ตอนที่แล้วตอนที่ 1-22 ฤดูใบไม้ผลิผ่านไป ฤดูใบไม้ร่วงมาเยือน (1)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 2-1 หนูเงา อสูรเวท

ตอนที่ 1-23 ฤดูใบไม้ผลิผ่านไป ฤดูใบไม้ร่วงมาเยือน (2) 


“ลินลี่ย์! เจ้ารู้สึกได้หรือเปล่า?” เสียงของเดลินโคเวิร์ทดังขึ้นในใจของลินลี่ย์อย่างนุ่มนวล

“ปู่เดลิน! ข้ารู้สึกได้ มีจุดแสงสีธาตุดินอยู่มากมายมากเหลือเกิน  มันรวมกลุ่มหนาแน่นหลายพันไม่สิ หลายหมื่น จุดแสงสีดินนับร้อยลอยผ่านมือข้าไป มีมากมายเหลือเกิน” ขณะที่รู้สึกได้ถึงจุดแสงสีดินจำนวนมหาศาลลอยอยู่รอบๆ ตัวเขา  ลินลี่ย์รู้สึกมีความสุขมาก

พอได้ยินข่าวเช่นนี้ เดลิน โคเวิร์ทมีความสุขทันที

“ดีมาก, ตอนนี้ ค่อยๆ ทำตามที่ข้าพูด อย่าเพิ่งคิดถึงอะไรอื่นสงบนิ่งไว้...”  เดลินโคเวิร์ททำเสียงงึมงำเกือบจะคล้ายสะกดจิตช่วยให้ลินลี่ย์อยู่ในสภาวะเป็นสมาธิ ขณะเดียวกันเขาปล่อยการควบคุมที่เขาควบคุมธาตุดินอยู่  ทันใดนั้น ธาตุดินรอบๆตัวพวกเขากลับคืนสู่สภาวะปกติ

หลังจากออกจากสมาธิแล้ว  ลินลี่ย์รู้สึกเหมือนกับว่าเขาเต็มไปด้วยพลังงานแตกต่างจากเมื่อก่อน แม้ขณะที่ตื่นเต็มตัวแล้ว ลินลี่ย์ยังรู้สึกเหมือนกับว่าเขายังสามารถรู้สึกถึงความแนบแน่นจากแก่นธาตุดินรอบๆตัว แม้ว่าเขาจะไม่สามารถรู้สึกถึงแก่นธาตุดินเหล่านั้นได้ชัดเหมือนเมื่อตอนเข้าสมาธิก็ตาม

“ปู่เดลิน! ข้ายังคงรู้สึกถึงความเคลื่อนไหวของจุดแสงสีดินเหล่านั้นได้  จริงๆ นะ!  แม้ว่าตอนนี้มันจะไม่ชัดก็เถอะ  แต่ข้ายังรู้สึกถึงพวกมันได้”  ลินลี่ย์รู้สึกตื่นเต้นมาก

นี่คือก้าวแรกเข้าสู่โลกเวทมนตร์ของเขา ลินลี่ย์เต็มไปด้วยความรู้สึกอัศจรรย์

“เจ้าพูดอะไร? เจ้ายังรู้สึกถึงมันได้หรือ?” เดลิน โคเวิร์ทประหลาดใจมาก เพราะตอนนี้ความหนาแน่นของธาตุดินบริสุทธิ์กลับคืนสู่สภาวะปกติแล้ว  และลินลี่ย์ไม่ได้อยู่ในสภาวะทำสมาธิต่อไปแล้ว ถ้าเขายังสามารถรู้สึกถึงธาตุดินบริสุทธิ์ใกล้เคียงได้  ทั้งที่ยังตื่นอยู่...อย่างนั้นเขาก็มีความผูกพันกับธาตุดินแน่นอน

“ปู่เดลิน!  ทำไมท่านไม่พูดล่ะ? พลังความสัมพันธ์ของข้าที่มีต่อธาตุดินบริสุทธิ์เป็นอย่างไร?”  ลินลี่ย์ชักประหม่า

