ตอนที่ 22 แผนของเสิ่นหยวน
ดาบผ่าหุบเหวของอาโมรี่และฝ่ามือขยี้ประตูเหล็กของเสิ่นหยวนปะทะกันรุนแรง
ปัง!
พลังปราณเที่ยงแท้ปะทะกันอย่างรุนแรง กระแสอากาศเล็กๆ นับไม่ถ้วนกระเด็นไปทุกทิศทางพร้อมกับเสียงปัง
ทั้งเลือดและปราณปั่นป่วน ขณะที่ร่างของพวกเขาถอยไป 2-3ก้าวอย่างมิอาจควบคุมได้
ไม่มีใครสังเกตว่าภายในกระแสอากาศที่ปั่นป่วน เงาดำร่างหนึ่งเคลื่อนทวนกระแสพลังไปข้างหน้า
เสิ่นหยวนหน้ามืดไปชั่วขณะ ก่อนที่จะมีเงาร่างหนึ่งปรากฏอยู่หน้าของเขา ม่านตาเขาหรี่แคบลง ถังเทียนถูก กระแสอากาศเล็กน้อยกรีดหน้าและคอของเขาแต่เขาไม่ได้โต้ตอบอะไร
เสิ่นหยวนตอบสนองอย่างรวดเร็วที่สุด แม้ว่าพลังปราณเที่ยงแท้ของเขายังไม่คืนสภาพดี เขาก็ยังหยุดถังเทียนด้วยฝ่ามือขวาของเขา
สายตาของเสิ่นหยวนมองดูตาที่สงบของถังเทียนและหัวใจของเขาสั่นสะท้าน ช่างเป็นคู่ต่อสู้ที่น่ากลัว
โชคดีที่เขารู้จักแต่เพียงหมัดประกายไฟ...
แม้ว่าเขาจะคิดไว้ในใจ แต่เขาก็เห็นหมัดของถังเทียน
หมัดที่มีแสงขาวคลุมอยู่ชั้นหนึ่ง เสิ่นหยวนตะลึง นั่นคือรังสีหมัด
เป็นไปได้ยังไงที่มีรังสีหมัดหุ้มอยู่บนหมัดประกายไฟ?
ปัง!
รังสีหมัดสีขาวคลุมหมัดประกายไฟหายไปกลางอากาศ และแทบจะในเวลาเดียวกันก็มาปรากฏอยู่ต่อหน้าเสิ่นหยวน
ด้วยไหวพริบฉับไว เสิ่นหยวนพลิกฝ่ามือและป้องกันหมัดของถังเทียนไว้
ฝ่ามือและหมัดปะทะกันเสิ่นหยวนรู้สึกแต่เพียงฝ่ามือเขาเจ็บปวดและพลังปราณเที่ยงแท้ที่เข้มข้นชำแรกเข้ามาในฝ่ามือของเขาจากหมัดของถังเทียน จากนั้นพลังป้องกันของเขาก็ถูกกดดันทันที
เสิ่นหยวนตะโกนขอความช่วยเหลือในความเงียบ
น่าเศร้าที่ถังเทียนไม่ให้เวลาเขาได้ตั้งตัวก่อนที่หมัดที่สองโผล่ออกมาจากเสื้อผ้าที่ฉีกขาดของเขากระแทกเข้าที่ไหล่ของเสิ่นหยวน
เสิ่นหยวนครางขณะที่เขารู้สึกเจ็บแปลบในไหล่ของเขา พลังปราณเที่ยงแท้ในร่างของเขาแตกกระจายออกเหมือนกับเขาเป็นกระสอบทราย
ความเคลื่อนไหวของถังเทียนไวกว่า ขณะที่เขาลอยออกไปพร้อมกับเสิ่นหยวน เขาปล่อยหมัดกลางอากาศอีกหมัดหนึ่ง หมัดที่เดินทางได้เหมือนสายฟ้า
เสิ่นหยวนสูญเสียการทรงตัวได้แต่จ้องหมัดของถังเทียนที่พุ่งเข้ามาเหมือนกับดาวตกหน้าของเขากำลังจะถูกหมัดซัดใส่ เขาจึงได้แต่หลับตา
“ฉันยอมแพ้!”
