ตอนที่ 1-22 ฤดูใบไม้ผลิผ่านไป ฤดูใบไม้ร่วงมาเยือน (1)
ความจริง ธาตุทุกชนิดรวมทั้งธาตุดินต่างมีจุดแข็งของตนโดยเฉพาะ แต่ในฐานะที่เป็นจอมเวทผู้วิเศษสายธาตุดินระดับเซียน เป็นธรรมดาที่เดลินโคเวิร์ทจะต้องยกย่องเชิดชูธาตุดิน ลินลี่ย์วัยแปดขวบพอได้ยินคำพูดของเดลิน ก็มีความกระตือรือร้นเต็มเปี่ยม
“ปู่เดลิน,งั้นรีบทดสอบข้าเลยและดูว่าข้ามีความถนัดพอจะเป็นจอมเวทสายธาตุดินได้ไหม”ลินลี่ย์รู้สึกกังวลมาก
เดลิน โคเวิร์ทเริ่มหัวเราะ “ก็ได้ ข้าจะทดสอบเจ้าเดี๋ยวนี้”
“ก่อนอื่น ข้าขอบอกให้เจ้ารู้ไว้ว่าการทดสอบความถนัดทางเวทแบ่งการทดสอบเป็นสองส่วน ดังนั้นการทดสอบที่ข้าจะดำเนินการก็มีสองส่วนเช่นกัน” เดลิน โคเวิร์ทแสดงมารยาทผิดธรรมดา หลังจากถูกขังอยู่ในแหวนมังกรขนดมานานห้าพันปี แน่นอนว่าตอนนี้เขาอารมณ์ดีอย่างมากเมื่อได้พบเด็กน้อยน่ารักอย่างลินลี่ย์
“ความถนัดทางเวทแบ่งเป็นสองส่วน ส่วนแรกทดสอบว่าพลังเวทของผู้ทดสอบจะต้องเข้ากันได้กับธาตุแต่ละอย่าง และส่วนที่สองทดสอบพลังจิตของผู้ทดสอบ” เดลินโคเวิร์ทเริ่มอธิบายพื้นฐานของการทดสอบ
“การทดสอบทั้งสองส่วนนี้ดียังไง?” ลินลี่ย์ถามด้วยความสงสัย
เดลิน โคเวิร์ทพูดด้วยน้ำเสียงเมตตา “ลินลี่ย์! ก่อนจะตอบคำถามนี้ ข้าขอถามเจ้า ถ้าจอมเวทคนหนึ่งเตรียมจะร่ายเวท เขาจะต้องพึ่งพาสิ่งใด?”
“เวทมนตร์บทที่ขลังๆ!”ลินลี่ย์ตอบทันที
ลินลี่ย์เห็นวิธีที่จอมเวทผู้ขับขี่มังกรลมกรดบริกรรมคาถาอยู่หลายคำก่อนที่จะร่ายเวทของเขา
“ผิด”
“ข้าเห็นนักเวทร่ายคาถา พวกเขาทุกคนล้วนท่องมนตร์บทขลังก่อนทั้งนั้น” ลินลี่ย์เถียงทันที
เดลิน โคเวิร์ทลูบเคราขาวและพูดอย่างเคร่งขรึม “เมื่อร่ายเวทแล้ว สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับจอมเวทคนหนึ่งก็คือพลังเวท (มานา) และพลังจิตของเขา ถ้าพลังจิตของเขามีพลังมากพอ เขาก็สามารถเสกได้ทันทีโดยไม่จำเป็นต้องใช้คาถาใดๆ พวกมนตร์ขลังเป็นแค่เพียงส่วนเสริมพิเศษเท่านั้น”
“โอว? เสกได้ทันที?” ลินลี่ย์คลางแคลงใจมองดูเดลิน โคเวิร์ท ทันใดนั้นลินลี่ย์รู้สึกเหมือนว่าโลกผู้วิเศษใบใหญ่ค่อยๆ เปิดอยู่ต่อหน้าต่อตาของเขาแต่ก็ยังคงเลือนรางไม่ชัดเจน อย่างไรก็ตามเดลิน โคเวิร์ทกำลังสลายความลึกลับที่อยู่เบื้องหลังของโลกเวทมนตร์ใบนี้
เดลิน โคเวิร์ทยิ้มและพยักหน้า “ถูกแล้ว จะเสกคาถาได้นั้นตัวเจ้าต้องมีพลังเวทในตัวอย่างเพียงพอ จากนั้นจึงใช้พลังจิตเพื่อควบคุมพลังเวทนั้นดึงแก่นธาตุล้วนๆ มาประกอบเป็นเวทมนตร์”
“แก่นธาตุล้วนๆ?” ลินลี่ย์ประหลาดใจ “ปู่เดลิน เพื่อจะร่ายเวท, เราต้องดึงแก่นธาตุภายนอกหรือ?”
