ตอนที่ 2-4 สถาบันเอินส์
เมื่อเวลาผ่านไป หนูเงาน้อยซึ่งไม่รู้เรื่องความรักจากคนอื่นมากนักเริ่มกลัวลินลี่ย์น้อยลง ผ่านไปแปดวันเมื่อลินลี่ย์วางกระต่ายลง มันเข้ามาอยู่ในระยะห่างสองก้าว และหนูเงาน้อยตัวนั้นก็วิ่งเข้ามากินทันที ทั้งยังร้องจี๊ดๆใส่ลินลี่ย์สองครั้ง
วันที่สิบ
“เอาล่ะ, วันนี้ข้าจะให้เนื้อปรุงกับหนูเงา” ลินลี่ย์ห่อไก่ป่าไว้ในถุงผ้าจากนั้นก็เดินกลับไปที่ลานเก่าด้านหลังคฤหาสน์
เดลิน โคเวิร์ทเดินเคียงข้างลินลี่ย์เช่นกัน แต่นอกจากลินลี่ย์แล้วไม่มีใครอื่นเห็นเขา เดลิน โคเวิร์ทกำลังยิ้มกว้างจนหนวดขาวยาวเป็นแนวนอน “ลินลี่ย์! ผ่านมากว่าเก้าวันแล้วหนูเงาน้อยเลิกกลัวเจ้าแล้ว วันนี้เจ้าจะให้เนื้อสุกกับมัน มันคงจะตื่นเต้นและเข้ามาใกล้เจ้ายิ่งขึ้น”
พอได้ฟังคำของเขา ลินลี่ย์อดยิ้มไม่ได้
ขณะที่ลินลี่ย์เดินเข้าไปในพื้นที่ด้านหลัง
“จี๊ด, จี๊ด!” หนูเงาน้อยวิ่งมาหาลินลี่ย์ทันที และเริ่มกระโดดขึ้นกระโดดลงขณะที่ร้องจี๊ดๆ ใส่เขา
“ข้ายังไม่ได้เอาอาหารออกมาเลยมันก็วิ่งมาหาข้าแล้ว มันไม่กลัวข้าเลยแม้แต่น้อย” ลินลี่ย์รู้สึกปลื้มใจ
เดลิน โคเวิร์ทที่ยืนอยู่ข้างๆ เขายิ้มให้หนูเงาน้อยมันไม่ได้รู้ถึงความคงอยู่ของเขาเลยแม้แต่น้อย เดลิน โคเวิร์ทพูดพลางยิ้ม “ดูเหมือนมันรู้สึกสนิทใกล้ชิดกับเจ้าแล้ว”
“จี๊ดดด”หนูเงาน้อยมองดูลินลี่ย์ด้วยดวงตาดำใสซื่อและเริ่มร้องเรียกอย่างทนไม่ได้ คล้ายกับจะบอกลินลี่ย์ให้รีบเอาอาหารออกมาให้มันได้แล้ว
“อย่าเพิ่งรีบร้อน” ลินลี่ย์หยิบไก่ย่างออกมาจากถุงผ้า
พอได้กลิ่นไก่ย่าง ดวงตาของหนูเงาน้อยเป็นประกายจากนั้นมันมองดูลินลี่ย์อย่างน่าสงสาร พอเห็นแบบนี้ ลินลี่ย์ถึงกับหัวเราะจนปวดท้องอย่างช่วยไม่ได้ ในอดีตที่ผ่านมา เมื่อลินลี่ย์ให้อาหารดีๆกับน้องวอร์ตัน น้องวอร์ตันจะพูดว่า “พี่,,ข้าจะเอา..” ขณะที่จ้องเขาด้วยท่าทางน่าสงสาร
ตอนนี้หนูเงาน้อยก็ทำอย่างเดียวกัน!
“ฮะฮะ, เป็นของเจ้าทั้งหมดเลย!” ลินลี่ย์ให้ไก่ปรุงสุกกับหนูเงา
หนูเงาน้อยร้องจี๊ดด้วยความดีใจ มันยึดไก่ย่างไว้ทันที หลังจากกัดได้คำหนึ่ง หนูเงาน้อยก็เริ่มกินและกินอย่างรวดเร็ว ในเวลาสั้นๆ ไก่ย่างที่ตัวพอๆ กับตัวมันเองก็ถูกกินไม่เหลือ
“ข้าไม่เข้าใจจริงๆท้องของมันจุได้มากมายได้ยังไง มันกินอาหารมากมายขนาดนั้นหรือ?” ลินลี่ย์หัวเราะขณะถอนหายใจ
ดูเหมือนกับว่าช่วงเวลานี้ หนูเงาน้อยมีความเพลิดเพลินกับอาหารของมันมาก มันมีความสุขมากและเริ่มกระโดดขึ้นกระโดดลงทันทีพลางร้องจี๊ดๆใส่ลินลี่ย์ บางทีก็ใช้ขาหน้าของมันกอดขาลินลี่ย์ไว้ ลินลี่ย์อดที่จะยินดีไม่ได้ นี่เป็นครั้งแรกที่หนูเงาน้อยแสดงความรู้สึกผูกพันต่อเขาหลังจากที่มันกินแล้ว
“ลินลี่ย์, ลองใช้มือลูบขนมันเบาๆ ซิ ปกติแล้วอสูรเวทจะชอบให้สมาชิกครอบครัวลูบไล้แต่งขนให้พวกมัน” เดลิน โคเวิร์ทแนะนำ
ลินลี่ย์ลองยื่นมือไปวางบนศีรษะของหนูเงาน้อย หนูเงาน้อยไม่ได้หลบแม้แต่น้อยแต่มันกลับพริ้มตาอย่างมีความสุข ทันใดนั้นลินลี่ย์รู้สึกมั่นใจมากกว่าเดิม และเริ่มลูบขนมัน ทำให้หนูเงารู้สึกพอใจและเริ่มส่งเสียงกรน
“เจ้าตัวน้อยนี่ น่ารักจริงๆ” ลินลี่ย์เริ่มชอบหนูเงาน้อยนี่มากยิ่งขึ้น
“ปู่เดลิน, อสูรเวทนี่แปลกมาก มังกรลมกรดตัวนั้นตัวใหญ่มากและมีเกล็ดแข็งขนาดนั้นทำให้มันเป็นอสูรเวทระดับเจ็ด แต่หนูเงาน้อยตัวนี้เมื่อมันโตขึ้น ก็ยังกลายเป็นอสูรเวทระดับเจ็ดได้ พวกมันทั้งสองเป็นอสูรระดับเดียวกัน แต่ทำไมจึงมีความแตกต่างกันมากนักเล่า?”
ขณะที่ลูบหนูเงาน้อย ลินลี่ย์อดรู้สึกทึ่งไม่ได้
“เจ้าไม่อาจตัดสินพวกมันจากลักษณะภายนอกได้นะ บางทีคนแก่ธรรมดาที่เจ้าพบบนท้องถนนก็สามารถขับขี่มังกรบินและทำให้ภูเขาสั่นสะเทือนได้เพียงแค่โบกมือเท่านั้น” เดลินโคเวิร์ทหัวเราะอย่างอารมณ์ดี
ลินลี่ย์เข้าใจถึงเหตุผลนี้
แต่เขาอดเผลอไม่ได้ที่จะตัดสินจากรูปลักษณ์ภายนอก
อย่างเช่น มังกรลมกรดตัวนั้น พอเห็นขนาดร่างมหึมาและเห็นเกล็ดแวววาวเป็นประกายแสงสีทอง ใครๆก็บอกได้ว่ามันทรงพลังขนาดไหน
“ข้าสงสัยจริงๆเมื่อไหร่หนูเงาน้อยนี้จะใช้สัญญาเสมอภาคกับข้าได้” ลินลี่ย์พึมพำ ไม่มีอะไรที่เขาทำได้ สัญญาเสมอภาคต้องเป็นอสูรเวทเป็นฝ่ายเสนอ ดังนั้นเขาทำได้แต่รออย่างเดียว
เดลิน โคเวิร์ทหัวเราะ “หลายอย่างกำลังเป็นไปได้ดีมาก จำไว้ให้ดีเจ้าต้องอดทน”
“ได้, ข้าเข้าใจแล้ว” ลินลี่ย์หัวเราะเช่นกัน
…..
พริบตาเวลาผ่านไป ลินลี่ย์ให้อาหารหนูเงาน้อยมาเป็นเวลายี่สิบวันแล้วและหนูเงาน้อยก็คุ้นเคยกับลินลี่ย์มาก แต่เพราะเหตุผลบางประการ แม้ว่าทั้งสองจะสนิทกันแต่หนูเงาน้อยก็ยังไม่เสนอทำสัญญาเสมอภาค
ความมืดปกคลุมแผ่นดินและทั่วทั้งเมืองอู่ซันเงียบสงัด
ภายในห้องนั่งเล่นของตระกูลบาลุค แสงเทียนวูบวาบจากภายในขณะที่ลินลี่ย์และครอบครัวของเขาพร้อมทั้งพ่อบ้านแอชลี่ย์กำลังกินอาหารค่ำด้วยกันที่โต๊ะอาหาร
“ลินลี่ย์! พ่อได้ยินว่าเจ้านำกระต่ายย่างไปที่ลานหลังคฤหาสน์จริงไหม?” ระหว่างรับประทานอาหารฮ็อกวางช้อนซ่อมลงและหันไปทางลินลี่ย์
ลินลี่ย์สะดุ้ง
“ดูเหมือนได้เวลาที่ข้าต้องสารภาพเสียแล้ว” ลินลี่ย์พูดกับตัวเอง จากนั้นมองหน้าฮ็อกและพยักหน้า “ท่านพ่อ, เมื่อเร็วๆนี้ข้าพบสัตว์น่ารักตัวหนึ่งอาศัยอยู่ที่ลานหลังบ้านของเรามันเป็นสัตว์ที่น่ารักมาก ดังนั้นก็เลยเอาอาหารไปให้มันบ่อยๆ”
“สัตว์ที่น่ารักหรือ?” ตาของวอร์ตันน้อยเป็นประกาย
“โอว”
ฮ็อกพยักหน้า “ไม่บ่อยนักที่จะมีคนไปเยี่ยมเยือนลานหลังคฤหาสน์ ดังนั้นจึงเป็นธรรมดาที่จะมีสัตว์อยู่ที่นั่น ช่างเถอะ, อีกหนึ่งอาทิตย์ราวๆนั้น เมืองเฟนไลจะเริ่มการทดสอบความถนัดทางเวทและรับสมัครจอมเวทลูกอยากจะเข้าร่วมทดสอบไหม?”
“โอว!ทดสอบและรับสมัครจอมเวทน่ะหรือ?” ทันใดนั้นลินลี่ย์จำเหตุการณ์นี่ได้
ลำแสงที่มีแต่ลินลี่ย์เท่านั้นถึงจะเห็นได้พุ่งออกมาจากแหวนมังกรขนาดและเปลี่ยนเป็นรูปเดลิน โคเวิร์ทผู้มีเคราขาว เดลิน โคเวิร์ทหัวเราะให้ลินลี่ย์ “ลินลี่ย์! การทดสอบและสมัครนักเวทเป็นทางเลือกของเจ้า ภายใต้การแนะนำของข้ายังจะมีอะไรที่ด้อยกว่าจอมเวทในสถาบันหรือ?”
ลินลี่ย์เห็นด้วยกับแนวความคิดนั้น
เดลิน โคเวิร์ทเป็นจอมเวทผู้วิเศษระดับเซียนสถาบันจอมเวทจะมีจอมเวทผู้วิเศษระดับเซียนคอยสอนอยู่ที่นั่นหรือ?
“ว่าไง? ลูกไม่ต้องการไปหรือ?” หน้าของฮ็อกแต่เดิมที่ยิ้มอยู่เปลี่ยนเป็นเย็นชาทันทีขณะที่เขาขมวดคิ้ว
ฮ็อกจำได้ชัดเจนว่าตั้งแต่การต่อสู้กันระหว่างจอมเวทสองสายธาตุระดับแปดและกลุ่มจอมเวทเล็ก ลินลี่ย์ต้องการจะเป็นจอมเวทมาก ทำไมเขาถึงลังเลในตอนนี้? ในใจฮ็อก เขาตั้งความหวังให้บุตรของเขาเป็นจอมเวทเช่นกัน
“ท่านพ่อ, ข้า...”
“ไม่, ลินลี่ย์,ยอมรับข้อเสนอของบิดาเจ้าซะ” เดลิน โคเวิร์ทขมวดคิ้วและรีบพูด
ลินลี่ย์ยับยั้งคำพูดไว้ที่ริมฝีปาก ขณะเดียวกัน เขาถามด้วยความสงสัย “ปู่เดลิน! ข้ามีท่านคอยสอนอยู่แล้วไม่ดีหรือ? ด้วยการสอนของท่าน ทำไมข้าจึงจำเป็นต้องไปสถานบันจอมเวทเล่า? นั่นมิทำให้ครอบครัวต้องสิ้นเปลืองหรอกหรือ?”
