ตอนที่ 23 ครูสอนพิเศษ
ในที่สุดถังเทียนก็ได้รับประสบการณ์ที่ทำให้เขารู้สึกเหมือนกับว่ารวยเพียงข้ามคืน
เขาแลกเปลี่ยนการ์ดดรรชนีทะลวงเหล็กเป็นวิชากรงเล็บเหยี่ยว,ปักหลักกลางหาว, แปดก้าวไล่จักจั่น, ฝ่ามือสลายเงา, หมัดพิฆาตน้อย, พลังห่วงโซ่ซึ่งเป็นการ์ดชั้นเงินถึงหกใบการ์ดทั้งหมดวางอยู่ต่อหน้าเขาส่องประกายแวววาวจนเขาตาพร่า
“นี่แหละ, ความหมายของชีวิต”
ถังเทียนกำลังหลงใหลในสิ่งที่เขามี เขาหันหน้าไปทางท้องฟ้ารู้สึกตื่นเต้นลึกๆ
“ถังพื้นฐาน, นายทำตัวเสื่อมเสียแล้ว!” อาโมรี่มองเขาอย่างรังเกียจ
“เสื่อมเสียเหรอ?” ถังเทียนหันมามองดูเขาแล้วกล่าวอย่างสง่างาม “เจ้าวัวน่ารำคาญนายกำลังดูถูกหนุ่มน้อยชาวฟ้าผู้นี้อยู่นะ กะอีแค่การ์ดวิญญาณชั้นเงินจิ๊บจ๊อย 6 ใบนายยังคิดว่าหนุ่มน้อยชาวฟ้าทำตัวเสื่อมเสียงั้นหรือ? ฮืม!”
อาโมรี่ค่อยหัวเราะอย่างอารมณ์ดี “อย่างนี้ค่อยดูเหมือนถังพื้นฐานหน่อย นายจะปล่อยให้จิตใจนักสู้ใฝ่ต่ำไม่ได้ต้องเป็นบุรุษที่แข็งแกร่งที่สุด นายถึงจะมีสิทธิ์ฝัน....”
ถังเทียนยกมือทั้งสองแหงนมองฟ้าสีหน้าดูลึกซึ้ง“อย่างน้อยที่สุด การ์ดวิญญาณระดับเงินก็ทำให้หนุ่มน้อยชาวฟ้าอย่างฉันต้องตกต่ำเสียแล้ว”
อาโมรี่ชะงักคำพูดไว้ทันที
ถังเทียนเท้าคางตัวเองและถาม“ฉันควรจะเรียนวิชาไหนก่อน?”
ขณะนั้นเองเสียงของผู้เฒ่าเว่ยดังขึ้นมาทันทีจากด้านหลังพวกเขา “โอว โอว โอว พ่อหนุ่ม ไปร่ำรวยมาจากไหน นั่นแสงสีเงินมองแต่ไกลจนตาฉันพร่าไปหมดแล้ว”
ผู้เฒ่าเว่ยกระโดดลงมาอยู่ต่อหน้าเด็กหนุ่มทั้งสองคน หยิบการ์ดเงินทั้งหกใบขึ้นมาดูและถามอย่างสงสัย “พวกแกไปปล้นการ์ดเหล่านี้มาจากใคร?”
อาโมรี่อธิบายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต่อเนื่องให้ผู้เฒ่าเว่ยฟังทุกอย่าง
ผู้เฒ่าเว่ยร้องโอ้วทันที“พวกแกทั้งสองคนร่วมมือกัน จากนั้นถึงเอาชนะเสิ่นหยวนได้หรือ?”
เขาลูบคางและบ่นพึมพำ“ฉันน่าจะรู้ว่าไม่ควรนิ่งนอนใจกับคำพูดที่รุนแรงอย่างนั้น ถ้าเจ้านั่นเอาจริง อืมม.. ฉันคิดว่าได้เวลาสอนพิเศษให้พวกแกทั้งสองคนแล้ว”
ถังเทียนและอาโมรี่มองหน้ากันเอง ทันใดนั้นพวกเขารู้สึกย่ำแย่ในใจ
ผู้เฒ่าหันมายิ้มให้พวกเขาแล้วกล่าว“พวกแกทั้งคู่จะต้องจดจำสองเดือนนี้ไปจนวันตาย”
หัวใจของถังเทียนและอาโมรี่เต้นผาง
※※※※※※※※※※※※※※※※※※※
เสิ่นหยวนและหยางหย่งก้มหน้า ยืนอยู่หน้าห้องของอาจารย์ใหญ่หน้าพวกเขาซีดขาว
อาจารย์ใหญ่ก็หน้าซีดเช่นกัน “วิเศษ! วิเศษมาก! ดูเหมือนคำสั่งของฉันยังไม่ชัดพอพวกแกทั้งสองคนถึงได้ดื้อรั้นโดดเรียนไปหาเรื่องกับคนอื่น!”