ลินลี่ย์ไม่รู้ว่าเขาทำได้ดีหรือไม่ดี

“ดีสิ, ดีมากเลย, ความสัมพันธ์ของเจ้ากับธาตุดินบริสุทธิ์อยู่ในระดับที่สูงมาก”  หน้าของเดลิน โคเวิร์ทประดับด้วยรอยยิ้ม  “เท่าที่ข้ารู้ บางทีอาจมีนักเวทเพียงหนึ่งในพันที่มีความสัมพันธ์กับธาตุดินบริสุทธิ์เหมือนกับเจ้า”

ลินลี่ย์รู้สึกว่าหัวใจของเขาเต้นรัว  เขาตื่นเต้นมากจนไม่รู้ว่าจะพูดยังไง

“แต่ว่าตามธรรมดาแล้ว ธาตุสัมพันธ์เป็นแค่เพียงส่วนหนึ่ง  พลังจิตคือสิ่งที่สำคัญที่สุด  ถ้ามีเวลาฝึกมากพอ พลังเวท (มานา)จะเสริมความแข็งแกร่งตามธรรมชาติ  แต่มันเป็นเรื่องยากมากที่จะพัฒนาพลังจิตวิญญาณของจอมเวทได้”เดลิน โคเวิร์ทพูดอย่างจริงจัง

ลินลี่ย์สูดลมหายใจลึกและพยักหน้า

“ตอนนี้ ได้เวลาทดสอบส่วนที่สอง ก็คือทดสอบพลังจิตวิญญาณของเจ้า”  เดลิน โคเวิร์ทมองดูลินลี่ย์อย่างเคร่งขรึม

ลินลี่ย์รู้เช่นกันว่าการทดสอบพลังจิตวิญญาณเป็นส่วนที่สำคัญมาก

“ปู่เดลิน!  ท่านต้องการทำอะไร?”  ลินลี่ย์จ้องเดลินโคเวิร์ทเตรียมสภาพจิตใจตนเอง

“ไม่มีอะไรเลย”  เดลิน โคเวิร์ทหัวเราะ

“อื๋อ...” ลินลี่ย์สะดุ้ง

“ข้าคือวิญญาณของแหวนมังกรขนด ขณะที่เจ้าเป็นเจ้าของแหวนมังกรขนด โดยรวมแล้วข้าสามารถรู้สึกได้ถึงพลังวิญญาณของเจ้า!  ไม่จำเป็นต้องทดสอบอะไรเลยข้าสามารถบอกเจ้าได้เดี๋ยวนี้”  เดลินโคเวิร์ทยิ้มให้ลินลี่ย์

“ข้า... พลังวิญญาณข้าเป็นยังไง?  ลินลี่ย์กลั้นหายใจ

ความเข้มแข็งหรืออ่อนแอของพลังวิญญาณบุคคล สามารถกำหนดชะตากรรมผู้คนได้

“ในเด็กอายุรุ่นราวคราวเดียวกับเจ้า พลังจิตของเจ้าแข็งแกร่งมากกว่าเด็กทั่วไปถึงสิบเท่า”เดลิน โคเวิร์ทยิ้มขณะพูด

ลินลี่ย์รู้สึกตื่นเต้นในใจ  สิบเท่า!

นั่นไม่ใช่จำนวนเล็กน้อย

แต่เดลิน โคเวิร์ทพูดต่อ “ว่ากันโดยทั่วไปมีคนเพียงหนึ่งในพันจึงจะสามารถเป็นจอมเวทได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เพราะมีความต้องการมาตรฐานที่สูง  เมื่อว่ากันถึงเรื่องพลังจิตวิญญาณ  ความต้องการขั้นต่ำสุดสำหรับคนที่จะเป็นจอมเวทได้จะต้องมีพลังจิตวิญญาณมากกว่าคนปกติในวัยเดียวกันถึงห้าเท่า  เจ้ามีสิบเท่าก็อยู่ประมาณกลางๆ พอๆกับจอมเวทโดยทั่วไปนั่นแหละ”