“ไม่” เดลินโคเวิร์ทพูดจริงจัง “ข้าไม่ได้ติดต่อกับทวีปยูลานมาเกินกว่าห้าพันปีแล้ว ห้าพันปีเชียวนะ ลินลี่ย์! เจ้าต้องเข้าใจว่านักเวททั้งหลายในโลกมีการค้นคว้าและพัฒนาคาถาอยู่ตลอดในช่วงเวลาอย่างนี้ ใครจะรู้กันว่ามีเวทใหม่ๆพัฒนาในช่วงเวลานี้มากแค่ไหน”
ลินลี่ย์เข้าใจทันที
“แล้วก็ลินลี่ย์! เจ้าต้องรู้ว่าเมืองอู่ซันไม่ใช่เวทีที่เจ้าจะแสดงฝีมือได้ เจ้าต้องก้าวไปสู่เวทีที่กว้างใหญ่กว่า” เดลิน โคเวิร์ทพูดจริงจัง
“เวทีที่กว้างไกล...”
ลินลี่ย์อดตื่นเต้นไม่ได้
เขานึกถึงมังกรลมกรดยักษ์อย่างช่วยไม่ได้ พลังทำลายล้างจากผลของเวทระบำอสรพิษเพลิง เช่นเดียวกัน จอมเวทผู้วิเศษระดับเซียน “รูดี้”ที่สามารถควบคุมหินจำนวนนับไม่ถ้วนได้อย่างง่ายดายจนเป็นสาเหตุแห่งภัยพิบัติ
“เพื่ออนาคต...”
หัวใจของลินลี่ย์เริ่มเต้นเร็วขึ้น ถ้าสักวันเขาสามารถก้าวขึ้นไปยืนอยู่บนหัวมังกรและควบคุมพลังหายนะได้ ถ้าเขาสามารถรู้สึกถึงพลังของการได้อยู่จุดสุดยอดของมนุษยชาตินั่นต้องเป็นความรู้สึกที่อัศจรรย์ เมื่อเขาคิดเรื่องนี้แล้ว ลินลี่ย์รู้สึกเลือดเดือดพล่าน
“ลินลี่ย์!ลูกกำลังคิดเรื่องอะไรอยู่?” ฮ็อกเริ่มไม่สบายใจ เมื่อเขาคุยกับลินลี่ย์แล้วลินลี่ย์ใจลอย
“โอว, ไม่มีอะไร!” ลินลี่ย์รีบมองฮ็อกและพยักหน้าพร้อมกับพูดยืนยันหนักแน่น “ท่านพ่อ! ในใจข้า ข้าอยากเป็นจอมเวทจริงๆ ในหนึ่งสัปดาห์ โปรดจัดเตรียมให้ข้าได้ไปเมืองเฟนไลเพื่อทดสอบและสมัครเป็นจอมเวทด้วยเถอะ”
พอได้ยินคำพูดเช่นนี้ ฮ็อกยิ้มจนได้
“จอมเวท โอว โอว..เหมือนจอมเวทที่ชอบพ่นไฟใช่ไหม” ขณะที่ฟัง วอร์ตันน้อยปรบมือน้อยๆ
“วอร์ตันนั่นเป็นแค่กลของคณะละครสัตว์ อย่าเอาคณะละครสัตว์มาปนกับจอมเวทตัวจริง” ฮ็อกพูดจริงจัง
“โอ๋ว”วอร์ตันน้อยหน้าบึ้งและหยุดพูด
ลินลี่ย์หัวเราะแล้วจากนั้นหันไปมองฮ็อก “ท่านพ่อ! คงต้องมีสถาบันจอมเวทอยู่มากมาย จะเลือกสถาบันไหนดี? ใช่แล้วสถาบันไหนที่มีทั้งจอมเวทและนักรบสอนรวมกันบ้าง?”
ฮ็อกหัวเราะเช่นกัน “ความจริงจักรวรรดิใหญ่ทั้งสี่และสหภาพใหญ่ทั้งสองมีสถาบันชั้นยอดเป็นของตนเอง ลูกควรจะรู้ว่าหนึ่งในสี่จักรวรรดิใหญ่จักรวรรดิโอเบรียนเป็นจักรวรรดิที่มีกำลังทหารที่แข็งแกร่งที่สุด”
ลินลี่ย์พยักหน้า ทุกคนรู้เรื่องนั้น
“โรงเรียนชั้นยอดในจักรวรรดิโอเบรียนก็คือสถาบันโอเบรียนซึ่งได้ชื่อว่าเป็นสถาบันนักรบอันดับหนึ่งในทวีปยูลาน แต่สำหรับสถาบันจอมเวท..” ฮ็อกหัวเราะเบาๆ “สถาบันจอมเวทอันดับหนึ่งในทวีปยูลานเป็นของสหภาพศักดิ์สิทธิ์ของเรา ชื่อของมันได้มาจากจักรพรรดิแห่งวิหารศักดิ์สิทธิ์ ก็คือ จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์เอินส์ สถาบันเอินส์”