ผู้ช่วยสวี่ลอบสบถอยู่ที่มุมห้อง ยากนักที่จะเห็นอาจารย์ใหญ่โกรธจัด ถึงขนาดที่หัวใจแทบกระดอนมาติดอยู่ที่ลำคอ
“นักเรียนทุกคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้จะต้องถูกลงโทษอย่างหนัก” อาจารย์ใหญ่พูดอย่างไร้อารมณ์ “จากวันนี้ไปจนกว่าจะถึงวันชุมนุมวิทยายุทธเมืองซิงฟง ในช่วงเวลานี้ ถ้ามีนักเรียนคนใดโดดเรียนอีก พวกเขาต้องถูกไล่ออก หยางหย่งและเสิ่นหยวนต้องถูกลงโทษกักขังสองเดือน”
ผู้ช่วยสวี่ตกใจสะดุ้งโหยง ครั้งนี้อาจารย์ใหญ่คงเหลืออดจริงๆ เขามองดูเสิ่นหยวนและหยางหย่งอย่างเห็นใจ เสิ่นหยวนยังคงสงบ แต่หยางหย่งดูเหมือนคนตาย
ทันใดนั้นอาจารย์ใหญ่หันมาจ้องหน้าผู้ช่วยสวี่ “ไปแจ้งอาจารย์ฝ่ายปกครอง ถ้าพวกเขายังไม่ดีขึ้น อย่างนั้นพวกเขาก็ไม่ต้องทำอะไรอีกต่อไปแล้ว”
ผู้ช่วยสวี่รับคำทันที “ขอรับ”
“ทุกคนออกไปได้,เสิ่นหยวน! เธออยู่ก่อน” อาจารย์ใหญ่พูดเสียงเย็นชา
หยางหย่งและผู้ช่วยสวี่ออกไปทันที
อาจารย์ใหญ่จ้องเสิ่นหยวนเขม็งและถามเสียงเย็นชา “เธอแพ้หรือชนะ?”
“แพ้ครับ”เสิ่นหยวนก้มหน้า “ถังเทียนปลอมเป็นคนนำทางแล้วพาเราไปโรงเรียนเขา หยางหย่งพลาดท่าถูกถังเทียนลอบทำร้ายและหลังจากนั้น อาโมรี่กับเขาก็ร่วมมือกันเอาชนะผมได้”
อาจารย์ใหญ่พอได้ยินว่าทั้งสองคนแพ้แต่ไม่ได้โกรธเรื่องนั้นจนน่าประหลาดใจ แต่กลับใส่ใจพูด “อธิบายต่อ”
เสิ่นหยวนกล่าวด้วยสีหน้าครุ่นคิด “อาโมรี่ในตอนเริ่มแรกก็เป็นการกระทำตามแบบ...แต่เหมือนว่าจะมีความมุ่งมั่นไม่พอ หลังจากนั้น จู่ๆ เขาก็เด็ดเดี่ยวขึ้นมาทันที และพลังโจมตีของเขาแข็งแกร่งมากแต่ถังเทียนกลับน่าสนใจกว่า”
“ถังเทียน?”อาจารย์ใหญ่งุนงง
“ขอรับถังเทียนเชี่ยวชาญหมัดประกายไฟเป็นพิเศษ แต่สิ่งที่พิเศษก็คือ เขาใช้หมัดประกายไฟสร้างรังสีหมัดได้!” เสิ่นหยวนตอบ
“หมัดประกายไฟสร้างรังสีหมัด!” นัยน์ตาของอาจารย์ใหญ่เบิกกว้างทันที และเขาพึมพำกับตัวเอง “เขาให้การ์ดวิญญาณนั้นกับถังเทียนจริงๆ! และถังเทียนก็เชี่ยวชาญจนได้..”