“ฮ่าฮ่า, แน่นอน ลินลี่ย์! เจ้าคิดว่าจอมเวทผู้ทรงพลังจะอาศัยแต่พลังธาตุล้วนในร่างกายแต่อย่างเดียวหรือ? เป็นไปไม่ได้! ดูอย่างเวทระดับต้องห้ามนั่นปะไร,พลังเวทในตัวของจอมเวทระดับเซียน สามารถใช้พลังธาตุในตัวได้เพียง 1% อีก 99% เป็นพลังธาตุตามธรรมชาติ”
“ให้ข้าอธิบายเจ้าอย่างนี้ก่อน...สิ่งที่เรียกว่าพลังเวทของจอมเวทเป็นแค่แก่นพลังธาตุที่มีความบริสุทธิ์สูง พลังเวทจะว่าไปก็เหมือนกับขุนพลทหาร,พลังธาตุล้วนๆ ตามธรรมชาติก็เหมือนกับทหาร จอมเวทเรียกพลังเวทออกมาและใช้มันโดยตรงกับพลังธาตุล้วนๆสร้างเป็นคาถาที่น่าอัศจรรย์ได้ เข้าใจหรือยัง?” เดลินโคเวิร์ทยิ้มขณะมองดูลินลี่ย์
ลินลี่ย์อดขมวดคิ้วไม่ได้
“โอว..ข้าเข้าใจแล้ว” ลินลี่ย์หัวเราะและพยักหน้า “พลังเวทในตัวจอมเวทก็เหมือนกับลุงฮิลแมน ขณะที่ธาตุบริสุทธิ์เป็นเหมือนกลุ่มเด็กๆลุงฮิลแมนเองสั่งให้เด็กทุกคนต้องฝึกฝน, หรือโจมตี หรือมีส่วนร่วมในการรบก็ย่อมได้”
เดลิน โคเวิร์ทยิ้มและพยักหน้า “ถูกแล้วแน่นอนว่าพลังเวทของจอมเวทเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ถ้าเขาไม่มีพลังเวทเพียงพอ เขาก็ไม่อาจเสกคาถาได้”
ลินลี่ย์พยักหน้า
“อย่างไรก็ตาม เทียบกับพลังเวทแล้ว พลังจิตยังสำคัญมากกว่า!” เดลิน โคเวิร์ทยิ้มขณะพูด “ตอนนี้ เจ้าควรตระหนักไว้ว่า สิ่งที่เรียกว่าพลังจิตก็คือพลังวิญญาณที่แท้จริงเป็นรูปแบบควบคุมพลังงานชนิดหนึ่ง”
“ลินลี่ย์! มีพลังเวทมากก็ดึงพลังธาตุบริสุทธิ์ออกมาใช้ได้มหาศาล ถ้าพลังที่มีมหาศาลอย่างนั้นไม่อาจควบคุมได้โดยพลังวิญญาณ..เจ้านึกสิว่าสุดท้ายผลจะลงเอยอย่างไร?” เดลิน โคเวิร์ทลูบเคราขาวขณะที่เขามองลินลี่ย์อย่างเงียบงัน
ลินลี่ย์ขมวดคิ้วขบคิด
“ปู่เดลิน” ลินลี่ย์ลดเสียงลงขณะที่ขมวดคิ้ว “ในหนังสือบางเล่ม ข้าเคยอ่านเรื่องราวกลยุทธในการรบ มีหลายเรื่องที่หนังสือบอกไว้ว่า เพื่อจะปราบศัตรู ก่อนอื่นต้องจัดการกษัตริย์ของพวกเขา ยกตัวอย่างเช่นพวกโจร ถ้าท่านฆ่าหัวหน้าโจรได้ก่อน กองกำลังโจรก็จะล่มสลายแตกพ่าย ดังนั้นพลังจิตวิญญาณก็น่าจะตอบสนองวัตถุประสงค์ในการควบคุมพลังงาน ซึ่งหัวหน้าโจรก็คือผู้ออกคำสั่งพวกโจร ถ้าไม่มีพลังจิตวิญญาณมาควบคุมพลังเวทและพลังธาตุจำนวนมหาศาล พลังนี้ก็จะเตลิดออกไป”
เดลิน โคเวิร์ทหัวเราะ
“ฮ่าฮ่าฮ่า, ลินลี่ย์! เจ้าเป็นเด็กฉลาดมาก” เดลิน โคเวิร์ทหัวเราะอย่างมีความสุข
“ถูกแล้ว,พลังเวทและธาตุบริสุทธิ์จำนวนมหาศาล เมื่อมีพลังจิตวิญญาณคอยควบคุมก็สามารถสร้างบทเวทได้ บางครั้งในการร่ายเวทที่ทรงพลังมีความต้องการสูง ก็ขึ้นอยู่กับพลังจิตวิญญาณของผู้ใช้ ดังนั้นมนตร์ขลังจึงเป็นตัวช่วยที่ขาดไม่ได้”เดลิน โคเวิร์ทยิ้มพลางพูดพลาง
