ตอนที่ 2-1 หนูเงา อสูรเวท
“อสูรเวท หนูเงาน่ะหรือ? ปู่เดลิน, หนูเงามีลักษณะพิเศษอะไรบ้าง ในหมู่อสูรเวท มันอยู่ในระดับใด?” ลินลี่ย์และเดลินโคเวิร์ทสื่อสารกันทางจิต แต่ขณะเดียวกันลินลี่ย์กำลังจ้องดูมันอย่างตื่นเต้น
เดลิน โคเวิร์ทยิ้ม เขาแกล้งกระแอมและอ้ำอึ้งอยู่ 2-3 วินาที จากนั้นจึงพูดช้าๆ “อสูรเวทหนูเงาไม่สามารถไปจัดอันดับมันได้ง่ายๆ ทั้งนี้เพราะมันเป็นตัวแทนของเผ่าพันธุ์หนูทั้งหมด ในบรรดาสิ่งมีชีวิตประเภทหนู มีหลักๆ อยู่สองสายพันธุ์คือหนูกินศิลาและหนูเงา แต่หนูกินศิลาและหนูเงากินได้ทุกอย่าง พวกมันกินอะไรก็ได้ ไม่ว่าจะเป็นหิน กระดูกแม้กระทั่งเนื้อ”
ลินลี่ย์พยักหน้าในใจ
ตอนนี้ เขาเห็นหนูเงาสีดำกำลังแทะหินก้อนหนึ่ง
“อสูรเวทถูกจัดไว้เป็นเก้าระดับ อสูรเวทระดับแรกจะอ่อนแอที่สุด และแน่นอนว่า ที่สูงกว่าระดับเก้าก็คืออสูรเวทระดับเซียน!” เดลินโคเวิร์ทยิ้มให้ลินลี่ย์ “ลินลี่ย์,หนูกินศิลาสายพันธุ์ที่อ่อนแอที่สุดก็คือหนูกินศิลาสีเทา หนูกินศิลาระดับที่หนึ่งถึงสามทุกตัวจะมีสีเทา อาจมีบางส่วนที่มีสีแตกต่าง หนูกินศิลาพอถึงระดับที่สี่จะเห็นขนของมันเปลี่ยนสีเงินยวง พอถึงระดับเจ็ด ขนของมันจะเปลี่ยนเป็นสีทอง! หนูกินศิลาสีทองอย่างน้อยเป็นอสูรเวทระดับเจ็ด และอย่างมากเป็นได้ถึงอสูรเวทระดับแปด”
“ลินลี่ย์, เผ่าพันธุ์ของหนูกินศิลานั้นน่ากลัวมาก ส่วนใหญ่เป็นเพราะพวกมันมีจำนวนมหาศาลและมีมีฟันที่แหลมคมมาก คมกว่าหนูเงาเสียอีก เมื่อหนูกินศิลาจำนวนมากปรากฏตัวขึ้น ต่อให้กองทัพเป็นแสนก็อย่าหวังว่าจะต้านทานพวกมันได้” เดลิน โคเวิร์ทถอนหายใจขณะพูด
เดลิน โคเวิร์ทนึกถึงภัยพิบัติที่เขาได้เห็นประจักษ์เมื่อนานมาแล้ว
หนูกินศิลาไม่ได้ว่องไวพอๆ กับหนูเงา แต่ร่างของมันแข็งและทนทานเหมือนเหล็ก หนูกินศิลาระดับที่สูงๆ จะมีร่างกายทนกว่า และฟันของมันก็คมกว่า ร่างของมันดูเหมือนเล็ก แต่มันเป็นแค่ภาพลวงตา ในจำนวนที่มหาศาล พวกมันน่ากลัวแน่นอน
“อาวุธที่พวกทหารใช้ทั้งหมดไม่อาจฆ่าหนูกินศิลาได้ แต่หนูกินศิลาสามารถฆ่าและกินทหารได้” เดลินโคเวิร์ทถอนหายใจอีกครั้ง
ในภาพจินตนาการของลินลี่ย์ปรากฏมีภาพขนาดใหญ่หนูกินศิลานับไม่ถ้วนบุกเข้ามาจากที่รกร้างหรือภูเขาและเข้าโจมตีทหารในกองทัพ ภาพของหนูนับไม่ถ้วนกลืนกินทหารทั้งกองทัพทำให้หัวใจลินลี่ย์สะท้าน
น่ากลัวจริงๆ
“ในบรรดาสิ่งชีวิตเผ่าพันธุ์หนูทั้งสองเผ่าพันธุ์นี้ หนูกินศิลามีพลังป้องกันที่แข็งแกร่งมากฟันแหลมคมและมีจำนวนมหาศาล แต่หนูเงาเล่า? มีหนูเงาจำนวนมากเช่นกัน แต่จำนวนของพวกมันยังน้อยกว่าหนูกินศิลา” เดลิน โคเวิร์ทดูเหมือนเป็นสารานุกรมฉลาดและรอบรู้
“”แล้วหนูเงาเล่า? หนูเงามีพลังขนาดไหน?” ลินลี่ย์ถาม
มีหนูเงาตัวหนึ่งอยู่ไม่ห่างจากเขา เป็นธรรมดาที่ลินลี่ย์ต้องการรู้ว่าพวกมันมีพลังมากขนาดไหน
“หนูกินศิลาที่อ่อนแอที่สุด เป็นอสูรระดับหนึ่ง แต่หนูเงานั้นแตกต่าง หนูเงาที่อ่อนแอที่สุดเป็นอสูรเวทระดับสามมีขนดำเป็นเงา เมื่อตอนที่ทั้งร่างของมันเปลี่ยนเป็นสีน้ำเงินนั่นเป็นสัญญาณว่ามันพัฒนาไปถึงระดับห้า และเมื่อขนของมันกลายเป็นสีม่วงก็หมายความว่ามันเป็นอสรูเวทระดับเจ็ดเป็นอย่างน้อย และอย่างมากที่สุดก็เป็นอสูรเวทระดับแปด” คำพูดของเดลิน โคเวิร์ทถูกต้อง แม่นยำ
ลินลี่ย์ยอมรับอยู่ในใจ
ว่ากันเรื่องพลังและศักยภาพ หนูเงาไม่ด้อยกว่าหนูกินศิลาแม้แต่น้อย
“ปู่เดลิน! ตามคำที่ท่านพูดหนูเงาระดับสามหรือสี่จะมีขนสีดำ พอเมื่อถึงระดับห้าขนของมันจะเปลี่ยนเป็นสีน้ำเงิน ดังนั้นท่านกำลังพูดว่าเจ้าตัวน้อยตรงนั้นคืออสูรเวทระดับสามหรือสี่ใช่ไหม?” ลินลี่ย์ยังคงซักถามต่อไป
“หนูเงาสีดำตัวนี้ไม่ธรรมดา”
เดลิน โคเวิร์ทขมวดคิ้วขณะพูด “หนูกินศิลาขึ้นชื่อทางด้านแข็งแกร่งและมีฟันที่แหลมคม ขณะที่หนูเงาขึ้นชื่อในเรื่องความเร็วและฟันที่แหลมคม! ความเร็วเป็นหนทางที่ดีมากที่จะตรวจสอบความแข็งแกร่งเจ้าหนูเงานั่นโดยเฉพาะ”
“มันเคลื่อนไหวเร็วมาก,สิบเมตรในชั่วพริบตา แต่เนื่องจากมันคือหนูเงา ข้าคาดว่ามันไม่ใช่หนูธรรมดา” ลินลี่ย์ยังคงจำการเคลื่อนไหวของมันก่อนนั้นได้ชัดเจน
เดลิน โคเวิร์ทพยักหน้า “หนูเงาเคลื่อนที่ได้เร็วมากแน่นอน แต่แค่ลูกหนูเงาก็มีความเร็วเท่าหนูเงาเต็มวัยนี่ยังใช่เรื่องธรรมดาอีกหรือ” รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าของเดลิน
“ผิดธรรมดาหรือ?” ลินลี่ย์มองดูเดลินโคเวิร์ท
เดลิน โคเวิร์ทพูดต่อ “ถูกแล้ว! ลูกหนูเงามีความเร็วขนาดหนูเงาเต็มวัยระดับสี่ก็หมายความว่าเมื่อมันเติบโตขึ้น มีความเป็นไปได้ว่าจะกลายเป็นหนูเงาสีม่วงระดับเจ็ด ข้าสงสัยว่า...มันจะเป็นลูกหนูเงาสีม่วงก็เป็นได้”
“ลูกหนูเงาม่วงหรือ?” ลินลี่ย์ถาม “แต่ขนมันสีดำนี่”
เดลิน โคเวิร์ทหัวเราะ “ลินลี่ย์ หนูเงาม่วงและหนูเงาน้ำเงิน เมื่อแรกเกิดทุกตัวจะมีสีดำ พอพลังของพวกมันเพิ่มขึ้นสีขนของพวกมันจะค่อยๆ เปลี่ยนไป! สีขนของพวกมันเป็นข้อพิสูจน์ถึงพลังของพวกมัน”
ลินลี่ย์เข้าใจทันที “เป็นอย่างนั้นนั่นเอง”
“ปู่เดลิน, อย่างนั้นตามคำบอกของท่าน หนูเงาตัวนี้มีความเร็วเหลือเชื่อ หนูเงาที่อยู่ต่อหน้าข้าเร็วกว่าลุงฮิลแมนเล็กน้อย แต่ท่านกลับบอกข้าว่ามันเป็นหนูเงาระดับสี่แล้ว สำหรับอสูรเวทระดับสี่ยังไวกว่านักรบระดับหกด้วยหรือ...”ลินลี่ย์อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจด้วยความทึ่ง
เดลิน โคเวิร์ทหัวเราะ “ลินลี่ย์! ถ้าพวกมันไม่ไวมากแล้วจะเรียกพวกมันว่าหนูเงาไปทำไม?”
ในระดับพลังเดียวกัน หนูเงาเมื่อวิ่งยังวิ่งได้ไกลกว่ามนุษย์คนหนึ่งเสียอีก
“หนูเงาคืออสูรเวทที่มีคุณค่าที่หาได้ยาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งหนูเงาสีม่วงระดับเจ็ด จอมเวทหลายคนต้องการหนูเงาสีม่วง แต่พวกมันว่องไวเกินไป หนูเงาตัวเต็มวัยมีค่ามาก แต่ยากจะจับและฝึกให้เชื่องได้ ลูกหนูเงาสีม่วงน่าจะจับและฝึกให้เชื่องได้ง่ายกว่า แค่จะหาลูกหนูเงาให้พบได้ก็นับว่าเป็นเรื่องยากแล้ว” เดลิน โคเวิร์ทยิ้มให้ขณะที่เขามองลินลี่ย์
ลินลี่ย์ก็สามารถจินตนาการได้เช่นกัน
หนูเงาสีม่วงเป็นอสูรเวทระดับเจ็ดเป็นอย่างน้อย ซึ่งก็หมายความว่าอย่างน้อยที่สุดพวกมันมีพลังระดับเดียวกับมังกรลมกรด
“ลินลี่ย์ หนูเงาม่วงถูกมองว่าเป็นราชาในกลุ่มของหนู และสามารถสั่งหนูเงาจำนวนมากได้ แม้ว่าหนูเงาจะไม่มีจำนวนมากเท่าหนูกินศิลา แต่พวกมันก็ยังนับว่ามีมาก ลูกหนูเงาม่วงจะได้รับการปกป้องจากจากหนูเงาเต็มวัยหลายตัว”
เดลิน โคเวิร์ทชำเลืองมองหนูเงาดำที่กำลังกินหินอยู่ไกลออกไป
“มีพลังมากทั้งที่ยังเล็ก มีโอกาส 8-9 ส่วนที่จะเป็นลูกหนูเงาสีม่วง ข้าสงสัยจริงๆ ว่ามันมาอยู่ในคฤหาสน์ตระกูลเจ้าได้โดยไม่มีหนูเต็มวัยคอยคุ้มกันได้อย่างไร” เดลิน โคเวิร์ทพูดลอยๆ ด้วยความแปลกใจ
ลินลี่ย์เห็นด้วยกับคำพูดของเดลิน โคเวิร์ท
“ลินลี่ย์!” ทันใดนั้น เดลิน โคเวิร์ทมองดูลินลี่ย์ด้วยสายตาแปลกประหลาด เสียงของเขามีท่าทางจูงใจ ขณะที่พูดว่า “อย่าไปใส่ใจเรื่องที่ลูกหนูเงาสีม่วงมาอยู่ที่นี่เลย เจ้าอยากจะเก็บมันไว้เป็นสหายไหม? หนูเงาโตเร็วมาก โดยเฉพาะหนูเงาสีม่วง ในสิบปีราวๆนั้นมันจะเติบโตเต็มวงจรชีวิตของมัน เมื่อเวลาผ่านไป เจ้าจะได้มีสหายที่เป็นอสูรเวท อย่างน้อยก็ระดับเจ็ดและอาจเป็นระดับแปดก็ได้”
พอได้ยินคำพูดของเขา ลินลี่ย์ใจเต้นรัว
การฝึกอสูรเวทระดับเจ็ดหรือระดับแปดให้เชื่องเป็นเรื่องยากมาก แต่การฝึกพวกมันเมื่อพวกมันยังเล็กเป็นเรื่องง่ายกว่ากันมากนัก
นอกจากนี้ ไม่ใช่ว่าลูกอสูรเวททั้งหมดจะเหมือนกัน บางพวกเติบโตเร็วมาก ขณะที่บางพวกโตช้า บรรดาอสูรเวทตระกูลมังกร บางตัวก็ใช้เวลาเป็นพันปีกว่าจะเติบโตเต็มวัย มนุษย์ส่วนใหญ่ไม่มีความสามารถจะรอนานขนาดนั้น หนูเงาเป็นหนึ่งในอสูรเวทที่เติบโตค่อนข้างเร็ว
แต่การเผชิญหน้ากับลูกหนูเงาสีม่วงเป็นเรื่องที่เกิดได้ยากมาก
ที่สำคัญ ยิ่งเป็นอสูรเวทที่ทรงพลัง ก็ต้องยิ่งปกป้องมันตั้งแต่ยังเล็ก แม้ว่าเหตุยังไม่ชัดเจนว่าทำไมหนูเงาจึงมาปรากฏอยู่ในคฤหาสน์ของเขา แต่ก็ปฏิเสธความจริงไม่ได้ว่ามันอยู่ที่นี่เพียงลำพังแน่นอน
“ลินลี่ย์ การได้ครอบครองหนูเงา ก็เท่ากับได้ครอบครองกองทัพหนูเงาทั้งหมด” เดลิน โคเวิร์ทยิ้มให้ลินลี่ย์ “นี่คือเหตุผลให้หนูเงามีค่ามากกว่าอสูรเวทระดับเจ็ดหรือระดับแปดอีกหลายตัว
เดลิน โคเวิร์ทยังคงพยายามจูงใจลินลี่ย์ต่อไป
แล้วลินลี่ย์อายุเจ็ดหรือแปดขวบจะต้านทานไหวหรือ?
“ปู่เดลิน! ข้าจะฝึกหนูเงาสีม่วงตัวนี้ให้เชื่องได้ยังไง?” ลินลี่ย์มองเดลิน โคเวิร์ทอย่างตื่นเต้น
เดลิน โคเวิร์ทรู้สึกมีความสุขมาก “ถ้าลินลี่ย์น้อยสามารถฝึกหนูเงาตัวนี้ให้เชื่องได้จริงๆ ในอนาคต ข้าคงสะดวกมากขึ้นอีกนิด” เดลินโคเวิร์ทรู้ดีในฐานะที่เป็นวิญญาณดวงหนึ่ง เขาไม่มีพลังเวทของตนเองเลยแม้แต่น้อย จอมเวทผู้วิเศษที่ไม่มีพลังเวท ก็ไม่มีความสามารถในการโจมตีมากนัก
ไม่มีทางที่เขาจะปกป้องลินลี่ย์ได้
แต่หลังจากผ่านไปครึ่งปี เขาเริ่มพิจารณาเห็นเด็กน้อยไร้เดียงสาที่ฝึกอย่างหนักผู้นี้เป็นเหมือนหลานชายตนเอง เป็นธรรมดาที่เขาต้องการหาทางเพิ่มความแข็งแกร่งให้ลินลี่ย์
“ลินลี่ย์! เจ้าต้องใจเย็น” เดลิน โคเวิร์ทพูดหนักแน่น “แม้ว่านี่จะเป็นแค่ลูกหนูเงาสีม่วง แต่ความเร็วของมันเทียบเท่ากับหนูเงาเต็มวัยระดับสี่ ต่อให้ลุงฮิลแมนของเจ้า ก็ไล่ตามมันไม่ทัน เจ้าก็ยิ่งไม่มีความสามารถใช้กำลังกำราบมันได้ และเจ้ายังไม่สามารถใช้เวทมัดวิญญาณได้”
ลินลี่ย์สะดุ้ง
จิตใจที่ร้อนรนของเขาพลันสงบลง เขาหัวเราะอย่างจนใจพลางกล่าวว่า “ตอนนี้ ข้าจำได้แล้ว จะฝึกอสูรเวทให้เชื่องได้ วิธีแรกคือบังคับมันและวิธีที่สองคือใช้เวทผูกวิญญาณซึ่งมีแต่จอมเวทระดับเจ็ดเป็นอย่างน้อย ถึงจะใช้ได้”
ลินลี่ย์ผิดหวังเล็กน้อยอย่างช่วยไม่ได้
น่าเสียดาย เขาอ่อนแอเกินไป แม้ว่าเขาจะโชคดีได้พบลูกหนูเงาสีม่วง แต่เขาไม่มีความสามารถฝึกให้มันเชื่องได้