“เชี่ยวชาญอะไรขอรับ?” เสิ่นหยวนอดถามไม่ได้
หน้าของอาจารย์ใหญ่กลับคืนสู่สภาพปกติ “เล่าต่อไป”
เสิ่นหยวนรู้อะไรที่เขาควรถามหรืออะไรไม่ควรถาม เขาพูดต่อทันที“ถังเทียนไม่มีความเกรงกลัว เขาต่อสู้อย่างเหี้ยมหาญไม่กลัวเจ็บ ถ้าเทียบระดับความแข็งแกร่งของเขาผมคิดว่าน้อยคนที่จะเอาชนะเขาได้”
“หลับตาซิ” อาจารย์ใหญ่มองดูเสิ่นหยวนและพูดเสียงต่ำ “พรสวรรค์ของเธอในสถาบันเทียนเจียงอาจไม่สูงล้ำที่สุด แต่สภาพอารมณ์ของเธอดีเธอสามารถอดกลั้นความโกรธได้ และยังปกป้องสภาพจิตใจได้ดี ฉันหวังในตัวเธอ ดังนั้นอย่าทำให้ฉันผิดหวัง”
“ขอรับ!” เสิ่นหยวนตอบด้วยความเคารพ
“ไปได้แล้ว”
อาจารย์ใหญ่สะบัดมือ ขณะที่เสิ่นหยวนออกไป เขาพึมพำกับตนเอง
“คัมภีร์ปราณกระเรียน...เขาฝึกจนเชี่ยวชาญได้จริงๆ...”
※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※
เมื่อเห็นเหมืองหินที่ดังกึกก้องต่อหน้าเขาถังเทียนกับอาโมรี่ถึงกับตะลึง
“ผู้เฒ่าเว่ย! ทำไมปู่ถึงได้พาเรามาที่นี่ อย่าบอกนะว่าตัวตนที่แท้จริงของปู่ก็คือต้องการหลอกใช้แรงงานเด็ก?” ถังเทียนชี้ผู้เฒ่าเว่ย แสดงสีหน้าทำนองว่า “ฉันรู้ความคิดของปู่นะ”
ผู้เฒ่าเว่ยไม่สนใจเขาและเดินตรงไปหาบุรุษร่างกำยำคนหนึ่ง เขาตะโกนโหวกเหวกแต่ไกล “เฮ้, เหล่าสือ!”
ทันทีที่บุรุษร่างกำยำได้ยินเสียงเรียกเขาหันมามองผู้เฒ่าเว่ย แล้วอดหัวเราะลั่นไม่ได้ เขาเริ่มเดินมาทางพวกเขา
แต่เมื่อบุรุษย่างกำยำหมุนตัวมา ถังเทียนและอาโมรี่ถึงกับสูดลมหายใจอย่างหนาวเหน็บ ความจริงรูปร่างของอาโมรี่ก็นับว่าแข็งแรงและอดทนมากอยู่แล้ว แต่พอเทียบกับบุรุษตัวกำยำที่อยู่ต่อหน้าพวกเขา อาโมรี่กลายเป็นเด็กน้อย
กล้ามเนื้อทุกมัดมีขอบและมุมชัดและร่างกายของเขาสีแทน เงางามเหมือนกับว่าร่างกายผ่านการเปลี่ยนแปลงและทำซ้ำกันเป็นร้อยเป็นพันครั้ง แขนของเขาก็หนาล่ำเกินปกติ ถังเทียนกะด้วยสายตาดูแล้วหนากว่าต้นขาเขาเสียอีก
บุรุษกำยำถือค้อนเหล็กและกลืนน้ำลายขณะที่เขามองดูถังเทียนและอาโมรี่
“เฒ่าเว่ย, วันนี้ลมอะไรหอบแกมาถึงนี่ได้?”บุรุษร่างกำยำถาม
“ฉันพาเด็กสองคนนี้มาให้แกและร่วมฝึกฝนร่างกายกับแกสักหน่อย ทำไม, ไม่มีอุปสรรคอะไรใช่ไหม?” ผู้เฒ่าเว่ยถามเสียงดัง