ลินลี่ย์รู้สึกว่าเข้าใจหลักการสำคัญของเวทเป็นอันมากชัดเจนเหมือนดูแก้วผลึกใส
พอยิ้มให้ลินลี่ย์แล้ว เดลิน โคเวิร์ทพูดต่อว่า “แน่นอนนั่นเป็นแค่ทฤษฎีพื้นฐาน แต่โลกของเวทมนตร์นั้นซับซ้อนกว่าที่เจ้าคิดได้มากมายนัก! คำถามก็คือจะทำอย่างไรถึงใช้พลังเวทและพลังธาตุสร้างเวทมนตร์ออกมาได้ นั่นคือปัญหาที่แท้จริง”
“อะไรคือจุดประสงค์ของการมีพลังเวท ถ้าเจ้าไม่รู้แล้วจะร่างมันออกมาเป็นคาถาได้ยังไง?” เดลิน โคเวิร์ทถอนหายใจยาว“โลกเวทมนตร์นั้นเป็นโลกที่ซับซ้อนมาก การค้นคว้าเวทมีความยากและอันตราย แต่เนื่องจากการต่อสู้ภายในจักรวรรดิ นักเวทจำนวนนับไม่ถ้วนต้องมาร่วมค้นคว้าหาคาถารูปแบบใหม่”
“ความจริง แต่ละจักรวรรดิก็หาหนทางใหม่ๆเพื่อใช้พลังเวทและพลังธาตุที่แตกต่างเพื่อสร้างคาถาที่แตกต่าง แต่การค้นคว้าเวทนั้นอันตรายมาก ยิ่งเวทที่มีพลังทำลายล้างมาก ก็ยิ่งมีการค้นคว้ากันหนักมาก บางครั้งมันสามารถสร้างผลสะท้อนกลับที่รุนแรงย่อยยับ”
เดลิน โคเวิร์ทหัวเราะขณะที่เขาพูด “จอมเวทในสถานบันทั้งหมด จะได้รับการศึกษาเวทจนถึงระดับหก ส่วนเวทระดับเจ็ด, แปดและระดับเก้าหรือระดับเซียนถูกพิจารณาว่าให้ฝึกเป็นการลับ ถ้าเจ้าเข้าร่วมกับอาณาจักร เจ้าก็มีสิทธิ์ได้เข้าถึงคาถาพิเศษ”
ลินลี่ย์ได้อ่านหนังสือมามากมายและเขาเข้าใจหลักการนี้ชัดเจน
“ถ้าเจ้าไม่มีผู้สอนล่ะ? ไม่ว่าเจ้าจะมีพลังเวทมากขนาดไหนหรือจะมีพลังจิตวิญญาณสูงส่งแค่ไหนก็ตาม เจ้าจะไม่สามารถร่ายได้แม้แต่เวทเดียว” เดลิน โคเวิร์ทยิ้มเล็กน้อย “ความลับที่ลึกซึ้งของเวททุกบท ขึ้นอยู่กับวิธีควบคุมพลังเวทและพลังธาตุเพื่อสร้างเป็นคาถา”
“หลังจากผ่านการทดลองเวทหลายปีนับไม่ถ้วน ระบบเวทมนตร์ก็ถูกทำให้บริบูรณ์” เดลิน โคเวิร์ทลูบเคราแล้วหัวเราะลั่น “ลินลี่ย์! อย่ากังวลไปเลย ในอนาคตไม่จำเป็นที่เจ้าจะต้องก้มหัวคุกเข่าให้ราชอาณาจักร หรือเจ้าแคว้นใดๆ เลย เพราะ...ข้าสามารถสอนเวทระดับเจ็ด, แปด, เก้าและแม้แต่ระดับเซียนให้เจ้าได้”
ลินลี่ย์สูดลมหายใจลึก
เขาสามารถรู้สึกตนเองได้ว่าเริ่มเดินอยู่ในเส้นทางใหม่
ภายใต้คำแนะนำของปู่เดลิน เขาไม่จำเป็นต้องไปตามเส้นทางของนักรบ ตอนนี้เขาจะลอบดำเนินการตามวิถีของจอมเวทผู้ลึกลับและทรงพลัง
“มาเถอะ มาเริ่มทดสอบความแข็งแกร่งความถนัดพลังทางสายธาตุของเจ้าเถอะ นั่งลงขัดสมาธิหลับตาและทำให้ใจเป็นสมาธิ” เดลินโคเวิร์ทพูดอย่างนุ่มนวล
“เข้าสมาธิเหรอ?” ลินลี่ย์รู้สึกว่าใจเขาเต้นถี่เร็ว
ระดับความเกี่ยวพันของเขาจะเป็นอย่างไร?
“ไม่ต้องกังวล แค่พยายามดูสิ่งที่เจ้ารู้สึกได้อย่างระมัดระวัง และเมื่อใดก็ตามที่เจ้ารู้สึกถึงบางสิ่งก็บอกข้า” เดลิน โคเวิร์ทยิ้มให้กำลังใจลินลี่ย์ ลินลี่ย์หลับตาทันทีและพยายามบังคับให้ตนเองสงบ
“อย่ากังวล แค่ทำตามที่ข้าบอก” เดลิน โคเวิร์ทพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล
…..
การทำสมาธิเป็นหนึ่งในหลักการพื้นฐานของจอมเวททุกคน” เป็นสิ่งที่จำเป็นในการดูดซับพลังธาตุบริสุทธิ์มาเปลี่ยนเป็นพลังเวทและเพื่อพัฒนาให้เป็นพลังวิญญาณ ตอนแรกที่ทำสมาธิเป็นเรื่องที่ยากและอันตราย แต่แน่นอนว่าภายใต้คำแนะนำของผู้วิเศษจอมเวทระดับเซียน ลินลี่ย์พบว่าไม่ใช่เรื่องยากจนเกินไป
หลังจากฝึกไปได้ครึ่งชั่วโมง ในที่สุดลินลี่ย์ทำใจให้อยู่ในสภาพเป็นสมาธิได้เป็นครั้งแรก
พอเห็นลินลี่ย์อยู่สภาวะเข้าสมาธิ เดลิน โคเวิร์ทยิ้มเล็กน้อย จากนั้นก็โบกมือ
ทันใดนั้น....
ธาตุดินล้วนๆ จำนวนมากเริ่มหมุนรอบตัวลินลี่ย์ ปกติแล้วสถานที่ส่วนใหญ่จะมีดินเป็นองค์ประกอบที่สำคัญ แต่ตอนนี้ เดลินโคเวิร์ทกำลังใช้พลังจิตวิญญาณของเขาเพิ่มความหนาแน่นแก่นดินที่อยู่รอบๆลินลี่ย์ขึ้นเป็นร้อยเท่า
“ถ้าเขายังไม่สามารถรับรู้ถึงแก่นดินรอบๆตัวเขาได้แม้อยู่ภายใต้เงื่อนไขเหล่านี้ เขาก็คงไม่มีหวังเลยแม้แต่น้อย” เดลิน โคเวิร์ทรำพึงกับตนเอง
แม้ว่าคนธรรมดาโดยส่วนใหญ่น่าจะรู้สึกถึงบางอย่างเช่นธาตุดินที่ถูกทำให้หนาแน่นมากกว่าปกติได้
ในตอนนี้ ลินลี่ย์ยังอยู่ในสภาวะทำสมาธิ รู้สึกมีความสุขมากและตื่นเต้นเขาไม่เคยตระหนักเลยว่ารอบๆ ตัวเขา มีสิ่งมหัศจรรย์อยู่มากมาย จุดแสงสีธาตุดินนับไม่ถ้วนลอยอยู่รอบๆตัวเขา มีความหนาแน่นสูงมากจนน่าตกใจ