ปัง!
เสิ่นหยวนรู้สึกเจ็บระบมบนใบหน้าใจเขารู้สึกโหวงเหวงว่างเปล่าและล้มลงกับพื้นเหมือนค้อนหนักที่ทุบลงไปในดินเหลว
ก่อนที่เขาจะล้มลงหมดสติ เขาคิดว่า “ก็เรายอมแพ้แล้วไม่ใช่หรือ? ทำไมเขายังใช้วิธีที่ป่าเถื่อนอยู่อีก”
เท้าทั้งสองของถังเทียนจิกลงบนพื้น
แฮกๆ... เขาหอบเหมือนเครื่องสูบลม และหลั่งเหงื่อเปียกโชกทั้งตัว
“ถังพื้นฐาน, เขายอมรับความพ่ายแพ้แล้วไม่ใช่เหรอ?” อาโมรี่พูดจากข้างหลังอย่างอ่อนเพลีย
ในที่สุดอาการหอบหายใจของถังเทียนก็สงบได้ เขายืดตัวตรงและยิ้มอย่างอารมณ์ดี “ถ้าเราปล่อยให้เขายอมรับความพ่ายแพ้ง่ายๆ แล้วเราจะตรวจสอบสินสงครามได้ยังไง? ขอเพียงริบทรัพย์สินสงครามได้เราถึงจะเรียกได้ว่าเป็นผู้ชนะการต่อสู้ครั้งนี้
“แต่ว่า...” อาโมรี่มีนิสัยสัตย์ซื่อบริสุทธิ์ ระงับความคิดอยากจะพูด
“ถ้าไม่มีอะไรอื่น รีบๆช่วยฉันหาเชือกด้วย” ถังเทียนรีบบอก
※※※※※※※※※※※※※※※※※※
ด้วยความรู้สึกเย็นที่หน้า เสิ่นหยวนฟื้นขึ้นและที่อยู่ตรงหน้าของเขาก็คือใบหน้าของคนสองคน หน้าของอาโมรี่เต็มไปด้วยความเห็นอกเห็นใจและสำนึกผิด ขณะที่หน้าของถังเทียนเข้มราวกับก้นหม้อดำ เป็นใบหน้าของคนที่เจตนาไม่ดี
“พวกแกเป็นใคร ถึงได้บังอาจแอบอ้างเป็นนักเรียนสถาบันเทียนเจียง” ถังเทียนตะโกนอย่างใส่อารมณ์ไม่ได้
“ฉันไม่ได้แอบอ้างเลย” เสิ่นหยวนที่ยังสลึมสะลือตอบ
ถังเทียนยิ่งโมโหกว่าเดิม “แกยังกล้าโกหกฉัน! นักเรียนสถาบันเทียนเจียงคนไหนกันที่จนอย่างแกบ้าง ไม่มีสมบัติอะไรในตัวสักอย่าง”
“ฉัน....” เสิ่นหยวนอ้าปาก แต่ไม่รู้จะพูดอะไร
“ถังพื้นฐาน เขามาจากสถาบันเทียนเจียงจริงๆ ฉันจำเขาได้” อาโมรี่พูดอยู่ด้านข้าง
ถังเทียนเปลี่ยนสีหน้าเป็นเสียใจและเจ็บปวด “อย่างนั้นก็แย่จริง เมื่อนักเรียนสถาบันเทียนเจียงตกต่ำ ถึงขนาดที่ไม่มีทรัพย์สินสงครามจะให้ยึดเมื่อพวกเขาแพ้? นี่คุ้มค่ากับความอับอายและความยิ่งใหญ่ของสถาบันเทียนเจียงหรือเปล่า?”