ความตื่นเต้นของลินลี่ย์เมื่อก่อนนี้หดหายลงในทันใด

“ถ้าเป็นคนอื่นมาสอนเจ้า อย่างมากเจ้าก็เป็นจอมเวทระดับห้า หรือระดับหก  อย่างไรก็ตาม...เนื่องจากคนที่สอนเจ้าก็คือข้า สถานการณ์ย่อมแตกต่างออกไป”  เดลินโคเวิร์ทลูบเคราอย่างพอใจ มีท่าทีมั่นใจในตนเองอยู่ในสายตาเขา

ทันใดนั้นลินลี่ย์ก็สำนึกได้เหมือนกัน

ถูกแล้ว เดลิน โคเวิร์ทเป็นจอมเวทผู้วิเศษระดับเซียน

“ตราบใดที่เจ้าฝึกฝนอย่างหนัก, ลินลี่ย์!ข้ามั่นใจเต็มเปี่ยมว่าเจ้าสามารถไปถึงระดับแปดได้ แต่จะเป็นไปได้หรือไม่ว่าเจ้าจะกลายเป็นจอมเวทระดับเก้าหรือแม้แต่จอมเวทระดับเซียน?นั่นขึ้นอยู่กับความเข้าใจและประสบการณ์ของเจ้าเอง”  เดลิน โคเวิร์ทพูดจริงจัง  “ถ้าเจ้าไม่ฝึกฝนให้หนักข้าเกรงว่าเจ้าอาจจะไม่ได้เป็นกระทั่งจอมเวทระดับหกด้วยซ้ำ  ถึงตอนนั้นเจ้าจะโทษใครอื่นไม่ได้”

มีอาจารย์สอนเวทที่ดีนั่นเป็นแค่ความสมดุลส่วนหนึ่ง

ส่วนที่สำคัญที่สุดยังคงเป็นความเพียรพยายามของผู้ฝึกฝน

“ปู่เดลิน, โปรดอย่ากังวล ข้าจะไม่ทำให้ท่านหรือบิดาข้าหรือกระทั่งตระกูลบาลุคต้องผิดหวังในตัวข้า” ตอนนี้เองจิตใจของลินลี่ย์เต็มไปด้วยภาพป้ายบูชาวิญญาณของหอบรรพบุรุษเหมือนอยู่ต่อหน้า  และชื่อประวัติเรื่องราวของท่านถูกสลักไว้ข้างหลัง

เพื่อฟื้นฟูความรุ่งเรืองของตระกูลบาลุคในอดีตกลับคืนมา

ลินลี่ย์รู้สึกว่าในอกของเขาร้อนระอุ

“ดีแล้ว  เริ่มตั้งแต่พรุ่งนี้ข้าจะเริ่มสอนเจ้า”  เดลินโคเวิร์ทมองดูลินลี่ย์  ตาของเขาแวววาว  ตอนนี้ตัวของเดลินโคเวิร์ทมีความมั่นใจในตนเองและความภูมิใจในฐานะที่เป็นจอมเวทผู้วิเศษระดับเซียน

….

พอวันถัดมา ลินลี่ย์ก็เริ่มใช้ชีวิตที่ยากลำบากยิ่งขึ้น

เขาไม่อาจเปิดเผยความดำรงคงอยู่ของเดลิน โคเวิร์ทให้บิดาเขารู้ได้  ทุกๆ เช้าและเย็น  เขายังต้องไปฝึกฝนร่างกายตามปกติ ขณะที่ตอนสายเขาจะเล่าเรียนกับบิดาเรื่องการเมือง, ศาสนา,พิธีกรรมทางศาสนา, สงคราม, ภูมิศาสตร์, ศิลปะและบทเรียนอื่นๆ

มีเพียงในตอนบ่าย ช่วงที่มีเวลาว่างก่อนนั้น ลินลี่ย์จะไปภูเขาอู่ซันทางทิศตะวันออกของเมือง  ซ่อนตัวอยู่ในที่เงียบสงบและเริ่มเรียนเวทมนตร์พื้นฐานภายใต้คำแนะนำของเดลิน โคเวิร์ท  เขาเรียนหนัก ขณะที่เข้าสมาธิเพื่อดูดซับและสร้างพลังเวท