“จะมีอุปสรรคได้ยังไง?นอกจากก้อนหินที่นี่ ที่นี่มีแต่ก้อนหิน” บุรุษล่ำสันหัวเราะลั่น ถือโอกาสตรวจสอบประเมินเรี่ยวแรงของถังเทียนและอาโมรี่ เขายิ้มและพูดอย่างมีไมตรีและยกย่องว่า “สองคนนี้เป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นดีเลย”
ผู้เฒ่าเว่ยอารมณ์แจ่มใสทันที “ฮ่าฮ่า แน่นอนตาของฉันมักถูกต้องเสมอ”
คนอื่นๆ ในเหมืองหินพอได้ยินเสียงวุ่นวายก็เริ่มรวมตัวเข้ามา
ตอนนั้น ถังเทียนและอาโมรี่รู้สึกว่าด้อยกว่า
คนทั้งหมดเหมือนรูปปั้นที่ทั้งสูงและใหญ่เอวพวกเขาหนากว่าตุ่มน้ำ ร่างกายของพวกเขาเต็มไปด้วยมัดกล้ามเหมือนกับว่าสร้างมาจากทองแดงและเหล็ก มือของพวกเขาถือค้อนขนาดใหญ่กว่าธรรมดาแต่ก็ยังคล่องแคล่วราวกับมิได้ถืออะไรเลย
ถังเทียนและอาโมรี่มักโอ้อวดว่าสภาพร่างกายของพวกเขาเองโดดเด่น แต่เมื่อยืนเทียบกับกลุ่มคนพวกนี้ พวกเขาเหมือนกับเป็นถั่วงอกต้นจิ๋วทันที
“ตาเฒ่าเว่ย! ไม่เลวเลยนะเวลานี้ดูเหมือนจะเป็นเช่นนั้นจริงๆ”
“เด็กน้อยสองคนนี้ไม่เลว”
“ดีแล้ว ดี,ขอให้เพลิดเพลินกับการฝึกร่างกายสักระยะนะ เหมือนกับต้นกล้าสองต้นดีๆ นี่เอง”
……
ผู้เฒ่าเว่ยยิ้มจนตาหยีแทบมองไม่เห็น แต่ถังเทียนและอาโมรี่ ผมขนลุกชันไปทั้งตัว การที่เขาถูกประเมินโดยกลุ่มบุรุษเหมือนหอคอยเหล็กเหล่านี้ความรู้สึกนั้นช่างน่ากลัวเหลือเกิน
ถังเทียนและอาโมรี่ยังฝืนทำหน้ายิ้มต่อไปแต่เป็นรูปลักษณ์ที่ดูสยดสยองมากกว่า
สือโท่วโบกมือ “เอาล่ะ แยกย้าย แยกย้ายได้แล้วเราไม่ต้องการทำให้เด็กสองคนนี่กลัว”
ทุกคนคำรามสั้นๆ กลั้วเสียงหัวเราะและหมุนตัวแยกย้ายกันไป
ผู้เฒ่าเว่ยพูดกับสือโท่ว “นี่คืออาโมรี่ ทายาทของฉัน นี่คือถังเทียน เอ่อ..เขามีความปรารถนาจะเข้าสู่เส้นทางยอดฝีมือสู้ระยะประชิด”
“โอว?ยอดฝีมือสู้ระยะประชิด” สือโท่วนัยน์เป็นประกายอยู่วูบหนึ่ง และประเมินถังเทียนตั้งแต่ศีรษะจรดเท้าอีกครั้งแล้วยกย่องว่า “ทะเยอทะยานดี”
“ฉันขอฝากทุกอย่างไว้ที่แกด้วย” ผู้เฒ่าเว่ยพูดลอยๆ
“ดีเลย” สือโท่วไม่พูดไร้สาระและพยักหน้าอย่างตรงไปตรงมา
ผู้เฒ่าเว่ยหันหน้าไปทางถังเทียนและอาโมรี่บอกพวกเขา “จากวันนี้ไปสือโท่วจะเป็นอาจารย์ฝึกสอนพิเศษให้พวกแก ไม่ว่าเขาขอให้พวกแกทำอะไร แกทั้งสองคนควรทำตามจะดีกว่า”
ถังเทียนและอาโมรี่พยักหน้าอย่างแนบเนียน สือโท่วมีความรู้สึกกดดันมาก
“งั้นฉันไปล่ะ”ผู้เฒ่าเว่ยสะบัดมือ หมุนตัวเดินส่ายแขนอาดๆ จากไปอย่างสบายใจ
“มากับฉัน” สือโท่วพูดกับถังเทียนและอาโมรี่
ทั้งสองคนเดินตามสือโท่วเข้าไปในเหมืองหิน นี่คือเหมืองหินกลางที่โล่งแจ้ง เต็มไปด้วยก้อนหินกองสุมเหมือนภูเขา และหินที่นี่ส่วนใหญ่เป็นหินแกรนิต
เมื่อมาถึงที่กองหินกองหนึ่ง สือโท่วเจอดาบเหล็กเล่มหนึ่ง
ดาบเหล็กที่ไม่มีคมและหนามาก มีน้ำหนักมากกว่า 25กิโลกรัม แต่ในมือของสือโท่ว มันเหมือนไม่มีน้ำหนัก สือโท่วคว้าหินก้อนหนึ่ง ขนาดเท่าบานประตู
หน้าของถังเทียนและอาโมรี่ถึงกับซีด เมื่อพวกเขาเห็น แน่ใจได้เลยว่าเหนือภูเขาก็ยังมีภูเขาลูกอื่น อาโมรี่เจ้าวัวบ้าพออยู่ต่อหน้าสือโท่วแล้วก็เป็นเหมือนตั๊กแตนน้อยนั่นเอง
สือโท่วนำหินมาวางไว้ข้างหน้าเขาและบอกอาโมรี่ “’งานประจำวันของแกก็คือผ่าก้อนหินให้ได้อย่างนี้”
พวกมองดูสือโท่วเงื้อดาบแล้วฟันลงไปที่ที่ก้อนหินขนาดเท่าตะกร้าอย่างสบายๆ ฉัวะ ฉัวะ ฉัวะใช้ดาบฟันหินจนเป็นหินสี่เหลี่ยมอยู่ต่อหน้าเขาพื้นผิวของหินเรียบลื่นเป็นเงาเหมือนกระจก ทุกด้านเรียบตรงเหมือนใช้ไม้บรรทัดวัด
ถังเทียนและอาโมรี่จ้องมองหินเหมือนไก่ไม้ นี่มันหินแกรนิตแน่นอน หินแกรนิตที่แข็งสามารถใช้ดาบเหล็กปอกได้
สือโท่วโยนดาบเหล็กเล่มโตให้อาโมรี่อย่างง่ายๆ “เอ้านี่ก้อนหินเหลี่ยมอย่างนี้ ในช่วงสิบวันแกต้องทำมาให้ฉันร้อยก้อนค่อยถือว่าเป็นอันเสร็จ”
จากนั้นเขาเดินจากอาโมรี่ไปอย่างไม่รู้สึกรู้สาอะไร และพาถังเทียนไปอีกมุมหนึ่ง
ถังเทียนหน้าเหลืองซีด
“ตอนนี้แกฝึกอะไรอยู่?” สือโท่วถามถังเทียน
ถังเทียนถือการ์ดวิญญาณออกมาและแสดงให้สือโท่วดูอย่างระวังและบอกเขาว่ามันคืออะไร เมื่อเขาพูดจบสือโท่วพยักหน้า “งั้นก็แค่ฝึกหมัดพิฆาตน้อย ที่นี่มีอยู่หลายคนที่ฝึกหมัดพิฆาตน้อย”
“งั้นเหรอ?..” ถังเทียนรู้สึกว่าการแสดงออกของเขาแข็งขืนเล็กน้อยขณะที่หัวใจเขาเต้นผางด้วยความตื่นเต้น
“อืมหมัดพิฆาตน้อยใช้ทำลายหินได้ดี”
สือโท่วพาถังเทียนไปที่กองหินอีกกองและเอาก้อนหินขนาดตะกร้าอีกก้อนหนึ่งมา และใช้หมัดต่อยใส่ก้อนหินเพียงหมัดเดียว “ปัง!”
ก้อนหินแตกสลายได้อย่างง่ายดายเหมือนเต้าหู้ กลายเป็นเค้กก้อนหิน
สือโท่วปาดเค้กหินด้วยมือข้างเดียว กองหินที่ปรากฏอยู่หน้าถังเทียน ทั้งหมดนี้เป็นหินบดมีขนาดเท่ากันคล้ายถั่วเหลือง
“โอว,เนื่องจากแกเพิ่งเริ่มฝึก ฉันจะไม่ขออะไรมากนัก หินบดทุกก้อนอย่าให้ใหญ่กว่าลูกเกาลัด ทุกๆ วันแกจะต้องบดหินให้ได้ 250กิโลกรัมโดยรวม”ถังเทียนตะลึงมองดูก้อนหินบนพื้น