เสิ่นหยวนไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี งั้นเจ้านี้พยายามค้นหาของในตัวของเขาแล้วอ้างว่าเป็นของริบจากการต่อสู้ เสิ่นหยวนฝึกฝนอย่างยากลำบากทุกวัน ขณะที่เขาดำเนินชีวิตอย่างเรียบง่ายเขามีนิสัยที่ไม่ชอบพกอะไรติดตัว
“ฉันจะจับเจ้าสองคนนี้แก้ผ้า แล้วเอาไปแขวนไว้ที่ทางเข้าสถาบันเทียนเจียงระบายความโกรธในใจฉัน” ถังเทียนพูดในลำคอ
อาโมรี่ลิ้นพันกัน และพูดติดอ่าง..“ถะ..ถะ.ถังพื้นฐาน นี่มันไม่โหดไปหน่อยเหรอ?”
ถังเทียนหน้างอและถลึงตากล่าว “โหดรึ? ลูกผู้ชายที่ยิ่งใหญ่ ต้องโหดไว้ก่อน”
เสิ่นหยวนอ้าปากค้าง หน้าซีดเหมือนคนตายด้วยความตกใจ
ไม่ต้องรอจนกระทั่งพวกเขาลงมือจับเขาแก้ผ้า เสิ่นหยวนมีปฏิกิริยาทันที รีบกล่าวว่า“เดี๋ยวก่อน! ฉันยินดีไถ่ตัว! ฉันยินดีไถ่ถอนตัวเอง”
เสิ่นหยวนตื่นเต้นขณะที่เขาคิดถึงภาพที่เขาตัวเปล่าล่อนจ้อนและถูกแขวนอยู่ทางเข้าสถาบันเทียนเจียงอดสะท้านใจไม่ได้
“หัวใจฉันกำลังร้อนรนเหมือนถูกไฟแผดเผาพ่อหนุ่ม! นายจะเอาใจฉันได้ยังไง?” ถังเทียนคุกเข่าลง ใบหน้าเขียวคล้ำจ้องมองดูเสิ่นหยวน
“นายอยากได้อะไร?” เสิ่นหยวนยังคงทำเป็นหนักแน่นแต่น้ำเสียงสั่นและรู้สึกกลัวอยู่ในใจ
อาโมรี่ลอบมาอยู่ข้างๆ หน้าของเขาเต็มไปด้วยแววเห็นอกเห็นใจ เสิ่นหยวน เอ่อ.. สถาบันเทียนเจียงรู้จักวิธีสร้างเสริมบุรุษเหล็ก แต่นายก็ยังถูกถังพื้นฐานรังแกเอาได้น่าเห็นใจจริงๆ
โชคดีนะ ที่ฉันอยู่ข้างเดียวกับถังพื้นฐาน
ทันใดนั้น หัวใจของอาโมรี่เต็มไปด้วยความซาบซึ้ง
“ทุกคนที่นี่คือผู้ฝึกวิทยายุทธกันทั้งนั้น อย่างนั้นก็ใช้การ์ดวิญญาณก็แล้วกัน” ถังเทียนแกล้งเป็นกระแอมเบาๆ “อย่างไรก็ตามนายต้องคำนึงถึงสถานะของตัวนายด้วย นายต้องรู้ว่าการ์ดวิญญาณแบบไหนที่จะไม่สร้างความอับอายให้กับนาย โอ,แน่นอน ความเดือดดาลของฉันย่อมสำคัญกว่าสถานะของตัวนาย”
“การ์ดวิญญาณ...” เสิ่นหยวนถอนหายใจโล่งอก เขาเป็นคนบ้าวิทยายุทธ เขาอาจจะไม่มีของมีค่ามากนัก, แต่เขาสะสมการ์ดวิญญาณไว้พอสมควร “นายอยากได้การ์ดวิญญาณแบบไหน?”
ถังเทียนมองดูสีหน้าเสิ่นหยวนและกัดฟันขณะที่อิ่มเอมไปด้วยความสุขที่จับแพะอ้วนได้
อย่างไรก็ตาม เขายังหน้าตายเหมือนเดิม “นายเคยได้ยินเรื่องยอดฝีมือต่อสู้ระยะประชิดมาบ้างไหม?”
