ตอนที่ 2-2 วิธีทื่อๆ (1)
“ลินลี่ย์! อย่าท้อแท้ ข้าพูดหมายความว่าไม่มีทางที่เจ้าจะใช้กำลังปราบมันได้ ข้าไม่ได้บอกว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะฝึกมันให้เชื่อง” เดลิน โคเวิร์ทหัวเราะ “ถ้ามันเป็นหนูเงาเต็มวัย บางทีข้าคงไม่อาจช่วยได้ แต่...มันยังเป็นลูกหนูเงาตัวหนึ่ง ในฐานะที่เป็นจอมเวทผู้วิเศษระดับเซียนข้ามีวิธีที่ใช้จัดการลูกหนูเงาอย่างได้ผล นอกจากนี้ไม่จำเป็นต้องใช้คาถาผูกวิญญาณอีกด้วย”
ลินลี่ย์สงบใจที่เต้นแรงอีกครั้งได้ทันทีและหันไปมองเดลิน โคเวิร์ทนัยน์เป็นประกาย
“ปู่เดลิน!บอกข้ามาเร็วๆ ท่านมีแผนอะไร?” ลินลี่ย์สนทนาทางใจกับเขาอย่างตื่นเต้น
เดลิน โคเวิร์ทพูดขณะยิ้มด้วยความพอใจในตนเอง “ก็ง่ายๆ วิชาผูกวิญญาณจะต้องใช้เวทผูกวิญญาณสร้างสายสมพันธ์นายบ่าว และตามธรรมดาถ้ามีผู้สามารถปราบอสูรวิเศษได้ เขาจะมีคุณสมบัติกลายเป็นเจ้านายได้ ตอนนี้เราไม่มีทางเริ่มต้นด้วยสายสัมพันธ์นายบ่าวได้ ดังนั้นเราได้แต่ถอยก้าวหนึ่ง และทำสัญญาเสมอภาคกับหนูเงา”
“สัญญาเสมอภาคเหรอ?” ลินลี่ย์สงสัย “มันคืออะไร?ข้าไม่เคยได้ยินมาก่อน”
“เป็นเรื่องธรรมดาที่เจ้าจะไม่เคยได้ยินมา แม้เมื่อห้าพันปีที่แล้วในยุคที่ข้ายังมีชีวิตอยู่ มีคนน้อยกว่าน้อยที่รู้เรื่องสัญญาเสมอภาค” เดลิน โคเวิร์ทหยีนัยน์ตาพลางยิ้ม “สัญญาเสมอภาคแสดงให้เห็นว่าเจ้ากับอสูรเวทมีสัมพันธ์ที่เท่าเทียมกันไม่มีผู้ใดเป็นนายหรือบ่าว ความจริง สัญญาเสมอภาคจะทำให้เจ้ามีสัมพันธ์ที่สนิทสนมกับอสูรเวทของเจ้าและอสูรเวทของเจ้าจะอยู่ช่วยเหลือเจ้าด้วยความเต็มใจมากกว่าเดิมทำให้เจ้าทั้งสองเป็นเหมือนหุ้นส่วนที่ยอดเยี่ยม”
ตอนนี้ลินลี่ย์เข้าใจแล้ว
“โอว? ปู่เดลิน จากที่ท่านพูดฟังดูเหมือนว่ามีโอกาสที่จะทำสัญญาเสมอภาคใช่ไหม ทำไมคนส่วนใหญ่ถึงไม่ใช้กัน?” ลินลี่ย์ถามต่อ
เดลิน โคเวิร์ทหัวเราะลั่น “เพราะสัญญาเสมอภาคมนุษย์ไม่ได้เป็นฝ่ายเริ่มต้นทำ ถ้าจะพูดให้ถูกฝ่ายเริ่มต้นก็คืออสูรเวทต่างหาก”
“อสูรเวทเป็นฝ่ายเสนอทำเสนอทำสัญญาหรือ?” ลินลี่ย์ตะลึง