นอกจากนี้ ในแต่ละวันหลังจากอาหารค่ำแล้วลินลี่ย์จะใช้เวลาส่วนใหญ่กับการฝึกสมาธิ

ทุกๆ วัน ลินลี่ย์จะมีเวลานอนเพียงหกชั่วโมง เวลาทั้งหมดเขาใช้ในการฝึกฝนร่างกายให้แข็งแรง, ศึกษาหาความรู้, เรียนวิชาเวทมนตร์และฝึกสมาธิ  มีเวลานอนวันละหกชั่วโมงถ้าว่ากันตามตรงแล้วถือว่าพักผ่อนไม่พอ  ความจริงการฝึกเข้าสมาธิต้องใช้ความพยายามมาก มากกว่าการใช้ชีวิตปกติของคนทั้งหมด ทุกๆวันลินลี่ย์จึงหลับสนิทในช่วงหกชั่วโมงเหล่านั้น

เขาใช้เวลาอย่างเต็มที่

เมื่อเวลาผ่านไปเช่นนี้วันแล้ววันเล่า ลินลี่ย์มีความก้าวหน้าเด่นชัดมากถึงขนาดที่ไม่ใช่แค่เพียงก้าวหน้าเท่านั้น แต่ถึงขนาดเปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์กันเลยทีเดียว

ขณะที่เขาฝึกฝนอย่างหนัก....

เขามีประสบการณ์ดื่มด่ำกับการดูดซับแก่นธาตุบริสุทธิ์เข้าในตัวจากนั้นเปลื่ยนมันเป็นพลังเวท

เขามีประสบการเป็นครั้งแรกที่เข้าสมาธิในระดับลึกจนแทบขาดสำนึกรับรู้

เขามีประสบการณ์ครั้งแรกกับการแสดงเวทสายธาตุดินที่น่าตื่นเต้น แม้จะไม่มีอะไรมากไปกว่าสร้างหลาวธาตุดินเล่มหนึ่งที่สูงเพียงยี่สิบเซนติเมตรเท่านั้นก็ตาม

…..

ฝึกฝนอย่างหนักวันแล้ววันเล่า

ความเพียรพยายามและระดับความเร็วของความก้าวหน้าของลินลี่ย์ ทำให้แม้แต่เดลินโคเวิร์ทจอมเวทผู้วิเศษระดับเซียนอายุห้าพันปียังต้องถอนหายใจด้วยความอัศจรรย์ใจ

เนื่องจากลินลี่ย์ฝึกฝนออกกำลังกายเป็นประจำทุกวัน ร่างกายของลินลี่ย์จึงมีแต่จะแข็งแรงมากยิ่งขึ้น เพราะเขาเข้าสมาธิได้บ่อยและดูดซับแก่นธาตุดิน  ลินลี่ย์จึงกลายเป็นคนสงบและใจเย็นมากยิ่งขึ้น การเปลี่ยนแปลงของลินลี่ย์ยังทำให้ฮ็อกบิดาของเขาและฮิลแมนถึงกับทึ่งและดีใจ

….

ฤดูใบไม้ผลิผ่านไป และฤดูใบไม้ร่วงมาเยือน ชั่วพริบตาเดียว ตอนนี้เป็นฤดูใบไม้ร่วงแล้ว

มีเวลาเหลือเพียงอีกหนึ่งเดือนก่อนที่จะมีการทดสอบความถนัดทางเวทและการสรรหาจอมเวท

ในหอบรรพบุรุษภายในคฤหาสน์ตระกูลบาลุค

“เฮ้อ, ทำความสะอาดเสร็จหมดแล้ว ได้เวลาไปฝึกเวทเพิ่มเติมเสียที  เมื่อวานนี้เราวิธีทำดินสั่นสะเทือนได้สำเร็จแล้ว มันยอดมาก” ตอนนี้ ลินลี่ย์อารมณ์ดีมาก เขารีบออกมาจากหอบรรพบุรุษและปิดประตู

พอเดินบนกระเบื้องสีฟ้า ก้าวไปตามทางเดินศิลา ฝีเท้าของลินลี่ย์มั่นคงและรวดเร็วมาก แต่มีเสียงเล็กน้อยเท่านั้น

