ตอนที่แล้วตอนที่ 1-21 เวทดิน (2)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 1-23 ฤดูใบไม้ผลิผ่านไป ฤดูใบไม้ร่วงมาเยือน (2) 

ตอนที่ 1-22 ฤดูใบไม้ผลิผ่านไป ฤดูใบไม้ร่วงมาเยือน (1)


ความจริง ธาตุทุกชนิดรวมทั้งธาตุดินต่างมีจุดแข็งของตนโดยเฉพาะ แต่ในฐานะที่เป็นจอมเวทผู้วิเศษสายธาตุดินระดับเซียน เป็นธรรมดาที่เดลินโคเวิร์ทจะต้องยกย่องเชิดชูธาตุดิน ลินลี่ย์วัยแปดขวบพอได้ยินคำพูดของเดลิน ก็มีความกระตือรือร้นเต็มเปี่ยม

“ปู่เดลิน,งั้นรีบทดสอบข้าเลยและดูว่าข้ามีความถนัดพอจะเป็นจอมเวทสายธาตุดินได้ไหม”ลินลี่ย์รู้สึกกังวลมาก

เดลิน โคเวิร์ทเริ่มหัวเราะ “ก็ได้ ข้าจะทดสอบเจ้าเดี๋ยวนี้”

“ก่อนอื่น ข้าขอบอกให้เจ้ารู้ไว้ว่าการทดสอบความถนัดทางเวทแบ่งการทดสอบเป็นสองส่วน  ดังนั้นการทดสอบที่ข้าจะดำเนินการก็มีสองส่วนเช่นกัน” เดลิน โคเวิร์ทแสดงมารยาทผิดธรรมดา หลังจากถูกขังอยู่ในแหวนมังกรขนดมานานห้าพันปี  แน่นอนว่าตอนนี้เขาอารมณ์ดีอย่างมากเมื่อได้พบเด็กน้อยน่ารักอย่างลินลี่ย์

“ความถนัดทางเวทแบ่งเป็นสองส่วน  ส่วนแรกทดสอบว่าพลังเวทของผู้ทดสอบจะต้องเข้ากันได้กับธาตุแต่ละอย่าง  และส่วนที่สองทดสอบพลังจิตของผู้ทดสอบ” เดลินโคเวิร์ทเริ่มอธิบายพื้นฐานของการทดสอบ

“การทดสอบทั้งสองส่วนนี้ดียังไง?” ลินลี่ย์ถามด้วยความสงสัย

เดลิน โคเวิร์ทพูดด้วยน้ำเสียงเมตตา “ลินลี่ย์!  ก่อนจะตอบคำถามนี้  ข้าขอถามเจ้า ถ้าจอมเวทคนหนึ่งเตรียมจะร่ายเวท เขาจะต้องพึ่งพาสิ่งใด?”

“เวทมนตร์บทที่ขลังๆ!”ลินลี่ย์ตอบทันที

ลินลี่ย์เห็นวิธีที่จอมเวทผู้ขับขี่มังกรลมกรดบริกรรมคาถาอยู่หลายคำก่อนที่จะร่ายเวทของเขา

“ผิด”

“ข้าเห็นนักเวทร่ายคาถา พวกเขาทุกคนล้วนท่องมนตร์บทขลังก่อนทั้งนั้น”  ลินลี่ย์เถียงทันที

เดลิน โคเวิร์ทลูบเคราขาวและพูดอย่างเคร่งขรึม “เมื่อร่ายเวทแล้ว สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับจอมเวทคนหนึ่งก็คือพลังเวท (มานา)  และพลังจิตของเขา  ถ้าพลังจิตของเขามีพลังมากพอ เขาก็สามารถเสกได้ทันทีโดยไม่จำเป็นต้องใช้คาถาใดๆ พวกมนตร์ขลังเป็นแค่เพียงส่วนเสริมพิเศษเท่านั้น”

“โอว? เสกได้ทันที?”  ลินลี่ย์คลางแคลงใจมองดูเดลิน โคเวิร์ท  ทันใดนั้นลินลี่ย์รู้สึกเหมือนว่าโลกผู้วิเศษใบใหญ่ค่อยๆ เปิดอยู่ต่อหน้าต่อตาของเขาแต่ก็ยังคงเลือนรางไม่ชัดเจน  อย่างไรก็ตามเดลิน โคเวิร์ทกำลังสลายความลึกลับที่อยู่เบื้องหลังของโลกเวทมนตร์ใบนี้

เดลิน โคเวิร์ทยิ้มและพยักหน้า “ถูกแล้ว จะเสกคาถาได้นั้นตัวเจ้าต้องมีพลังเวทในตัวอย่างเพียงพอ จากนั้นจึงใช้พลังจิตเพื่อควบคุมพลังเวทนั้นดึงแก่นธาตุล้วนๆ มาประกอบเป็นเวทมนตร์”

“แก่นธาตุล้วนๆ?” ลินลี่ย์ประหลาดใจ “ปู่เดลิน เพื่อจะร่ายเวท, เราต้องดึงแก่นธาตุภายนอกหรือ?”

“ฮ่าฮ่า, แน่นอน ลินลี่ย์! เจ้าคิดว่าจอมเวทผู้ทรงพลังจะอาศัยแต่พลังธาตุล้วนในร่างกายแต่อย่างเดียวหรือ?  เป็นไปไม่ได้!  ดูอย่างเวทระดับต้องห้ามนั่นปะไร,พลังเวทในตัวของจอมเวทระดับเซียน สามารถใช้พลังธาตุในตัวได้เพียง 1% อีก 99% เป็นพลังธาตุตามธรรมชาติ”

“ให้ข้าอธิบายเจ้าอย่างนี้ก่อน...สิ่งที่เรียกว่าพลังเวทของจอมเวทเป็นแค่แก่นพลังธาตุที่มีความบริสุทธิ์สูง  พลังเวทจะว่าไปก็เหมือนกับขุนพลทหาร,พลังธาตุล้วนๆ ตามธรรมชาติก็เหมือนกับทหาร จอมเวทเรียกพลังเวทออกมาและใช้มันโดยตรงกับพลังธาตุล้วนๆสร้างเป็นคาถาที่น่าอัศจรรย์ได้ เข้าใจหรือยัง?”  เดลินโคเวิร์ทยิ้มขณะมองดูลินลี่ย์

ลินลี่ย์อดขมวดคิ้วไม่ได้

“โอว..ข้าเข้าใจแล้ว” ลินลี่ย์หัวเราะและพยักหน้า “พลังเวทในตัวจอมเวทก็เหมือนกับลุงฮิลแมน  ขณะที่ธาตุบริสุทธิ์เป็นเหมือนกลุ่มเด็กๆลุงฮิลแมนเองสั่งให้เด็กทุกคนต้องฝึกฝน, หรือโจมตี หรือมีส่วนร่วมในการรบก็ย่อมได้”

เดลิน โคเวิร์ทยิ้มและพยักหน้า “ถูกแล้วแน่นอนว่าพลังเวทของจอมเวทเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ถ้าเขาไม่มีพลังเวทเพียงพอ เขาก็ไม่อาจเสกคาถาได้”

ลินลี่ย์พยักหน้า

“อย่างไรก็ตาม เทียบกับพลังเวทแล้ว พลังจิตยังสำคัญมากกว่า!”  เดลิน โคเวิร์ทยิ้มขณะพูด  “ตอนนี้ เจ้าควรตระหนักไว้ว่า สิ่งที่เรียกว่าพลังจิตก็คือพลังวิญญาณที่แท้จริงเป็นรูปแบบควบคุมพลังงานชนิดหนึ่ง”

“ลินลี่ย์! มีพลังเวทมากก็ดึงพลังธาตุบริสุทธิ์ออกมาใช้ได้มหาศาล ถ้าพลังที่มีมหาศาลอย่างนั้นไม่อาจควบคุมได้โดยพลังวิญญาณ..เจ้านึกสิว่าสุดท้ายผลจะลงเอยอย่างไร?” เดลิน โคเวิร์ทลูบเคราขาวขณะที่เขามองลินลี่ย์อย่างเงียบงัน

ลินลี่ย์ขมวดคิ้วขบคิด

“ปู่เดลิน” ลินลี่ย์ลดเสียงลงขณะที่ขมวดคิ้ว “ในหนังสือบางเล่ม ข้าเคยอ่านเรื่องราวกลยุทธในการรบ  มีหลายเรื่องที่หนังสือบอกไว้ว่า  เพื่อจะปราบศัตรู  ก่อนอื่นต้องจัดการกษัตริย์ของพวกเขา ยกตัวอย่างเช่นพวกโจร ถ้าท่านฆ่าหัวหน้าโจรได้ก่อน กองกำลังโจรก็จะล่มสลายแตกพ่าย  ดังนั้นพลังจิตวิญญาณก็น่าจะตอบสนองวัตถุประสงค์ในการควบคุมพลังงาน  ซึ่งหัวหน้าโจรก็คือผู้ออกคำสั่งพวกโจร ถ้าไม่มีพลังจิตวิญญาณมาควบคุมพลังเวทและพลังธาตุจำนวนมหาศาล  พลังนี้ก็จะเตลิดออกไป”

เดลิน โคเวิร์ทหัวเราะ

“ฮ่าฮ่าฮ่า, ลินลี่ย์!  เจ้าเป็นเด็กฉลาดมาก”  เดลิน โคเวิร์ทหัวเราะอย่างมีความสุข

“ถูกแล้ว,พลังเวทและธาตุบริสุทธิ์จำนวนมหาศาล เมื่อมีพลังจิตวิญญาณคอยควบคุมก็สามารถสร้างบทเวทได้  บางครั้งในการร่ายเวทที่ทรงพลังมีความต้องการสูง ก็ขึ้นอยู่กับพลังจิตวิญญาณของผู้ใช้  ดังนั้นมนตร์ขลังจึงเป็นตัวช่วยที่ขาดไม่ได้”เดลิน โคเวิร์ทยิ้มพลางพูดพลาง

ลินลี่ย์รู้สึกว่าเข้าใจหลักการสำคัญของเวทเป็นอันมากชัดเจนเหมือนดูแก้วผลึกใส

พอยิ้มให้ลินลี่ย์แล้ว เดลิน โคเวิร์ทพูดต่อว่า “แน่นอนนั่นเป็นแค่ทฤษฎีพื้นฐาน แต่โลกของเวทมนตร์นั้นซับซ้อนกว่าที่เจ้าคิดได้มากมายนัก! คำถามก็คือจะทำอย่างไรถึงใช้พลังเวทและพลังธาตุสร้างเวทมนตร์ออกมาได้  นั่นคือปัญหาที่แท้จริง”

“อะไรคือจุดประสงค์ของการมีพลังเวท ถ้าเจ้าไม่รู้แล้วจะร่างมันออกมาเป็นคาถาได้ยังไง?”  เดลิน โคเวิร์ทถอนหายใจยาว“โลกเวทมนตร์นั้นเป็นโลกที่ซับซ้อนมาก การค้นคว้าเวทมีความยากและอันตราย แต่เนื่องจากการต่อสู้ภายในจักรวรรดิ นักเวทจำนวนนับไม่ถ้วนต้องมาร่วมค้นคว้าหาคาถารูปแบบใหม่”

“ความจริง แต่ละจักรวรรดิก็หาหนทางใหม่ๆเพื่อใช้พลังเวทและพลังธาตุที่แตกต่างเพื่อสร้างคาถาที่แตกต่าง  แต่การค้นคว้าเวทนั้นอันตรายมาก   ยิ่งเวทที่มีพลังทำลายล้างมาก  ก็ยิ่งมีการค้นคว้ากันหนักมาก  บางครั้งมันสามารถสร้างผลสะท้อนกลับที่รุนแรงย่อยยับ”

เดลิน โคเวิร์ทหัวเราะขณะที่เขาพูด “จอมเวทในสถานบันทั้งหมด จะได้รับการศึกษาเวทจนถึงระดับหก  ส่วนเวทระดับเจ็ด, แปดและระดับเก้าหรือระดับเซียนถูกพิจารณาว่าให้ฝึกเป็นการลับ ถ้าเจ้าเข้าร่วมกับอาณาจักร เจ้าก็มีสิทธิ์ได้เข้าถึงคาถาพิเศษ”

ลินลี่ย์ได้อ่านหนังสือมามากมายและเขาเข้าใจหลักการนี้ชัดเจน

“ถ้าเจ้าไม่มีผู้สอนล่ะ? ไม่ว่าเจ้าจะมีพลังเวทมากขนาดไหนหรือจะมีพลังจิตวิญญาณสูงส่งแค่ไหนก็ตาม เจ้าจะไม่สามารถร่ายได้แม้แต่เวทเดียว” เดลิน โคเวิร์ทยิ้มเล็กน้อย “ความลับที่ลึกซึ้งของเวททุกบท ขึ้นอยู่กับวิธีควบคุมพลังเวทและพลังธาตุเพื่อสร้างเป็นคาถา”

“หลังจากผ่านการทดลองเวทหลายปีนับไม่ถ้วน ระบบเวทมนตร์ก็ถูกทำให้บริบูรณ์” เดลิน โคเวิร์ทลูบเคราแล้วหัวเราะลั่น  “ลินลี่ย์!  อย่ากังวลไปเลย  ในอนาคตไม่จำเป็นที่เจ้าจะต้องก้มหัวคุกเข่าให้ราชอาณาจักร หรือเจ้าแคว้นใดๆ เลย เพราะ...ข้าสามารถสอนเวทระดับเจ็ด, แปด, เก้าและแม้แต่ระดับเซียนให้เจ้าได้”

ลินลี่ย์สูดลมหายใจลึก

เขาสามารถรู้สึกตนเองได้ว่าเริ่มเดินอยู่ในเส้นทางใหม่

ภายใต้คำแนะนำของปู่เดลิน เขาไม่จำเป็นต้องไปตามเส้นทางของนักรบ ตอนนี้เขาจะลอบดำเนินการตามวิถีของจอมเวทผู้ลึกลับและทรงพลัง

“มาเถอะ มาเริ่มทดสอบความแข็งแกร่งความถนัดพลังทางสายธาตุของเจ้าเถอะ  นั่งลงขัดสมาธิหลับตาและทำให้ใจเป็นสมาธิ”  เดลินโคเวิร์ทพูดอย่างนุ่มนวล

“เข้าสมาธิเหรอ?” ลินลี่ย์รู้สึกว่าใจเขาเต้นถี่เร็ว

ระดับความเกี่ยวพันของเขาจะเป็นอย่างไร?

“ไม่ต้องกังวล แค่พยายามดูสิ่งที่เจ้ารู้สึกได้อย่างระมัดระวัง  และเมื่อใดก็ตามที่เจ้ารู้สึกถึงบางสิ่งก็บอกข้า”  เดลิน โคเวิร์ทยิ้มให้กำลังใจลินลี่ย์  ลินลี่ย์หลับตาทันทีและพยายามบังคับให้ตนเองสงบ

“อย่ากังวล  แค่ทำตามที่ข้าบอก”  เดลิน โคเวิร์ทพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล

…..

การทำสมาธิเป็นหนึ่งในหลักการพื้นฐานของจอมเวททุกคน” เป็นสิ่งที่จำเป็นในการดูดซับพลังธาตุบริสุทธิ์มาเปลี่ยนเป็นพลังเวทและเพื่อพัฒนาให้เป็นพลังวิญญาณ  ตอนแรกที่ทำสมาธิเป็นเรื่องที่ยากและอันตราย แต่แน่นอนว่าภายใต้คำแนะนำของผู้วิเศษจอมเวทระดับเซียน  ลินลี่ย์พบว่าไม่ใช่เรื่องยากจนเกินไป

หลังจากฝึกไปได้ครึ่งชั่วโมง ในที่สุดลินลี่ย์ทำใจให้อยู่ในสภาพเป็นสมาธิได้เป็นครั้งแรก

พอเห็นลินลี่ย์อยู่สภาวะเข้าสมาธิ เดลิน โคเวิร์ทยิ้มเล็กน้อย จากนั้นก็โบกมือ

ทันใดนั้น....

ธาตุดินล้วนๆ จำนวนมากเริ่มหมุนรอบตัวลินลี่ย์ ปกติแล้วสถานที่ส่วนใหญ่จะมีดินเป็นองค์ประกอบที่สำคัญ  แต่ตอนนี้ เดลินโคเวิร์ทกำลังใช้พลังจิตวิญญาณของเขาเพิ่มความหนาแน่นแก่นดินที่อยู่รอบๆลินลี่ย์ขึ้นเป็นร้อยเท่า

“ถ้าเขายังไม่สามารถรับรู้ถึงแก่นดินรอบๆตัวเขาได้แม้อยู่ภายใต้เงื่อนไขเหล่านี้ เขาก็คงไม่มีหวังเลยแม้แต่น้อย” เดลิน โคเวิร์ทรำพึงกับตนเอง

แม้ว่าคนธรรมดาโดยส่วนใหญ่น่าจะรู้สึกถึงบางอย่างเช่นธาตุดินที่ถูกทำให้หนาแน่นมากกว่าปกติได้

ในตอนนี้ ลินลี่ย์ยังอยู่ในสภาวะทำสมาธิ รู้สึกมีความสุขมากและตื่นเต้นเขาไม่เคยตระหนักเลยว่ารอบๆ ตัวเขา มีสิ่งมหัศจรรย์อยู่มากมาย  จุดแสงสีธาตุดินนับไม่ถ้วนลอยอยู่รอบๆตัวเขา  มีความหนาแน่นสูงมากจนน่าตกใจ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด