ตอนที่ 1-23 ฤดูใบไม้ผลิผ่านไป ฤดูใบไม้ร่วงมาเยือน (2)
“ลินลี่ย์! เจ้ารู้สึกได้หรือเปล่า?” เสียงของเดลินโคเวิร์ทดังขึ้นในใจของลินลี่ย์อย่างนุ่มนวล
“ปู่เดลิน! ข้ารู้สึกได้ มีจุดแสงสีธาตุดินอยู่มากมายมากเหลือเกิน มันรวมกลุ่มหนาแน่นหลายพันไม่สิ หลายหมื่น จุดแสงสีดินนับร้อยลอยผ่านมือข้าไป มีมากมายเหลือเกิน” ขณะที่รู้สึกได้ถึงจุดแสงสีดินจำนวนมหาศาลลอยอยู่รอบๆ ตัวเขา ลินลี่ย์รู้สึกมีความสุขมาก
พอได้ยินข่าวเช่นนี้ เดลิน โคเวิร์ทมีความสุขทันที
“ดีมาก, ตอนนี้ ค่อยๆ ทำตามที่ข้าพูด อย่าเพิ่งคิดถึงอะไรอื่นสงบนิ่งไว้...” เดลินโคเวิร์ททำเสียงงึมงำเกือบจะคล้ายสะกดจิตช่วยให้ลินลี่ย์อยู่ในสภาวะเป็นสมาธิ ขณะเดียวกันเขาปล่อยการควบคุมที่เขาควบคุมธาตุดินอยู่ ทันใดนั้น ธาตุดินรอบๆตัวพวกเขากลับคืนสู่สภาวะปกติ
หลังจากออกจากสมาธิแล้ว ลินลี่ย์รู้สึกเหมือนกับว่าเขาเต็มไปด้วยพลังงานแตกต่างจากเมื่อก่อน แม้ขณะที่ตื่นเต็มตัวแล้ว ลินลี่ย์ยังรู้สึกเหมือนกับว่าเขายังสามารถรู้สึกถึงความแนบแน่นจากแก่นธาตุดินรอบๆตัว แม้ว่าเขาจะไม่สามารถรู้สึกถึงแก่นธาตุดินเหล่านั้นได้ชัดเหมือนเมื่อตอนเข้าสมาธิก็ตาม
“ปู่เดลิน! ข้ายังคงรู้สึกถึงความเคลื่อนไหวของจุดแสงสีดินเหล่านั้นได้ จริงๆ นะ! แม้ว่าตอนนี้มันจะไม่ชัดก็เถอะ แต่ข้ายังรู้สึกถึงพวกมันได้” ลินลี่ย์รู้สึกตื่นเต้นมาก
นี่คือก้าวแรกเข้าสู่โลกเวทมนตร์ของเขา ลินลี่ย์เต็มไปด้วยความรู้สึกอัศจรรย์
“เจ้าพูดอะไร? เจ้ายังรู้สึกถึงมันได้หรือ?” เดลิน โคเวิร์ทประหลาดใจมาก เพราะตอนนี้ความหนาแน่นของธาตุดินบริสุทธิ์กลับคืนสู่สภาวะปกติแล้ว และลินลี่ย์ไม่ได้อยู่ในสภาวะทำสมาธิต่อไปแล้ว ถ้าเขายังสามารถรู้สึกถึงธาตุดินบริสุทธิ์ใกล้เคียงได้ ทั้งที่ยังตื่นอยู่...อย่างนั้นเขาก็มีความผูกพันกับธาตุดินแน่นอน
“ปู่เดลิน! ทำไมท่านไม่พูดล่ะ? พลังความสัมพันธ์ของข้าที่มีต่อธาตุดินบริสุทธิ์เป็นอย่างไร?” ลินลี่ย์ชักประหม่า
ลินลี่ย์ไม่รู้ว่าเขาทำได้ดีหรือไม่ดี
“ดีสิ, ดีมากเลย, ความสัมพันธ์ของเจ้ากับธาตุดินบริสุทธิ์อยู่ในระดับที่สูงมาก” หน้าของเดลิน โคเวิร์ทประดับด้วยรอยยิ้ม “เท่าที่ข้ารู้ บางทีอาจมีนักเวทเพียงหนึ่งในพันที่มีความสัมพันธ์กับธาตุดินบริสุทธิ์เหมือนกับเจ้า”
ลินลี่ย์รู้สึกว่าหัวใจของเขาเต้นรัว เขาตื่นเต้นมากจนไม่รู้ว่าจะพูดยังไง
“แต่ว่าตามธรรมดาแล้ว ธาตุสัมพันธ์เป็นแค่เพียงส่วนหนึ่ง พลังจิตคือสิ่งที่สำคัญที่สุด ถ้ามีเวลาฝึกมากพอ พลังเวท (มานา)จะเสริมความแข็งแกร่งตามธรรมชาติ แต่มันเป็นเรื่องยากมากที่จะพัฒนาพลังจิตวิญญาณของจอมเวทได้”เดลิน โคเวิร์ทพูดอย่างจริงจัง
ลินลี่ย์สูดลมหายใจลึกและพยักหน้า
“ตอนนี้ ได้เวลาทดสอบส่วนที่สอง ก็คือทดสอบพลังจิตวิญญาณของเจ้า” เดลิน โคเวิร์ทมองดูลินลี่ย์อย่างเคร่งขรึม
ลินลี่ย์รู้เช่นกันว่าการทดสอบพลังจิตวิญญาณเป็นส่วนที่สำคัญมาก
“ปู่เดลิน! ท่านต้องการทำอะไร?” ลินลี่ย์จ้องเดลินโคเวิร์ทเตรียมสภาพจิตใจตนเอง
“ไม่มีอะไรเลย” เดลิน โคเวิร์ทหัวเราะ
“อื๋อ...” ลินลี่ย์สะดุ้ง
“ข้าคือวิญญาณของแหวนมังกรขนด ขณะที่เจ้าเป็นเจ้าของแหวนมังกรขนด โดยรวมแล้วข้าสามารถรู้สึกได้ถึงพลังวิญญาณของเจ้า! ไม่จำเป็นต้องทดสอบอะไรเลยข้าสามารถบอกเจ้าได้เดี๋ยวนี้” เดลินโคเวิร์ทยิ้มให้ลินลี่ย์
“ข้า... พลังวิญญาณข้าเป็นยังไง? ลินลี่ย์กลั้นหายใจ
ความเข้มแข็งหรืออ่อนแอของพลังวิญญาณบุคคล สามารถกำหนดชะตากรรมผู้คนได้
“ในเด็กอายุรุ่นราวคราวเดียวกับเจ้า พลังจิตของเจ้าแข็งแกร่งมากกว่าเด็กทั่วไปถึงสิบเท่า”เดลิน โคเวิร์ทยิ้มขณะพูด
ลินลี่ย์รู้สึกตื่นเต้นในใจ สิบเท่า!
นั่นไม่ใช่จำนวนเล็กน้อย
แต่เดลิน โคเวิร์ทพูดต่อ “ว่ากันโดยทั่วไปมีคนเพียงหนึ่งในพันจึงจะสามารถเป็นจอมเวทได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เพราะมีความต้องการมาตรฐานที่สูง เมื่อว่ากันถึงเรื่องพลังจิตวิญญาณ ความต้องการขั้นต่ำสุดสำหรับคนที่จะเป็นจอมเวทได้จะต้องมีพลังจิตวิญญาณมากกว่าคนปกติในวัยเดียวกันถึงห้าเท่า เจ้ามีสิบเท่าก็อยู่ประมาณกลางๆ พอๆกับจอมเวทโดยทั่วไปนั่นแหละ”
ความตื่นเต้นของลินลี่ย์เมื่อก่อนนี้หดหายลงในทันใด
“ถ้าเป็นคนอื่นมาสอนเจ้า อย่างมากเจ้าก็เป็นจอมเวทระดับห้า หรือระดับหก อย่างไรก็ตาม...เนื่องจากคนที่สอนเจ้าก็คือข้า สถานการณ์ย่อมแตกต่างออกไป” เดลินโคเวิร์ทลูบเคราอย่างพอใจ มีท่าทีมั่นใจในตนเองอยู่ในสายตาเขา
ทันใดนั้นลินลี่ย์ก็สำนึกได้เหมือนกัน
ถูกแล้ว เดลิน โคเวิร์ทเป็นจอมเวทผู้วิเศษระดับเซียน
“ตราบใดที่เจ้าฝึกฝนอย่างหนัก, ลินลี่ย์!ข้ามั่นใจเต็มเปี่ยมว่าเจ้าสามารถไปถึงระดับแปดได้ แต่จะเป็นไปได้หรือไม่ว่าเจ้าจะกลายเป็นจอมเวทระดับเก้าหรือแม้แต่จอมเวทระดับเซียน?นั่นขึ้นอยู่กับความเข้าใจและประสบการณ์ของเจ้าเอง” เดลิน โคเวิร์ทพูดจริงจัง “ถ้าเจ้าไม่ฝึกฝนให้หนักข้าเกรงว่าเจ้าอาจจะไม่ได้เป็นกระทั่งจอมเวทระดับหกด้วยซ้ำ ถึงตอนนั้นเจ้าจะโทษใครอื่นไม่ได้”
มีอาจารย์สอนเวทที่ดีนั่นเป็นแค่ความสมดุลส่วนหนึ่ง
ส่วนที่สำคัญที่สุดยังคงเป็นความเพียรพยายามของผู้ฝึกฝน
“ปู่เดลิน, โปรดอย่ากังวล ข้าจะไม่ทำให้ท่านหรือบิดาข้าหรือกระทั่งตระกูลบาลุคต้องผิดหวังในตัวข้า” ตอนนี้เองจิตใจของลินลี่ย์เต็มไปด้วยภาพป้ายบูชาวิญญาณของหอบรรพบุรุษเหมือนอยู่ต่อหน้า และชื่อประวัติเรื่องราวของท่านถูกสลักไว้ข้างหลัง
เพื่อฟื้นฟูความรุ่งเรืองของตระกูลบาลุคในอดีตกลับคืนมา
ลินลี่ย์รู้สึกว่าในอกของเขาร้อนระอุ
“ดีแล้ว เริ่มตั้งแต่พรุ่งนี้ข้าจะเริ่มสอนเจ้า” เดลินโคเวิร์ทมองดูลินลี่ย์ ตาของเขาแวววาว ตอนนี้ตัวของเดลินโคเวิร์ทมีความมั่นใจในตนเองและความภูมิใจในฐานะที่เป็นจอมเวทผู้วิเศษระดับเซียน
….
พอวันถัดมา ลินลี่ย์ก็เริ่มใช้ชีวิตที่ยากลำบากยิ่งขึ้น
เขาไม่อาจเปิดเผยความดำรงคงอยู่ของเดลิน โคเวิร์ทให้บิดาเขารู้ได้ ทุกๆ เช้าและเย็น เขายังต้องไปฝึกฝนร่างกายตามปกติ ขณะที่ตอนสายเขาจะเล่าเรียนกับบิดาเรื่องการเมือง, ศาสนา,พิธีกรรมทางศาสนา, สงคราม, ภูมิศาสตร์, ศิลปะและบทเรียนอื่นๆ
มีเพียงในตอนบ่าย ช่วงที่มีเวลาว่างก่อนนั้น ลินลี่ย์จะไปภูเขาอู่ซันทางทิศตะวันออกของเมือง ซ่อนตัวอยู่ในที่เงียบสงบและเริ่มเรียนเวทมนตร์พื้นฐานภายใต้คำแนะนำของเดลิน โคเวิร์ท เขาเรียนหนัก ขณะที่เข้าสมาธิเพื่อดูดซับและสร้างพลังเวท
นอกจากนี้ ในแต่ละวันหลังจากอาหารค่ำแล้วลินลี่ย์จะใช้เวลาส่วนใหญ่กับการฝึกสมาธิ
ทุกๆ วัน ลินลี่ย์จะมีเวลานอนเพียงหกชั่วโมง เวลาทั้งหมดเขาใช้ในการฝึกฝนร่างกายให้แข็งแรง, ศึกษาหาความรู้, เรียนวิชาเวทมนตร์และฝึกสมาธิ มีเวลานอนวันละหกชั่วโมงถ้าว่ากันตามตรงแล้วถือว่าพักผ่อนไม่พอ ความจริงการฝึกเข้าสมาธิต้องใช้ความพยายามมาก มากกว่าการใช้ชีวิตปกติของคนทั้งหมด ทุกๆวันลินลี่ย์จึงหลับสนิทในช่วงหกชั่วโมงเหล่านั้น
เขาใช้เวลาอย่างเต็มที่
เมื่อเวลาผ่านไปเช่นนี้วันแล้ววันเล่า ลินลี่ย์มีความก้าวหน้าเด่นชัดมากถึงขนาดที่ไม่ใช่แค่เพียงก้าวหน้าเท่านั้น แต่ถึงขนาดเปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์กันเลยทีเดียว
ขณะที่เขาฝึกฝนอย่างหนัก....
เขามีประสบการณ์ดื่มด่ำกับการดูดซับแก่นธาตุบริสุทธิ์เข้าในตัวจากนั้นเปลื่ยนมันเป็นพลังเวท
เขามีประสบการเป็นครั้งแรกที่เข้าสมาธิในระดับลึกจนแทบขาดสำนึกรับรู้
เขามีประสบการณ์ครั้งแรกกับการแสดงเวทสายธาตุดินที่น่าตื่นเต้น แม้จะไม่มีอะไรมากไปกว่าสร้างหลาวธาตุดินเล่มหนึ่งที่สูงเพียงยี่สิบเซนติเมตรเท่านั้นก็ตาม
…..
ฝึกฝนอย่างหนักวันแล้ววันเล่า
ความเพียรพยายามและระดับความเร็วของความก้าวหน้าของลินลี่ย์ ทำให้แม้แต่เดลินโคเวิร์ทจอมเวทผู้วิเศษระดับเซียนอายุห้าพันปียังต้องถอนหายใจด้วยความอัศจรรย์ใจ
เนื่องจากลินลี่ย์ฝึกฝนออกกำลังกายเป็นประจำทุกวัน ร่างกายของลินลี่ย์จึงมีแต่จะแข็งแรงมากยิ่งขึ้น เพราะเขาเข้าสมาธิได้บ่อยและดูดซับแก่นธาตุดิน ลินลี่ย์จึงกลายเป็นคนสงบและใจเย็นมากยิ่งขึ้น การเปลี่ยนแปลงของลินลี่ย์ยังทำให้ฮ็อกบิดาของเขาและฮิลแมนถึงกับทึ่งและดีใจ
….
ฤดูใบไม้ผลิผ่านไป และฤดูใบไม้ร่วงมาเยือน ชั่วพริบตาเดียว ตอนนี้เป็นฤดูใบไม้ร่วงแล้ว
มีเวลาเหลือเพียงอีกหนึ่งเดือนก่อนที่จะมีการทดสอบความถนัดทางเวทและการสรรหาจอมเวท
ในหอบรรพบุรุษภายในคฤหาสน์ตระกูลบาลุค
“เฮ้อ, ทำความสะอาดเสร็จหมดแล้ว ได้เวลาไปฝึกเวทเพิ่มเติมเสียที เมื่อวานนี้เราวิธีทำดินสั่นสะเทือนได้สำเร็จแล้ว มันยอดมาก” ตอนนี้ ลินลี่ย์อารมณ์ดีมาก เขารีบออกมาจากหอบรรพบุรุษและปิดประตู
พอเดินบนกระเบื้องสีฟ้า ก้าวไปตามทางเดินศิลา ฝีเท้าของลินลี่ย์มั่นคงและรวดเร็วมาก แต่มีเสียงเล็กน้อยเท่านั้น
นี่คือความสามารถที่นักเวทสายธาตุดินทุกคนจะพึงมีกัน เพราะพลังของพวกเขาได้มาจากธาตุดินนั่นเอง พวกเขาสามารถซ่อนเสียงฝีเท้าของพวกเขาได้ทั้งหมด
“เอ๊ะ?” ลินลี่ย์ขมวดคิ้ว
หูของเขากระตุกขณะที่เขาหันไปมองอาคารที่อยู่ห่างออกไป “เราได้ยินเสียงบางอย่าง?” ทันใดนั้นเขาแอบย่องไปที่ตำแหน่งนั้น ฝีเท้าของเขาแทบจะไม่มีเสียง ปกติขณะที่เขาเดินไปตามธรรมดา เขาก็สามารถซ่อนเสียงฝีเท้าได้อยู่แล้ว ตอนนี้เขาจงใจปกปิดเสียงฝีเท้าโดยตรง ก็ทำให้แทบไม่มีเสียง
เขาย่องเข้าไปใกล้ทีละก้าว
เมื่อลินลี่ย์ไปถึงประตูอาคารและแอบดูข้างใน
“อะไรนั่น?” ตาของลินลี่ย์เบิกกว้าง
เขาเห็นหนูสีดำยาว 20 เซนติเมตรกำลังแทะกินเศษหิน และจากนั้นในชั่วพริบตาหนูสีดำก็ปรากฏห่างออกไปอีกหลายสิบเมตรในตำแหน่งต่างและเริ่มแทะแผ่นกระเบื้องสีฟ้า ขนของหนูดำนั้นดูนุ่มมาก และดวงตาของมันใสซื่อ และอุ้งเท้าของมันมีขนปกคลุม พูดอีกอย่างก็คือ มันน่ารักมาก
มันกระโดดไปมารอบๆ ด้วยขาหลังอย่างสนุกสนาน
“หนูตัวน้อยนี่ช่างน่ารักนัก และมันยังเร็วเหลือเชื่อ”ลินลี่ย์แอบมองที่ช่องประตู และลอบอุทานออกมา
หนูส่วนใหญ่จะไม่มีตัวขนาดนั้น และหนูโดยส่วนใหญ่จะเป็นสัตว์ที่น่าขยะแขยง แต่หนูตัวนี้ยิ่งดูก็ยิ่งน่ารัก ตาของมันเหมือนจะสื่อความหมายคล้ายกับพูดได้ ที่สำคัญที่สุดคือ มันเร็วเหลือเชื่อ
“ความเร็วขนาดนั้น พนันได้เลยว่าลุงฮิลแมน นักรบระดับหกก็มิอาจจับมันได้ มันเร็วมากขนาดนั้นได้ยังไง?”พอเห็นหนูน่ารักเคลื่อนห่างออกไปหลายสิบเมตรในชั่วพริบตา ลินลี่ย์รู้สึกประหลาดใจ
เดลิน โคเวิร์ทลอยออกมาจากในแหวนมังกรขนาด ยืนอยู่ข้างลินลี่ย์ เขามองดูหนูตัวสีดำด้วยความประหลาดใจ “สัตว์อสูรเวท หนูเงาหรือนี่? ดูจากขนาดแล้ว มันยังเป็นลูกหนูเงาอยู่เลย”
“อสูรเวท? หนูเงา? มันใหญ่มาก! ยังจะเป็นลูกหนูได้ยังไง?” ลินลี่ย์จ้องมองเดลินโคเวิร์ทด้วยความประหลาดใจ
นอกจากสัตว์เวทเหล่านี้คือ กระทิงเหล็กดูดเลือด, กริฟฟิน,มังกรลมกรดและมังกรดำที่เขาเคยเห็น นี่เป็นครั้งแรกที่ลินลี่ย์เห็นอสูรเวทตัวอื่น หนูสีดำที่น่ารักตัวนี้เป็นอสูรเวทจริงๆหรือ? อสูรเวทกับความสามารถในการใช้เวทได้?