มิน่าเล่า ถึงไม่จำเป็นต้องเตรียมเวทผูกวิญญาณ สัญญานี้อสูรเวทต้องเป็นฝ่ายเสนอเอง เดลิน โคเวิร์ทยังคงพูดต่อไป “อสูรเวทแต่ละตัวจะมีความสามารถทำสัญญาเสมอภาคมาตั้งแต่เกิด แต่ตลอดชีวิตของพวกมัน อสูรเวทตัวหนึ่งจะทำสัญญานี้ได้เพียงครั้งเดียว ไม่เหมือนกับความสัมพันธ์นายบ่าวของเวทผูกวิญญาณทันทีที่ผู้เป็นนายสลายความสัมพันธ์ คนอื่นก็สามารถใช้เวทผูกวิญญาณบังคับมันให้เชื่องเชื่อได้อีกครั้ง”
ลินลี่ย์พยักหน้า
“เป็นเรื่องยากมากที่จะชักชวนให้อสูรเวทเต็มใจทำสัญญาเสมอภาคได้” เดลิน โคเวิร์ทพูดจริงจังกว่าเดิม “เจ้าจำเป็นต้องจูงใจอสูรเวทที่ต่อไปเจ้าจะเป็นเหมือนครอบครัวและทำให้มันตัดสินใจว่าจะไม่ยอมแยกจากเจ้า จากนั้นมันก็จะยินดีทำสัญญาเสมอภาคกับเจ้าเอง”
ลินลี่ย์พยักหน้าเล็กน้อย
“อสูรเวทเต็มวัยมีความฉลาดมาก ดังนั้นถ้าเจ้าต้องการจูงใจอสูรเวทเต็มวัยทำให้มันมองเจ้าเหมือนเป็นครอบครัว เรื่องนี้แทบเป็นไปไม่ได้” เดลิน โคเวิร์ทถอนหายใจ “แต่พวกที่ยังเยาว์วัยนั้นแตกต่างกัน มันคล้ายกับทารกยังมีความฉลาดน้อยและเจ้าสามารถหลอกล่อให้มันชอบเจ้าได้ง่าย โดยพูด หรือให้อาหารอร่อยๆกับพวกมัน สติปัญญาของอสูรเวทเยาว์วัยยังคงน้อยอยู่ ตราบใดที่เจ้าให้อาหารมันบ่อยๆ มันจะชอบเจ้าได้ จากนั้นก็ใช้เวลาเล่นกับมัน ในช่วงเวลาสั้นๆ อสูรเวทนี้ก็จะรักเจ้า โดยเฉพาะนี่เป็นอสูรเวทตัวอ่อนที่แยกออกมาจากฝูงของมันพฤติกรรมเหล่านั้นจะทำให้มันเชื่องได้ง่าย”
พอได้ฟังคำพูดของเดลิน โคเวิร์ท ลินลี่ย์รู้สึกเหมือนกับยกภาระหนักออกไปจากตัว
“งั้นก็เป็นแค่การเกลี้ยกล่อมเด็กเล็กสินะ” ลินลี่ย์หัวเราะ
เขามีประสบการณ์เรื่องอย่างนี้มามาก ตั้งแต่ยังเล็กเขาต้องคอยตามวอร์ตันน้องชายของเขา เล่นกับเขา ปลอบเขาลินลี่ย์มีความเชี่ยวชาญในประสบการณ์อย่างนั้น
“ลินลี่ย์ อย่ากระหยิ่มมากเกินไปนะ ถ้าเจ้าต้องการหลอกล่อลูกอสูรเวท เจ้าต้องสังเกตรายละเอียดหลายอย่าง ถ้าเจ้าไม่ระวังให้ดี หนูเงาน้อยตัวนี้อาจจะกัดเจ้าก็ได้” เดลิน โคเวิร์ทเตือน
“กัดข้าน่ะหรือ?”
ลินลี่ย์มองไปทางหนูเงาที่อยู่ห่างออกไป เสียงก้อนหินแตกสามารถได้ยินแต่ที่ไกล หนูเงาเคี้ยวกินมันง่ายเหมือนกับเคี้ยวขนมปังตามปกติลินลี่ย์ไม่ถามเรื่องฟันที่คมของหนูเงาแม้แต่น้อย
“แล้วจะให้ข้าทำยังไง?” ลินลี่ย์สูญเสียความมั่นใจทันที
“สบายใจได้ เกี่ยวกับวิธีของข้า เจ้าจะไม่มีปัญหาใดๆ เลย เรื่องวิธีการทื่อๆ ที่ข้ามี สำหรับเจ้าแค่ต้องการเวลาและความอดทน อย่าใจร้อนหรือขาดความอดทน” เดลินโคเวิร์ทเริ่มอธิบายแผนการทื่อๆ ให้เขาฟังช้าๆ “ลินลี่ย์! หนูเงานั้นกินได้ทุกอย่าง ไม่ว่าอะไรก็กินได้ จะเป็นกระดูก หิน เนื้อก็ตาม อาหารโปรดของมันก็ยังเป็นเนื้อ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเนื้อย่าง นี่คือประสบการณ์ของคนแก่คนเฒ่า”
“ฉะนั้นก็แค่ขึ้นไปบนภูเขาอู่ซันล่าสัตว์มาจำนวนหนึ่ง จากนั้นวางเนื้อปรุงแล้วไว้บนพื้นห่างๆจากมัน จำไว้ อย่าพยายามเข้าใกล้มัน แต่ละครั้งที่มันกิน รอให้มันเข้ามาหาเจ้า” เดลิน โคเวิร์ทหัวเราะ “ถ้าเจ้าพยายามเข้าไปใกล้มัน มันอาจโจมตีทำร้ายเจ้าเพราะความกลัวก็ได้! แต่ถ้ามันเข้ามาหาเจ้า อย่างนั้นมันจะไม่ทำอันตรายแต่อย่างใด”
“วิธีนี้ซื่อๆ แต่ปลอดภัยมาก” เดลิน โคเวิร์ทพูดพร้อมกับยิ้ม
ลินลี่ย์เข้าใจ
นี่ก็คือวิธีที่ทื่อไปหน่อยก็จริง ทว่าก็ยังเป็นวิธีที่ง่ายและตรงไปตรงมา
“ปู่เดลิน! หนูเงาตัวนี้ มันจะไม่วิ่งวุ่นวายไปทั่วหรือ?” ลินลี่ย์กังวลว่า ถ้าเขาได้เนื้อย่างมา เขาอาจพบว่าหนูเงาหนีไปแล้ว อย่างนั้นคงไม่มีอะไรที่เขาจะทำได้อีก
“ใครจะบอกได้เล่า? ทั้งหมดขึ้นอยู่กับวาสนาของเจ้า แต่ข้าเชื่อว่าในระยะเวลาสั้นๆมันคงยังไม่ไปไหน” เดลิน โคเวิร์ทกล่าว
“ดีแล้ว ข้าจะไปล่าสัตว์ป่ามา” ลินลี่ย์พยักหน้า จากนั้นวิ่งออกไปที่ภูเขาอู่ซัน ฝีเท้าของเขาหนักแน่นมาก แต่ก็ไม่ทำเสียงประหลาดแต่อย่างใด นี่เป็นข้อพิสูจน์ของคนที่มีทักษะของจอมเวทธาตุดิน
หลังจากออกมาห่างจากประตูด้านหลังคฤหาสน์แล้ว ลินลี่ย์เริ่มวิ่งด้วยย่างก้าวปกติ และฝีเท้าของเขาเริ่มมีเสียงอีกครั้ง
“คุณชายลินลี่ย์ ไปที่หลังเขาอีกแล้วหรือ?” ลุงแอชลี่ย์ถือไม้กวาดกำลังกวาดพื้นอยู่ เขาเห็นลินลี่ย์ยิ้มให้เขา
“ครับ” ลินลี่ย์ตอบรับขณะเร่งฝีเท้า
เกินกว่าครึ่งปี ลินลี่ย์ชอบไปฝึกพลังเวทที่หลังเขาทุกๆ ตอนบ่าย ไม่มีใครรู้ว่าเขาไปฝึกวิชาเวทมนตร์ แต่พวกเขาจะรู้ว่าทุกๆ บ่ายลินลี่ย์ชอบใช้เวลาที่เหลือเล่นอยู่ในภูเขา
…..
ฤดูใบไม้ร่วง ต้นไม้เกือบทุกต้นบนเขาอู่ซันสลัดใบทิ้ง แต่ยังมีต้นไม้เขียวชอุ่มอยู่มาก ขณะที่ต้นเมเปิลบางส่วนมีใบสีแดงเข้มแล้ว
เงาร่างคล่องแคล่วว่องไวที่สามารถมองเห็นได้พุ่งเข้าไปในป่าเขา ลินลี่ย์วิ่งตามอย่างเงียบเชียบและว่องไวรวดเร็ว หลังจากดูดซับพลังธาตุดินมาครึ่งปี ลินลี่ย์ไม่ได้ครอบครองแต่พลังเวทเท่านั้น แต่สุขภาพร่างกายเขาแข็งแรงดีขึ้นมาก
ถึงเวลานี้ ร่างกายของลินลี่ย์เทียบเท่ากับเด็กชาวอู่ซันอายุ 15-16 ปีและยังมีความแข็งแรงของนักรบระดับหนึ่งด้วย
มีกระรอกและกระต่ายอยู่บนเขาอู่ซันอยู่หลายตัว ขณะที่สัตว์ดุร้ายมีไม่มาก นี่คือเหตุผลที่ผู้ใหญ่ไม่กังวลมากนักที่เด็กๆมาเล่นในภูเขา ที่สำคัญที่สุดเขาอู่ซันเป็นภูเขาเล็กๆ สัตว์ป่าตัวใหญ่มีน้อยมาก ยังน้อยกว่าอสูรเวทเสียอีก
ลินลี่ย์หยุดฝีเท้าทันที ขณะที่เขาเห็นกระต่างสีเหลืองหม่นกำลังกินหญ้าอยู่ข้างหน้า
แม้ว่ากระต่ายป่าจะระวังตัวมากแต่ก็ไม่สามารถรับรู้ถึงความคงอยู่ของลินลี่ย์ได้
“กระต่ายป่ามีปฏิกิริยาตอบสนองได้ฉับพลับและวิ่งได้เร็ว ถ้าข้าใช้เวทได้จะดีที่สุด” ทันใดนั้นลินลี่ย์เริ่มร่ายเวทมนตร์
ลินลี่ย์รู้สึกว่าพลังเวทในกลางอกของเขาพุ่งออกมาเล็กน้อยและเริ่มเต้นเป็นจังหวะ นักรบเกือบทั้งหมดเก็บพลังปราณไว้ที่จุดตันเถียนใต้สะดือสิบเซนติเมตร แต่นักเวทจะเก็บพลังเวทไว้ตรงตำแหน่งกลางหน้าอกของเขา กึ่งกลางระหว่างราวนม แต่พลังจิตวิญญาณ เก็บเอาไว้ในหัวแน่นอน
ไม่ใช่เรื่องแตกต่างกันมากนักไม่ว่าจะพึมพำหรือตะโกนร่ายเวท สิ่งที่สำคัญคือต้องมั่นใจว่าพลังจิตวิญญาณของผู้ใช้เวทจะถูกปลดปล่อยด้วยการร่ายเวทนั้น
ไม่กี่วินาที ลินลี่ย์ก็ร่ายเสร็จ และนัยน์ตาเขาเป็นประกายจ้องดูกระต่าย
เวทดินระดับหนึ่ง – หลาวดิน
ฟุ้บหลาวดินแหลมคมเล่มหนึ่งพุ่งออกมาจากใต้ตัวกระต่ายแทงเข้าที่หน้าอกของมัน เลือดไหลย้อมขนนุ่มของมัน ด้วยความตกใจที่ถูกลอบทำร้าย มันเริ่มดิ้นรนทันที แต่ก็มีแต่จะทำให้มันเสียเลือดเร็วขึ้น