นี่คือความสามารถที่นักเวทสายธาตุดินทุกคนจะพึงมีกัน  เพราะพลังของพวกเขาได้มาจากธาตุดินนั่นเอง พวกเขาสามารถซ่อนเสียงฝีเท้าของพวกเขาได้ทั้งหมด

“เอ๊ะ?”  ลินลี่ย์ขมวดคิ้ว

หูของเขากระตุกขณะที่เขาหันไปมองอาคารที่อยู่ห่างออกไป  “เราได้ยินเสียงบางอย่าง?”  ทันใดนั้นเขาแอบย่องไปที่ตำแหน่งนั้น  ฝีเท้าของเขาแทบจะไม่มีเสียง  ปกติขณะที่เขาเดินไปตามธรรมดา  เขาก็สามารถซ่อนเสียงฝีเท้าได้อยู่แล้ว  ตอนนี้เขาจงใจปกปิดเสียงฝีเท้าโดยตรง  ก็ทำให้แทบไม่มีเสียง

เขาย่องเข้าไปใกล้ทีละก้าว

เมื่อลินลี่ย์ไปถึงประตูอาคารและแอบดูข้างใน

“อะไรนั่น?” ตาของลินลี่ย์เบิกกว้าง

เขาเห็นหนูสีดำยาว 20 เซนติเมตรกำลังแทะกินเศษหิน  และจากนั้นในชั่วพริบตาหนูสีดำก็ปรากฏห่างออกไปอีกหลายสิบเมตรในตำแหน่งต่างและเริ่มแทะแผ่นกระเบื้องสีฟ้า  ขนของหนูดำนั้นดูนุ่มมาก  และดวงตาของมันใสซื่อ  และอุ้งเท้าของมันมีขนปกคลุม  พูดอีกอย่างก็คือ มันน่ารักมาก

มันกระโดดไปมารอบๆ ด้วยขาหลังอย่างสนุกสนาน

“หนูตัวน้อยนี่ช่างน่ารักนัก และมันยังเร็วเหลือเชื่อ”ลินลี่ย์แอบมองที่ช่องประตู และลอบอุทานออกมา

หนูส่วนใหญ่จะไม่มีตัวขนาดนั้น และหนูโดยส่วนใหญ่จะเป็นสัตว์ที่น่าขยะแขยง  แต่หนูตัวนี้ยิ่งดูก็ยิ่งน่ารัก ตาของมันเหมือนจะสื่อความหมายคล้ายกับพูดได้  ที่สำคัญที่สุดคือ มันเร็วเหลือเชื่อ

“ความเร็วขนาดนั้น พนันได้เลยว่าลุงฮิลแมน นักรบระดับหกก็มิอาจจับมันได้  มันเร็วมากขนาดนั้นได้ยังไง?”พอเห็นหนูน่ารักเคลื่อนห่างออกไปหลายสิบเมตรในชั่วพริบตา  ลินลี่ย์รู้สึกประหลาดใจ

เดลิน โคเวิร์ทลอยออกมาจากในแหวนมังกรขนาด ยืนอยู่ข้างลินลี่ย์ เขามองดูหนูตัวสีดำด้วยความประหลาดใจ “สัตว์อสูรเวท หนูเงาหรือนี่? ดูจากขนาดแล้ว มันยังเป็นลูกหนูเงาอยู่เลย”

“อสูรเวท? หนูเงา? มันใหญ่มาก! ยังจะเป็นลูกหนูได้ยังไง?”  ลินลี่ย์จ้องมองเดลินโคเวิร์ทด้วยความประหลาดใจ

นอกจากสัตว์เวทเหล่านี้คือ กระทิงเหล็กดูดเลือด, กริฟฟิน,มังกรลมกรดและมังกรดำที่เขาเคยเห็น นี่เป็นครั้งแรกที่ลินลี่ย์เห็นอสูรเวทตัวอื่น  หนูสีดำที่น่ารักตัวนี้เป็นอสูรเวทจริงๆหรือ? อสูรเวทกับความสามารถในการใช้เวทได้?

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด