ตอนที่แล้วตอนที่ 2-3 วิธีทื่อๆ (2)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 2-5 หนูเงา “บีบี” (1)

ตอนที่ 2-4 สถาบันเอินส์


เมื่อเวลาผ่านไป หนูเงาน้อยซึ่งไม่รู้เรื่องความรักจากคนอื่นมากนักเริ่มกลัวลินลี่ย์น้อยลง  ผ่านไปแปดวันเมื่อลินลี่ย์วางกระต่ายลง มันเข้ามาอยู่ในระยะห่างสองก้าว และหนูเงาน้อยตัวนั้นก็วิ่งเข้ามากินทันที ทั้งยังร้องจี๊ดๆใส่ลินลี่ย์สองครั้ง

วันที่สิบ

“เอาล่ะ, วันนี้ข้าจะให้เนื้อปรุงกับหนูเงา”  ลินลี่ย์ห่อไก่ป่าไว้ในถุงผ้าจากนั้นก็เดินกลับไปที่ลานเก่าด้านหลังคฤหาสน์

เดลิน โคเวิร์ทเดินเคียงข้างลินลี่ย์เช่นกัน แต่นอกจากลินลี่ย์แล้วไม่มีใครอื่นเห็นเขา เดลิน โคเวิร์ทกำลังยิ้มกว้างจนหนวดขาวยาวเป็นแนวนอน  “ลินลี่ย์!  ผ่านมากว่าเก้าวันแล้วหนูเงาน้อยเลิกกลัวเจ้าแล้ว วันนี้เจ้าจะให้เนื้อสุกกับมัน มันคงจะตื่นเต้นและเข้ามาใกล้เจ้ายิ่งขึ้น”

พอได้ฟังคำของเขา ลินลี่ย์อดยิ้มไม่ได้

ขณะที่ลินลี่ย์เดินเข้าไปในพื้นที่ด้านหลัง

“จี๊ด, จี๊ด!” หนูเงาน้อยวิ่งมาหาลินลี่ย์ทันที และเริ่มกระโดดขึ้นกระโดดลงขณะที่ร้องจี๊ดๆ ใส่เขา

“ข้ายังไม่ได้เอาอาหารออกมาเลยมันก็วิ่งมาหาข้าแล้ว มันไม่กลัวข้าเลยแม้แต่น้อย”  ลินลี่ย์รู้สึกปลื้มใจ

เดลิน โคเวิร์ทที่ยืนอยู่ข้างๆ เขายิ้มให้หนูเงาน้อยมันไม่ได้รู้ถึงความคงอยู่ของเขาเลยแม้แต่น้อย เดลิน โคเวิร์ทพูดพลางยิ้ม “ดูเหมือนมันรู้สึกสนิทใกล้ชิดกับเจ้าแล้ว”

“จี๊ดดด”หนูเงาน้อยมองดูลินลี่ย์ด้วยดวงตาดำใสซื่อและเริ่มร้องเรียกอย่างทนไม่ได้  คล้ายกับจะบอกลินลี่ย์ให้รีบเอาอาหารออกมาให้มันได้แล้ว

“อย่าเพิ่งรีบร้อน”  ลินลี่ย์หยิบไก่ย่างออกมาจากถุงผ้า

พอได้กลิ่นไก่ย่าง ดวงตาของหนูเงาน้อยเป็นประกายจากนั้นมันมองดูลินลี่ย์อย่างน่าสงสาร พอเห็นแบบนี้ ลินลี่ย์ถึงกับหัวเราะจนปวดท้องอย่างช่วยไม่ได้  ในอดีตที่ผ่านมา เมื่อลินลี่ย์ให้อาหารดีๆกับน้องวอร์ตัน  น้องวอร์ตันจะพูดว่า “พี่,,ข้าจะเอา..” ขณะที่จ้องเขาด้วยท่าทางน่าสงสาร

ตอนนี้หนูเงาน้อยก็ทำอย่างเดียวกัน!

“ฮะฮะ, เป็นของเจ้าทั้งหมดเลย!”  ลินลี่ย์ให้ไก่ปรุงสุกกับหนูเงา

หนูเงาน้อยร้องจี๊ดด้วยความดีใจ มันยึดไก่ย่างไว้ทันที  หลังจากกัดได้คำหนึ่ง หนูเงาน้อยก็เริ่มกินและกินอย่างรวดเร็ว  ในเวลาสั้นๆ ไก่ย่างที่ตัวพอๆ กับตัวมันเองก็ถูกกินไม่เหลือ

“ข้าไม่เข้าใจจริงๆท้องของมันจุได้มากมายได้ยังไง มันกินอาหารมากมายขนาดนั้นหรือ?”  ลินลี่ย์หัวเราะขณะถอนหายใจ

ดูเหมือนกับว่าช่วงเวลานี้ หนูเงาน้อยมีความเพลิดเพลินกับอาหารของมันมาก มันมีความสุขมากและเริ่มกระโดดขึ้นกระโดดลงทันทีพลางร้องจี๊ดๆใส่ลินลี่ย์ บางทีก็ใช้ขาหน้าของมันกอดขาลินลี่ย์ไว้ ลินลี่ย์อดที่จะยินดีไม่ได้ นี่เป็นครั้งแรกที่หนูเงาน้อยแสดงความรู้สึกผูกพันต่อเขาหลังจากที่มันกินแล้ว

“ลินลี่ย์, ลองใช้มือลูบขนมันเบาๆ ซิ ปกติแล้วอสูรเวทจะชอบให้สมาชิกครอบครัวลูบไล้แต่งขนให้พวกมัน”  เดลิน โคเวิร์ทแนะนำ

ลินลี่ย์ลองยื่นมือไปวางบนศีรษะของหนูเงาน้อย หนูเงาน้อยไม่ได้หลบแม้แต่น้อยแต่มันกลับพริ้มตาอย่างมีความสุข ทันใดนั้นลินลี่ย์รู้สึกมั่นใจมากกว่าเดิม และเริ่มลูบขนมัน  ทำให้หนูเงารู้สึกพอใจและเริ่มส่งเสียงกรน

“เจ้าตัวน้อยนี่ น่ารักจริงๆ” ลินลี่ย์เริ่มชอบหนูเงาน้อยนี่มากยิ่งขึ้น

“ปู่เดลิน, อสูรเวทนี่แปลกมาก มังกรลมกรดตัวนั้นตัวใหญ่มากและมีเกล็ดแข็งขนาดนั้นทำให้มันเป็นอสูรเวทระดับเจ็ด  แต่หนูเงาน้อยตัวนี้เมื่อมันโตขึ้น ก็ยังกลายเป็นอสูรเวทระดับเจ็ดได้ พวกมันทั้งสองเป็นอสูรระดับเดียวกัน แต่ทำไมจึงมีความแตกต่างกันมากนักเล่า?”

ขณะที่ลูบหนูเงาน้อย ลินลี่ย์อดรู้สึกทึ่งไม่ได้

“เจ้าไม่อาจตัดสินพวกมันจากลักษณะภายนอกได้นะ บางทีคนแก่ธรรมดาที่เจ้าพบบนท้องถนนก็สามารถขับขี่มังกรบินและทำให้ภูเขาสั่นสะเทือนได้เพียงแค่โบกมือเท่านั้น”  เดลินโคเวิร์ทหัวเราะอย่างอารมณ์ดี

ลินลี่ย์เข้าใจถึงเหตุผลนี้

แต่เขาอดเผลอไม่ได้ที่จะตัดสินจากรูปลักษณ์ภายนอก

อย่างเช่น มังกรลมกรดตัวนั้น พอเห็นขนาดร่างมหึมาและเห็นเกล็ดแวววาวเป็นประกายแสงสีทอง ใครๆก็บอกได้ว่ามันทรงพลังขนาดไหน

“ข้าสงสัยจริงๆเมื่อไหร่หนูเงาน้อยนี้จะใช้สัญญาเสมอภาคกับข้าได้”  ลินลี่ย์พึมพำ ไม่มีอะไรที่เขาทำได้ สัญญาเสมอภาคต้องเป็นอสูรเวทเป็นฝ่ายเสนอ ดังนั้นเขาทำได้แต่รออย่างเดียว

เดลิน โคเวิร์ทหัวเราะ “หลายอย่างกำลังเป็นไปได้ดีมาก จำไว้ให้ดีเจ้าต้องอดทน”

“ได้, ข้าเข้าใจแล้ว”  ลินลี่ย์หัวเราะเช่นกัน

…..

พริบตาเวลาผ่านไป ลินลี่ย์ให้อาหารหนูเงาน้อยมาเป็นเวลายี่สิบวันแล้วและหนูเงาน้อยก็คุ้นเคยกับลินลี่ย์มาก แต่เพราะเหตุผลบางประการ  แม้ว่าทั้งสองจะสนิทกันแต่หนูเงาน้อยก็ยังไม่เสนอทำสัญญาเสมอภาค

ความมืดปกคลุมแผ่นดินและทั่วทั้งเมืองอู่ซันเงียบสงัด

ภายในห้องนั่งเล่นของตระกูลบาลุค แสงเทียนวูบวาบจากภายในขณะที่ลินลี่ย์และครอบครัวของเขาพร้อมทั้งพ่อบ้านแอชลี่ย์กำลังกินอาหารค่ำด้วยกันที่โต๊ะอาหาร

“ลินลี่ย์! พ่อได้ยินว่าเจ้านำกระต่ายย่างไปที่ลานหลังคฤหาสน์จริงไหม?”  ระหว่างรับประทานอาหารฮ็อกวางช้อนซ่อมลงและหันไปทางลินลี่ย์

ลินลี่ย์สะดุ้ง

“ดูเหมือนได้เวลาที่ข้าต้องสารภาพเสียแล้ว”  ลินลี่ย์พูดกับตัวเอง  จากนั้นมองหน้าฮ็อกและพยักหน้า “ท่านพ่อ, เมื่อเร็วๆนี้ข้าพบสัตว์น่ารักตัวหนึ่งอาศัยอยู่ที่ลานหลังบ้านของเรามันเป็นสัตว์ที่น่ารักมาก ดังนั้นก็เลยเอาอาหารไปให้มันบ่อยๆ”

“สัตว์ที่น่ารักหรือ?”  ตาของวอร์ตันน้อยเป็นประกาย

“โอว”

ฮ็อกพยักหน้า “ไม่บ่อยนักที่จะมีคนไปเยี่ยมเยือนลานหลังคฤหาสน์ ดังนั้นจึงเป็นธรรมดาที่จะมีสัตว์อยู่ที่นั่น  ช่างเถอะ, อีกหนึ่งอาทิตย์ราวๆนั้น เมืองเฟนไลจะเริ่มการทดสอบความถนัดทางเวทและรับสมัครจอมเวทลูกอยากจะเข้าร่วมทดสอบไหม?”

“โอว!ทดสอบและรับสมัครจอมเวทน่ะหรือ?”  ทันใดนั้นลินลี่ย์จำเหตุการณ์นี่ได้

ลำแสงที่มีแต่ลินลี่ย์เท่านั้นถึงจะเห็นได้พุ่งออกมาจากแหวนมังกรขนาดและเปลี่ยนเป็นรูปเดลิน โคเวิร์ทผู้มีเคราขาว เดลิน โคเวิร์ทหัวเราะให้ลินลี่ย์  “ลินลี่ย์! การทดสอบและสมัครนักเวทเป็นทางเลือกของเจ้า  ภายใต้การแนะนำของข้ายังจะมีอะไรที่ด้อยกว่าจอมเวทในสถาบันหรือ?”

ลินลี่ย์เห็นด้วยกับแนวความคิดนั้น

เดลิน โคเวิร์ทเป็นจอมเวทผู้วิเศษระดับเซียนสถาบันจอมเวทจะมีจอมเวทผู้วิเศษระดับเซียนคอยสอนอยู่ที่นั่นหรือ?

“ว่าไง? ลูกไม่ต้องการไปหรือ?”  หน้าของฮ็อกแต่เดิมที่ยิ้มอยู่เปลี่ยนเป็นเย็นชาทันทีขณะที่เขาขมวดคิ้ว

ฮ็อกจำได้ชัดเจนว่าตั้งแต่การต่อสู้กันระหว่างจอมเวทสองสายธาตุระดับแปดและกลุ่มจอมเวทเล็ก  ลินลี่ย์ต้องการจะเป็นจอมเวทมาก  ทำไมเขาถึงลังเลในตอนนี้?  ในใจฮ็อก เขาตั้งความหวังให้บุตรของเขาเป็นจอมเวทเช่นกัน

“ท่านพ่อ, ข้า...”

“ไม่, ลินลี่ย์,ยอมรับข้อเสนอของบิดาเจ้าซะ”  เดลิน โคเวิร์ทขมวดคิ้วและรีบพูด

ลินลี่ย์ยับยั้งคำพูดไว้ที่ริมฝีปาก ขณะเดียวกัน เขาถามด้วยความสงสัย “ปู่เดลิน! ข้ามีท่านคอยสอนอยู่แล้วไม่ดีหรือ?  ด้วยการสอนของท่าน  ทำไมข้าจึงจำเป็นต้องไปสถานบันจอมเวทเล่า?  นั่นมิทำให้ครอบครัวต้องสิ้นเปลืองหรอกหรือ?”

“ไม่” เดลินโคเวิร์ทพูดจริงจัง  “ข้าไม่ได้ติดต่อกับทวีปยูลานมาเกินกว่าห้าพันปีแล้ว  ห้าพันปีเชียวนะ ลินลี่ย์! เจ้าต้องเข้าใจว่านักเวททั้งหลายในโลกมีการค้นคว้าและพัฒนาคาถาอยู่ตลอดในช่วงเวลาอย่างนี้  ใครจะรู้กันว่ามีเวทใหม่ๆพัฒนาในช่วงเวลานี้มากแค่ไหน”

ลินลี่ย์เข้าใจทันที

“แล้วก็ลินลี่ย์! เจ้าต้องรู้ว่าเมืองอู่ซันไม่ใช่เวทีที่เจ้าจะแสดงฝีมือได้  เจ้าต้องก้าวไปสู่เวทีที่กว้างใหญ่กว่า” เดลิน โคเวิร์ทพูดจริงจัง

“เวทีที่กว้างไกล...”

ลินลี่ย์อดตื่นเต้นไม่ได้

เขานึกถึงมังกรลมกรดยักษ์อย่างช่วยไม่ได้ พลังทำลายล้างจากผลของเวทระบำอสรพิษเพลิง เช่นเดียวกัน จอมเวทผู้วิเศษระดับเซียน “รูดี้”ที่สามารถควบคุมหินจำนวนนับไม่ถ้วนได้อย่างง่ายดายจนเป็นสาเหตุแห่งภัยพิบัติ

“เพื่ออนาคต...”

หัวใจของลินลี่ย์เริ่มเต้นเร็วขึ้น ถ้าสักวันเขาสามารถก้าวขึ้นไปยืนอยู่บนหัวมังกรและควบคุมพลังหายนะได้ ถ้าเขาสามารถรู้สึกถึงพลังของการได้อยู่จุดสุดยอดของมนุษยชาตินั่นต้องเป็นความรู้สึกที่อัศจรรย์ เมื่อเขาคิดเรื่องนี้แล้ว ลินลี่ย์รู้สึกเลือดเดือดพล่าน

“ลินลี่ย์!ลูกกำลังคิดเรื่องอะไรอยู่?”  ฮ็อกเริ่มไม่สบายใจ เมื่อเขาคุยกับลินลี่ย์แล้วลินลี่ย์ใจลอย

“โอว, ไม่มีอะไร!” ลินลี่ย์รีบมองฮ็อกและพยักหน้าพร้อมกับพูดยืนยันหนักแน่น  “ท่านพ่อ! ในใจข้า ข้าอยากเป็นจอมเวทจริงๆ ในหนึ่งสัปดาห์ โปรดจัดเตรียมให้ข้าได้ไปเมืองเฟนไลเพื่อทดสอบและสมัครเป็นจอมเวทด้วยเถอะ”

พอได้ยินคำพูดเช่นนี้ ฮ็อกยิ้มจนได้

“จอมเวท โอว โอว..เหมือนจอมเวทที่ชอบพ่นไฟใช่ไหม”  ขณะที่ฟัง วอร์ตันน้อยปรบมือน้อยๆ

“วอร์ตันนั่นเป็นแค่กลของคณะละครสัตว์  อย่าเอาคณะละครสัตว์มาปนกับจอมเวทตัวจริง” ฮ็อกพูดจริงจัง

“โอ๋ว”วอร์ตันน้อยหน้าบึ้งและหยุดพูด

ลินลี่ย์หัวเราะแล้วจากนั้นหันไปมองฮ็อก “ท่านพ่อ!  คงต้องมีสถาบันจอมเวทอยู่มากมาย  จะเลือกสถาบันไหนดี? ใช่แล้วสถาบันไหนที่มีทั้งจอมเวทและนักรบสอนรวมกันบ้าง?”

ฮ็อกหัวเราะเช่นกัน “ความจริงจักรวรรดิใหญ่ทั้งสี่และสหภาพใหญ่ทั้งสองมีสถาบันชั้นยอดเป็นของตนเอง  ลูกควรจะรู้ว่าหนึ่งในสี่จักรวรรดิใหญ่จักรวรรดิโอเบรียนเป็นจักรวรรดิที่มีกำลังทหารที่แข็งแกร่งที่สุด”

ลินลี่ย์พยักหน้า  ทุกคนรู้เรื่องนั้น

“โรงเรียนชั้นยอดในจักรวรรดิโอเบรียนก็คือสถาบันโอเบรียนซึ่งได้ชื่อว่าเป็นสถาบันนักรบอันดับหนึ่งในทวีปยูลาน  แต่สำหรับสถาบันจอมเวท..”  ฮ็อกหัวเราะเบาๆ “สถาบันจอมเวทอันดับหนึ่งในทวีปยูลานเป็นของสหภาพศักดิ์สิทธิ์ของเรา ชื่อของมันได้มาจากจักรพรรดิแห่งวิหารศักดิ์สิทธิ์ ก็คือ จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์เอินส์  สถาบันเอินส์”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด