็หายไป
าเฒ่าผู้นี้ต้องใช้แรงงานเด็กที่ลักพามาแน่นอน
ถังเทียนมองตำแหน่งที่ผู้เฒ่าเว่ยหายไปด้วยสายตาว่างเปล่าไม่ขยับเคลื่อนไหวอยู่นาน
อย่างไรก็ตาม ขณะที่ถังเทียนจมจ่อมมองดูสภาพรอบด้าน เขาต้องยอมรับว่าบึงหยกทะเลไผ่เป็นที่เหมาะสมต่อการฝึกวิชาตัวเบาและฝ่ามือสลายเงา
บึงหยกทะเลไผ่เป็นสถานที่แปลกประหลาดมาก มีสิ่งมีชีวิตเติบโตอยู่ในทะเลไผ่เหนือบึง ถ้ามีคนต้องการเข้าไปในทะเลไผ่ พวกเขาจะต้องเหยียบกิ่งไผ่เพื่อเคลื่อนที่ไปข้างหน้าไม่มีการควบคุมวิชาตัวเบาที่ดี เป็นไปไม่ได้ที่จะไปได้ต่อ ผึ้งใบไผ่เป็นผึ้งประจำถิ่นของบึงหยกทะเลไผ่ พวกมันโตกว่าผึ้งธรรมดา สีทั้งตัวของมันเขียวเหมือนหยกปีกของมันมีรูปเหมือนใบไผ่
เหล็กในและปีกของผึ้งใบไผ่ใช้ประโยชน์ได้มากมาย ส่งผลให้เกิดพ่อค้าเร่ผู้เชี่ยวชาญดำเนินกิจการอยู่ด้านข้างทะเลไผ่
ดังนั้นจึงมีกลุ่มคนดำรงชีวิตอยู่ที่นี่โดยอาศัยการจับผึ้งเลี้ยงชีวิต
ถังเทียนจ้องทะเลไผ่ไร้ขอบเขตเพิ่มความรู้สึกกล้าหาญในจิตใจอย่างคาดไม่ถึงโอว,อย่างนั้นเราคงต้องเริ่มฝึกวิชาปักหลักกลางหาวเสียแล้ว