“ยอดฝีมือสู้ระยะประชิด” นัยน์ตาเสิ่นหยวนดูว่างเปล่า เขาจ้องหน้าถังเทียนไม่พูดอะไรอยู่นาน ถังเทียนคิดว่าเขามีอะไรบางอย่างบนใบหน้าเสิ่นหยวนถึงได้จ้องหน้าเขาแบบนั้น
“ความจริงนายเลือกเส้นทางยอดฝีมือต่อสู้ระยะประชิดนี่เอง!” น้ำเสียงของเสิ่นหยวนเต็มไปด้วยความนับถือ “ฉันไม่ได้พ่ายแพ้อย่างงมงาย”
หลังจากได้ยินคำพูดเหล่านี้ว่า “สู้ระยะประชิด” ดูเหมือนจะประทับอยู่ในใจถังเทียนดูเหมือนผู้เฒ่าเว่ยจะไม่ได้โกหกเรา
เสิ่นหยวนพูดโยกคลอนจิตใจว่า “ถ้านายกำลังพูดถึงการเป็นยอดฝีมือต่อสู้ระยะประชิด นายก็ต้องมีวิทยายุทธพื้นฐานที่สำคัญห้าอย่างคือ วิชาตัวเบา, วิชาดรรชนี, วิชาฝ่ามือ, วิชาหมัดมวยและวิชาข้อต่อนายมีการ์ดวิญญาณเหล่านี้หรือยัง?”
ถังเทียนตั้งข้อสังเกตว่าเสิ่นหยวนตื่นเต้นยิ่งกว่าตัวเขาเองและใจเขารู้สึกอ่อนไหว เขาล้วงการ์ดวิญญาณสามใบที่พบอยู่ในตัวหยางหย่ง “นี่ไงเล่า, ฉันมีอยู่สามใบ แต่ตั้งใจจะขายดรรชนีทะลวงเหล็กเนื่องจากคุณสมบัติองค์ประกอบธาตุของฉัน ไม่เหมาะสมจะฝึกฝนได้”
“โอว, การ์ดวิชาตัวเบาทั้งสองใบนี้ถือว่าเป็นของดี สำหรับคนที่ไม่มีคุณสมบัติธาตุสัมพันธ์วิชาดรรชนีทะลวงเหล็กสามารถเปลี่ยนเป็นวิชากรงเล็บเหยี่ยวได้ เนื่องจากทั้งสองวิชานี้คล้ายกัน วิชากรงเล็บเหยี่ยวระดับสามถือว่าเป็นวิชาที่ทรงพลัง”
“นี่คือองค์ประกอบที่สมบูรณ์มาก วิชาหลักไม้กลางหาวจะช่วยในเรื่องก้าวย่างของนาย,วิชาแปดก้าวไล่จั๊กจั่นเป็นที่รู้จักกันดีในเรื่องความเร็ว วิชากรงเล็บเหยี่ยวใช้ความคล่องตัวในการต่อสู้ ทุกๆ นิ้วของผู้ใช้ก็เป็นเหมือนกับตะขอ วิชาฝ่ามือสลายเงาใช้ภาพลวงตาซ่อนการจู่โจมที่แท้จริง จึงทำให้ศัตรูสับสนได้ ”หมัดพิฆาตเล็ก“มีพลังปานฟ้าผ่าและมีอาจทำลายล้าง ใช้เป็นหมัดพิชิตได้ วิชาพลังลูกโซ่สร้างความทึ่งให้กับศัตรูระหว่างต่อสู้ประชิดตัว มีพลังที่น่าพิศวงโดยวิชานี้ใช้ร่างกายทุกส่วนเป็นอาวุธรวมทั้งข้อต่อร่างกายด้วย”
“นายคุ้นเคยวิชาทั้งหมดนี้นี่นา” ถังเทียนมีตาเป็นประกายขณะที่เขาฟังเรื่องที่เสิ่นหยวนพูด
“สุดยอด” อาโมรี่ชมเชย เป็นเรื่องยากที่จะหาคนที่สามารถบอกเล่าความรู้ได้มากมาย มีวิทยายุทธมากมายในทุกระบบ และการจะเรียนรู้วิทยายุทธได้มากมายนั้นเห็นได้ว่าเสิ่นหยวนได้รับมาตามวิถีของเขาเอง
“ฉันไม่เคยคิดว่านายจะมีความกล้าหาญท้าทายเดินตามเส้นทางยอดฝีมือด้านต่อสู้ระยะประชิด นี่น่าชมเชยมากจริงๆ” หน้าของเสิ่นหยวนเต็มไปด้วยความชื่นชมและเขากล่าวจริงจังว่า “ฉันมีการ์ดวิญญาณสามใบวิชาฝ่ามือสลายเงา, หมัดพิฆาตเล็กและวิชาพลังลูกโซ่ ฉันจะมอบให้นายทั้งหมด!สบายใจได้ทั้งหมดเป็นการ์ดระดับเงิน”
ถังเทียนยิ้ม “หึหึ, ฉันเข้าใจนายผิดไป, นายเป็นคนดีจริงๆ”
※※※※※※※※※※※※※※※※※※
ในบ้านของเสิ่นหยวน
“การ์ดวิญญาณทั้งสามใบนี้ นายรับไปได้เลย” เสิ่นหยวนเสนอการ์ดวิญญาณทั้งสามใบให้ด้วยท่าทีเคร่งขรึม ขณะที่หยางหย่งอยู่ที่มุมห้องแสดงสีหน้าไม่พอใจ
ถังเทียนรับการ์ดวิญญาณทั้งสามใบและออกมาพร้อมกับอาโมรี่อย่างอารมณ์ดี
หยางหย่งอดถามไม่ได้ “พี่เสิ่น ทำไมยอมให้การ์ดพวกมันจริงๆ ล่ะ? ถ้าเราลงมือตอนนี้ เราอาจพลิกสถานการณ์เอาชนะได้จริงๆ นะ”
เสิ่นหยวนตอบ “แล้วหลังจากนั้นล่ะ? เราฆ่าพวกมันแล้วเรื่องจะจบไหม? นี่ถือเป็นความล้มเหลวที่กลายเป็นความอัปยศที่เราไม่มีวันล้างได้อีกต่อไป”
หยางหย่งตะลึงและไม่รู้จะพูดสิ่งใดต่อ
เสิ่นหยวนพูดถูก ถ้าพวกเขาเอาชนะอาโมรี่และถังเทียนได้ตอนนี้ แต่สถานะของพวกเขาเล่า ชนะเป็นเรื่องธรรมดา แต่ล้มเหลวเป็นเรื่องน่าอับอาย ล้มเหลวครั้งเดียวจะกลายเป็นความอัปยศที่ติดตัวไปอย่างถาวร
“ฉันสงสัยว่าพวกมันกำลังคิดอะไรอยู่?” เสิ่นหยวนพูดโพล่งออกมา “เขาบอกว่าถ้าฉันไม่ได้ระบายความโกรธของพวกเขาพวกเขาจะจับฉันแก้ผ้าแล้วแขวนไว้ที่ประตูทางเข้าสถาบันเทียนเจียง”
หน้าของหยางหย่งซีดเหมือนหิมะ เมื่อเขาคิดถึงภาพที่เสิ่นหยวนอธิบาย เขาถึงกับสั่น เมื่อไม่สามารถระบายความโกรธได้เขาตะโกนทั้งที่เสียงสั่น “พวกมันกล้าดียังไง ถึงได้ใช้วิธีชั่วร้ายกับนาย!”
เสิ่นหยวนตบไหล่หยางหย่งและปลอบโยนเขา “การ์ดเหล่านี้ สำหรับฉันไม่นับว่าเท่าไหร่? ฉันถือว่าสูญเสียเงินไปบ้างเพื่อป้องกันหายนะ”
หยางหย่งยังคงเงียบ ทันใดนั้นเขารู้สึกโล่งใจ ถูกแล้วการ์ดวิญญาณไม่กี่ใบจะมีความหมายอะไรกับเขาเล่า?
“อีกอย่าง ถ้าเขาฝึกฝนตามการ์ดวิญญาณเหล่านี้จริงๆ หึหึ” เสิ่นหยวนยิ้มมีเลศนัย“อย่างนั้นเขาจะเจอแต่ความทรมาน”
“อย่าบอกฉันนะว่า การ์ดวิญญาณเหล่านั้นมีปัญหา?” หยางหย่งถามด้วยความสงสัย
“การ์ดวิญญาณไม่มีปัญหาอะไร ฉันช่วยให้เขาได้เลือกฝึกวิทยายุทธ นั่นก็สมเหตุผลดีอยู่แล้ว”เสิ่นหยวนแค่นเสียงเย็นชา
หยางหย่งถามอย่างไม่เข้าใจ “งั้นทำไมเขาถึงต้องเจ็บตัวทรมานด้วย?”
เสิ่นหยวนส่ายหน้ากล่าว “นายยังไม่เข้าใจเรื่องความชำนาญของยอดฝีมือด้านสู้ระยะประชิด ความชำนาญนี้มีความซับซ้อนสูงและยากมาก หากไม่มีพรสวรรค์ที่น่าทึ่งก็ไม่มีทางอยู่ในเส้นทางนี้ได้ วิทยายุทธเหล่านี้มีลักษณะเฉพาะที่ยากมาก ตามทฤษฎีดูเหมือนจะเข้าได้เป็นอย่างดี และถ้าเขาสามารถฝึกพร้อมกันได้ทั้งหมด ความแข็งแกร่งของเขาจะเพิ่มสูงพรวดพราดแน่นอนและไม่มีจุดอ่อนให้เล่นงานเลย”
หยางหย่งยิ่งสับสนขึ้น ขณะที่เขาฟัง
“อย่างไรก็ตาม ไม่เคยมีใครทำได้มาก่อน ตัวอย่างเช่น ฉันอยู่ในช่วงฝึกฝ่ามือเหล็กเป็นพิเศษ ถ้าฉันเริ่มฝึกวิชาหมัดมวยฉันก็ต้องฝึกวิทยายุทธที่สามารถปล่อยหมัดเหล็กและฝ่ามือเหล็กและอื่นๆ ได้ เมื่อเป็นเช่นนี้ ฉันก็จะลดระยะเวลาที่ฉันใช้ในการฝึกฝนได้ ถ้าฉันเรียนวิชาหมัดมวยอย่างหนึ่งที่ไม่เกี่ยวกับหมัดเหล็ก อย่างนั้นฉันก็จะใช้เวลาฝึกฝนนานมากขึ้นแน่นอน และถ้าเพิ่มเป็นห้าวิชาฝีมือที่แตกต่างกันล่ะ? นั่นก็ต้องใช้เวลาที่มากขึ้นๆ”
“มีแต่สุดยอดฝีมือที่มีพรสวรรค์อย่างแท้จริงถึงจะฝึกฝนเชี่ยวชาญการต่อสู้ระยะประชิดได้ เพราะวิชาต่อสู้ที่เขาเรียนทุกวิชา พวกเขาต้องใช้ระยะเวลาช่วงสั้นๆ ก่อนที่ฝึกฝนอย่างจริงจัง เมื่อประเมินพรสวรรค์ของถังเทียนกับวิชาต่อสู้ห้าวิชาที่แตกต่างกันหึหึ เขาก็แค่หัวระดับปานกลางเท่านั้น”
เสิ่นหยวนพูดพลางหรี่ตา
หยางหย่งไม่รู้เหตุผล แต่จู่ๆ เขารู้สึกหนาวสะท้านในใจ